บันทึกความทรงจำแห่งวันเวลา Time of Memory ประวัติการก่อตั้งวง การประกวดครั้งแรก การเป็นครูวงโยฯ เพลงประจำวงโยฯ บันทึกตำนานแห่ง#ครอบครัววงโยธวาฑิตเทพศิรินทร์ #debsirinbandfamily #เทพศิรินทร์เค้าไม่ทิ้งกัน :
......................................................................................................................................................
...My ...Dream... My..... Friend ...and... My.. Family... เพื่อน...ครอบครัว......
......................................................................................................................................................
ผมเห็นว่ามีข้อความหนึ่งลงมาในไลน์ของพวกรุ่นพี่ๆและน้องๆอ่านแล้วประทับใจจึงขอนำมาลงให้พวกเรา
!!!งานเลี้ยงรุ่นหรือพบปะเพื่อนๆเพื่ออะไร/สำคัญฉะไหน!!!
เพื่อนสมัยเรียนร่วมกันเมื่อจบ แยกย้ายกันไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียง บางคนมียศสูงขึ้น หลายคนล้มเหลวยังย่ำอยู่กับที่ บางคนชีวิตเหมือนวันเก่าๆ !!!
ในงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นบางงาน พิธีกรบนเวที เอาแต่ยกย่องชมเชยเพื่อนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย มีหน้ามีตา ละเลยเพื่อนที่ยังเดินไปไม่ถึงฝัน จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่เพื่อนมาร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ ... แต่หากกลุ่มไหน ให้เกียรติเพื่อน
เสมอกัน เพื่อนผู้ประสบความสำเร็จมีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าต้องถอดหมวกแห่งความยิ่งใหญ่ ทิ้งไปก่อนเข้างาน มาในฐานะ "เพื่อน"
ที่เสมอๆ กัน !!!
งานเลี้ยงเพื่อนรุ่นนั้นยิ่งนานยิ่งมีเสน่ห์ เพื่อนที่จะเข้าร่วมยิ่งมากขึ้นถอดกรอบที่ตัวเองตีไว้ เปิดใจรับเพื่อน โดยไม่นึกถึงประโยชน์ตัวเองได้มากเท่าไร ยิ่งเป็นเสมือนแม่เหล็กจูงใจเรียกเพื่อนได้มาก
อ่านแล้วโดนใจ เลยส่งมาแบ่งปันกัน...
มีใครบ้าง ที่ทำงานแล้วเกิน 30 ปี แล้ว แต่ยังโทรคุยหรือนัดทานข้าวกับเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนอยู่เรื่อย ๆ …… ไม่ค่อยมีเลยเหรอ
งั้นถามใหม่ … มีใครเคยไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำปี หรืองานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเก่าบ้าง ถามแบบนี้ ค่อยมีคนยกมือขึ้นนิดหน่อย……..
ขอถามอีกข้อ …ใครที่ไม่เคยพลาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แม้แต่ปีเดียว น่าจะมอบรางวัลเพื่อนแห่งชีวิตให้จริง ๆ ครับ เพราะถ้าคุณไม่เคยขาดงานเลี้ยงรุ่นเลย แสดงว่าคุณให้คุณค่าและความหมายของความเป็นเพื่อนได้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนที่ทำหน้าที่เตรียมงานรุ่น คอยประสานงาน คอยโทรตามให้เพื่อนไปร่วมงานรุ่น โดยหาสารพัดกลยุทธ์การตลาดมาเพื่อการปลุกเร้า เชิญชวนให้เพื่อนไปงานรุ่นกันให้ได้ ให้ครบ
ถามว่า พวกที่เตรียมการต่างๆเพื่อการเลี้ยงรุ่น คนเหล่านั้นได้อะไรตอบแทน นอกจากเหนื่อย เปลือง โดนเพื่อนบ่น – - ไม่ไปหรอกงานรุ่นอะไรนั่นน่ะ มันเรื่องของเด็ก ๆ เราโตแล้ว หน้าที่การงานก็มากมาย มีเรื่องที่สำคัญกว่าตั้ง
มากมายก่ายกองต้องทำ มาชวนอะไร ไร้สาระ ว่างมากหรือไง นั่น เป็นไง ว่าไปโน่น น่าเสียดายนะครับ เพราะคุณกำลังสูญเสียช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตไปอีกครั้งด้วยน้ำมือของคุณเอง ผมเอง เสียดายมาจนถึงเดี๋ยวนี้ หลังจากที่เสียเวลาแห่งความเยาว์วัยไปแล้ว ตามกฎของธรรมชาติ
นั่นเพราะ เวลาแห่งการเลี้ยงรุ่น ทำให้เราได้นึกถึงอดีตร่วมกัน ไม่รู้ว่ามันเป็นเวทย์มนตร์ หรืออะไรสักอย่างที่ ทุกเรื่องราวจะพรั่งพรูออกมาเหมือนก๊อกของวันเวลาแตกทะลายลง เรื่องที่เคยสุข ก็ยิ่งสุขกว่าเมื่อมานึกย้อน ส่วนเรื่องทุกข์ เรื่องเศร้า เรื่องลอกการบ้านเพื่อนแล้วโดนดุ โดนตี โดนทำโทษ พอถึงวันเลี้ยงรุ่น เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องขำฮากลิ้ง เก็บมาอำได้ไม่รู้จบ ทั้งที่ตอนนั้น กว่าจะผ่านมาได้แทบปางตาย เพราะเหตุนี้หรือเปล่า โลกเราจึงมีงานเลี้ยงรุ่น เพราะเพื่อนคือสิ่งมีชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ และจะปั้นแต่งก็แสนยาก
ทุกคนในงานเลี้ยงรุ่น มีหมวกเดียวกัน..."เพื่อน"เท่านั้น
มาร์ชวงโยธวาธิตเทพศิรินทร์
เรานักดนตรีวงโยธวาทิตเทพศิ
เรานั้นมีชื่อเสียงระบิลระบ
ทั่วทุกแดนต่างหวั่นเกรงในน
เพราะว่าเราคือเทพศิรินทร์
*
Glo..ry glory Debsirin...dra...
Glo..ry glory Debsirin...dra...
Glo..ry glory Debsirin...dra...
It's the best school in the land
สีเขียวและเหลืองจะเปล่งประ
เรานั้นจงมาร่วมกันบรรเลงบท
รวมน้ำใจของพวกเราให้เป็นหน
เพราะว่าเราคือเทพศิรินทร์
ซ้ำ*
ความสามัคคีจะเป็นไฟแห่งควา
เราจงก้าวไปด้วยกำลังใจและแ
จงเสียสละด้วยจิตใจและวิญญา
เพราะว่าเราคือเทพศิรินทร์
ซ้ำ*
และเมื่อ..ถึงวัน..ที่เราต้
เราจะรวมใจรวมพลังสร้างสรรค
ขอให้สัญญาจะจากไปไม่มีลืมเ
จดจำไว้....เรา...เทพศิรินท
Glo..ry glory Debsirin...dra...
Glo..ry glory Debsirin...dra...
Glo..ry glory Debsirin...dra...
It's the best.. school.. in.. the.. land...
สารจากอาจารย์เดชา....
ทำไมครูถึงบอกว่ามีลูกศิษย์ที่ดี....
