ผมดูหนังมากมายจากการซื้อแผ่นที่ลดราคาถูกลงมากๆ และเก็บตุนไว้ดูในยามโอกาสดีๆ... แต่ก็เป็นหนังที่ฉายนานแล้ว...เลือกจากความชอบโดยไม่มีเหตุผล และส่วนหนึ่งเป็นหนังที่ได้รางวัล
เรื่องนี้ก็เช่นกัน...รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2008 และเป็นตัวแทนจากฝรั่งเศสเข้าชิงภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมเป็น 5 เรื่องรอบสุดท้ายของออสการ์ในปีเดียวกัน
เปิดเรื่อง....ด้วยภาพข้างหลังการก้าวเดินของคุณครู "ฟรองซัวส์" เข้าตึกโรงเรียน และเข้าร่วมประชุมร่วมในการวางแผนการเปิดภาคเรียนใหม่...แนะนำครูใหม่...ครูเก่า...และแม่ครัว คนทำความสะอาด...ทำให้เห็นถึงความเป็นทีมในการทำงานด้วยจิตใจแน่วแน่
คุณครู "ฟรองซัวส์" สอนวิชาวรรณคดีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นยาเบื่อยาเมาสำหรับนักเรียนทุกชาติทุกภาษาโดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมฯ ตอนต้น (เด็กแนะตัวว่า อายุประมาณ 13-15 ปี) นี้ ที่อยู่ในเขตเสื่อมโทรมชานเมืองปารีส นักเรียนมาจากหลายประเทศทั่วมุมโลก และมีปัญหาครอบครัวมารวมกัน เช่น พ่อของเด็กประเทศจีนที่ถูกจับส่งกลับประเทศ...พ่อและแม่ของเด็กประเทศมาลีที่พูดและฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ได้...จึงกลายเป็นปัญหาร้อยแปดที่ไม่คิดว่าจะมีในห้องเรียน
เด็ก ในห้องส่วนใหญ่ไม่ตั้งใจเรียน ไม่เอาสมุดหนังสือมาบ้าง ไม่สนใจครู ครูสอนอะไรต้องมีเหตุผล ยกมือถามครูตลอดเวลาจนไม่ได้เรียนและสอนกันเลย แต่ครูก็พยายามโยงกลับคืนสู่บทเรียน
แต่เด็กก็วุ่นวาย....และลุกลามไปถึงเรื่องส่วนตัวของครู จนบางครั้งครูไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้...
ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการเรียนการสอน เป็นสิ่งที่ครูต้องรับมือกับมันให้ได้ แม้ว่าค่าสอนหนังสืออันน้อยนิดอาจทำให้ครูบางคนหมดกำลังใจได้ง่ายๆ แต่ครูฟรองซัวส์ก็ยืนหยัดต่อการยกระดับความคิดให้นักเรียน เหล่านักเรียนก็ท้าทายครูด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึงเช่นกัน
ชอบคุณครู "ฟรองซัวส์" ที่ดึงศักยภาพเด็ก และพยายามเรียนรู้ชีวิตของเด็ก ผ่านการเขียนบันทึก ให้ทำเป็นการบ้าน เขียน หรือบรรยายผ่านรูปถ่าย ครอบคลุมโจทย์ 4 ข้อ 1) สิ่งที่ชอบ 2) สิ่งที่ไม่ชอบ 3) สิ่งที่เป็นจุดดี และ 4) สิ่งที่เป็นจุดด้อยของตนเอง
หนังนำเสนอเรื่อยๆ เหมือนสารคดีชีวิตจริงๆ เพราะความมีชีวิตชีวา การปะทะอารมณ์ การระเบิดคำพูด และความเป็นธรรมชาติอยู่ในทุกตอน
จุดเดือดของเรื่อง ...เป็นการพิจารณานักเรียนคนหนึ่งให้ออกจากโรงเรียน เพราะความประพฤติ การไม่ตั้งใจเรียน รวมถึงการปะทะอารมณ์อย่างรุนแรงกับครูฟรองซัวส์ จนต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริง นับเป็นกระบวนการที่น่าสนใจ เพราะมีการตั้งคณะกรรมการภายนอก มีการเชิญนักเรียนและผู้ปกครองมาฟัง การหย่อนบัตรเพื่อให้เด็กออกหรือไม่ออก และความสงสัยจากกรรมการภายนอกกรณีคู่กรณีเช่นครูฟรองซัวส์มาเป็นกรรมการได้อย่างไร?
นักแสดงทุกตัว เล่นได้เหมือนจริงๆ เหมือนผมได้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องพิจารณาด้วย
บทคลี่คลายไม่อยากเฉลยเลย...ครูฟรองซัวส์โกรธแค้นเด็กนักเรียนผิวเข้มคนนั้นมาก จนผมนึกเองไปว่า ครูต้องหย่อนให้เด็กต้องออกโรงเรียน จากการคาดเดาสายตาของครูฟรองซัวส์ ซึ่งพ่อของเด็กไม่ยอมให้เด็กไปเรียนโรงเรียนอื่นในฝรั่งเศส แต่จะส่งเด็กไปทำงานที่หมู่บ้านเกิดประเทศมาลี...
แต่อย่างไงแล้ว จิตวิญญาณครูทุกคน นอกจากอยากให้ลูกศิษย์ได้รับความรู้แล้ว การยกระดับความคิดและหัวใจของเด็ก และคุณครูก็เป็นสิ่งที่สำคัญ...ในการเดินทางร่วมกันทางในและนอกห้องเรียน....
#####
อังคาร 10 มี.ค. 58
น่าดูมากๆๆ นะคะ ..... สมกับได้รับรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2008
ขอบคุณค่ะ
เห็นนักเรียนที่ต่างประเทศ ครูจะต้องพาออกไปเรียนรู้ตามสถานที่จริง
อยากรู้อะไร ก็ไปดูให้เห็น
ส่วนนักเรียนของเรา นั่งเรียนตลอดเวลา เพราะ เราเรียนเพื่อสอบจริงๆ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครูและนักเรียนที่น่าดูมากครับ
ขอบคุณมากๆครับ