กราฟ: IMF พยากรณ์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปี 2014-2016/2557-2559 (หน่วย: ร้อยละ)
เรียงจากบนลงล่าง
.................................................................................
การประชุมเศรษฐกิจโลก ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ปีนี้ (2558)
ธนาคารโลก ผู้มองโลกในแง่ดี พยากรณ์โลกไปแล้ว
ต่อไปจะเป็น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ผู้มองโลกแบบ ผู้คุมกฎกติกา
.
หลังจีนโตช้าที่สุดในรอบ 25 ปี
หรือ ย้อนหลังไปถึงปี 1990/2533
อินเดีย จะโตเร็วกว่าจีนในปี 2559
ทำให้ อินเดียเป็นแรงใหม่ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
.................................................................................
IMF คาดการณ์เศรษกิจโลก ต่ำกว่าธนาคารโลก = 0.3%
.
IMF คาดเศรษฐกิจโลกโต มากกว่าธนาคารโลก
ซึ่งคาดว่า ปี 2015/2558 = 3%
ยูโรโซน และญี่ปุ่น ได้รับผลดีจาก
น้ำมันราคาต่ำลง ค่าเงินลดลง
ทว่า... แรงเฉื่อยจากการโตช้ามาหลายปี
จะยังทำให้ 2 กลุ่มนี้ โตช้าต่อ
.
ปีนี้ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ เงินยูโร และเยนราคาตก
ดีกับ ประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองแดง)
ร้ายกับ ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์
.................................................................................
ดีกับ ประเทศที่ค่าเงิน อิงยูโร หรือเยน
เพราะ ค่าเงิน จะลดลง
ส่งสินค้าออก ได้มากขึ้นยู
.
ร้ายกับ ประเทศที่ค่าเงิน อิงดอลลาร์สหรัฐฯ
เพราะ ค่าเงิน จะเพิ่ม
ส่งสินค้าออก ได้น้อยลง
.................................................................................
เงินไทย อิงดอลลาร์ฯ มากกว่า ยูโรหรือเยน
ทำให้ ค่าเงินไทย เสี่ยงแข็งค่า
สินค้าส่งออกแพงขึ้น
ส่งออกได้น้อยลง
ธนาคารโลก และ IMF เห็นตรงกันคือ
เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว
รวมสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
ปี 2015-2016/2558-2559 = 2.4%
.
สหรัฐอเมริกา จะโตเร็ว
จากความต้องการสินค้า-บริการ ในประเทศ,
น้ำมันราคาต่ำ และ ค่าเงินต่ำ (ผลจากการทำ QE)
.................................................................................
ยูโรโซน จะโตช้าต่อ
ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการลงทุนต่ำต่อเนื่อง
.
ญี่ปุ่น จะได้รับผลดีจากการทำ QE
ทำให้ค่าเงินต่ำ ส่งออกเพิ่ม
การชะลอขึ้นภาษีบริโภค
และ น้ำมันราคาต่ำ
.
ประเทศเศรษฐกิจโตเร็ว (emerging market) ขยายตัวช้าลง
จากการที่จีนโตช้าลง รัสเซียถดถอย และ สินค้าโภคภัณฑ์ราคาต่ำ
•ปี 2015/2558 = 4.3%
•ปี 2014/2559 = 4.7%
.................................................................................
กราฟ: IMF พยากรณ์เศรษฐกิจโลก กราฟนี้แสดงเฉพาะปี 2015-2016/2558-2559
.
จีนจะเริ่มเข้มงวดกับ การปล่อยสินเชื่อเกินตัว
ทำให้การลงทุนลด และ โตช้าลง
.
ธนาคารเพื่อการลงทุน UBS
คาดการณ์จีน ปี 2015/2558 = 6.8%
.
กลุ่มเศรษฐศาสตร์ออกซ์ฟอร์ด (Oxford Economics)
พยากรณ์จีนต่ำกว่า IMFปี 2015/2558 = 6.5%
และ จะเป็นปีสุดท้าย ที่จีนโตเกิน 6%
.................................................................................
20 มค.58 รายงาน เศรษฐกิจจีนโต = 7.3%
ในไตรมาส 4 (3 เดือนที่ 4) ของปี 2557
แม้ จะโตกว่าประมาณการณ์ที่ 7.2%
.
แต่ ก็โตช้าที่สุดในรอบ 20 กว่าปี
และ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 1998/2541
ที่เศรษฐกิจทั้งปี โตต่ำกว่า 7.5%
.................................................................................
อินเดียโตเร็วขึ้น
.
ปี 2016/2559 จะเป็นปีแรกที่
อินเดีย (6.5%) โตเร็วกว่าจีน (6.3%)
.................................................................................
เอเชียน-5 (ASEAN-5) หรือกลุ่มเอเชียนกลางๆ
เศรษฐกิจ ไม่ก้าวหน้าแบบ สิงคโปร์
ซึ่ง ภาคบริการ เช่น ธนาคาร ประกัน สำนักงาน ก้าวไปไกลมาก
.
ไม่ล้าหลังแบบ พม่า-ลาว-กัมพูชา
ซึ่ง ภาคบริการ และ อุตสาหกรรม เช่น โรงงาน ยังก้าวไปไม่ไกล
และ โครงสร้างพื้นฐาน
โดยเฉพาะ น้ำ ไฟ ถนน ขนส่ง ยังไม่พร้อม
ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม
.................................................................................
เอเชียน-5 จะโตช้าลง ตามจีน
.
IMF มองว่า เศรษฐกิจโลก ยังมีความเสี่ยง คือ
(1). ถ้าสหรัฐฯ ยกเลิก QE เร็ว
จะดูดเงินลงทุนจากประเทศกำลังพัฒนา กลับสหรัฐฯ
(2). ปัจจัยเสี่ยงทาง ภูมิรัฐศาสตร์
หรือ การเมืองเฉพาะจุด
เช่น ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ลดการผลิต
หรือ มีการปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ
.................................................................................
IMF มองว่า ช่วงน้ำมันราคาต่ำ
ควรจะรีบลดการพยุง (จ่ายเงินเพื่อเปลี่ยน) ราคาเชื้อเพลิง
เช่น การทำให้ดีเซล-แก๊สหุงต้ม ราคาต่ำกว่าจริง
.
ทำให้ กลไกการตลาดบิดเบือน
คนรวยจะฉวยโอกาส
เช่น คนรวยมาก ใช้รถดีเซล
คนรวยปานกลาง ใช้รถแก๊ส
.................................................................................
การที่อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจเล็ก
= 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2013/2556 และโตเร็ว
ทำให้ ตัวเลขการเจริญเติบโตของอินเดียดู "ใหญ่เกินตัว"
เมื่อเทียบกับจีน = 9.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯ
.
สรุป คือ IMF มองว่า
(1). จีน จะโต แต่โตช้าลง
(2). สหรัฐฯ จะฟื้น และโตต่อ
(3). ยูโรโซน ญี่ปุ่น จะโตช้าต่อเนื่อง
(4). อินเดีย จะโตเร็วขึ้น
.................................................................................
อินเดีย จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ "ใหม่"
ทั้งนี้และทั้งนั้น... จะต้องไม่มีการพลิกโผ
เช่น อยู่ๆ ซาอุฯ ก็ปรับลดการผลิตน้ำมัน
หรือ สหรัฐฯ ปรับลด QE แบบทันที
.
และ ต้องไม่มีสงครามใหญ่
ถึงตรงนี้... ขอให้ทุกๆ ท่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
……………………………………………………………………………………………
From > http://thediplomat.com/2015/01/imf-india-to-take-growth-lead/
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