วันก่อนผมได้ไปร่วมประชุมคณะทำงานประเมินวิสาหกิจชุมชนของจังหวัด ซึ่งมีคณะทำงานจากหลายหน่วยงาน ผมไปในฐานะเจ้าหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน เพราะสำนักงานเกษตรจังหวัดเป็นเลขาคณะทำงาน
ไม่ได้มาเล่าว่างานเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ผมจะเล่าคงเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และนำเครื่องมือKM ไปปรับใช้ในครั้งนี้ นั่นก็คือการ "นิ่งฟังอย่างตั้งใจ" ครับ การฟังอย่างลึกหรือการฟังอย่างมีความตั้งใจนั้น ก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ตัวเองในหลายๆ ประเด็นคือ
หลังจากเสร็จจากการประชุม ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ไปด้วยกัน และชมเขาว่า เขาก็นิ่งฟังได้ดี จึงถึงบางอ้อว่า ที่นิ่งก็เพื่อที่จะให้คนอื่นได้ร่วมแสดงความคิดเห็นมากๆ และจะได้มาร่วมกันปฏิบัติงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปให้ดีที่สุด ก็เป็นอันว่าวิธีการดังภาษิตของคนโราณที่ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ที่มีความหมายใกล้เคียงกับการ "ฟังอย่างลึก" ของ KM นับว่าใช้ได้ผลดีมากนะครับ(ในบางโอกาส) ไม่เชื่อท่านก็ลองนำไปใช้ดูเองก็แล้วกัน
แต่สิ่งที่คนไปร่วมประชุมอย่างผมไม่ได้แสดงบทบาทก็คือ ผมไม่พูดเลยในการประชุมครั้งนี้ แต่ผมกลับคิดว่าผมได้มีส่วนร่วม (คือร่วมฟัง) และได้ประโยชน์ต่องานและการฝึกฝนตนเองมากกว่าการประชุมทุกๆ ครั้งเสียอีก เพราะเข้าใจและมองเห็นการพัฒนางานชัดเจนมากขึ้น
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก
เรียน คุณบอย สหเวช
เรียน น้องสิงห์ป่าสัก
ในกรอบข้อความสำคัญ พูดไปสองไพรเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ที่ถูกน่าจะพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ..ขอบคุณที่จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการฟังอย่างลึกซึ้ง
ตามครูนงมาค่ะ....ล้อเล่นมาเองค่ะ....ฟังมากๆ เดี๋ยวหลับค่ะ ต้องพูดบ้าง.....เห็นด้วยค่ะกับ
แต่หากการประชุมไหนมีแต่คนตั้งใจฟังมาก ก็กร่อยได้เหมือนกันนะคะ
เรียน ครูนงเมืองคอน
แก้ไขแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ
เรียน พี่เมตตา
ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน และร่วมแจม