ชื่อเรื่องวิจัย ผลความยั่งยืนของโปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวก ต่อภาวะซึมเศร้า ในนักศึกษาพยาบาล..............
The Effects of Sustaining Positive Self-Talk Training Program On Depression Among Nursing Students..................
บทคัดย่อ
นักศึกษาพยาบาล เป็นผู้ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในระยะคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นเด็กต่อเนื่องกับความเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงมากและรวดเร็วในทุกด้านทั้งด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์และสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์วิกฤตในชีวิตเช่นนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ เป็นกลุ่มที่มาจากพื้นที่ที่มีปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง นักศึกษาหลายคนที่ได้รับประสบการณ์ทางลบจากเหตุการณ์โดยตรงหรือโดยอ้อมมาเป็นเวลาหลายปีติดต่อกันบางคนมีประสบการณ์การสูญเสียบิดามารดา ญาติ พี่น้องและบุคคลที่ตนรัก รวมทั้งการที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงและมีภาวะเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือการอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านเช่น การเรียนการสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ชั้นปีที่ 3 ที่มีเนื้อหาการเรียนที่ยากและซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการฝึกภาคปฎิบัติ นักศึกษาต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษายังมีภาวะซึมเศร้าหรือมีภาวะซึมเศร้าแฝง เป็นความผิดปกติที่เกิดจากความคิดที่บิดเบือนและมีความคิดต่อตนเอง อนาคต และประสบการณ์ในชีวิตในทางลบก็อาจมีผลต่อการปลูกฝังวิชาชีพพยาบาลได้
การพูดกับตัวเองทางบวกมีความเกี่ยวข้องกับความคิดหรือการรับรู้ของบุคคลในการแสดงความรับผิดชอบหรือควบคุมตัวเองและความเป็นไปของชีวิตโปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวกเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการประยุกต์เพื่อใช้เป็นทางเลือกเมื่อเกิดการรับรู้ที่บิดเบือนหรือเพื่อปรับระบบการคิดดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของโปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวก คือ เพื่อใช้เป็นยุทธวิธีทางความคิดในการลดภาวะซึมเศร้าโดยศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 45 คนใช้วิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจงสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง 15 คนและกลุ่มควบคุม30 คนโดยจับคู่ตามระดับภาวะซึมเศร้า (ระดับน้อยถึงปานกลาง)โดยกลุ่มทดลองจะได้รับการสอนและฝึกให้พูดกับตัวเองทางบวกในขณะที่กลุ่มควบคุมให้ดำเนินชีวิตตามปกติเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล2) แบบประเมินภาวะซึมเศร้าของเบ็ค (Beck Depression Inventory IA [BDI-IA]) แปลโดยมุกดาศรียงค์และหาความเชื่อมั่นโดยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้เท่ากับ .933) โปรแกรมการพูดกับตัวเองทางบวกที่สร้างขึ้นโดย ขวัญจิตมหากิตติคุณ(2548)สร้างตามแนวคิดของนีลสันโจนส์(Nelson-Jones, 1990)ซึ่งแปลและดัดแปลงโดยดาราวรรณต๊ะปินตาศรีนวลวิวัฒน์คุณูปการและขวัญจิตมหากิตติคุณตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่านนำมาคำนวนหาค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาได้เท่ากับ .82และหาความเชื่อมั่นโดยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้ค่าความเชื่อมั่นของคะแนนการพูดกับตัวเองทางบวก และคะแนนการพูดกับตัวเองทางลบเท่ากับ .83 และ .82 ตามลำดับผู้วิจัยนำมาดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาสถิติทดสอบค่าทีชนิด 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกันและชนิด 2 กลุ่มที่สัมพันธ์กันได้ผลการศึกษาดังนี้
1. นักศึกษาพยาบาลกลุ่มทดลองมีคะแนนภาวะซึมเศร้าหลังการทดลองน้อยกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. นักศึกษาพยาบาลกลุ่มทดลองมีคะแนนภาวะซึมเศร้าหลังการทดลองน้อยกว่ากลุ่มควบคุมในระยะหลังการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.นักศึกษาพยาบาลกลุ่มทดลองมีความยั่งยืนของการพูดกับตัวเองทางบวกภายหลังการใช้โปรแกรมการพูดกับตัวเองทางบวก
ผลการศึกษาสรุปได้ว่าโปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวกมีประสิทธิภาพในการช่วยลดภาวะซึมเศร้าในนักศึกษาพยาบาลได้และมีความยั่งยืนของการพูดกับตัวเองทางบวกภายหลังการใช้โปรแกรมการพูดกับตัวเองทางบวกโดยอัตโนมัติและมีความยั่งยืนที่ทำให้นักศึกษามีกระบวนการทางปัญญาและไม่กลับมามีภาวะซึมเศร้าอีก ดังนั้นอาจารย์พยาบาลและพยาบาลจิตเวชสามารถเรียนรู้ทักษะการใช้โปรแกรมนี้และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดภาวะซึมเศร้าในนักศึกษาพยาบาลและในวัยรุ่นทั่วไป
ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย
ในการนำผลการวิจัยไปใช้ด้านการปฏิบัติการพยาบาล
อาจารย์พยาบาลและพยาบาลจิตเวชสามารถเรียนรู้ทักษะการใช้โปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวกและนำไปใช้ลดภาวะซึมเศร้าในนักศึกษาพยาบาลและวัยรุ่นทั่วไปได้โดยการจัดให้กลุ่มตัวอย่างได้ฝึกคิดและฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆด้วยการใช้วิธีการที่หลากหลายเช่นฝึกเปลี่ยนประโยคการพูดกับตัวเองทางลบให้เป็นทางบวกฝึกคิดประโยคการพูดกับตัวเองทางบวกต่อเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจฝึกพูดกับตัวเองในใจฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกทั้งนี้การใช้วิธีการที่หลากหลายจะช่วยให้กลุ่มตัวอย่างเกิดแนวทางในการได้มาซึ่งวิธีการคิดและพูดกับตัวเองทางบวกได้ต่อไปนอกจากนี้วิธีการเหล่านี้ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ทางความคิดช่วยให้บุคคลมีโอกาสได้แสดงความสามารถทางความคิดรู้จักคิดทบทวนถึงความคิดของตนเองและความคิดของผู้อื่นและมีความคิดที่เกิดจากการคิดได้ด้วยตนเองซึ่งจะทำให้เกิดการคงอยู่ทางความคิดและการพูดกับตัวเองทางบวกได้อย่างยั่งยืน
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับระยะเวลาและความถี่ในการดำเนินกิจกรรมตามโปรแกรมการฝึกพูดกับตัวเองทางบวกที่แตกต่างไปจากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เช่นดำเนินกิจกรรมในแต่ละครั้งด้วยระยะเวลาที่สั้นและกระชับ (ประมาณ 45-60 นาที) โดยใช้ความถี่ในการจัดกิจกรรมทุกวันทั้งนี้การใช้เวลาอันสั้นในแต่ละครั้งของกิจกรรมจะทำให้กลุ่มตัวอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยล้าทางความคิดจนเกินไปและการใช้ความถี่ในการจัดกิจกรรมที่บ่อยครั้งเป็นวิธีการสร้างทักษะทางความคิดแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ได้รับการกระตุ้นให้ฝึกคิดและพูดกับตัวเองได้บ่อยๆ
2. ควรมีการศึกษาติดตามผลของความยั่งยืนของความคิดและพูดกับตัวเองทางบวกและ
ติดตามประเมินภาวะซึมเศร้าซ้ำเนื่องจากการทำงานของกระบวนการทางปัญญาเป็นระบบความคิดที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาได้เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าหรือเหตุการณ์ที่เข้ามาในชีวิตดังนั้นถ้าเกิดการคงอยู่ของการคิดและพูดกับตัวเองทางบวกแสดงให้เห็นถึงความสามารถของบุคคลที่จะนำทักษะการคิดและพูดกับตัวเองทางบวกไปใช้เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาทางอารมณ์ที่รุนแรงได้ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
จุลจราพรศรีเพชร. (2544). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น. วิทยานิพนธ์
พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการพยาบาลอนามัยชุมชน, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล.
ดวงใจกสานติกุล. (2542). โรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์ผิดปกติรักษาหายได้.
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปราโมทย์สุคณิชย์. (2540). โรคซึมเศร้าในเด็กและวัยรุ่น. วารสารสมาคมจิตแพทย์
แห่งประเทศไทย,42(1), 35-49.
พรสวรรค์ธาราธรรมรัตน์. (2543). ผลของการรับรู้ข้อมูลแบบไม่รู้ตัวร่วมกับการให้ข้อมูลก่อนและหลังการรับรังสีรักษาและวิธีคิดเชิงบวกต่อความคาดหวังตามแนวคิดของโนวอทนีย์ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการพยาบาลผู้ใหญ่, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล.
มัณทนานทีธาร. (2546). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะซึมเศร้าของเด็กวัยรุ่นในอำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาสุขภาพจิตและ
การพยาบาลจิตเวช, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
รณชัยคงสกนธ์. (2547). สถานการณ์และเทคโนโลยีการแก้ปัญหาสุขภาพจิต. การประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติครั้งที่ 3 ปี 2547. กรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข.
ลัดดาแสนสีหา. (2536). ความซึมเศร้าและความคิดอัตโนมัติทางลบของวัยรุ่นตอนปลาย.
วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช,บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
วราภรณ์ตระกูลสฤษดิ์. (2543). จิตวิทยาการปรับตัว. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ส่งเสริมวิชาการ.
วีระชูรุจิพร. (2542). วิธีจัดการกับภาวะซึมเศร้าของคนไทย. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย,7(3), 176-178.
วัชรินทร์จันทนาลักษณ์. (2541). ความหวังและการพูดกับตนเองทางบวกของผู้ติดเชื้อเอชไอวี.
วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช,
บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศรีเรือนแก้วกังวาล. (2545). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัยเล่ม 2วัยรุ่น-วัยสูงอายุ.
(พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สดใสเกตุไนย. (2543). ผลของการรับรู้ข้อมูลแบบไม่รู้ตัวร่วมกับการให้ข้อมูลการปฏิบัติตัว
และวิธีคิดเชิงบวกต่อความคาดหวังตามแนวคิดของเฮิร์ทในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รักษา
ด้วยการผ่าตัด. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการพยาบาลผู้ใหญ่,
บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล.
สมภพเรืองตระกูล. (2542). ตำราจิตเวชศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 6).กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์.
สมภพเรืองตระกูล. (2543). โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย. (พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์.
สมภพเรืองตระกูล. (2546). ตำราจิตเวชศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 7).กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์.
สมโภชน์เอี่ยมสุภาษิต. (2543). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม.(พิมพ์ครั้งที่4).กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุมาพรตรังคสมบัติ, และ ดุสิตลิขนะพิชิตกุล. (2539). ภาวะซึมเศร้าในเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย,41(3), 162-172.
อัญชลีฉัตรแก้ว. (2546). ผลการบำบัดทางปัญญาต่อภาวะซึมเศร้าของเยาวชนหญิงใน
สถานสงเคราะห์.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาสุขภาพจิตและ
การพยาบาลจิตเวช,บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
American Psychiatric Association. (1994). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (4thed.). Washington, DC:Author.
Beck, A.T., Rush, A.J., Shaw, B.F., & Emery, G. (1979). Cognitive therapy ofdepression.
NewYork:TheGuilfordPress.
Braiker, H.B.(1989, December).The power ofself-talk. Psychology Today, 23(2), 23-27.
Burnett.,P.C. (1994). Self-talk in upper primary school children: its relationship with irrational beliefs, self-esteem and depression, Journal of Rational-Emotive and Cognitive-Behavior Therapy, 12, 181-188.
Burns, D.D. (1981). Feeling good: The new mood therapy. New York:William Morrow and Company.
Davidhizar, R.E. (1996). Increasing self- confidence through self-talk.
Home Healthcare Nurse, 14(2), 119-122.
Fennell, M.J.V. (1993). Depression. In K. Hawton, P.M. Salkovskis, J. Kirk, & D.M.clark (Eds.), Cognitive behavioral therapy for psychiatric problems: A practical guide (pp. 169-234). Oxford:Oxford University Press.
Grainger,R.D. (1991). The use -and abuse-of negative thinking . American Journal of Nursing, 91(8), 13-14.
Haugh, J.A., & Powtowski, J. (1996). Creating metacognitive experiences during written communication : Positive self-talk using the thinking mirror. Reading Horizon, 37,
75-93. Retrieved March 20, 2004, from ScienceDirect database.
Magellan of CaliforniaState of California EAP Newsletter. (2003, August). Developing a positive attritude . Living healthy working well. Retrieved March 17, 2004, from http:// www. dpa.ca.gov/ benefits/ Orther/ EAP/ News/ August 03.pdf
Nelson-Jones, R. (1990). Thinking skill: Managing and preventing personal problems.
Pacific Grove:Brooks / Cole Publishing Company.
Salmans, S. (1995). Depression : Question you have answer you need. New York:
Windows on the World Publishing.
Steinberg, L. (1999). Adolescence. (5 th ed.). New York:McGrew-Hill.
Tackett, C. (2004). Avoid negative thinking: Choose to be positive. Retrieved March 17, 2004, from http:// www. heartmnitors.com/ positive.html
Weikle, & Julia, E. (1993). Self-talk and self health. ERIC Clearinghouse on reading English and communication. Retrieved March 20, 2004, from http:// www. ericfacillity.net/database/ERIC Digests/ed 361813.html
Williams, J.M.G. (1984). The psychological treatment of depression: A guide to the theory and practice of cognitive-behaviour therapy. NewYork:The Free Press.
Zimmer, S. (2004). Self-talk: What you say to yourself determines your experience. Retrieved March 20, 2004, from http:// www. self-expression.com/ self_talk.htm
ไม่มีความเห็น