การปฏิบัติธรรม...ถ้ามุ่งไปที่การปฏิบัติดี...
อาจมองดูว่า...ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจผู้อื่น...
การวางตัวเฉย ๆ...ไม่ยินดี ยินร้าย ต่อเรื่องต่าง ๆ
ที่รายล้อมตัวของเราเอง...แต่ในความเป็นจริง
นั่นคือ การที่ตัวเราไม่ต้องการเอาเรื่องที่รกสมอง
เรื่องไร้สาระ เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องร้ายต่าง ๆ
มาสู่ตัวเรามากกว่า...คนอื่นจึงอาจมองว่า
เราไม่ยุ่งหรือสุงสิงกับใคร...แต่ความเป็นจริง
นั่นคือ การไม่ต้องการรับรู้เรื่องที่ทำให้ตัวเรา
จะเกิดปัญหา เพราะถ้าใส่ใจ หรือยุ่งกับผู้อื่น
สุดท้ายไม่วายที่จะต้องกล่าวหา ว่าร้ายคนอื่น
สู้เก็บตนให้อยู่ในที่ ๆ ควรอยู่...แบ่งแยกหรือ
แยกแยะออกว่า สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร...
รู้ว่าเวลาไหนงาน เวลาไหนควรพูด ควรคบ
ปฏิบัติแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จึงถือว่า เป็นการปฏิบัติดี
ทำแบบนี้ คนอื่นอาจมองว่า...ไม่มีน้ำใจ...แต่ความจริง
คือ การรู้จักแบ่งแยก แยกแยะมากกว่า...
การรวมกลุ่มกัน ใช่ว่าจะดี บางเรื่องราวเมื่อรวมกัน
ก็สุมกันนินทา กล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่น...พูดให้เกิดการ
เสียหาย...สู้อยู่คนเดียว ทำงานในหน้าที่ให้แล้วเสร็จ
ไม่กล่าวร้ายใคร ๆ...มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน นี่คือ การปฏิบัติดี
ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลว่าจะมองใครเป็นทางใด
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจของเราเองมากกว่า...
ถ้าคิดว่าปฏิบัติดีแล้ว ก็ควรได้ปฏิบัติต่อไป...
โดยฉันก็ไม่ทราบว่า...สิ่งที่ทำ นี้ดีหรือไม่...รู้เพียงแต่ว่า
ใจเราคิดดี มีความสุข ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน...
ถ้าคนอื่นจะคิด นั่นคือ ความคิดของเขา เราไม่สามารถ
ไปห้ามความคิดของเขาได้...คิดดีก็อยู่ที่ตัวเขา คิดร้าย
ก็อยู่ที่เขาเช่นกัน...ฉันคิดแต่เพียงว่า นี่คือ การปฏิบัติดี...
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มักจะถูกมองในแง่ลบ จากคนจิตไม่สงบ..ค่ะ