เรื่องราวแห่งการต่อสู้ดิ้นรนอันเพริดกระเจิงของอิสตรี
ผู้เปลี่ยวเหงาเดียวดายถึงขีดสุดนางหนึ่ง...
นางกีสาผู้สลัดตัวเองจากการเป็นนางทาสมาเป็นสะไภ้เศรษฐี แต่บุญน้อยนักเวฬุบุตรชายมาตายด้วยพิษงู นางกระเซอะกระเซิงหาคนรักษาให้ฟื้น ไม่ว่าหมอยาในบ้านพ่อสามี ก็ช่วยไม่ได้ นางอุ้มร่างเวฬุฝ่าดงพงไพร ผ่านทุ่งนาปักโคลน ล้มลุกคุกคลาน หาหมอวิเศษทุกหมู่บ้านที่ร่ำลือ ก็หาใครช่วยไม่ได้
สัมปชัญญะหลุดลอยคล้ายคนเสียสติ ฝนตกหนัก ฟ้ามืดดำสร้องคำรามฟาดแสงแปลบปลาบสักเพียงใด ท่ามกลางคนเกลียดชังสะไภ้เศรีษฐีที่เอาเปรียบชาวบ้านยิ่งเป็นแรงส่งให้ถูกกระทำรุมมิดีมิร้าย จนแทบเอาตัวไม่รอด แต่นางจะต้องเอาชีวิตลูกให้ฟืนคืนมาเป็นหลานของตระกูลธนปาล เพื่อให้พ้นจากวรรณอันต่ำต้อย
ความดียวที่บอกเล่าแก่พระแม่ปฏาจาราที่เคยสอนว่า....การได้พบกับสิ่งที่ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจ ก็เป็นทุกข์ การต้องพลัดพลาดจากสิ่งทีน่ารักใคร่ น่าพอใจก็เป็นทุกข์....คอยย้ำใหคิดได้อยู่บ้าง
ติดตามอ่านการดิ้นรน กระเซอะกีะเซิงประหนึ่งคนบ้าของนางกีสาที่อุ้มศพลูกชายเวฬุ กว่าจะพบพระแม่ปฏาจารา จนกระทั่งได้เข้าเฝ้าพระสมณโคดม ผู้ทรงให้อุบายให้หาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่มีคนตาย
อ่านแล้วกผู้บันทึกเองไม่ต่างจากนางนัก อย่างคำทิ้งท้ายของผู้เขียนที่ว่า...มีแต่ผึ้งเท่านั้นที่จะล่วงรู้ลึกซึ้งถึงสุคนธรสแห่งดอกไม้งาม เธอต้องเป็นผึ้งเสียก่อน เธอถึงจะตอบตัวเองได้ว่า 'เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง'นี้ เป็นสุคนธรสแห่งดอกไม้งามหรือไม่ หรือเป็นอย่างอื่น...
ต้องหาอ่านแล้วครับ ถ้าเรื่องราวนี้ แล้วขยายเป็นนวนิยาย คงมีลีลาและความรู้สึกจี๊ดสุด ๆ ครับ ฝีมือคุณแสงอรัญ แสงทอง แล้วไม่น่าห่วงเลย ขอบคุณที่แนะนำครับ
เรื่องนี้อ่านแบบรวดเดียวจบเลยครับ ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยมากเลยครับ