ช่วงเวลาที่ลูกเพรียงบ่มเพาะกับการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง...โดยเบนเขมทิศชีวิตมาใช้ชีวิต
กับการเป็นเกษตรกรเต็มตัว...สิ่งที่ลูกของแม่ได้ทำ นั่นคือ การใช้ชีวิตอย่างแท้จริงมากกว่า
การใช้การศึกษาหาความรู้...ลูกของแม่เรียนรู้จากการใช้วิชาชีพในการเลี้ยงชีพ โดยหาความรู้
จากประสบการณ์ชีวิตจริง...เรียนรู้ด้วยตัวของลูกเอง...บางครั้ง บางคำพูดลูกตอบหรือพูดกับพ่อเร
จนทำให้พ่อเรอึ้ง เพราะลูกมีชีวิตที่แกร่งขึ้น แข็งแรงขึ้น...ลูกใช้ความรู้จากประสบการณ์ชีวิต
ที่ลูกได้พบเจอ สัมผัสมาคิด วิเคราะห์ แล้วนำมาปรับใช้กับตนเอง...ทำให้ลูกของแม่แข็งแกร่ง
ในเรื่องของการมีประสบการณ์ชีวิต...ลูกของแม่มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น...อาจเป็นเพราะลูกของแม่
มีลูกสาว มีภรรยา มีความรับผิดชอบที่จะต้องเลี้ยงดูและดูแล...ความคิดของลูกจึงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
ลูกไม่เคยบ่น เคยท้อแท้ ลูกของแม่อดทนต่ออาชีพที่ใคร ๆ ก็จะพยายามหนีหายไปจากท้องไร่ ท้องนา
แต่ลูกของแม่ไม่หนี ไม่ท้อแท้ อดทนต่อแสงแดด เพราะนี่คือ อาชีพที่อิสระ ขยันก็ได้เงิน
ขี้เกียจก็อด...ไม่มีใครมาเป็นนายเรา นอกจากเราเองที่เป็นนายตัวเอง มีชีวิตที่อิสระ ไม่มีใครมาบังคับ
ดีที่พ่อเรกับแม่บุษ ไม่ยอมขายที่นา เราเก็บไว้เพื่อเป็นสมบัติให้กับลูก ๆ หลาน ๆ เพราะเรารู้ว่า
สักวันนับจากเราเกษียณอายุราชการไปแล้ว...เราก็จะกลับมาสู่ท้องไร่ ท้องนา ของเราเช่นเดิม
นาของเรา จึงไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของนายทุน...ที่ดินของเราปลอดหนี้สิน มีโฉนดเป็นของตัวเอง
นี่ก็ทำให้เราสบายใจไปแล้วเกือบ ๑๐๐ % ...จากการมีที่ดินเป็นของตัวเอง เราคิดจะทำไร่ ทำนา
เราก็ทำได้ตามฐานะของเราเอง...ตอนนี้พ่อเรได้ชวนลูกเพรียง (พ่อของเจ้าฟ้าคราม) ขุดบ่อปลา
เพื่อเลี้ยงปลานา คือ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสลิด ฯลฯ ที่ไม่ใช่ปลาเลี้ยง เพิ่มขึ้นมาอีกนอกจาก
การได้ทำนากัน...เหตุเพราะ คสช. แจ้งว่า ต่อไปนี้ น้ำน้อย ต้องเก็บกักน้ำกันเอง...เราจึงมีโครงการ
ขุดบ่อน้ำกันขึ้นในเนื้อที่นาของเราเอง...สำหรับลูกก็มีหน้าที่ติดต่อรถแม็คโคร กับเพื่อน ๆ ในหมู่บ้าน
ที่ลูกสนิทกัน...เพราะการอยู่ในหมู่บ้านใช่ว่าจะอยู่ได้คนเดียว ต้องมีพรรคพวกกัน เอาไว้อาศัยพึ่งพากัน
ในการทำมาหากิน...ซึ่งแม่บุษไม่ห่วงลูกตรงนี้ เพราะพวกลูก ๆ ต่อไป ก็คือ อนาคตของหมู่บ้าน
ที่จะต้องช่วยกันพัฒนา ดูแล เลี้ยงชีพด้วยกัน...พ่อเรกับแม่บุษ ได้แต่วางรากฐานไว้ให้กับลูก ๆ
หลาน ๆ ได้ทำมาหากินกันต่อไป นี่คือ การเรียนรู้ชีวิตของลูกเอง...
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
บ้านของ "ฟ้าคราม" คร่าาา...
"ฟ้าคราม" ขยันจริง ๆ...ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยคร่าาา...เยี่ยมมากคร่าาา...
-สวัสดีครับ
-การเบนเข็มชีวิตมาทำอาชีพการเกษตรถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีครับ
-เพราะว่าเดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะออกมาทำการเกษตรเพราะไปเข้าโรงงานอุตสาหกรรมกันเสียส่วนใหญ่
-อาจจะเพราะด้วยวิชาชีพที่เรียนมา
-ผมชอบใจคนรุ่นใหม่ที่ทำการเกษตรคนหนึ่งที่อำเภอพรานกระต่าย ชื่อ"น้องท๊อป"
-ทำสวนแตงโมมาหลายปี..จากเด็กตัดอ้อย...ณ ตอนนี้เป็นเกษตรกรผู้นำ...
-เจ๋งมาก ๆ ครับ
-ขอให้กำลังใจครอบครัวเล็ก ๆ ของ"พ่อเพรียง"นะครับ..
ขอบคุณค่ะ คุณเพชร...
เป็นกำลังใจให้น้องเพรียงครับ
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ต้น