......เพราะว่าวัฒนธรรมของเทพศิรินทร์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้ว ตั้งแต่เริ่มมา ถ้าเราติดตามกันมาตลอดจะเห็นว่า ชาวโรงเรียนเทพศิรินทร์นั้นเกิดจากความรักความปรารถนาดี และพวกเราชาวเทพศิรินทร์ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามเราก็ยังคงยึดถือปฏิบัติตนเป็นเอกลักษณ์จนเป็นวัฒนธรรมของพวกเราไปแล้ว...ในเรื่องของความรักความกตัญญู...ถ้าไม่มีความรัก ความกตัญญญูก็ไม่มีอย่างที่เราเห็น จนทุกวันนี้...ไม่มีพวกเรามานั่งอยู่จนทุกวันนี้.....อะไรทำให้พวกเรามา พวกเราอาจจะคิดว่าเป็นเพราะอาจารย์เดชาเกษียณ แต่ครูมองอีกภาพนึงว่าเป็นเพราะความรักเป็นเพราะกระแสจิต (ใจ)ของพวกเรานั้นเองที่ดินพวกเรามาหากันในทุกวันนี้....
......อยากจะให้พวกเรารักกันอย่างนี้นานที่สุดเท่าที่ใครก็ตามจะไปก่อนกัน....(ฮาๆๆๆ) ขอให้รักกันอย่างนี้แล้วก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ครูเคยบอกว่าครูอยากเห็นภาพของแต่ละคนอยากเห็นภาพของครอบครัว มีลูกเด็กเล็กแดงมา ...แต่เมื่อกี๊ตอนครูเข้ามา.... มีคนมาบอกว่าวันนี้ผมขอวันนึง...ครูก็ถาม..ทำไม...เพราะผมรู้ว่าวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น....(ฮาๆๆ) ก็เรียกว่าตั้งเป้าเตรียมตัวมากันเลย....
.....ก็ดีใจและขอบคุณคณะทีมงานที่เตรียมงานกันมาเป็นปี แล้วก็ปิดสนิทไม่บอกไม่อะไร ว่าจะทำอะไรก็จะนัดกันยังไง ใครจะมาบ้างประสานงานรุ่นไหนต่างๆ ก็เริ่มเตรียมตัวกันมา...ก็แอบดูในไลน์ของวงโยฯก็ทราบอะไรบางอย่างเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ไปซักถามทีมงานว่าทำอะไร...มาขอข้อความก็เขียนให้เราอยู่กันมาอย่างนี้ตั้งเท่าไหร่...บางคนก็ 37 ปีเท่าครูเพราะเราเดินเข้าโรงเรียนเทพศิรินทร์พร้อมกันในปีนั้น .....
...... ครูเข้ามาปีนั้นมาถึงครูก็รับวงโยปีนั้นแล้วก็ห้ำหั่นกันมาตลอด...(ฮาๆๆ)..เพราะฉนั้นรุ่น 1 จะเป็นรุ่นที่ ผ่านฝนผ่านร้อนผ่านหนาว...คือเธอก็ลองของเพราะเธอไม่เคยเล่นมาก่อน .....ครูก็ลองของเพราะครูก็ไม่เคยสอนมาก่อน.....(ฮาๆๆ) ..วงโยฯนี่ไม่รู้เลยบอดสนิท ครูเล่นดนตรีกลางคืนครูเล่นดนตรีแต่ประเภทเป็น backup ให้เขาร้องเล่นเป็นวงเล่นอะไรอย่างนั้น มาถึงวงโยฯ ก็ด้วยหน้าที่ก็ด้วยสัญชาติญาณก็ต้องทำ ก็อยากจะลองมันท้าทายดี กว่าจะก่อมาเป็นวง กว่าจะสะสมนักดนตรีมา ทำอย่างไรถึงจะเป็นวงได้ รุ่น 1 ก็รับมาแล้วลองหมด ลองหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการของ... ไม้กลอง (ฮาๆๆๆ) ไม่ว่าจะเป็นการรุนแรงด้วยอะไรหลายๆอย่างที่รู้กันนะ....แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้แล้ว...ยอมรับผิด....แต่ถ้ารู้ว่ามันขโมยบุหรี่ตั้งแต่ตอนนั้นนะ....(ฮาๆๆ)...ไม้กลองอาจจะต้องเพิ่มไซด์นิดนึง...(ฮาๆๆ)
....ครูทำงานกลางคืนพอกลางวันครูก็หลับช่วงกลางวันเป็นช่วงว่าง...มันรู้ดีเลยหละ...ก็...อภัย...เราอยู่กันอย่างนี้ เรารักกันมา เราอดทนกันมา คิดดูแล้วกันว่า อะไรทำให้เราเป็นอย่างนี้ได้ อะไรทำให้เรารักกัน อะไรทำให้เป็นวงได้ วงโยฯมันประกอบด้วยคนหลายๆคนเข้ามาหลายครอบครัวหลายรูปแบบเข้ามาอยู่ด้วยกัน มาเล่นในวงดนตรีก็ยังหลายเครื่องแตกต่างกันไป เหมือนกับคุยกันคนละภาษา ฟลุตคุยกับทรัมเปตว่าจะเป่ากันยังไงนี่คุยกันคนละภาษา แต่ครูต้องเรียนรู้ทุกภาษาเลย ครูเป่าทรอมโบนไม่เป็น ยูโฟเนียมครูก็เป่าไม่เป็น ทรัมเปตครูก็เป่าไม่เป็น ครูเป็นคน woodwind เป็น Sax คลาริเน็ตเป่าได้ ฟลุตพอรู้ แต่มาเจอเครื่อง Brass นี่ก็ยังแปลกใจว่าครูสอนให้มันเป็นวงได้อย่างไร.... ถามกันชิง...เป่ากันแก้มโป่งเลย...แต่มันก็เป็นวิธีที่ผิดเป็นเทคนิคที่ผิด ก็ลองผิดลองถูกเรียนรู้กันพร้อมพร้อมกันไป สร้างสมประสบการณ์จนกระทั่งเป็นวง ดีใจมากตอนที่เล่นเพลงแรกได้เพลง Marine march ดีใจ เล่นได้ฟังได้แล้วมันก็เป็นพลัง..เอาล่ะ step ต่อไปที่นี้จะต้องดีขึ้น จะต้องยากขึ้นและต้องดี มันจะน้อยหน้าไปไม่ได้ ก็ทำก็สร้างวงฯมา ใช้วิธีการอย่างที่ครูเคยเขียนบอกไว้ในหนังสือว่า อะไรที่จะทำให้คนจำนวนมากนี้รวมกันอยู่ด้วยกันได้และสร้างผลงานได้ มาลงคำตอบที่ระเบียบวินัย ....
......."ระเบียบวินัย" เป็นอย่างเดียวที่ต้องทำและต้องทำให้คนกลุ่มนี้เดินต่อไปได้ ก็เลยวิธีใช้ระเบียบวินัยเข้ามาใช้กับพวกเรา อย่างที่สองก็คือเรื่องของ "การปกครองแบบครอบครัว" หรือพี่กับน้อง ครูให้ "รุ่นให้รุ่นน้องยกมือไหว้รุ่นพี่" เห็นเป็นภาพนักเรียนเด็กไหว้นักเรียนผู้ใหญ่ ถ้าน้องไหว้พี่แล้วพี่ไม่สอนน้องให้มันรู้ไป น้องยกมือไหว้ทีพี่ก็อ่อนระทวยพอเห็นน้องยกมือไหว้ มันก็เกิดวัฒนธรรมอย่างนี้อยู่กันมาปกครองกันมาแล้วพวกเรานี่ก็เป็นคนสร้างวัฒนธรรมของวงขึ้นมาเองในอีกหลายๆอย่าง สร้างขึ้นมาเองครูไม่ได้เป็นคนสร้าง...
