นั่งลองนึกสิ่งที่ผ่านมา หลายสิ่งเกิดขึ้นและจบไป หลายสิ่งกำลังดำเนินอยู่ หลายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ต่างถูกแต่งแต้มด้วยความรู้สึกของตัวฉันเอง ผสมไปกับความรู้สึกของคนอื่น ๆ
ในวันที่รู้สึกแย่ ฉันมักจะเรียกวันนั้นว่า เป็นวันที่ท้องฟ้าอึมครึม สีเทา เหมือน "เงาของฝน" ที่กำลังจะมา
ต่างไปในวันที่แสนสุข ฉันจะรับรู้แม่กระทั้งลมที่มาปะทะหน้า แสงแดดอ่อน ๆ ทุ่งหญ้า ภูเขา และรู้สึกตัวเบา
"นอนบนทุ่งหญ้าและเพียงแค่เหงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างสุขใจ เหมือนตอนฉันเด็ก ๆ" :)
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ล้วนส่งผลต่อความรู้สึก เติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับความรู้สึก จนมาถึงทุกวันนี้ . . .
สิ่งที่มีอิทธิพล ต่อการ "เปลี่ยน" ไม่ได้เป็นเพียงกรอบแคบ ๆ แต่เป็นหลาย ๆ สิ่งรอบตัวที่เราอยากมองข้ามไป ...
อยากขอบคุณหลาย ๆ สิ่งที่ผ่านมา ที่ทำให้เด็กคนนี้ เติบโตขึ้น ทีละนิด...
1) เด็กน้อย ขี้ขโมย . . .
ฉันเแป็นลูกคนเล็ก จึงเป็นเด็กขี้แย และถูกตามใจอยู่เสมอ ตั้งแต่เด็กจนโต เหตุการณ์หนึ่งตอนเด็ก ๆ ที่พอมานึกถึงตอนนี้แล้ว็น่าขำ แต่มันกลับเป็นบทเรียนหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะทำผิดอีกเลย
ตอนเด็ก ๆ การได้ตื่นเช้ามาก ๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กน้อยที่อยากรีบไปเล่นกับเพื่อนเลย วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตื่นเช้า ๆ มาดูรายการ เจ้านกขุนทอง ทานข้าวพร้อมพ่อกับแม่ นิดหน่อย (ไม่กินผัก อาหารที่ทานได้ในตอนนั้น มีเพียง ป๋อง ไข่ ม่า อย่างที่แม่ชอบแซวมาจนถึงทุกวันนี้ ) พอทานข้าวเสร็จ เตรียมตัวไปเล่นกันเพื่อน ปั่นจักรยามเป็นความสุขที่สุด เพื่อนส่วนมากเป็นรุ่นน้องทั้งนั่น จะว่าเป็นหัวโจ่กเลยก็ว่าได้ บ้านฉันอยู่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ฉันและเพื่อน ๆ ชอบไปเล่นในโรงเรียน ห้องแต่ละห้องปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้ล็อกประตูเลย วันหนึ่ง ... ตูน และมาย รุ่นน้องที่เล่นด้วยกัน เดินเข้าไปในห้องเรียน แล้วเกิดความโลภอยากได้ของเหล่านั้นขึ้นมา จึงหยิบใส่กระเป๋า ขโมยของในนั้น ฉันเอง ทั้งที่เป็นพี่ ในตอนนั้น กลับสนับสนุน พวกเราสนุกกันมาก และมีความสุขในการได้ของใหม่ ๆ (ในความคิดของเรา) มาใช้ ทำอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนวั้นหนึ่ง ครูที่โรงเรียนนั้น จับได้ว่าพวกเราเป็นขึ้ขโมย ครูคนนั้นมาหาแม่ฉันและพาฉันกับเพื่อน ๆ มาหน้าบ้าน สิ่งแรกที่เด็กอายุราว 10 ขวบเก็นคือ น้ำตาของแม่ ฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เลย แต่วันนั้น เป็นวันแรก ฉันกลัวจนตัวสั่น ไม่พูดอะไรทั้งนั้น จนเห็นน้ำตาของแม่ ที่ขอโทษ ครูคนนั้น แม่ได้แต่ถามว่า "น้องทำไปทำไม " ดันอยู่ก้องหูของฉัน จนพ่อมาถึงและเคลียปัญหาโดยการขอโทษ สุดท้ายแล้ว ฉันกับเพื่อน ๆ ก็ขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก
เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้เด็กน้อย เปลี่ยนแปลงตัวเอง หลายอย่าง อยากขอบคุณบทเรียนในวันนั้น
2) ขอบคุณบุคคลที่เป็น "แรงบันดาลใจ"
ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่เรียน ๆ เล่น ๆ ชีวิตสบาย ๆ กับการเรียนก็เช่นกัน บุคคลที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ค่อบุคคลที่เป็นต้นแบบทั้งการใช้ชีวิต การเรียน และด้านความคิด บุคคลหเล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่มากก็น้อย จึงอยากกล่าวคำว่า ขอบคุณ
1. พ่อ สิ่งที่ได้เรียนรู้ตั้งแต่จำความได้ คือความอดทนจากพ่อ พ่อมักพูดเสมอว่า " อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ " คำสั้น ๆ แต่เมื่อเอามาขยายความแล้ว ราสามารถตีความได้หลากหลายความหมาย ตั้งแต่ประถม พ่อเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ฉันเลิกร้องไห้ตอนไปโรงเรียนได้ เมื่อตอน ป.3 (ป.สามฉันยังร้องไห้ไปโรงเรียนอยู่เลย) พ่อเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต เกือนทุกอย่าง สำหรับฉัน ฉันและพ่อ เราไม่ค่อยพูดกันแต่เราเข้าใจและรู้ใจันเสมอ คงเพราะนิสัยบางอย่าง เราได้จากพ่อมา ความอดทนที่ได้เรียนรู้มา ทำให้ฉันใช้ชีวิตได้ อยู่จนถึงทุกวันนี้
2.ครูประยูร เป็นครูคนหนึ่งทีได้มาสอนฉันหลังจากที่ฉันได้มาเรียนในมหาลัย (สะลวง) แรงบันดาลใจในการเขียนเรียงความ จากคำชี้แหนะหลายต่อหลายสิ่งที่ได้ จากค่าย pre- university จากที่ฉัน ผู้ซึ่งเกลียดการเขียนเรียนความ สาม ย่อหน้า ฝึกฝนเขียนเรียนความในหัวข้อ ปณิธาน ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนอยู่ช่วงหนึ่งในการเขียนสิ่งที่คิด วาดสิ่งที่เห็น เมื่อตอนปีหนึ่ง เป็นช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ คือการเขียนบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ วาด และส่งผ่านความรู้สึกไปยังปลายปากกาและภาพเขียน สำหรังแรงบันดาลใจในการเขียนแล้ว ยังไม่ได้มีแค่ครูประยูร ยังมีครู พนัส และครูกิตตินันท์ ในความจริงแล้ว เวลาในช่วงตอนปีหนึ่งหนึ่งนั้น มีความสุขมาก เหมือเราเป็นดินสอ ที่มีครูหลาย ๆ คนมาเหลา โดยการวร้างแรงบัญดาลใจให้ค้นพบตัวเอง และมันก็ได้ผลกับฉันเช่นกัน
อยากขอบคุณบุคคลเหล่านี้ ที่ทำให้ฉันไม่ลืมในสิ่งที่ตัวเองชอบ สร้างแรงบันดาลใจที่ซ่อนอยู่และทำให้ไม่ลืมว่า ฉันคือใคร. . .
3) ขอบคุณกำลังใจ
ความอดทนของทุกคนอาจมีมากพอ แต่สุดท้ายแล้ว ในชีวิตคนเราก็มีหลายต่อหลายครั้งที่ยังต้องการกำลังใจ โดยเฉพาะจากคนที่เรารักและรักเรา ฉันเป็นคนหนึ่งที่อดทนได้ ในระดับหนึ่ง พยายามที่จะไม่งอแงเหมือนเด็ก ร่าเริง ยิ้มสู้กับหลาย ๆ สิ่ง แต่หลาย ๆ ครั้งที่ทำให้ท้อ สุดท้ายแล้วก็ทำตัวเป็นเด็กกับพ่อแม่เหมือนเดิม ทุกครั้งที่ไม่สบายใจ แม่จะรู้เสมอ เหมือนเราสื่อถึงกัน ไม่รู้ทำไม แม่จะโทรมาได้เวลาที่ฉันท้อเสมอ ครอบครัวเราเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง เราจะรู้กันเอง ทุกครั้ง กำลังใจที่สำคัญที่สุดของฉัน คือคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่และพ่อ คำพูดจากสายโทรศัพท์ ถึงแม้เราจะไม่เห็นหน้ากัน แต่ทุกถ้อยคำกลับส่งผลต่อฉัน แค่เสียง ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังที่ส่งมาได้จริง ๆ เราอาจได้รับกำลังใจจากคนหลาย ๆ สถานะ แต่ที่สุดของกำลังใจสำหรับฉัน คือ คนในครอบครัว :) ขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว ที่ทำให้ก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้
4) Everybody Hurts
Everybody Hurts : วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม
หนังสือเล่มหนึ่งที่เพิ่งซื้อมาอ่านเมื่อวันศุกร์ เมื่อได้เปิดอ่าน เหมือนเราได้เปิดความคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ประโยคที่ชอบเห็นจะเป็นประโยคที่ผู้แต่ได้หยิบเอามาไว้หลังปกหนังสือ อยากขอบคุณผู้แต่ง ที่ทำให้ฉันหันมาสำรวจความรู้สึกตนเอง...
"...คนเราต้องดูแลความรู้สึกตัวเองก่อน
ต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า เป็นคนแบบไหน
เพราะการทำความเข้าใจตัวเองคือต้นทางสำคัญที่สุด
ถ้าเราทำอะไรโดยไม่ห่วงความรู้สึกตนเองเลย
สุดท้าย เราก็จะค่อย ๆ ทำให้ตัวเองเกิดบาดแผลโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเราเจ็บจากข้างใน ก็ยากที่เราจะมีความสุขได้อย่างเต็มที่ ... "
5) รอยยิ้ม
ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้ อาจจะเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ แต่เมื่อรู้สึกแย่ มันกลับทำให้ฉันยิ้มและลืมเรื่องแย่ ๆ ไปได้ นั่นก็คือ บบดาเหมียว ๆ ที่หอของฉันนั่นเอง มีทั้งหมด7 ตัว ตัวโปรดชื่อน้องวัว ตัวนี้สีเหมือนวัว และเนื่องด้วยหล่อนเป็นแมวที่ร้องยากมาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ชอบเล่นแต่ทิชชู่ ทุกครั้งที่เจอ ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอ "เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่อยากจะขอบใจแกนะเหมียว ที่ทำให้พี่ยิ้มได้หลายครั้ง"
6) อัลเทอร์มาจีบ
การไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก แต่ที่อยากจะขอบคุณคือเพื่อนร่วมทาง นานแล้วที่ไม่ได้ไปดูหนังกับเพื่อนสนิทคนนี้ ไม่ได้หัวเราะในโรงหนังด้วยกันนานแล้ว ถึงแม้ทุกวันนี้เราสองคนอาจดูห่างกันไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่มีให้กันอาจไม่เหมือนตอนปี 1 แต่ก็มีแต่แกเนี่ยแหละที่เราเรียกได้เต็มปากว่าเพื่อนสนิท ขอบคุณหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ ย้อนเวลา แล้วความรู้สึกดีดี ที่หาได้ยาก อีกครั้งหนึ่ง กับเพื่อนสนิท :)
7) เธอ
เธอคือคนที่เรารู้จักเมื่อสองปีกว่า รู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้ อยากขอบคุณ ทำให้เราเปลี่ยนอะไรไปในทางที่ดีหลายอย่าง ขอบคุณที่มีทำให้เรามีความคิดที่เป็นผู้หญ่มากขึ้น มองความรักเป็นสิ่งที่ต่างไป ขอบคุณความห่วงใยเอาใจใส่เราในวันที่ป่วย หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยกันล้วนเป็น "ความทรงจำที่ยังมีชีวิตอยู่" และมันกำลังดำเนินอยู่ ขอบคุณที่ยังสร้างความทรงจำร่วมกันนะ
เธอ . . .
8) เพื่อนสนิท
เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เรามักจะไม่ค่อยพูดความรู้สึกของกันและกัน สำหรังฉันแล้ว เดิมทีเป็นคนพูดอะไรตรง ๆ แต่กับเพื่อนคนนี้ เมื่อมีอะไรกลับไม่ค่อยชอบพูดกัน หลายครั้งที่เราทะเลาะกันโดยไม่รู้สาเหตุ แต่เรารู้ว่า ทุกอย่างย่อมมีเหตุและผล แต่คิดว่ามันจะผ่าน ไป บ่อยครั้งที่เราละเลยความรู้สึกเพื่อน แต่อยากขอโทษ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่าการพิมพ์ลงผ่านตัวอักษร บางครั้งทำร้ายความรู้สึกเพื่อน เพราะเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยโกรธกันข้ามวันเลย เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ เราจึงอยากขอบคุณเพื่อนคนนี้ ที่ทนคนอย่างเราได้ และหวังว่า บล็อกนี้จะเป็นสิ่งที่ส่งผ่านความรู้สึกเราไปถึงเธอได้ :) ขอบคุณนะ
9) บทเพลง
ขอบคุณบทเพลงที่สื่อความรู้สึกทั้งของฉันและคนหลาย ๆ คนได้ ทุกวันนี้เพลงมีอธิพลต่อความรู้สึกมากขึ้นทุกทีแต่มากไปก็ไม่ดี อยากขอบคุณคนแต่งเพลงและคนทำเอ็มวีดีดีที่ทำให้ คิ ด ก ว้ า ง ขึ้ น ...
10) การเขียนบล็อก
สิ่งที่อยากขอบคุณมาก ๆ คือการสอนเขียนบล็อก ทำให้เปิดจิตนาการและย้อนการเขียนของตัวเอง ขึ้นมาจากสองปีที่แล้ว อยากขอบคุณ ครูวิทยากร. . . ครูกิตตินันท์ หอมฟุ้ง คนเดิม :)
สุดยอดมากเลยค่ะ ^^
เขียนดีมากเลย