"ชอบการสอบครั้งนี้ มีนั่งสมาธิก่อนสอบ เรียนเมื่อวาน ได้ฝึกซ้อม คาดเดาหัวข้อสอบแต่ไม่ตรง ตื้นเต้นบ้าง ได้ฝึกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รู้สึกมั่นใจ ไม่กังวลคะแนนสอบ รู้สึกสนุกและทำให้ตระหนักรู้ว่า ความรู้กิจกรรมบำบัดจิตสังคมไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องใกล้หัวใจของเรา" เหล่านี้คือเสียงสะท้อนความรู้สึกหลังทำการสอบแบบระบบเปิดคือ นศ.ได้ใช้เวลาทบทวนเกณฑ์การให้คะแนนและกิจกรรมขั้นตอนการสอบปฏิบัติคนละ 5 นาที โดยให้คนหนึ่งแสดงบทบาทเป็นนักกิจกรรมบำบัดและอีกท่านเป็นผู้รับบริการ ในกรณีมีอีกท่านก็ให้ฝึกสังเกตการณ์และสะท้อนความคิดเห็นเชิงบวกและเชิงชี้นำแนวทางการพัฒนาตนเองกับเพื่อนที่แสดงเป็นนักกิจกรรมบำบัด อาจารย์สามารถสะท้อนความคิดเห็นเชิงบวกขณะที่มองเห็นจังหวะของการตื่นรู้ของนศ.ในการแสดงขั้นตอนที่ยังไม่ต่อเนื่องในสถานการณ์สมมติการให้บริการทางกิจกรรมบำบัด...เพื่อให้นศ.ได้คิดทบทวนทันทีที่นิ่งคิดและเกิดการเรียนรู้ข้อควรระวังก่อนที่จะนำไปฝึกทักษะทางคลินิกแก่ผู้รับบริการที่มีความบกพร่องในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตจริงในอาทิตย์ถ้ดไป
ไอเดียนี้ผมปิ๊งแว๊ปด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ ร่วมกับการคิดเชิงระบบถึง "การเรียนรู้บนฐานคิด-ทำ-ตกผลึกในใจ หรือ Crystallized based Learning" ที่ทำให้เป็นชั้นเรียนที่มีชีวิตชีวาด้วยจิตวิญญาณของผู้เรียนรู้ทั้งอาจารย์และนศ.ด้วย "จิตที่ตื่นรู้ สมองอยู่ตัว หัวใจงาม สติตามปัญญา พาปล่อยวาง (สุขแท้จริง)"
ผมขอสรุปการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงในเวลา 3 ชม.โดยสังเขป คือ:-
นศ.ได้ใช้เวลา 3 นาที อ่านคิดทบทวนลำดับขั้นของเกณฑ์การให้คะแนนที่ตนเองควรฝึกและสอบปฏิบัติกับเพื่อนให้ครบทุกขั้นตอน ต่อด้วยการทำสมาธิอีก 2 นาทีเพื่อให้นศ.นิ่งสงบทบทวนปัญญาด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วจับสลากเลือกหัวข้อการตรวจประเมินความถนัดของร่างกายส่วนต่างๆ หนึ่งหัวข้อ โดยจับคู่สอบ (กรณีมีสามคนให้นศ.ฝึกสังเกตการณ์และให้คะแนนด้วยหรือให้ทบทวนความคิดเห็นเพื่อสะท้อนเชิงบวกหลังสิ้นสุดการสอบ)
หลังการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สอบถามความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะทำการสอบ ตามด้วยการบอกเล่าความคิดเห็นที่ดีในการพัฒนาตนเองและเสนอแนะเพื่อนเพื่อเกิดการพัฒนาตนเองในการแสดงบทบาทนักกิจกรรมบำบัดที่ดีต่อไปในสถานการณ์การฝึกปฏิบัติงานและการสอบกับผู้รับบริการจริง จากนั้นก็ให้พัก แล้ววนอีกกลุ่มเข้ามา โดยใช้เวลารวมกลุ่มละ 30 นาที
