ผมเป็นคนขวางโลก คิดต่างจากคนอื่น จึงทำให้มีชีวิตที่พอเพียงอย่างนี้แหละ จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี แต่สำหรับการมีชีวิตแบบพอเพียง ต้องบอกว่าดี คือพอใจในสภาพที่ตนเป็น พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ คือสันโดษนั่นเอง
ผมเห็นการโยกย้ายตำแหน่งราชการบางตำแหน่งแล้วก็บอกตัวเองว่าถ้าผมได้มีโอกาสอยู่ในสภาพนั้น (if were นะครับ ไม่มีวันเป็นจริงได้) ผมจะขออยู่ในตำแหน่งเดิม ขอทำงานเดิมให้มันลุล่วงสำเร็จจนลงหลักปักฐานให้ได้ การโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานบ่อยๆ ไม่ทำให้ได้ประโยชน์ต่องานหรือต่อบ้านเมือง และทำให้เกิดโรคหลงผิดในสังคม คือหลงให้เกียรติ ให้การยกย่องคนที่ตำแหน่ง ไม่ใช่ยกย่องที่ผลงาน หรือหลงผิดยกย่องผลงานฉาบฉวย ฉาบหน้า ไม่ใช่ยกย่องผลงานที่สร้างรากฐานแก่สังคม
ผมตีค่าคนที่ผลงานแบบลึกซึ้ง มากกว่าตำแหน่ง หรือผลงานที่ฉาบฉวย
ที่จริงผมก็เคยอยู่ในสภาพนั้นอยู่บ้างนิดหน่อย ผมเคย "มือขึ้น" ในระดับถูกชวนให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญทางการบริหารหน่วยงานวิชาการ ที่เขาให้เงินเดือนสูงกว่าที่ผมเคยได้รับที่ สกว. มาก อย่างน้อยก็ ๒ องค์กร ผมปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด ด้วยเหตุผลตามย่อหน้าที่ ๒ ข้างบน
อุดมคติของผมคือ
(๑) อุทิศชีวิตสร้างผลงานที่ประณีต ลึกซึ้ง ไม่เน้นตำแหน่ง หรือชื่อเสียงแบบกลวงๆ หรือฉาบหน้า
(๒) เลือกทำงานที่เรารักและถนัด ไม่ลอยไปตามกระแส
(๓) ความเจริญในระยะยาวของหน่วยงานที่เราไปอยู่ ต้องสำคัญกว่าตำแหน่ง และชื่อเสียงของตัวเราเอง ดังนั้น ไปอยู่ในหน่วยงานไหน ต้องช่วยกันสร้างรากฐานให้แก่หน่วยงานนั้น ให้มีความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าในระยะยาว ซึ่งหมายความว่าเมื่อพ้นสมัยเราไปแล้ว รากฐานที่เราช่วยกันวางไว้ จะก่อผลไปอีกนาน แม้คนจะไม่เห็นตัวเรา หรือผลงานของเราแล้ว แต่ตัวเราเองจะมองกลับไปที่หน่วยงานนั้นด้วยความสุข และอิ่มเอิบใจ ข้อ ๓ นี้เขียนเสียยาว เขียนสั้นๆ คือสร้างคน สร้างความสามัคคี และความเห็นแก่ส่วนรวม เอาไว้ให้แก่หน่วยงาน
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ตค. ๔๙
หนูเป็นคนหนี่งที่ยึดหลักพอเพียงและพอใจ และถึงแม้จะไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่หนูก็รักงานที่ตัวเองทำ และตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะคุณค่าของคนเรา วัดการประสิทธิภาพของผลงานที่แหล่ะค่ะ ---- ขอบคุณอาจารย์สำหรับเรื่องราวดีๆ ที่แบ่งปันกันค่ะ