ตลอดระยะเวลา เกือบปี...ที่ผ่านมา
การได้สัมผัสสิ่งมีค่ายิ่งในชีวิต...ซึ่งผู้เขียนนั้น.. ไม่สามารถประเมินค่าสิ่งนี้ได้หมดสิ้น...
..
..
เพราะอะไร?..
เพราะผู้เขียนเชื่อว่า...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อได้สัมผัสสิ่งนี้แล้ว ....ย่อมรู้รสสัมผัสสิ่งนี้ได้...จาก"ข้างใน"
ความรู้สึกนี้จะบอกเรา...การรู้รสสัมผัสนี้...ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้...ใครหน้าไหน...ก็ไม่สามารถรู้แทนหรือตอบแทนเราได้..
..
แก้วแหวน..เงินทอง สิ่งของมีค่าอื่นใดที่มีอยู่..หามา...ใช้ไป... เก็บไว้ ....สุดท้ายเมื่อเราละจากโลกนี้แล้ว... เราก็ไม่สามารถนำสิ่งเหล่านี้ติดตัวเราไปได้แม้แต่น้อย....หยิบมือเดียวก็ไม่ได้ ถึงแม้จะกำไว้ในมือ หรืออมไว้ในปาก...สุดท้ายก็ล่วงหล่นหลุดลอยไป...ไม่เหลือสิ่งใดให้เราหยิบฉวยติดมือไปได้จริงๆ
.... สิ่งที่หลุดลอยไปนั้น...ก็มีแต่เพียง..."ดวงจิตดวงนี้"... ของเราดวงเดียวเท่านั้น......
..
ชีวิตของผู้เขียนเองนั้น... ณ ปัจจุบันขณะก็ได้ก้าวเดิน..ผ่านช่วงโค้งสะพานของชีวิตมาพอสมควรแล้ว...และหากจ้องมองเพ่งไปที่ปลายทางสะพานโค้งนั้น... ย่อมสามารถมองเห็นจุดสุดท้ายของปลายสะพานโค้งนี้ได้โดยไม่ยากเย็นนัก... มันอยู่ไม่ไกลแล้วจริงๆ!!
..
และหากถามว่า...รู้สึกใจหายมั่งมั้ยละ!! เมื่อมายืนถึงจุดนั้นแล้ว?...........
ตอบได้คำเดียวครับว่า....ใจหายครับ!!
...มันเปลี่ยวเหงาวังเวง...ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ...
เพราะอะไร?....
เพราะ...เมื่อถึงตอนนั้น ณ. ช่วงเวลานั้นของชีวิต....เราจะไขว่คว้าสิ่งใดดีหนอ? เพื่อลดทอนความเปลี่ยวเหงาวังเวงนั้น ...
มันช่างตอบยากนะ.. เมื่อมาคิดตอนนั้น... ตอนที่สุดติ่งปลายสะพานโค้งของชีวิตแล้ว!!
..
การได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิต.... ที่ไม่จีรังยั่งยืน
..
..จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง...วันนั้น..วันที่ผู้เขียนได้พบเจอ... สิ่งนี้เข้าโดยบังเอิญ
มันทำให้ผู้เขียนอดที่จะคิดในความบังเอิญ...ที่พบเจอสิ่งนี้ไม่ได้...
" ในความบังเอิญของชีวิตคนเรานั้น... มันอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญโดยแท้แต่อย่างใดไม่!!.. มันมีเหตุมีปัจจัยของมันอยู่เสมอนะ..ที่ทำให้เราเดินทางมาพบเจอสิ่งนี้!!"
....ผู้เขียนคิดทบทวนย้อนไปย้อนมาอยู่หลายครั้ง.... เมื่อคิดไปคิดมา.....มันก็เป็นของมัน....เช่นนั้นจริง ๆ...มันหาใช่ความบังเอิญแต่อย่างใดไม่?
..
วันคืนล่วงเลย...ผ่านไป
...การได้พบเจอสิ่งนี้..การได้ให้ความใส่ใจ ตั้งอกตั้งใจปฎิบัติสี่งนี้...เสมอมา ตามเหตุตามปัจจัยที่ตัวเองมี
มีเวลาน้อยก็ทำแต่น้อย มีเวลามากหน่อย....... ก็ปฏิบัติด้วยทางกลาง ... และสุดท้าย.........ผลลัพธ์ของการปฎิบัตินี้เอง... ทำให้ผู้เขียนกล้าที่จะบอกต่อครับว่า.."ผู้เขียนไม่เสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เลย."...ช่วงเวลาที่ชีวิตของใครคนหนึ่งนั้น...ได้พบเจอ และได้ลงมือทำสิ่งนี้
สิ่งนี้เอง!!...ที่ทำให้ผู้เขียนรู้ครับว่า...ที่ "ทางสาย..ปลายฝันของชีวิต" ...
สิ่งมีค่าสิ่งนี้จะเป็นดั่ง.."อริยะทรัพย์" ที่พร้อมเดินทางร่วมไปกับเราเสมอ
และ ณ ทางสาย...ปลายฝันของชีวิตผู้เขียน...ก็เช่นกัน....
..
