-โบลิ่ง "หนูไม่อยากกลับบ้าน ฮือๆ ๆ ๆ ๆ"
-แม่ "ทำไมล่ะโบ?"
-โบลิ่ง"หนูอยากอยู่บ้านกะน้ามด ฮือๆ ๆ ๆ"
-แม่ "เดี๋ยวมาเที่ยวใหม่ก็ได้...ป่ะๆ กลับบ้าน"
-โบลิ่ง"ฮือ ๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "
-แม่ "เอาไว้อาทิตย์หน้าค่อยมานอนกับน้ามดใหม่นะ"
-โบลิ่ง"ฮือๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "
-เสียงร้องให้พร้อมกับเสียงขอร้องให้แม่อนุญาตให้เธออยู่เล่นต่อที่บ้านของผมดังขึ้นในยามเย็น ๆ ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ Hi Hug House@หนองราง ของสาวน้อยนามว่า"โบลิ่ง"ทำให้ผมกับคนข้างกาย(มดตะนอย)รู้สึกสงสารเธอเป็นอย่างยิ่ง...ด้วยช่วงนี้สาวน้อย"โบลิ่ง"มักจะมาเที่ยวบ้านของเราในวันหยุด และคราวนี้เธอได้มานอนพักกับเราด้วยพร้อมกับนำเอาการบ้านมาทำ โดยมี"น้ามดตะนอย"เป็นคนสอนการบ้านให้กับเธอ...ทั้งท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ,ทำสิ่งประดิษฐ์,ซึ่งดูเธอจะมีความสุขกับการที่ได้มาเรียนและเล่นบ้านของเราครับ.....จนกระทัั่งเย็นๆ ของวันอาทิตย์แม่ได้มารับกลับบ้าน เธอจึงมีอาการงอแงตามประสาเด็กที่ยังอยากจะเล่นสนุกต่ออีกน่ะครับ.....ว่าแต่ทำไมเธอถึงชอบที่จะมาอยู่กับครอบครัวเล็ก ๆ ของผมน่ะหรือครับ? เอาเป็นว่ามาดูคำตอบกันดีกว่าว่า"ทำไมสาวหน้อยถึงไม่อยากกลับบ้าน"55555555
1.หลังจากทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ชวนคนข้างกายและหลานสาวทำขนมกันน่ะครับ.....เราตกลงกันว่าวันนี้เราจะทำ"ตะโก้ข้าวโพด,ตะโก้เผือก"ซึ่งเป็นผลผลิตที่เราได้รับมาจาก"ผู้ช่วยเอนก รอดกสิกรรม"ตามบันทึกก่อนหน้านี้ไงล่ะครับ ส่วน"เผือก"เราได้มาจาก"พี่จรรยา"มิตรรัก G2K จากจังหวัดสุโขทัย"ที่นำมาให้เราเมื่อหลายเดือนก่อน...งานนี้เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผมจึงชวนสาวน้อยไป"ตัดใบตอง"เพื่อเตรียมมาทำ"กระทง"สำหรับใส"ขนมตะโก้"กันครับ..
2.เมื่อสาวน้อยได้ช่วยผมตัดใบตองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ถามเธอว่าอยากจะเล่น"ม้าก้านกล้วยไหม?"เธอบอกว่าเคยเล่นเพราะว่าพ่อของเธอเคยทำให้เล่นบ่อยๆ งานนี้ผมจึงให้เธอลงมือทำม้าก้านกล้วยด้วยตนเอง และภาพที่เห็นก็คือ"ผลงานม้าก้านกล้วย"ของ"น้องโบลิ่ง"ครับ.....เมื่อทำเสร็จแล้ว"น้องโบลิ่ง"ก็ขี่ม้ากลับบ้านด้วยท่าทางดีใจและดูเธอจะมีความสุขมากทีเดียวเลยล่ะครับ 5555
3.พอได้"ใบตอง"เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของ"น้ามด"ที่จะทำหน้าที่สอนให้สาวน้อย"โบลิ่ง"เย็บกระทงเพื่อเตรียมไว้สำหรับใส่ตะโก้แล้วล่ะครับ...งานนี้ต้องหัดกันนานหน่อย เพราะว่างานเย็บกระทงนี้ต้องใช้เวลาในการฝึก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของ"คนสอน"และ"ผู้ถูกสอน"หรอกครับ..สำหรับตัวผมขอเป็นช่างภาพและเก็บข้อมูลเอาไว้มาบันทึกเรื่องราวเพื่อแบ่งปันให้กับมิตรรัก G2K ได้ร่วมติดตามกันครับ อิๆ
4.เตรียมกระทงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นการเตรียมใส้ขนมครับ....วันนี้เรามี"ข้าวโพด"และ"เผือก"ดังนั้นจึงต้องเตรียมฝานข้าวโพดและหั่นเผือกให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้สำหรับทำเป็นใส้ขนมตะโก้ครับ...วิธีการก็ไม่ได้ยากอะไร....ทำตามได้อย่างสบายเลยล่ะครับ...
