ทิพวรรณ มุกนําพร : พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ท่านมีความผาสุกในมิติจิตวิญญาณได้อย่างไร?


ฉันเป็นพยาบาลวิสัญญี ดูแลผู้ป่วยที่เข้าห้องผ่าตัดมานานกว่า 20 ปี เห็นผู้ป่วยที่ต้องถูกผ่าตัดมากกว่า 500 รายต่อปี เราต้องไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เราได้เห็นคนที่มีความวิตกกังวลสูง หลายคนปรับตัวได้ไม่ได้ มีความวิตกกังวล สีหน้าครุ่นคิด หลายคนไม่อยากฟังสิ่งที่เราต้องไปเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด เราจึงสนใจว่า คนเราทําไมจึงเป็นเช่นนี้ จึงเป็นจุดในการใฝ่ในธรรม ในเมื่อเราต้องทํางานในทางโลกอยู่ ไม่อาจละทางโลกได้เพราะยังมีภารกิจหลายประการ จึงไม่สามารถมุ่งไปทางธรรมได้อย่างเต็มตัว สิ่งเดียวที่สามารถทําได้ คือ การบริจาคทาน และการปฏิบัติธรรม การบริจาคทานที่ง่ายที่สุด คือ การไปจังหันอาหารเช้าให้กับภิกษุที่อาพาธที่ตึกสงฆ์ของโรงพยาบาล วันละประมาณ 5-10 รูปทุกวัน 

วันนี้ (29 กันยายน 2557 เวลา 7.30 น.) ก็เช่นกัน มีพระภิกษุอาพาธองค์หนึ่งที่ฉันไปถวายจังหัน ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดหนึ่งในเขตจังหวัดในภาคอิสาน อายุ 50 ปี มารักษาเนื่องจากโรคมะเร็งลําไส้ใหญ่กลับมาเป็นซ้ํา ท่านเคยเข้ารักษาที่นี่หลายครั้ง ฉันได้ดูแลและถวายอาหารเช้ามานานกว่า 1 เดือน ถึงแม้โรคกลับเป็นซ้ํา ท่านยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดี สีหน้าสงบ แพทย์มีแผนการรักษาโดยการฉายแสงทุกวัน ประมาณ 1 เดือน ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์

ฉันได้มีโอกาสถวายการดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธมานาน ฉันอยากทราบว่า ทําไมภิกษุสงฆ์อาพาธส่วนใหญ่จึงมีสีหน้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่วิตกทุกข์ร้อน เหมือนกับประชาชนทั่วไปที่เข้ามาผ่าตัดที่ฉันเห็น ฉันจึงอยากรู้ว่า มีอะไรบ้างที่ทําให้ท่านผ่านพ้นความทุกข์ได้ดีเช่นนี้ 

ก่อนไปทํางาน ฉันพอมีเวลา 30 นาที ฉันจึงขออนุญาตหลวงพ่อเพื่อจะสนทนาธรรม โดยใช้กรอบคําถามมิติจิตวิญญาณที่เคยอ่านผ่านมาบ้างเพื่อจะได้คําตอบครบถ้วนและตรงประเด็น

ฉันถามด้วยคําถามแรกว่า: หลวงพ่อมารักษาที่ตึกสงฆ์นี้หลายครั้งแล้วนะเจ้าคะ มีอะไรที่หลวงพ่ออยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลอย่างอื่น จากที่ดูแลอยู่ประจําบ้างไหมเจ้าคะ

หลวงพ่อตอบ: อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยแนะนําการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ถ้าหลวงพ่อหรือพระสงฆ์รูปอื่นรู้ก็จะรักษาตัวเองให้ดีขึ้นเร็ว เราจะได้หายป่วยเร็ว

พยาบาลถามต่อไปว่า: เห็นหลวงพ่อมารักษาหลายครั้งแล้ว แม้กระทั่งเวลานี้หลวงพ่อยังมีสีหน้าที่เข้มแข็ง อยากถามว่าอะไรที่ทําให้หลวงพ่อปรับตัวได้ดี หลวงพ่อมีสิ่งที่เชื่อและศรัทธาอะไรบ้างเจ้าคะ

หลวงพ่อตอบ: หลวงพ่อก็อาศัยธรรมพระพุทธเจ้าเป็นโอสถ มีญาติโยมมาให้การดูแล หลวงพ่ออยู่ได้ด้วยใจ อาศัยหลักการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ถ้าเกิดขึ้นแล้ว จะปฏิบัติอย่างไร ก็เป็นกันทุกคน ไม่ต้องไปวิตกกังวล ให้รักษาไปตามกระบวนการ ดูธรรมชาติความจริงจะได้รักษาได้ถูกต้อง โดยใช้การใคร่ครวญ รู้แล้ว รู้จักรักษา ปฏิบัติเป็นธรรมดา อยู่คู่กับโลกเรา ไม่ใช่เราจะอยู่เฉพาะเราคนเดียว

พยาบาลถาม: หลวงพ่อมาโรงพยาบาลเข้า ออกหลายครั้งแล้ว หลวงพ่อมีสิ่งที่คิดอยากจะทํา แต่ยังไม่ได้ทําหรือไม่เจ้าคะ

หลวงพ่อตอบ: มีหลายอย่าง บางสิ่งบางอย่างก็ไม่อยากพูด บางอย่างก็ไม่ได้อย่างใจคิด เป็นธรรมดา

พยาบาลถาม : เวลาที่หลวงพ่อคิดว่ามีปัญหาเกิดขึ้น หลวงพ่อมีอะไรเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่ดีที่สุดเจ้าคะ คนที่คอยให้กําลังใจและคนสําคัญที่สุดของหลวงพ่อมีไหมเจ้าคะ

หลวงพ่อตอบ: กําลังใจและสิ่งยึดเหนี่ยว ก็อาศัยญาติโยมและพี่น้อง ที่สําคัญที่สุดคือ ตัวเรา ถ้าเป็นหนักๆ ก็อาศัยธรรมมะ นั่งสมาธิก็ผ่อนคลายได้เยอะ ก่อนมาโรงพยาบาลก็ปวดขา ก็นั่งสมาธิ ใช้ธรรมมะเป็นโอสถ ทําแล้วก็ระงับและบรรเทาอาการปวดได้ การอยู่กับธรรมมะ อยู่กับพระพุทธเจ้า ต้องรู้จักวิธีนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ เวลามีปัญหาใดๆก็พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเท่านั้นเอง

พยาบาลถาม: หลวงพ่อยังได้ไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาไหมเจ้าคะ หรือกิจกรรมทางศาสนาที่ยังได้เข้าร่วมกับชุมชนยังมีได้ไหมเจ้าคะ

หลวงพ่อตอบ: ตอนนี้ยังพอไหว การไปร่วมกิจกรรมกับชุมชนก็มีหลายอย่าง ไปพูดธรรมมะในโรงพยาบาล เป็นการเบาเทาทุกข์ให้ผู้ที่เป็นโรคเหมือนกัน ดีแล้วที่เราเป็นโรคเราจะได้ระมัดระวังและรักษาตัวเองได้ เพราะเรารู้ว่าจะต้องรักษาตัวเองอย่างไรบ้าง

พยาบาลถามย้ําอีกว่า: อยากทราบว่าการเจ็บป่วยครั้งนี้ หลวงพ่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลืออะไรบ้างเพื่อให้การรักษาตัวเองให้ดีขึ้น

หลวงพ่อตอบ: อยากให้ช่วยแนะนําสิ่งที่ยังไม่รู้ หลายสิ่งหลายอย่างจะรู้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าได้รู้ว่าช่วงนี้มีอะไรจะต้องทําเพิ่มขึ้น การดูแลตัวเองจะได้ระมัดระวังได้ดี

หลวงพ่อพูดต่อว่า: ในชีวิตมีความภาคภูมิใจที่สุด คือ ได้เป็นศิษย์ตถาคต เพราะในชีวิตนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่าการเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า อีกอันหนึ่งคือ การได้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่กําลังทรัพย์ ก็เป็นสติปัญญา ได้ให้คําปรึกษาช่วยเหลือคนอื่น การทําได้สําเร็จก็ดีใจ

หลวงพ่อให้คําแนะนําต่อว่า: การทําอโหสิกรรมก็ดี มนุษย์เองถ้ามีการอโหสิกรรมก็เป็นเรื่องดี การเจ็บป่วยก็อาจเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร ก็อาจอโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร ขอให้เขามีเมตตาให้เรา เป็นเรื่องที่มองไม่เห็น ทําไว้ก็ไม่เสียหลาย

พยาบาล ถามต่อว่า: หลวงพ่อมีอะไรจะเล่าเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ

หลวงพ่อ ตอบว่า: ไม่มีแล้ว

พยาบาล: ขอขอบพระคุณหลวงพ่อที่เมตตา ถ่ายทอดการปรับตัวกับโรค ทั้งการปฏิบัติ วิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา ในอีกมิติหนึ่งเพื่อให้พยาบาลสามารถนําไปปรับใช้กับผู้ป่วยคนอื่นๆที่เราได้ดูแลต่อไป 

จากการสนทนาธรรมในครั้งนี้ ฉันเข้าใจแล้ว พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ท่านมีความผาสุกในมิติจิตวิญญาณได้อย่างไร? เพราะพระภิกษุอาพาธ ท่านถือว่าเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ใช้ธรรมมะเป็นโอสถ และใช้หลักการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดาของโลกนี้เอง

ทิพวรรณ มุกนําพร

พยาบาลวิสัญญี โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น

หมายเลขบันทึก: 577644เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2014 07:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน 2014 08:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นตัวอย่างการประเมินทางจิตวิญญาณตามกรอบ แต่สามารถเรียบเรียงคำถามได้ดีมากครับ ไม่เหมือนไล่ถาม 1 2 3 แบบแล้งๆครับ ต้องขอบคุณตัวอย่างที่ดีๆนี้มากครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท