สร้างจิตวิญญาณของครูที่แท้จริงได้หรือยัง?


          "นับว่าปัจจุบันนี้เป็นยุคของวัตถุและสังคมนิยมที่กำลังเจริญงอกงาม แต่ไฉนจิตวิญญาณของครูกลับสวนทางจนสัมผัสได้ ครูที่มีหัวใจแห่งความเป็นครูอยู่ที่ไหนกัน หรือว่าไม่มีอยู่แล้วในสังคมไทย"

                  ครูที่เรารักและให้ความเคารพนับถือ เชิดหน้าชูตาว่าเป็นครูที่ดี ครูที่อยู่ในดวงใจของเขาเหล่านั้น มันถูกกลั่นออกมาด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง เมื่อได้ไปสัมผัสกับโรงเรียนที่ไกล ทุรกันดารยากต่อความสะดวกสบายจะเข้าถึงการเดินทางที่แสนเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้า แต่ต้องอดทนฟันฝ่าอุปสรรค ก้าวข้ามผ่านไปให้ได้เพื่อหน้าที่ของครู เพื่อคนที่ครูรักและทุ่มเทสุดหัวใจ เพื่ออนาคตของชาติดินที่ครูปั้นในวันนี้ไม่ใช่ดินธรรมดาแต่อย่างใด หากเป็นดินที่มีชีวิตจิตใจ สัมผัสได้และพร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ฉันทุ่มเทให้ทั้งแรงกายและแรงใจ ครูที่มีความรักและหวังดีต่อศิษย์ สักวันครูคงได้เห็นดินที่ครูปั้นออกมาหลากหลายสวยงามไม่ต่างกัน แต่ใครกันเล่าจะรักและยังคงศรัทธาในวิชาชีพครูอย่างแท้จริง

หากแต่บางสิ่งที่ได้ประมาณค่าของวิชาชีพครูให้ต่ำลงด้วยการกระทำที่ไม่น่ายกย่อง ไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อหน้าที่ คงไม่เหมาะกับวิชาชีพครูอย่างสิ้นเชิง ครูที่สอนโดยไร้จิตวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ไม่ให้คุณประโยชน์ หากจะเปรียบกับพืชเมื่อแห้งเหี่ยวไปยังกลายเป็นปุ๋ย ครูที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม แล้วจะคงเหลือค่าอะไรทิ้งทวนไว้ เมื่อหมดวาระหน้าที่การงานลงไป ถ้าวิชาชีพครูต้องตกต่ำลงเพียงเพราะการกระทำของครูที่ไร้ซึ่งความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู นึกแล้วน่าสงสารเด็กที่มีโอกาสได้เรียนแต่ต้องมาพบวิบากกรรมกับแม่พิมพ์ของชาติ ถ้าหากครูมีความรักและศรัทธาในวิชาชีพครูแล้ว เหตุใดจึงอยากมีความมั่นคงทางการงานแต่ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูอยู่เลย ข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือภาระหน้าที่ของครูที่ต้องรับผิดชอบต่อลูกศิษย์ของตนเอง แต่กลับไม่ทำ หากแต่ไม่เหลียวหลังงานในหน้าที่ก็ควรหันมองเด็กตาดำๆ อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไรหากไม่ช่วยกันดูแลในวันนี้คงมีแต่ความล้มเหลวทางการศึกษาที่รอคอยประเทศชาติอยู่ และยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปก็ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่เช่นนั้น การศึกษานับวันจะถอยหลังลงทุกทีๆ ขาดคนดีมีคุณธรรมมาเป็นครู ขาดคนที่รักและศรัทธาในวิชาชีพ มีความต้องการอยากเป็นครู เพราะได้มีหน้าที่การงานมั่นคง เพราะได้เป็นข้าราชการ เป็นเพราะได้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เป็นเพราะได้เขียนผลงานทำตำแหน่งทางวิชาการ เป็นเพราะสามารถสร้างหนี้สินได้ในพริบตา แต่ถ้าจะสร้างลูกศิษย์ต้องขอเวลา นั่นก็เพราะขาดจิตวิญญาณความเป็นครูอย่างแท้จริง

                  สังคมไทยที่เคยยกย่องครูดี ยังมีอยู่จริงหรือไม่ ครูที่เคยหวงแหนศักดิ์ศรี ครูที่เคยรักและศรัทธาใน

วิชาชีพคงมีแต่คำเลื่องลือ แต่ไม่มีให้เห็นอีกต่อไปเพราะวัตถุและสังคมนิยมกำลังกลืนกินไปหมดแล้ว ไม่มีแม้เวลาที่จะสอน ขาดความรักและเอาใจใส่อนาคตของชาติ เพราะเราได้เห็นภาพครูในสังคมไทย ห่วงขายประกันชีวิต และเป็นตัวแทนขายตรงสินค้าต่างๆอีกมากมาย อย่าให้วิชาชีพครูถดถอยลงมากกว่านี้ เพราะการกระทำของบางกลุ่ม บางคน ลองย้อนกลับและหันมารักลูกศิษย์เท่าที่จะทำได้ ให้ความรักเขาเหมือนที่รักลูกหลานของตนเอง สอนเพราะใจที่อยากสั่งสมความดีงามเพื่อให้เขาเติบโตขึ้นไป เจริญงอกงามในสิ่งที่เขาอยากเป็น มุ่งมั่นสอนเพราะแรงบันดาลใจของครูที่ความกระหายใคร่รู้ในวิชาชีพที่มันประดังออกมา และพรั่งพรูจนเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ต้องหาทางถ่ายทอดวิชาที่ร่ำเรียนมา ไม่ว่าจะสอนจนหมดเรี่ยวแรงแต่ก็ได้ทำหน้าที่ของครูอย่างแท้จริง ไม่มีใครที่ไม่รักความก้าวหน้าในงานที่ทำ ไม่มีใครที่เห็นแก่ตัวได้มากที่สุด เพียงแต่ตอบแทนสังคม เพื่อไม่ให้วิชาชีพครูไม่ตกต่ำลงไปมากกว่านี้ ให้บุคคลที่ได้ชื่อว่าครู คือแบบอย่างที่ดีของศิษย์ ครูที่เป็นที่รักน่าเคารพยกย่อง ครูที่ใครหลายคนอยากเดินตามเป็นแบบอย่างฟังดูแล้งคงภูมิใจกว่าคำสาปแช่งในหน้าที่เสียมากกว่าเป็นไหนๆ เพียงแต่เราแค่หันไปหลงระเริงกับบางสิ่งบางอย่าง อันทำให้ต้องละเลยหน้าที่ แต่ไม่นานก็จะหันหลังกลับมาเพราะก้นเบื้องลึกของหัวใจ เชื่อว่าทุกคนคงยังมีความเป็นครูไม่มากก็น้อย เพียงแต่เรากล้าที่จะคิดและลงมือทำ คิดเสียว่าใครไม่ทำเราแต่เราต้องทำ เพราะวิชาชีพมันกลั่นออกมาจากหัวใจ ให้เรารักลูกศิษย์ และอยากเห็นลูกศิษย์ได้ดี ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามอย่าให้วัตถุมาอยู่เหนืออุดมการณ์มากนักถึงแม้กินไม่ได้แต่ยังมีความดีติดตัวก่อนวัยเกษียณอายุราชการ ยังมีเรื่องราวของความเป็นครูที่สังคมได้ประณามวิชาชีพครูเพียงเพราะคนบางกลุ่ม

ครูที่ดีเรายังคงเชิดชู นับว่าเขาเกิดมาเพื่อวิชาชีพนี้อย่างแท้จริง เกิดมาเพื่อเป็นผู้ที่เสียสละ เกิดมาเพื่อรักคนอื่นมากกว่าตนเองและพร้อมที่จะร่วมกันปั้นดินธรรมดาๆให้เป็นรูปเป็นร่าง หากแต่ดินที่ปั้นเป็นดินที่มีชีวิต มีความงดงามอยู่ในตัวของมันเอง ขาดก็เพียงแต่คนที่ปั้นต้องปั้นด้วยความรักเอาใจใส่และเต็มใจที่จะปั้น เท่านั้นก็คงพอที่เราจะรอดูรูปปั้นเหล่านั้นมาเดินอย่างสง่างามในโลกอนาคต และเราคงจะภูมิใจถึงแม้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตอบแทนเราด้วยเงินทอง แต่เป็นการตอบแทนทางด้านจิตใจ มากกว่าที่เราจะยึดถือของนอกกายมาแทนที่จิตใจ ความรู้สึก นึกคิด หรืออุดมการณ์ที่เราเคยมีแต่กลับเก็บเข้าลิ้นชักไว้จนนานเกินไป ทำให้จิตวิญญาณของครูเหลือน้อยลง และสวนทางกลับวิชาชีพอย่างสิ้นเชิง ถ้าเรามองข้ามจุดเล็กๆแบบนี้ไป วิชาชีพหรือจรรยาบรรณที่ค้ำคอเราอยู่ก็คงไม่มีค่าอะไรที่ให้เราใส่ใจ มีไว้เป็นข้อบังคับที่ให้เราท่องจำกันจนขึ้นใจ หากแต่ปฏิบัติกันไม่ได้สักที

