....ช่วงนี้กำลังมี ดรามาที่ธนาคารแห่งหนึ่งประกาศรับสมัครงานเฉพาะ 14 มหาวิทยาลัยเท่านั้น ทำให้ศิษย์เก่าและอาจารย์บางคนของมหาวิทยาลัยที่ไม่อยู่ใน 14 แห่ง ไม่พอใจจนจะตอบโต้ด้วยการปิดบัญชีธนาคาร
....ในฐานะที่ทำงานด้าน HR มาหลายปี ต้องยอมรับว่าบริษัทเอกชนชั้นนำมีการแบ่งเกรดมหาวิทยาลัยนานแล้วเพียงแต่ไม่ แจ้งออกมาเหมือนธนาคารนี้ ใบสมัครของนักศึกษาจำนวนมากไม่ถูกหยิบมาดูด้วยซ้ำ
....ถ้าสถาบันการศึกษาต้องการยกระดับเพื่อให้ฝ่ายนายจ้างยอมรับมากยิ่งขึ้น คงต้องยกเครื่องกันยกใหญ่ โดยเปลี่ยนวิธี จัดการศึกษาจากแบบSupply Side มาเป็น Demand Side คือจัดการศึกษาที่เอาความต้องการของภาคธุรกิจเป็นหลัก ไม่ใช่เอาความสะดวกของสถานศึกษาเป็นหลัก เช่น เข้าไปหาว่า เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์อาหาร เขาต้องทำอะไรเป็นบ้าง แล้วจึงมาทำหลักสูตร โดยหาผู้สอนที่มีประสบการณ์จริงมาสอน เปลี่ยนวิธีประเมินผลใหม่ แทนที่จะเน้นสอบข้อเขียน ก็สอบเน้นปฏิบัติ เพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษาที่จบมาทำงานได้จริง "ไม่ใช่แค่รู้"
...มหาวิทยาลัย ต้องเลิกการรับนักศึกษาเยอะๆ ที่เน้นแต่ปริมาณ มาเน้นคุณภาพผู้เรียนมากยิ่งขึ้น และให้โอกาสเด็กได้ฝึกงานในสถานที่ทำงานจริงเยอะๆ
...แต่การเปลี่ยนแปลงวิธีจัดการศึกษาแบบนี้ อาจจะกระทบกับผลประโยชน์อาจารย์หลายคน เพราะการมีนักศึกษาน้อย ค่าตอบแทนที่มหาวิทยาลัยได้ ก็จะน้อยไปด้วย อาจารย์ต้องลงไปฝึกงานในโรงงานก่อนมาสอน และต้องเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่หมด อาจารย์ส่วนใหญ่คงไม่อยากมือเปื้อนหรอก
..แต่วิธีนี้น่าจะเป็นการยกระดับมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรม อย่างง่ายที่สุดแล้ว ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยต้องการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า
..."สถานศึกษาต้องการเปลี่ยนเอง หรือถูกบังคับให้เปลี่ยนในอนาคต"
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับอาจารย์
การศึกษาไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการครับ
พอเรียนจบมาสามารถ ทำงานได้ทันที ตรงกับสายงานที่เรียน