วันที่ 8-9 (20-21 กค. 2558) จาริกบุญหลังคาโลก : เขามุโด (Mt. Mudo) แคว้นจารง (Gyalrong) ทิเบต
ในที่สุดวันที่เรารอคอยก็มาถึง ..
หลังอาหารเช้าก่อนขึ้นเขามุโด อาจารย์ทั้งสองท่านก็พาคณะเราเดินไปชมบริเวณเนินเขาที่พระคุรุ กุนเทรอ ทรักปา (Kundrol Drakpa) ค้นพบพระธรรมคัมภีร์โบราณซึ่งพระคุรุในอดีตเก็บซ่อนไว้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 คือประมาณ 1300 ปีมาแล้ว เนื่องจากเกรงว่าพระธรรมคัมภีร์จะสูญหายจากศึกสงครามบ้าง ยังไม่เหมาะสมกับกาลเวลาที่จะเปิดเผยขณะนั้นบ้าง จึงรอเวลาให้ผู้มีบุญที่เหมาะสมมาค้นพบในสมัยหน้าและนำไปสอนการปฏิบัติในภายหลัง ขณะที่กำลังเดินอยู่ ฝนก็ตกลงมาพอดี ทำให้ทุกคนได้ใช้เสื้อกันฝนและหมวกอย่างคุ้มค่าที่อุตส่าห์เตรียมมา ขณะเดียวกันก็กังวลอยู่ลึก ๆ ว่าการขึ้นเขาขณะฝนตกจะเป็นอย่างไรหนอ
จากนั้นก็ถึงเวลาล่ำลากัน อวยพรกัน ให้กำลังใจกัน เกิดความตื้นตันใจจนเสียน้ำตากันทั้งสองฝ่าย ระหว่างผู้ที่จะขึ้นเขาและผู้ที่ไม่ได้ขึ้นเขา ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นเขาก็จะไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านเรือน หอคอย ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจารงอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรออยู่ข้างล่าง 2 วัน
เขามุโดเป็นเขาที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในป่าลึกแคว้นจารง ด้านหนึ่งเป็นหุบเขาที่พื้นล่างเป็นแม่น้ำ น้ำตก และก้อนหินแทบทั้งสิ้น อีกด้านหนึ่งเป็นความสูงชันของภูเขา มีทางขึ้นเขาแคบ ๆ อยู่ระหว่างกลาง จึงต้องเดินและปีนเขาเรียงเดี่ยวไปเกือบตลอดทาง บางช่วงก็ต้องช่วยกันพิจารณาว่าจะไปทางไหนดี เพราะความแคบของทางเดิน หญ้า ต้นไม้ กิ่งไม้ที่ระเกะระกะอยู่ บางครั้งก็เพราะความคดเคี้ยวของภูเขาบังอยู่ จนมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเส้นทางอยู่หลายครั้ง เราจึงเดินเกาะกลุ่มกันกลุ่มละ 5-6 คน เผื่อจะได้ช่วยเหลือกันยามที่ต้องเหนี่ยวตัวเองขึ้นที่สูง เดินผ่านก้อนหินใหญ่มีตะไคร่น้ำเกาะ หรือบางครั้งต้องไต่บนขอนไม้กลม ๆ ตัดมาจากต้นไม้ทั้งต้น ซึ่งวางพาดไว้เป็นทางข้าม การเดินต้องเดินอย่างระมัดระวัง มีสติและสมาธิดี เพราะมันสูงจากระดับพื้นข้างล่างมาก ด้านล่างเป็นแม่น้ำ ลำธาร และน้ำตกที่เต็มไปด้วยแก่งหิน หากตกลงไปก็คงไม่มีทางรอด
ความมีศรัทธาสูงในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มุโด ทำให้ดิฉันปรารถนาที่จะได้ขึ้นมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อมาสักการะบูชา สวดมนต์ภาวนาบนยอดเขา ได้มากราบไหว้พระคุรุอาจารย์ในอดีต พระสถูปหินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังที่พระคุรุอาจารย์ที่สำคัญหลายท่านเคยมาปฏิบัติธรรมที่ภูเขาลูกนี้สืบเนื่องกันมากว่า 1300 ปี เช่นในศตวรรษที่ 8 พระคุรุเทรนปา นัมคาร์ (Dranpa Numkhar) และพระคุรุไวโรจนะ (Vairocana)เคยมาปฏิบัติธรรมที่เขามุโด และซ่อนพระธรรมคัมภีร์ในวิถีพุทธเพิน (Yungdrung Bon) และคัมภีร์ซกเช็น (Dzogchen)ไว้บนภูเขาลูกนี้ เพื่อรอผู้มีบุญมาค้นพบและสืบทอดพระธรรมต่อไป ในศตวรรษที่ 18 พระคุรุซังเจ ลิงปะ ( Sangye Lingpa) และพระคุรุกุนเทรอ ทรักปา (Kundrol Drakpa) ได้เห็นในนิมิต (vision) ของท่านว่ามีคัมภีร์สำคัญซ่อนอยู่ (Terma) จึงแยกย้ายการค้นหาออกเป็น 4 สาย จนในที่สุดก็ค้นพบพระคัมภีร์ที่เขามุโดหลายเล่ม จากนั้นในศตวรรษต่อๆมา ก็มีพระคุรุสำคัญอีกหลายท่านได้ทยอยค้นพบพระธรรมคัมภีร์บนเขามุโดอีกเป็นจำนวนมาก
ในที่สุดพระอาจารย์ซังเจ ลิงปะ และพระอาจารย์ กุนเทรอ ทรักปาก็เปิดเส้นทางการจาริกบุญบนเขามุโด และทั้งสองท่านได้ทำหนังสือไปขอให้กษัตริย์แคว้นจารงซึ่งเป็นลูกศิษย์ในทางธรรมของท่านได้มีระบบดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้แสวงบุญบนเส้นทางนี้ด้วย
จำนวนผู้ขึ้นเขาในคณะเรามี 15 คนจาก 22 คน ออกเดินทางขึ้นเขาตั้งแต่เวลา 10.20 น.พร้อมกัน กลุ่มแรกไปถึงที่พักบนยอดเขาประมาณ 17.30 น. กลุ่มดิฉัน 5 คนสุดท้ายไปถึงเวลา 20.30 น. ใช้เวลา 10 ชั่วโมง ถึงที่พักด้วยความเหน็ดเหนื่อย หิว กระหายน้ำ และเปียกปอนไปทั้งตัว เนื่องจากฝนตกหนักในช่วงใกล้ถึงที่พัก ครูและเพื่อน ๆ เข้ามาสวมกอดด้วยความดีใจที่เห็นพวกเราทั้งหมดไปถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย เมื่อรับประทานอาหารที่เราให้ลูกหาบขนขึ้นมาให้เสร็จแล้ว ก็หาทางผึ่งเสื้อผ้าให้แห้งเพื่อใช้ต่อในวันรุ่งขึ้น แล้วก็เข้านอน ห้องเราเป็นห้องเล็ก ๆมีเตียงเตี้ย ๆ แคบ ๆ ชนมุมกันรอบห้องได้ 4 เตียงพอดี ตรงกลางมีโต๊ะเตี้ย ๆเล็ก ๆไว้วางของได้เล็กน้อย นอนกันได้ 6 คน อากาศเย็น หลับสบายรวดเดียวทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นดิฉันลงไปล้างหน้า แปรงฟันที่ริมลำธาร พร้อมกับนำกล้องถ่ายรูปไปเก็บภาพยามเช้า ที่มีหมอกหนา และมองเห็นพระสถูปสององค์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างสวยงามยิ่งนัก
ประมาณ 7.00 น. คณะเรามาพร้อมกันด้านหน้าพระสถูปที่ศักสิทธิ์ เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า บูชาพระรัตนตรัย สวดบูชาพระคุรุอาจารย์ และบทอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งสวดบูชาพระธรรมบาล นั่งสมาธิ และอุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ในหกภพภูมิ เสร็จแล้วจึงออกเดินทางลงเขา พบกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ร่วมทางไปด้วย ซึ่งมารอรับที่เชิงเขาห่างจากรถบัสที่มารับประมาณ 2 กิโลเมตร ทุกคนโผเข้ากอดกันด้วยความยินดี และซาบซึ้งใจ พาเดินกลับไปขึ้นรถ รับประทานทานผลไม้ ไอศกรีม และ ดื่มน้ำ ที่เพื่อน ๆกัลยาณมิตรจัดเตรียมไว้ให้ การเดินทางไกลและเสียเหงื่อมาสองวัน Coke เป็นเครื่องดื่มที่พวกเรากระหายใคร่ดื่มเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ปกติเมื่ออยู่ที่บ้านดิฉันไม่ชอบดื่มเลย ระหว่างทางไม่ว่าขึ้นเขาหรือลงเขา อากาศร้อนมาก ดิฉันมักจิบน้ำทีละอึกพอกลั้วคอ เพราะกลัวหมด แล้วรีบเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ ขาลงเขา เราใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง
รู้สึกมีความสุขและภูมิใจมากที่ทำได้สำเร็จตามแรงศรัทธา ขอตั้งจิตขอสลายบาปกรรมที่ดิฉันและสรรพสัตว์ได้ทำมาในสามกาล และขอมอบบุญกุศลที่ได้จากการจาริกบุญไปสักการะพระสถูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขามุโดในครั้งนี้ให้ทุก ๆ ท่านเสมือนว่าได้ปฏิบัติด้วยตนเองด้วยเทอญ
ภาพและเสียง : เก็บตะวันที่เขามุโด
อ่านเพิ่มเติมเรื่องเขามุโดจากงานเขียนของ Prof. Samten Karme : http://himalaya.socanth.cam.ac.uk/collections/jour...