กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง ก็คือกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายทั้งปวงที่ใช้บังคับแก่บุคคลในสังคมระหว่างประเทศนั่นเอง กล่าวคือ รัฐ องค์การระหว่างประเทศ หรือปัจเจกชน (David Ruzié, Droit international public, Paris, Dalloz, 1982, p.1.)
กฎเกณฑ์แห่งกฎหมายนี้จึงเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎเกณฑ์นี้เป็นกฎเกณฑ์อาจเพื่อกำหนดพฤติกรรมหนึ่ง (normes prescriptives) หรือห้ามพฤติกรรมหนึ่ง (normes prohibitives) หรืออนุญาตให้มีพฤติกรรมหนึ่ง (normes permissives) กฎหมายระหว่างประเทศนี้ จึงเป็นกฎหมายระหว่างประเทศโดยแท้เป็นกฎเกณฑ์ที่จัดระบบสังคมอย่างไม่ต้องสงสัยและเป็นกฎเกณฑ์ที่ทำหน้าที่ขจัดสภาพอนาธิปไตยในประชาคมระหว่างประเทศ และเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างรัฐ
กฎหมายระหว่างประเทศจึงไม่ใช่สิ่งเดียวกับอัธยาศัยไมตรีระหว่างประเทศหรือศีลธรรมระหว่างประเทศ หรือหลักกฎหมายธรรมชาติ
กฎหมายระหว่างประเทศเป็นกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายโดยแท้ แต่กฎหมายระหว่างประเทศมีแนวโน้มที่หลากหลาย กล่าวคือ กฎเกณฑ์แห่งกฎหมายนี้อาจจะมีลักษณะเป็นกฎหมายที่ใช้โดยศาล กล่าวคือ มีแบบพิธีทางกฎหมายที่เคร่งครัด หรืออาจจะเป็นกฎหมายที่ใช้โดยองค์กรทางการเมือง กล่าวคือ ไม่มีแบบพิธีทางกฎหมายที่เคร่งครัดนัก จึงยืดหยุ่นมากกว่า
ในอดีต กฎหมายระหว่างประเทศมีข้อกำหนดแต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ทางการค้า และการสงคราม แต่ในยุคปัจจุบัน กฎหมายระหว่างประเทศให้ความสำคัญแก่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ ทางการคลัง ทางการพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในอดีต กฏหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมืองนี้ถูกเรียกว่า "กฎหมายนานาชาติ" (ที่เรียกว่า "Law of Nations" ในภาษาอังกฤษ หรือ "Droit des gens" ในภาษาฝรั่งเศส)
ในยุคนี้ การแทรกแซงของรัฐในทางเศรษฐกิจทำให้รัฐเข้าเกี่ยวข้องกับเอกชนมากขึ้น ความร่วมมือระหว่างรัฐในทางเศรษฐกิจจึงนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างรัฐในการแทรกแซงกิจการทางเศรษฐกิจของเอกชน กฎหมายระหว่างประเทศที่เกิดจากความสัมพันธ์นี้ของรัฐจึงเป็นกฎเกณฑ์ที่มุ่งบังคับต่อเอกชน และเชื่อมโยงกับกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมากขึ้น จนบางครั้งแยกได้ลำบากระหว่างกฎหมายระหว่างประเทศทั้งสองแผนก จนกล่าวกันว่า เส้นแบ่งระหว่างกฎหมายระหว่างประเทศทั้งสองแผนกนี้จางหายไปหมดแล้ว
-------------------------------------------------------------------------
จากกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง มาสู่กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
วันพุธที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
-------------------------------------------------------------------------
เนื้อหาดี
ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยค่ะ ถ้าองค์การประเทศ เข้าช่วยเหลือพันธมิตร โดยอ้างหลักมนุษยชน ถือว่าเป็นการแทรกแซงโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ในความคิด Archanwell