5.ข้าวโพดพร้อม....เผือกพร้อม....ต่อไปก็มาเตรียม"แป้งข้าวเจ้า,เกลือ,น้ำตาล"สำหรับกวนใส้ครับ..สุตรนี้ไม่ได้ชั่ง,ตวง อะไรทั้งสิ้น เราอาศัยการ"กะ"อย่างเดียวครับ 55555 เพียงแค่นำเผือกไปลวกให้สุกก่อน สำหรับข้าวโพดนำมาต้มให้สุกตามด้วยเผือกต้มาสุก หลังจากนั้นก็เติมน้ำตาล,เกลือป่น ชิมรสออกหวานนำและเค็มนิด ๆ เสร็จแล้วก็เติมแป้งข้าวเจ้าที่ละลายน้ำไว้ลงไปกวนแป้งให้สุก เมื่อแป้งข้นแล้วจึงยกลงพักไว้ให้เย็น เพียงเท่านี้ก็ได้"ใส้ตะโก้"แล้วล่ะครับ...
6.สำหรับหน้า่ตะโก้ ก็ไม่มีอะไรมาก มี"แป้งข้าวเจ้า,แป้งมัน,กะทิ,น้ำตาล,เกลือ"เพียงเท่านี้ก็ได้ส่วนผสมของหน้าขนมตะโก้แล้วล่ะครับ นำแป้งละลายน้ำกะทิตามด้วยน้ำตาล,เกลือ ชิมรสให้ออกเค็มนำหวานตามนิด ๆ แล้วก็กวนให้สุก เราก็ได้หน้าขนมตะโก้แล้วล่ะครับ...ง่าย ๆ หากท่านไหนสนใจก็ทำตามได้นะครับ....เราไม่หวงสูตรเพราะเราใช้สูตร "กะพอประมาณ"คร้าบ!!!!555555
7.และขั้นตอนสุดท้ายก็คือ"การนำเอาใส้ขนมใส่กระทงและตามด้วยตัวแป้งกวนราดตามลงไป"เพียงเท่านี้เราก็ได้"ตะโก้ข้าวโพด/เผือก"อร่อยๆ เพื่อลิ้มลองและฉลองความสำเร็จแล้วล่ะครับ....
8.และนี่ก็คือ"คำตอบ"ของเหตุผลทีสาวน้อย"โบลิ่ง"ไม่อยากกลับบ้านไงล่ะครับ....เธอจะชอบทำกิจกรรมประเภทนี้และประจวบเหมาะกับครอบครัวเล็ก ๆของผมก็ชื่นชอบการทำอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีหลานสาวมาอยู่ด้วย เราจึงมีกิจกรรมทำกันตลอดทั้งวันครับ....เอาเป็นว่าหากท่านใดอยากจะสัมผัสบรรยากาศสนุก ๆ แบบนี้ขอเชิญพาลูกหลานมาเยียมพวกเราได้นะครับ "น้องโบลิ่ง" รอต้อนรับทุกท่านอยู่ ณ Hi Hug House@หนองราง คร้าบ!!!!
สำหรับวันนี้.....ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วม"ขี่ม้า.....มาชมตะโก้"ด้วยกันนะครับ 5555
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง
13/02/2558
มาถึงตอนท้าย น้ำลายไหยเยยย...ฮา
-สวัสดีครับพี่หนาน
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจนะครับ
เย้ๆเข้าได้แล้ว
ไปตามอ่านควาเห้นในบันทึกก่อนหน้านี้นะครับ
555
ตะโก้ของโปรดค่ะ ทำเองแบบนี้ไส่เนื้อเยอะดีนะคะ ทั้งข้าวโพด ทั้งเผือก อร่อยแบบนี้ระวังอ้วนนะคะ