                ความรักและศรัทธาในวิชาชีพ มันถูกฝังจนหยั่งรากลึกไม่สามารถถอนราก ถอนโคนได้เสียแล้ว เพราะความรักที่มีต่อศิษย์ เพราะอยากเห็นเด็กเป็นคนดี และครูอาจจะกลายเป็นอนุสาวรีย์แห่งความดีที่ใครๆพากันกราบไหว้ เมื่อครูคือความหวัง เป็นที่หวังและเป็นความปรารถนาอันสูงส่งของสังคมดังนี้แล้วพฤติกรรมของครูจึงถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาจากสังคมทั่วไปๆ นับได้ว่าเป็นสิ่งที่น่ายกย่องในสังคมไทยหากครูยังคงมีหัวใจ แรงใฝ่ดีจะทำงานตามหน้าที่ของอุดมการณ์ที่ฉุกคิดขึ้นได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาในสังคม คือ จะกระตุ้นปลุกจิตวิญญาณของครูให้กลับมาดังเดิม ได้อย่างไรจึงจะเป็นแบบอย่างครูดีในดวงใจเหมือนที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากเป็น ต้องเป็นครูด้วยหัวใจที่อยากเป็นไม่ใช่เป็นเพราะใคร แต่ที่ใจเรานั่นเอง ความศรัทธามันสร้างได้แต่คงต้องใช้เวลา แต่ก็ไม่นานเกินรอเพราะวิชาชีพนี้ก็ยังอยู่กับเราอีกนานจากรุ่นสู่รุ่น ต่อให้ครูลาออกจากวิชาชีพนี้ไปแล้วก็ ก็ยังคงตราตรึงกับลูกศิษย์เสมอเพราะเขาก็จะเรียกเราติดปากว่าครู อาชีพที่ไม่ใช่พระแต่ทุกคนต้องยกมือไหว้ ให้ความรักและเคารพ นอบน้อมไม่เคยเปลี่ยน เราสอนคนอื่นได้ แต่ด้วยเพราะอะไรกันที่เราจะไม่ย้อนกลับมาสอนตัวเองกันเสียบ้างให้ เข็ดหลาบกับการกระทำที่ผ่านเลยไป ทิ้งเสียแล้วเริ่มต้นใหม่ เป็นครูดีที่เรารู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องรอหรือหวังให้ใครกล่าวขาน ยังดีเสียกว่าถูกตราหน้าว่าใช้วิชาชีพทำมาหากิน หวังผลประโยชน์ หรือหารายได้จากหน้าที่การงานโดยตั้งใจ อย่างน้อยไม่มีใครสะอาดขาวบริสุทธิ์ และก็ไม่มีใครที่มีสีเทาจนเกินไป ในดีมีเสียปะปนกันไป หากแต่เราจะยืนหยัดด้วยหลักของพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้พระราชดำรัสไว้ เมื่อวันที่ ๑๕มีนาคม ๒๕๑๒ “ผู้ที่เป็นครูก็มี ที่จะเป็นครูก็มี ต้องนึกถึงความรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเป็นครูแล้วลูกศิษย์จะต้องนับถือได้ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นครู ไม่ใช่วางตัวอย่างหนึ่งแล้วมาสอนศิษย์อีกอย่างหนึ่ง ลูกศิษย์เขาเอาอย่าง ” ข้อความข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนที่พอจะกระตุ้น และดึงจิตวิญญาณของครูให้พอกลับมาได้ไม่มากก็น้อย เพราะถ้าเราสอนคนอื่นได้เราก็ต้องสนเองได้ก่อน และเราก็ต้องตระหนักถึงลูกศิษย์ให้เขาได้รับรู้ เข้าใจถึงพฤติกรรมอันดีงามเพราะเพียงแค่เขามีครูดีอยู่ในดวงใจวันข้างหน้า เขาอาจยึดถือเป็นแบบอย่าง แล้ววันนั้นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุด จะตอบได้ว่าไม่ใช้ทรัพย์สินเงิน ทองแต่เราจะพูดว่า ความสุขของคนเป็นครูก็มีเท่านี้แหล่ะ คือ วันที่เห็นศิษย์ได้ดี หวังว่าสังคมไทยเราเป็นสังคมที่เกื้อหนุน ให้อภัยกับความพลาดพลั้งของวิชาชีพที่สูง แต่สิ่งที่มีอยู่สูง และเหนือกว่านั้น คือจิตใจอันดีงามของผู้ที่รักและศรัทธาในวิชาชีพด้วยใจที่มั่นคง หวังว่าเราคงได้เห็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี ตกไปอยู่ที่ใดก็เจริญงอกงาม เพราะถูกหว่านลงด้วยความรักและเมตตา เมื่อไรที่ฝันนี้จะเป็นจริงเสียที....อย่าให้วิชาชีพครูตกต่ำไปกว่านี้อีกเลย

คำสำคัญ (Tags): #จิตวิญญาณครู
หมายเลขบันทึก: 577227เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2014 10:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน 2014 10:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท