ในช่วงที่ได้มีโอกาสไปตะลอนเร่ร่อนไร้ที่สิงสถิตทั่วสารทิศของไทย ได้พบเจอ เรียนรู้และเข้าใจในความหมายของคำที่หลายๆคนกำลังเดินไปในคนละทิศคนละทางมากยิ่งขึ้น "เศรษฐกิจพอเพียง"
สิ่งหนึ่งเมื่อได้ยินคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงแล้วจะนึกขึ้นมาทันทีคือการทำเกษตร แต่เมื่อมองให้ลึกๆแล้วมันไม่ได้จำกัดขอบเขตไว้แค่เพียงวงการเกษตรเท่านั้น มันครอบคลุมไปถึงทุกวงการและทุกคนได้
คนที่ไล่ตามกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยม คนที่ไม่รู้จักขอบเขตของตนเอง ตนที่พยายามกอบโกยกับความสะดวกสะบายเข้ามา เหล่านี้คงไม่อาจเข้าใจในคำว่าพอเพียงมากนัก แต่กับคนที่เดินทาง ประกอบอาชีพในวีถีที่ตนเองเข้าใจในตัวเอง เข้าใจในขอบเขต เข้าใจในเหตุ ปัจจัย ที่เอื้อต่อวิถีของตนเองและเดินตามมัน นั่นแหล่ะคงเข้าถึงความพอเพียงได้
นอกจากนี้ในคราวที่ได้ไปเยือนถิ่นที่ราบสูงของประเทศไทย ได้มีโอกาสเข้ารับฟังและพูดคุยกับผู้ที่ดำเนินวิถีของเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิดของคำว่าพอเพียง วิถีแห่งการเข้าใจตนเอง
ท่านผู้นี้ได้ริเริ่มการปลูกพืชโดยใช้หลักของธรรมชาติที่เกื้อหนุนธรรมชาติด้วยกันเอง ให้ธรรมชาติเป็นผู้บำรุงรักษา ให้ธรรมชาติเป็นผู้เยียวยา ให้ธรรมชาติเป็นผู้อุ้มชู และให้ธรรมชาติเป็นผู้จัดการระบบของมันเอง ใช้การสังเกตุพื้นที่ อะไรอยู่กับอะไรได้ อะไรปลูกในส่วนไหนได้และอะไรที่เมื่อปลูกแล้วช่วยในพืชตัวอื่นได้โดยไม่หวังว่าจะต้องเป็นพืชที่กินได้หรือใช้ได้ทั้งหมด เพื่อนบ้านหลายคนมองเค้าว่าเป็นคนบ้า ปลูกอะไรที่ขายไม่ได้ แต่เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่ธรรมชาติสมบูรณ์เต็มที่ เค้าสามารถมีรายได้ทุกวันจากทุกส่วนของพืชที่เค้าลงแรงไป พืชที่หลายคนเห็นเป็นตัวตลก เป็นพืชที่ไม่มีราคา แต่วันนี้เค้าอยู่ได้ด้วยพืชเหล่านี้ อยู่ได้อย่างสุขสบายในธนาคารที่เค้าสร้างไว้เอง
ธนาคารที่มีเค้าเป็นเจ้าของและพนักงานในตัวเอง "ธนาคารชีวิต"
ธนาคารที่มีไว้เพื่อตัวเอง
วิถีทางแห่งชีวิต วิถีทางแห่งความอยู่รอด วิถีทางแห่งความพอเพียง วิถีทางของคนธรรมดาคนหนึ่ง