ต่อด้วยการวิเคราะห์คิดเชิงระบบว่า "หลังจากอาจารย์ผู้สังเกตและให้คะแนนสอบนศ.รายบุคคลแล้ว ก็ระดมสมองและจิตใจกับทีมผู้สอน ในชั้นเรียนนี้มี 3 ท่าน ให้เห็นกระบวนการฟัง/อ่าน คิดใคร่ครวญ ตั้งคำถาม และบันทึกการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ นศ.ยังต้องการการเรียนรู้ประเด็นใดอีกเพิ่มเติมเพื่อให้นศ.เกิดการพัฒนาทักษะกิจกรรมบำบัดได้จริงในสถานการณ์การประกอบวิชาชีพ" จากนั้นอาจารย์แสดงเรื่องเล่าไม่เกิน 15 นาที ที่เกิดจากประสบการณ์ของตนเองในประเด็นหลักคือ "ความเชื่อมโยงของสมองและจิตใจผ่านการออกแบบกระบวนการทางกิจกรรมบำบัด เท่าที่ตนเองเข้าใจในหัวใจที่เปิดใจ" ผมก็ให้นศ.หลับตาฟัง - ยืนหรือนั่งในระดับตำแหน่งของคลื่นเสียงเล่าเรื่องจากอาจารย์วิ่งเป็นเส้นตรงไปที่ใบหูของนศ. (ไม่จดไม่จำ) แล้วนิ่งเปิดใจคิดใคร่ครวญในประเด็นที่จับได้ในเรื่องเล่าของอาจารย์ แล้วลืมตาอาสาตั้งคำถามในสิ่งที่ยังสงสัยอีก 15 นาที ต่อด้วยการสรุปความคิดเห็นแบบระดมสมอง (ทัศนคติที่ตรงกันหรือต่างกัน ไม่มีผิดไม่มีถูก) ระดมจิตใจ (ฉันทามติที่พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้เหตุผลกับเพื่อนในวงแบบปล่อยวางจนเกิดไอเดียที่มั่นใจใจตนเอง ไม่คิดโต้แย้งขณะฟังเหตุผลของอาจารย์ในประเด็นที่ทุกคนมีสิทธิ์เลือกเอง) ระดมปัญญา (เจตคติที่เสนอไอเดียสร้างสรรค์และมีเหตุผลจนได้ตัวเลือกจากความรู้สึกที่ตกผลึกในวงเพื่อนและอาจารย์) และระดมความดี (ประชามติที่กล้าตัดสินใจเลือกด้วยพลังกลุ่มในการมองการนำประเด็นความรู้หลังการลงมือปฏิบัติทั้งเรียนและสอบไปประยุกต์ใช้ในอนาคต) รวมแต่ละการระดมในวงสุนทรยสนทนาและสาธกคือ 15 นาทีต่อช่วง
"ผมชื่นชมความงามของปัญญาเมตตาญาณในบรรยากาศที่มีสติสัมปชัญญะของผู้เรียนรู้ต่างเพศต่างวัยด้วยสุขภาวะแท้จริง...ทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองเพื่อนำความรู้ที่ตกผลึกมุ่งทำความดีที่เป็นรูปธรรมด้วยหัวใจนักปราชญ์โดยแท้"
สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์
น่าสนใจมาก
ใช้ CBL หลายประเด็นดี
ขอบคุณมากครับ
ขอส่งความสุขปีใหม่และขอบพระคุณมากครับคุณเพชรน้ำหนึ่ง คุณพ.แจ่มจำรัส พี่ขจิต พี่ดร.เปิ้น อ.ต้น และอ.วินัย
ขอบพระคุณมากครับคุณหยั่งราก ฝากใบ และพี่โอ๋
ขอบพระคุณมากครับอ.แอน
เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจมากครับในวันนั้น...ทำให้ต้องตามรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาครับ ขอบพระคุณครับ
ยินดีและขอบพระคุณมากครับอ.วินัยน้องรัก