ก็คงได้ค่ะ ถ้าพันธมิตรถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
อยากทราบว่าตามกฎหมายแล้วการถ้อยทีถ้อยปะติบัติคืออะไรค่ะ
ใช้อย่างไร
ใช้ตอนไหน
ใช้เพราะเหตุผลใด
คืออะไร ? คำว่า "การถ้อยทีถ้อยปะติบัต" เป็นศัพท์สมัยเก่าที่แปลมาจากภาษาตะวันตก เป็นภาษาทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ น่าจะมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า reciprocity ถ้าแปลแบบสมัยใหม่ ก็คือ "หลักต่างตอบแทน" ขอให้สังเกตว่า คำว่า "ปะติบัติ" ก็เป็นการสะกดคำแบบเก่า ในปัจจุบันใช้คำว่า "ปฏิบัติ"
ใช้อย่างไร ? ก็ตอบว่า ใช้ได้ทั้งที่มีความตกลงระหว่างกัน และไม่มีความตกลงระหว่างกัน ซึ่งหลักนี้ใช้มากในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอีกด้วย มิใช่แต่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน
ใช้ตอนไหน ? ก็ใช้ได้ทุกตอนที่เรามองเห็นว่า ฝ่ายตรงข้ามอาจมีสถานการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อกันได้ในอนาคต การเจรจาให้มีการกระทำเพื่อผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกันก็ใช้ได้
ใช้เพราะเหตุผลใด ? ก็ตอบได้ว่า ถ้าเราอยากมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายที่มีผลประโยชน์ไม่ต้องตรงกับเราทุกอย่าง การถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ก็จะทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นไปได้ และความสัมพันธ์ระหว่างกันอาจจะพัฒนาอย่างแนบแน่นมากขึ้น
อาทิ แม้มีผู้ร้ายที่หนีคดีจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย บ่อยครั้งที่รัฐบาลไทยก็ส่งผู้ร้ายนั้นคืนแก่ประเทศต้นทาง จะเห็นว่า ในวินาทีที่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ประเทศไทยอาจไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างใดกับการกระทำครั้งนี้ แต่ในอนาคต ก็อาจมีผู้ร้ายที่หนีจากประเทศไทย ไปยังประเทศดังกล่าวก็ได้ ซึ่งในวินาทีข้างหน้านั้น ประเทศดังกล่าวก็จะต้องคำนึงถึงหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย
ในทางปฏิบัติการได้สัญชาติ จะทำได้ง่ายหรือไม่
ถ้าเป็นหญิงต่างด้าวแต่แต่งงานอยู่กินกับชายไทยเป็นเวลาสิบกว่าปี จนมีทายาทถึงสามคนอายุตั้งแต่สิบห้าปีไล่ลงมาตามสาย
จะขอสัญชาติไทยต้องทำเช่นไร ครับ ขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ตอบในประการแรก ในข้อเท็จจริง การได้สัญชาติโดยการสมรส ไม่ง่าย และช้ามากค่ะ
ฟังข้อเท็จจริงว่า "เป็นหญิงต่างด้าวแต่แต่งงานอยู่กินกับชายไทยเป็นเวลาสิบกว่าปี จนมีทายาทถึงสามคนอายุตั้งแต่สิบห้าปีไล่ลงมาตามสาย" ก็ดูเหมือนมีจุดเกาะเกี่ยวหนักแน่นกับประเทศไทยมากค่ะ
โปรดดูมาตรา ๙ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๕
พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ค่ะ ไม่ใช่ ๒๕๐๕
เมื่อกี้ พิมพ์ผิด
ขอให้อาจารย์ช่วยคิดหัวข้อที่น่าศึกษา เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมืองให้หน่อยได้ไหมครับ
พอดีอาจารย์เขาให้ทำรายงานแต่ยังนึกหัวข้อไม่ออกเลยครับ ขอหลายหัวข้อหน่อยนะครับ กลัวซ้ำกับของคนอื่น
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เรียนที่ไหนคะ