สองปีเศษได้แล้วกระมังที่ผมแบกเอาต้นหางนกยูงมาไว้ที่บ้านทุ่งท้ายหมู่บ้าน
ต้นนี้ พ่อเป็นคนปลูก-
ส่วนที่เหลืออีก 3 ต้นผมเป็นคนปลูก
มีอยู่ช่วงหนึ่งตกใจอย่างมากมาย เพราะเคยถูกรถถอยชนถึงขั้นหักโค่น
สองปีก่อนนั้นผมกลับบ้านบ่อยครั้งกว่าตอนนี้ หลักๆ คือการกลับไปพิงพัก เยียวยาและเติมพลังชีวิต รวมถึงการกลับไปรดน้ำต้นไม้ที่กำลังหยั่งรากลงบนผื่นดินเพื่อเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านที่ปลูกไว้ท้ายทุ่ง
ผมชอบต้นนางนกยูงไม่แพ้ต้นจาน – ต้นหางนกยูงมักชักพาให้ผมได้หวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่เป็นเด็กนักเรียน ชีวิตใต้ต้นหางนกยูงในโรงเรียนหลากหลายรูปรสอย่างเหลือเชื่อ (ลองทบทวนดูละกันครับ)
วันนี้ (7 มิถุนายน 2558) ก่อนกลับคืนสู่มหาสารคาม ผมถือโอกาสเดินไปยังต้นหางนกยูงนี้อีกครั้งอย่างตั้งใจ
ครั้งแรกคือการไปรดน้ำ (หลังจากไม่ได้รดน้ำต้นนี้มาเป็นครึ่งปี)
ผมเริ่มมองเห็นการแตกใบเขียวงาม และมองเห็นถึงดอกตูมๆ เล็กๆ จำนวนมากบนต้นที่รอวันเบ่งบานขานรับกับแดดจ้า หรือกระทั่งลมฝนที่กำลังตบเท้าเข้ามาเยือน
ผมเห็นดอกนางนกยูงเพียงไม่กี่ดอกร่วงหล่นลิ้นลมหายใจบนผืนดิน เฉกเช่นกับอีกดอกที่กำลังเบ่งบานอยู่บนกิ่งก้าน จนอดไม่ได้ที่จะป่ายปีนขึ้นไปดูชัดๆ ใกล้ๆ ...
สาบานได้เลยว่ามันเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่หัวใจได้สัมผัส...
การรอคอยที่เราได้สัมผัสถึงดอกผลอย่างที่พึงใจ มันนำพาความเบิกบาน แช่มชื่นมายังเราเสมอ
ใช่ครับ ช้าหน่อย นานหน่อยก็ไม่เป็นไร- นี่คืออีกนิยามความสุขในโลกและชีวิตของผม
ชอบเหมือนกันค่ะเคยหลงไหลว่าเวลามีดอกเต็มต้น ไม่มีใบเลย สวยเพียงใด..ตอนปลูก ชาวบ้าน บอกว่าเขาไม่ให้ปลูกใกล้บ้าน(ไม่สนใจเพราะเขาไม่ให้เหตุผลที่ถูกใจ)..อยู่มาวันหนึ่งคนเฝ้าบ้านมาบอกว่า..อยู่ไม่ได้..ให้ไปดู..(จึงเห็น)หนอนเป็นพันล้านตัว..ยุบหยับไปหมด เกิดมาไม่เคยเห็นมาก่อนเต็มไปหมดรอบบ้านและต้นดอกหางนกยูง บ้านนี้อยู่ริมแควน้อยค่ะ...สมัยก่อนยังเป็นป่าอยู่มาก..นึกถึงคำเตือนของชาวบ้าน..(คนบ้านป่า)ขึ้นมาได้...เจ้าค่ะ..
เป็นประสพการณ์ที่ลืมเลือน....อ่านบันทึกนี้..เลยมาเล่าให้ฟัง..
ภาษาที่เขียนงดงามมาก ซาบซึ้งตรึงใจจังค่ะ