ผู้เขียนภูมิใจครับ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่และพ่อ... ท่านทั้งสองเป็นดั่ง "ต้นทุนชีวิต"ที่ทำให้ผู้เขียนได้ลืมตาขึ้นมามองดูโลกที่สวยงามใบนี้
ต้นทุนชีวิตที่ได้มาต่อยอดด้วยความหอมกรุ่นของ"พลังแห่งสมาธิ" พลังแห่งสติและปัญญา....ที่ผู้เขียนได้รับจากครูบาอาจารย์
..
ภูมิใจและดีใจเป็นที่สุดครับ...ที่ชีวิตนี้ได้พบเส้นทางสายธรรม ...
เส้นทางที่ได้ร่วมเดินตามรอยเท้าของท่าน.....พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร......
..
เส้นทางที่ผู้เขียนได้เดินตามหลังครูบาอาจารย์.. ที่มีหัวใจของความเป็นครู...อย่างแท้จริง
..
แววตาคู่นั้นช่างอ่อนโยน... พร้อมทุกเมื่อที่จะเสียสละซึ่ง..."ความสุขส่วนตัว"....ที่ตัวเองพึงมี
...ตัวผู้เขียนรู้ครับว่า...
..
..
...วันที่เราต่างเดินตามรอยเท้าของท่านนั้น....
...มันมีอยู่สิ่งหนึ่งนะ!!..ที่เราต่างคิดคล้ายกัน...
ถึงแม้ว่า..ท่านจะเหนื่อยมาตลอดชีวิตทั้งของท่านก็ตาม แต่ท่านก็ยังคงสร้าง"พลังแห่งความรัก" นี้ให้กับพวกเราต่อไปอย่างไม่รู้เหนื่อย....
...
หัวใจของท่านทำด้วยสิ่งใดหนอ!! ...มันช่างกว้างใหญ่ไพศาลซะเหลือเกิน ....กว้างใหญ่เกินกว่าที่ใครๆจะหยั่งถึงได้....
ท่านหวังสิ่งใด?...ในโลกที่สวยงามใบนี้หนอ!!
..
..
พลังแห่งความรัก...ที่ท่านมีเมตตามอบให้พวกเรานั้น ...มันช่างมีค่ามีความหมายนัก
..
ผู้เขียน...ยังคงจำคำพูดประโยคนี้ที่ท่านพูดไว้ได้อย่างขึ้นใจ
ท่านพูดไว้ว่า..."หากแผ่นดินไม่กลบหน้าแล้ว ...เราคงได้พบกันอีก..." ท่านพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่ท่านจะจากพวกเราไป
มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกครับว่า...ที่ท่านพูดไว้เช่นนั้น...เพราะอะไร?
พลังแห่งความรัก...ที่ท่านมอบให้พวกเรานั้น ....สิ่งนี้จะถักทอหัวใจของเราให้มีพลัง ให้ทำในสิ่งที่ท่านพูดด้วยสติและปัญญา...ท่านจะไม่ทิ้งพวกเราไปไหน..
เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว...เราจะทอดทิ้งหัวใจของท่านที่มีต่อพวกเราได้อย่างไรเล่า...
..
สิ่งที่ท่านมอบให้นี้.. จะเป็นพลังเกื้อหนุนให้เกิดพลังแห่งความรัก ความสงบสุข และสันติภาพที่ยั่งยืน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันมิใช่.... แค่ ผืนแผ่นดินเกิดของเราเพียงเท่านั้น?
ท่านหวังถึง...สันติภาพที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ของเราด้วยเช่นกัน.. "สันติภาพของโลก"
..
ผู้เขียนเชื่อครับว่า...สิ่งที่ผู้เขียนพบเจอนี้..หาใช่สิ่งที่เขียนเกินเลยแต่อย่างใดไม่?
ผู้เขียนเชื่อครับว่า...เมื่อมีสิ่งนี้...สิ่งนี้จึงมี พลังแห่งสันติภาพนี้ย่อมเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ของเราได้อย่างแน่นอน...ผู้เขียนเชื่อเช่นนั้น..
..
เมื่อเราเริ่มต้นทำในสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้..... "การทำสมาธิ" .........จึงมิใช่สิ่งที่ยากเกินกว่าที่เราจะทำ
เมื่อเรามีครู... จงเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ของเรา..เพราะท่านคือผู้รู้จริง การเดินตามครูบาอาจารย์ ผู้เขียนกล้ายืนยันครับว่า...เราได้เดินมาถูกทางแล้ว ...
..
...บันทึกนี้... เขียนเพื่อเทิดทูนบุญคุณของผู้ให้กำเนิดชีวิตของผู้เขียน และทำให้ผู้เขียนมีวันนี้... วันที่ผูู้เขียนได้เป็น "ศิษย์ที่มีครู"
...ขอเทิดทูนบุญคุณของครูบาอาจารย์...ที่ทำให้ผู้เขียนพบเจอ...อริยะทรัพย์..นี้ครับ
ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้นะครับคุณแสงฯ...อริยทรัพย์เป็นสิ่งที่เย็นใจเสมอ...:)
ขอบคุณ อาจารย์จตุเศรษธรรม
และคุณครูมะเดื่อมากนะครับ