​๖. ปลาช่อนตัวนั้น


ผมไปถึงกุฏิแม่ชีได้พบกับสน เขาบอกผมว่ากำลังจะไปตามมากินข้าวพอดี เราก็เลยนั่งกินข้าวด้วยกันสองคน กับข้าวก็คือ อาหารที่เหลือจากเช้านี้ ที่แม่ชีได้เก็บไว้ให้เราสองคน ซึ่งมีมากพอที่จะกินจนอิ่ม

"แม่ชีไปไหน" ผมถามสน เขาไม่ตอบแต่ทำปากยื่นที่ทางหลังกุฏิ ในขณะที่ยังเคี้ยวตุ่ยๆ

สักพักแม่ชีก็หิ้วตะกร้ามีฝักมะรุมเต็มจนพูนที่สอยจากต้นหลังกุฏิ วางลงบนแคร่ข้างๆ เรา

“อิ่มแล้วไปซื้อปลาช่อนให้ด้วยนะ” แม่ชีบอก “จะแกงปลาใส่มะรุม”

เราอิ่มพอดี สนรับเงินจากแม่ชี พาผมเดินเข้าไปในบ้านหนองยาว สนเดินค่อนข้างเร็วในขณะที่ผม นอกจากเดินช้าแล้ว ยังสอดส่ายสายตาดูข้างทาง จนทำให้บางครั้งผมต้องวิ่งตามสน

“วิ่งแข่งกันไหม” สนท้าผม แล้ววิ่งนำหน้าไม่ฟังคำตอบ สนตัวเล็กกว่าผมแต่วิ่งเร็วกว่า ดังนั้น ระยะห่างจึงเพิ่มมากขึ้น

“รอด้วย” ผมยอมแพ้

จากที่เราวิ่งแข่งกันจึงใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านหนองยาว สนคงมาซื้อบ่อยพอไปถึงที่ขาย สนเอาเงินให้แม่ค้า เขาก็จับปลาช่อนตัวเขื่องขึ้นมาจากถัง ทุบหัว ปลาช่อนดิ้นพลาดๆ แล้วสงบนิ่ง แม่ค้าเอาปลาช่อนตัวนั้นใส่ถุงพลาสติกยื่นให้สน

เราย้อนกลับมาทางเดิม คราวนี้สนเดินช้าลงชวนผมคุยเรื่องเมืองอุบลราชธานี เขาไม่เคยไป โดยที่ไกลสุดก็เพียงตัวอำเภอเดชอุดมเท่านั้น

เรามาถึงครึ่งทางก็มีสระน้ำธรรมชาติอยู่ด้านซ้ายมือ สนถามขึ้น

“ว่ายน้ำเป็นไหม”

“เป็น” ผมตอบ ผมก็ลูกแม่น้ำมูลไม่กลัวน้ำ เราจึงแวะเล่นน้ำสระนั้น

สนแขวนถุงใส่ปลาช่อนไว้บนกิ่งไม้ตายซากริมสระ แล้วถอดเสื้อกระโดดลงน้ำทั้งกางเกงขาสั้น ผมทำตาม เราเล่นน้ำดำผุดดำว่ายได้ไม่นาน ก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นทางริมสระที่เราลงมา

“พรั๊บๆ พรั๊บๆ” เราหันควับไปทางเสียงนั้น

“เฮ้ย....ปลาช่อน” ทั้งคู่อุทานขึ้นเกือบพร้อมกัน

ปรากฏว่า ปลาช่อนที่เราคิดว่าตายแล้วนั้น เพียงแค่สลบไป มันดิ้นรนจะออกจากถุงพลาสติก เรารีบขึ้นจากสระ สนบอกให้ผมหาไม้แถวนั้นตีหัวมันอีกที ผมไม่ยอมบอกให้สนทำ สนก็ไม่ทำ

เราต่างเกี่ยงกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครทำ ปลาช่อนก็ยังดิ้นไม่มีวี่แววว่าจะตาย

ตกลงเราคว้าเสื้อหิ้วปลาช่อนเจ้าปัญหากลับไปหาแม่ค้าอีกครั้ง พอไปถึงแม่ค้าทำหน้าสงสัย เมื่อรู้สาเหตุก็หัวเราะ จัดการจนสิ้นสงสัย

วันนั้นเรากลับมาถึงวัดป่าหนองยาวบ่ายคล้อย แม่ชีบ่นบอกว่าต้มน้ำรอจนแห้งไปหลายยกแล้ว แต่พอเราบอกเหตุผลแม่ชีก็หัวเราะ แล้วไล่ให้รีบไปอาบน้ำเพื่อขึ้นศาลาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น....

หมายเลขบันทึก: 603413เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2016 12:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2017 23:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เอ่อออ...ลุ้นแทบตาย...นึกว่า..จะปล่อย..มันกลับลงน้ำไป...เอ้อๆๆๆๆๆ...ถึงที่ตาย...หมดทุกข์หมดร้อนไป..อีกชาตินึงนะ..ปลาช่อน...อิอิ

หายไปนานมากๆ

สรุปว่ายังไม่ตาย

แต่น่าสงสารนะครับ

สวัสดีครับ คุณยายธี

กลัวแม่ชีมากกว่ามังครับ 555555

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ดร.ขจิต

มัวสนุกสนานกับเฟซบุ้คและไลน์ครับ 5555555

คราวนี้ที่กลับมาเขียน เหตุผลคือ ลูกหลานอยากรู้เรื่องราวหลวงปู่ผม ซึ่งเป็นหลวงทวดของพวกเขา ก็เลยเขียนครับ และเหตุผลสำคัญคือ กลัวผมเองจะอัลไซเมอร์ครับ ตอนนี้ก็หลงๆ ลืมๆ ไปบ้างแล้ว หาทางกลับบ้านไม่ค่อยเจอ อิอิ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท