เรื่องดีที่ผมอ่านแล้วประทับใจ ขอเก็บมาเป็นบันทึกสอนใจ และให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้เรียนรู้ร่วมกันครับ
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข ไม่มีอะไรเป็นที่พอใจหรือได้ดังใจสำหรับตัวเขาเลย
จึงคิดที่จะดั้นด้นเดินทางไปพบพระเซน
เพื่อขอคำแนะนำและด้วยความหวังว่าจะพบความสุขที่แท้จริง
พระเซนมองเขานิ่งอยู่ขณะหนึ่งแล้วจึงกล่าวกับเขาว่า
“ท่านมองออกไปทางหน้าต่างสิ และบอกอาตมาถึงสิ่งที่ท่านเห็น”
ชายหนุ่มมองออกไปข้างนอก วิวด้านนอกวัดสวยและร่มรื่น
มีผู้คนแต่งชุดหลากสีสันกำลังมาไหว้พระ
ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ด้านข้างเขาเห็นสระน้ำร่มรื่น
จึงเผลอมองด้วยความเพลิดเพลินชั่วขณะหนึ่ง
แล้วจึงหันมาบอกพระว่า
“ผมเห็นผู้คนมากมายผ่านไปมาบนถนนเข้ามายังวัด
เห็นสระน้ำที่ด้านนอกไกลออกไป ทิวทัศน์ของวัดร่มรื่นมาก ”
พระเซนยื่นกระจกบานหนึ่งให้เขา กล่าวว่า
“คราวนี้เจ้าลองส่องกระจกดูสิ แล้วบอกข้าว่าเจ้าเห็นอะไร”
ชายผู้นั้นมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้ม ก่อนจะตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดว่า
“ผมมองเห็นตัวเองในกระจก”
พระเซนจึงถามต่อไปว่า...
“แล้วท่านมองเห็นคนอื่นมั้ย”
ชายหนุ่มนิ่งงัน
“........................................”
พระเซนจึงกล่าวต่อว่า...
“ท่านลองคิดดูสิว่าบานหน้าต่างและกระจกส่องหน้า
เป็นผลผลิตจากวัตถุชนิดเดียวกันคือแก้ว
แต่กระจกถูกเคลือบด้วยวัสดุด้านหลังเพื่อสะท้อนด้านเดียว
ซึ่งทำให้ท่านมองเห็นแต่ตัวเอง
แต่ในขณะที่ท่านมองผ่านทางกระจกใสของหน้าต่าง
ท่านมองเห็นคนอื่นๆ และโลกภายนอก
อาตมาเปรียบเทียบกระจก 2 ชนิด ให้ท่านเห็น
กระจกนี้ก็เหมือนกับใจของเรา
ถ้าเราปิดกั้นไม่ให้มันโปร่งใส มันก็จะเห็นอะไรด้านเดียวเสมอ
เมื่อท่านเห็นแต่ตัวท่านอยู่เพียงสิ่งเดียว โลกของท่านก็มีแต่ท่านเป็นศูนย์กลาง
จะมีสิ่งใดที่ได้ดั่งใจท่าน เมื่อเอาตัวท่านเป็นที่ตั้ง
แต่ถ้าท่านปลดปล่อยจิตใจให้มันโปร่งใส
ท่านจะเห็นอะไรทะลุผ่านจิตใจของเราออกไปอีกกว้างไกล
ได้เห็นโลกในความเป็นจริง และตระหนักว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก
มุมชีวิตที่มองอย่างปิดกั้น
ย่อมต่างจากมุมชีวิตที่เปิดกว้างและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้าสู่ใจของท่านเอง.."
พระเซน ยิ้ม ชายหนุ่มยิ้ม.....
ขอบคุณ คุณ paang จาก http://www.agalico.com/
ขอบคุณ
เรื่องดีๆเป็นช่วยให้ "มุมชีวิตที่มองอย่าปิดกั้น
ย่อมต่างจากมุมชีวิตที่เปิดกว้างและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้าสู่ใจของท่านเอง.."