ชื่อเรื่อง การศึกษาเรื่องการใช้ยาปราบศัตรูพืชของเกษตรกรในหมู่ 4 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ผู้จัดทำ เด็กหญิงอิศริญา ศรีจันทร์รัตน์
ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1
ครูที่ปรึกษา ครูอภินันท์ สีสันต์
โรงเรียน ท่ามะกาวิทยาคม
ปีการศึกษา 2557
เป็นการศึกษาค้นคว้าในรายวิชาสื่อสารและการนำเสนอ IS2 สาระเพิ่มเติมหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล จัดทำขึ้นจากการศึกษาค้นคว้านอกห้องเรียนตามความสนใจของนักเรียนแต่ละคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของยาปราบศัตรูพืช 2) ศึกษาวิธีการปราบศัตรูพืชของเกษตรกรในหมู่ 4 ต.ตะคร้ำเอน 3) ศึกษาความคิดเห็นของเกษตรกรเกี่ยวกับยาปราบศัตรูพืช
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานของยาปราบศัตรูพืช 2) แบบสัมภาษณ์วิธีการปราบศัตรูพืชของเกษตรกรในหมู่ 4 ต.ตะคร้ำเอน 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของเกษตรกรเกี่ยวกับยาปราบศัตรูพืช การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าร้อยละ จากการศึกษาพบว่า
1)ข้อมูลพื้นฐานของยาปราบศัตรูพืช
ยาปราบศัตรูพืชมีความหมายว่า สารที่ใช้เพื่อป้องกัน ทำลาย ไล่หรือลดปัญหาของศัตรูพืชและสัตว์ก่อความรำคาญ ยาปราบศัตรูพืชที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแบ่งได้ 2 แบบ คือ
-ยาปราบศัตรูพืชสูตรเคมีแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 4 กลุ่ม คือออร์กะโนคลอรีน ออร์กะโนฟอสเฟส คาร์บาเมต ไพรีทรอยด์ และยาปราบศัตรูพืชสูตรธรรมชาติธรรมชาติ คือ สะเดา กระเทียม มะเขือเทศ พริก
2)วิธีการปราบศัตรูพืชของเกษตรกรในหมู่ 4 ต.ตะคร้ำเอน
เกษตรกรใช้ยาปราบศัตรูพืชมากที่สุด ตามด้วยใช้น้ำหมักชีวภาพ ใช้วิธีจับใส่ขวดและปล่อยตามระบบนิเวศน์ ตามลำดับ แต่ละวิธีการมีจำนวนเกษตรกรที่ใช้ ดังนี้ 1.เกษตรกรที่ใช้ยาปราบศัตรูพืชมีจำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 70 2.เกษตรกรที่ใช้น้ำหมักชีวภาพมีจำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 60
3.เกษตรกรที่ใช้วิธีการจับใส่ขวด (ปล่อยให้ตาย) มีจำนวน4 คน คิดเป็นร้อยละ 40และ 4.เกษตรกรที่ปล่อยตามระบบนิเวศน์มีจำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 30
3)ความคิดเห็นของเกษตรกรเกี่ยวกับยาปราบศัตรูพืช
เกษตรกรทุกคนเห็นด้วยว่า ยาปราบศัตรูพืชเป็นพื้นฐานของการทำเกษตรกรรม เป็นสิ่งที่นิยมใช้กันมาก ทำให้การเกษตรสะดวกขึ้นและยาปราบศัตรูพืชมีความจำเป็นต่อเกษตรกร มีจำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 100
อยากใหัเกษตรกรหันมาใช้ยาปราบศัตรูพืชจากธรรมชาติให้มากๆ...มีโอกาสเป็นไปได้....ก็จะดีนะคะ