.....การเรียกแถวการทำอะไรพร้อมๆกันเกิดขึ้นได้ยังไงไม่ใช่ครู กินข้าวรอกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน คนนี้ยังไม่มาคนนั้นยังไม่มาถามไถ่กัน นี่คือวัฒนธรรม เวลาเราสนุกสนานสนุกด้วยกันประเพณีรับน้องใหม่ พวกเราเป็นคนสร้าง อะไรนะประเพณีล้างแค้นหรือ...ก็สนุกกันไป น้องก็ยอมรับ รุนแรงมากอะไรบ้างแต่สุดท้ายก็มาโอบอ้อมอารีกันมีพิธีจุดเทียนพวกนี้ เราสร้างขึ้นเอง ครูไม่ได้เป็นคนสร้าง ครูไปทำงานครูมีอีกอาชีพหนึ่งก็คือเป็นนักดนตรี ก็ทำงาน ใจก็เป็นห่วง เวลามีงานตอนเช้าแล้วพวกเราจะต้องมานอนโรงเรียน...มันต้องมีวีรกรรมอะไรแน่แน่...(ฮาๆๆๆ)...รู้..แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร....แต่ที่รู้เพราะเวลาครูกลับปั๊บ...หลับสนิท...ก็ดีใจ...นั่นก็คือ เราอยู่กันได้...
......ถ้าพี่ไม่ดูแลน้องน้องไม่ฟังพี่ ต่างคนต่างใช้ชีวิตตัวเองเตลิดเปิดเปิงกันไป แล้วมันจะอยู่กันได้อย่างไร คน 50 - 60 คนนอนด้วยกัน แล้วมันกลายเป็นวัฒนธรรม สืบต่อกันมาจนรุ่นสุดท้ายนี่พี่ก็ยังดูแลน้องปกครองกันอยู่แบบนี้ สร้างกันขึ้นมา เรามาคุยกันด้วยภาษาดนตรีมีอะไรบางอย่าง..มีคำพูด..มีสายตา...มีอะไรบางอย่างที่ถ่ายทอดกันจนเป็นหัวใจเดียวกัน... พูดภาษาเดียวกันเข้าใจง่าย...พี่เตือนน้องไม่ต้องพูดกันมาก...หลายๆคนคงเห็นบางทีแค่สายตาครูมองมันเหมือนคำพูดที่พรั่งพรูออกมา...แต่ไม่ได้พูด....แต่พวกเราก็รู้และอ่อนระทวยไป....เพราะถ้าไม่อ่อนก็จะมีไม้กลอง....แต่ก็ไม่ต้องรอจนถึงขนาดนั้น...แล้วก็เป็นวิธีการที่สอนให้พวกเราสอน ดูแลกันเอง จบชีวิตการเรียนไป 6 ปีเราอยู่ 6 ปีแต่ครูอยู่ 37 ปีที่เทพศิรินทร์ ใครบอกว่า 6 ปีรักเทพศิรินทร์มากมายเหลือเกิน แล้วคนที่เค้าอยู่ 37 ปีเค้ารักขนาดไหน...(...เสียงปรบมือ....)
เหมือนใจหายที่ว่าก่อนที่เห็นคนอื่นเขาก็เกษียน เขาก็บอกว่าอีก 5 ปี ครูถึงจะเกษียณแล้วเหลืออีก 5 ปี เราก็คิดว่าเราเหลืออีกตั้ง 4 ปี 3 ปี นับถอยหลังไปเรื่อยๆ ก็เฉยๆ พอมาปีจริงของเรานี่มันชักเริ่มรู้สึก เริ่มเดินเหม่อลอยเริ่มเดินมาอยู่หน้าเสาธงมองตึกโน้นตึกนี้ พอเข้าเดือนกันยายนมันก็เริ่มหวิวๆ คำว่าเกษียนคืออะไร ต้องตื่นเช้ามาโรงเรียนแล้วตอนนี้ต้องตื่นเช้ามาทำอะไร ก็พยายามศึกษาวิธีการปรับตัว ต้องปรับหลายอย่าง วิถีชีวิตมันเปลี่ยน ต้องดูแลอาหารการกินต้องควบคุม ต้องทำงานเพื่อให้มีกำลังก็เพราะว่าคนอายุมากอะไรมันก็มาก ร่างกายมันก็ตามไป เริ่มลุกเร็วเร็วไม่ได้แล้ว จะขยับตัวลูกนั่งทีก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เริ่มส่องกระจกเริ่มสะท้อนชีวิตตัวเองแล้ว นั่นก็คือวัยของครู.....แต่ความเป็นห่วง..ความรัก..ความผูกพันธ์ มันยังคงอยู่ ยังแน่นอยู่ ครูบอกกับพวกเราว่า จะไม่ทิ้งเทพศิรินทร์....
.....ครูจะกลับมาดูแลกลับมาเยี่ยมเยียน....อันไหนที่ครูสร้างมากับมือก็ทิ้งไม่ได้.. และก็ฝากไว้ให้ดูแล...และทำไมพวกเราจึงมาเจอกันอย่างนี้ เพราะมันเป็นเพราะอะไรก็ลองไปคิดดู หลายคนฟังนั่งคุยกัน ก็ชื่นชม ชื่นชมพวกเราว่า...เห็นภาพต่างๆตั้งแต่เด็กภาพนี้ก็ยังเห็นอยู่ มาเล่นกันมาแหย่กัน มาอะไร.. ...อายุเท่าไหร่แล้วตอนนี้ (ฮาๆๆ) มาแต่ละคนนี่ย้อนไปวัยเดิมหมดเลย
...แต่ไม่มีบุหรี่ให้มาขอ (ฮาๆๆ)......ก็มีเรื่องเล่ามีภาพประวัติศาสตร์ ที่มานั่งดูแล้วก็ นั่งนึกถึงรุ่นโน้นรุ่นนี้ แต่ละคนเป็นหัวโจกบ้างรักดีบ้าง มีเรื่องอะไรก็ว่ากันไป ...ครูอยากจะฝากพวกเราว่า "อย่าทิ้งน้อง" "เทพศิรินทร์เค้าไม่ทิ้งกัน".. จะด้วยวิธีการและด้วยอะไรก็ตาม.. ขอฝากพวกเราว่า ให้ช่วยกันดูแลน้องให้ถามไถ่กัน แล้วครูก็ยังเหมือนเดิมว่า อยากจะเห็นพวกเรามาพบปะกันปีครั้ง 2 ปีครั้ง.........ด้วยวิธีการอื่นๆบ้างก็ได้ ไม่อยากให้เราห่างไกลกัน เชื่อเถอะว่ามันเป็นภาพแห่งความสุขลองดูสิ มาเจอกันวันนี้มันมีหลายเรื่องราวที่เราได้มาคุยกัน ใครมีประสบการณ์อะไรมาเล่ามันก็มีความสุขกันอย่างหนึ่ง ขอฝากตรงนี้ว่า ขอให้เราได้มีโอกาสเจอกันแล้ว ไม่ต้องกระบวนการมากมาย ไม่ต้องมีเรื่องที่ทำให้คนต้องกังวล ถ้าจะมาด้วยความกังวลแล้วมันเหมือนไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ...
"อยากให้เรารักกันอย่างนี้ตลอดไป".... ขอบคุณทีมงานทั้งหลายที่จัดงานวันนี้...ก็ขอพูดแค่นี้....สวัสดี.....ครูเดชา แสงทอง
Speech in Time of Memories
งาน Time of Memory
ครอบครัววงโยธวาฑิตเทพศิรินทร์
วันที่ 17 ตุลาคม 2558
ณ อาคารศรีจุลทรัพย์
ถอดสารโดย ว่าที่ร.ต.โสตถิทัศน์ เอี่ยมลำเนา ยทศ#8 DSA#105
.........................................................................................
สารจากครูเดชา.........Time of Memory...........................
ครูดีใจที่พวกเรายังเจอกันอ
อีกเยอะในกลุ่มเดียวกันทำกิ
ฝูงกันต้องยอมรับว่าความมีว
..........................
ในห้องโยธวาทิต 162 นี้มันมีหลากหลายเรื่องราวอ
เมื่ออาทิตย์ก่อนครูได้ไปรื้อรูปภาพเก่าๆดู นานแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที
เราก็อยู่กันแบบนี้ ก็อยู่กันมา มีวัฒนธรรมอีกหลายอย่างที่เ
ฉนั้นสิ่งที่ผ่านมาครูด้วยซ
ครูเดินเข้าห้อง 162 ห้อง 162 นี่คือบ้านครูพวกเราจะคิดว่
..........
ครูยินดีด้วยกับพวกเราหลายๆคนที่ได้ยินไ
...... เราก็ดูแลกันต่อไป ตอนนี้จากบุคคลก็เริ่มเป็นค
อะไรที่ตัวเองอยากจะทำ อยากจะไปไหนก็ไป แต่สิ่งหนึ่งที่ครูอยากจะทำ
เรื่องเล่าคำสอนท่านอาจารย์
วันมุฑิตาจิต ยทศ.รุ่น 8-10 วันที่ 18 กรกฏาคม 2558.....
ถอดความเรื่องเล่า
โด
......................................................................................................................................................
ประวัติวงโยธวาทิตเทพศิรินท
......................................................................................................................................................
ประมาณปี พ.ศ. 2522 ท่านเจ้าคุณอุดมฯ รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์
ในช่วงนั้น พ.ศ.2522-2524 มีนักเรียนดุริยางค์ 2-3 รุ่น คือรุ่น 98 -100 (มีรุ่น 96 2 คนคือ พี่ปกรณ์และพี่แก่)ทั้งอาจารย์เดชา และพี่ๆ น้องๆ เราทุกคนต่างได้เสียสละทุ่ม
จนประมาณปี พ.ศ. 2524 - 2525 ธนาคารทหารไทยได้จัดประกวดวงโยธวาทิตขึ้น
***ได้เป็นตัวแทนของ กทม เข้าชิงแชมป์ในระดับประเทศไ
เราภูมิใจมากที่วงโยฯของพวก
"ตอนนั้นวงสวนกุหลาบมาดักตี
ผลการแข่งขันในการชิงแชมป์ป
ต่อจากนั้น ในปีถัดมา วงโยฯ ของเทพศิรินทร์ ได้มุ่งมั่นที่จะเข้าแข่งอี
พวกเราจึงทุ่มเทกันมากที่จะ
วงโยฯทั้งหมดเราไปเก็บตัวกั
1.อ.กมล คุมการบรรเลง
2.ด.ต.ประพันธ์ คุมการแปรขบวน
ทุกฝ่ายต่างช่วยกันหาเพลง และคิดท่าแปรขบวนต่างๆ โดยมีพี่บุญเกื้อเป็นหัวเรี
ยี่ห้อเดียวกันหมด ในขณะที่เรา มีข้อดีเพราะมีประสบการณ์และได้รับ
นี่คืออีกหนึ่งของความภาคภู
ขอขอบพระคุณ
อ.เดชา แสงทอง
สมาชิกวงโยธวาทิตทุกรุ่นทุก
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและส
พวกเราขอชื่นชม และแสดงความยินดี ที่ทุกท่านได้เสียสละอย่างเ
ภาคภูมิใจมาสู่พวกเรา...ชาว
ขอปรบมือให้...ด้วยจิตคารวะ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก พี่หมู DSA 99 (ยทศ.รุ่น 2)
บุญเลิศ สันทัดอนุวัตร เรียบเรียง
ท.ศ. รุ่น 29-32 (104)
มิ.ย. 2557
......................................................................................................................................................
ประวัติวงโยธวาทิตเทพศิรินท
......................................................................................................................................................
สารจากครูพี่พืช...ยทศ.#5
.........เมื่อวันพุธที่ผ่านมาน้องโส
จนมีอยู่วันนึงบนกระดานดำห้
..........................
ไม่มีความเห็น