เป็นที่รับรู้กันในหมู่คนไทยส่วนใหญ่ว่า คนอินเดีย(หมายถึงพวกที่นับถือศาสนาฮินดู) เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือพูดง่าย ๆ ว่าขี้โกง ตามสำนวนไทยที่บอกว่า "ถ้าเจอแขกกับงู ให้ตีแขกก่อน" จริง ๆ แล้วคนอินเดียไม่ไช่คนขี้โกงอย่างที่คนไทยเข้าใจ แต่เป็นคนที่นิยมใช้สมองหรือกลอุบายมากกว่า คือเขาไม่ได้มองว่าโลกนี้สดสวย งดงาม บริสุทธิ์ ผุดผ่องเหมือนกับที่คนไทยมองครับ แต่เขามอกโลกว่าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เพราะฉะนั้นการที่จะอยู่บนโลกนี้ได้ท่านต้องใช้สมอง ปัญญา หรือกุศโลบาย และเพื่อจะให้เห็นภาพชัดเจนผมจะยกกรณีตัวอย่างมาจากกลยุทธ์ในการทำสงครามเพื่อชัยชนะในมหากาพย์มหาภารตยุทธ อันยิ่งใหญ่ ว่าชัยชนะของเหล่าปาณฑพในแต่ละครั้งได้มาด้วยกลอุบายที่แยบยลทั้งนั้น
ชัยชนะของกษัตริย์ฝ่ายปาณฑพล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากกลอุบายทั้งสิ้น เพราะถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้วกองกำลังของฝ่ายปาณฑพไม่มีทางเอาชนะฝ่ายเการพได้เลย แต่เพราะมีสุดยอดกุนซืออย่างพระกฤษณะที่คอยวางแผนกลยุทธ์ให้ จึงทำให้ฝ่ายปาณฑพชนะแม้ว่าจะมีกำลังน้อยกว่า ( 7 กองพล ต่อ 11 กองพล) ในการโค่นล้มแม่ทัพคนแรกคือ ภีษมะ แม่ทัพผู้ไม่เคยปราชัยแก่ผู้ใดและไม่มีใครสามารถฆ่าได้ตราบใดที่มีธนูอยู่ในมือ เพราะฉะนั้นในการเอาชนะภีษมะจึงจำเป็นต้องใช้กลอุบาย ฝ่ายปาณฑพก็มาคิดกันว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ภีษมะวางอาวุธ (ธนู) พระกฤษณะจึงวางแผนให้ศิขัณฑินขับรถม้าศึกไปท้ารบกับภีษมะ เนื่องจากศิขัณฑินเป็นครึ่งหญิงครึ่งชาย (กะเทย) จึงทำให้ภีษมะปฏิเสธที่จะรบด้วยและได้วางอาวุธลง ในขณะที่ภีษมะวางธนูลงอรชุนกับพระกฤษณะที่หลบอยู่ข้างหลังรถม้าของศิขัณฑินก็ปรากฎตัวออกมา อรชุนนักรบที่เก่งที่สุดในการใช้ธนูก็ระดมยิงภีษมะ แม่ทัพผู้เกรียงไกรของฝ่ายเการพจนพรุนทั้งร่าง เป็นการโค่นแม่ทัพคนแรกของฝ่ายเการพหลังสงครามดำเนินมาได้ 10 วัน
กรณีตัวอย่างที่สองเรื่องการใช้กลอุบายจากมหากาพย์มหาภารตยุทธ์ คือ กลยุทธ์ของฝ่ายปาณฑพในการโค่นโทรณาจารย์ แม่ทัพคนที่สองของฝ่ายเการพ เนื่องจากว่า โทรณาจารย์เคยเป็นอาจารย์สอนยิงธนูให้กับพี่น้องปาณฑพทั้ง 5 องค์ คือ ยุฏิษเฐียร ภีมะ อรชุน นกุล และสหเทพ ทั้งห้าคนนี้ย่อมไม่มีใครกล้าต่อกรกับโทรณาจารย์และในกลุ่มพี่น้องปาณฑพก็มีเพียงอรชุนเท่านั้นที่มีฝีมือการรบทัดเทียมอาจารย์ เพราะฉะนั้นหน้าที่ในการสังหารโทรณาจารย์จึงเป็นของธฤษฏะทยุมันแม่ทัพของฝ่ายปาณฑพ แต่ฝีมือของธฤษฏะทยุมันยังห่างไกลโทรณาจารย์มาก มีวิธีเดียวที่จะสังหารโทรณาจารย์ได้คือต้องหาทางให้โทรณาจารย์วางอาวุธ โดยปกติโทรณาจารย์มีบุตรเพียงคนเดียวชื่ออัศวถามา ซึ่งเป็นบุตรที่โทรณาจารย์รักมาก และเป็นนักรบคนสำคัญของฝ่ายเการพด้วย ฝ่ายปาณฑพที่มีพระกฤษณะเป็นมันสมองจึงออกกลอุบายโดยให้ภีมะไปฆ่าช้างชื่อว่าอัศวถามา แล้วก็ไปตะโกนบอกโทรณาจารย์ว่าอัศวถามาถูกฆ่าแล้ว โทรณาจารย์พอได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจแต่ยังไม่เชื่อโดยทันทีจึงรีบขับรถม้าไปสอบถามยุฏิษเฐียรผู้ที่รับรู้ทั่วกันว่าไม่เคยกล่าวคำโกหก ซึ่งยุฏิษเฐียรก็ตอบไปด้วยเสียงดังว่า “อัศวถามาตายแล้ว” และเปล่งเสียงให้เบาลงว่า “แต่เป็นช้างชื่ออัศวถามานะ” โทรณาจารย์ได้ยินเฉพาะประโยคแรกจึงเข้าใจว่าตนเองเสียลูกชายไปแล้ว จึงหมดอาลัยตายอยาก ทิ้งอาวุธจากมือแล้วก็นั่งลงเข้าสมาธิ จังหวะนั้นเองธฤษฏะทยุมันจึงถือดาบเดินเข้าไปตัดศรีษะแม่ทัพของฝ่ายเการพ เป็นชัยชนะอีกครั้งของฝ่ายปาณฑพหลังจากสงครามดำเนินไปได้ 15 วัน
ในกรณีตัวอย่างที่สามเรื่องการใช้กลอุบายในมหากาพย์มหาภารตยุทธ์คือการโค่นแม่ทัพคนที่สามของฝ่ายเการพ แม่ทัพคนที่สามต่อจากภีษมะและโทรณาจารย์ก็คือ กรรณะซึ่งว่าโดยความเป็นจริงแล้วกรรณะเป็นพี่ชายคนโตของเหล่ากษัตริย์ปาณฑพทั้ง 5 แต่เรื่องถูกปกปิดเอาไว้เหล่าปาณฑพจึงรู้เพียงแค่ว่ากรรณะเป็นเพื่อนรักของทุรโยชน์ และพระกฤษณะก็รู้ดีว่าในสมรภูมิรบครั้งนี้นักรบที่เก่งที่สุด คือ กรรณะ เขาเป็นคนเดียวที่เอาชนะอรชุนได้ กรรณะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่สองอย่าง คือ เกาะเพชรที่ได้รับจากพระอินทร์และธนูพรหมศาสตร์ที่ได้รับจากพระอิศวร วิธีที่จะเอาชนะกรรณะได้ก็คือต้องหาทางปลดอาวุธทั้งสองนี้ให้ได้ พระกฤษณะจึงแปลงเป็นพราหณ์เพื่อไปขอเกราะเพชรในระหว่างที่กรรณะกำลังทำพิธีอาบน้ำชำระบาป เพราะถ้ามีใครไปขออะไรในระหว่างพิธีทำการชำระบาป กรรณะจะไม่ปฏิเสธ ส่วนธนูพรหมศาสตร์นั้นว่ากันว่ากรรณะเตรียมเอาไว้เพื่อสังหารอรชุนโดยเฉพาะ และเป็นความโชคดีของอรชุนที่มีคนรับกรรมไปแทน คือ กโฏตจะ บุตรของภีมะที่เกิดจากนางรากษส (ยักษ์) ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ทำลายกองทัพ พลทหารของฝ่ายเการพจำนวนมหาศาลถูกกโฏตจะใช้อิทธิฤทธิ์เวทมนต์สังหารจนกรรณะทนดูการล้มตายของพลทหารไม่ได้ เลยใช้ธนูพรหมศาสตร์สังหารกโฏตจะ ซึ่งอาวุธทรงอานุภาพนี้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ว่ากันว่าทั้งหมดเป็นแผนการปลดอาวุธกรรณะของพระกฤษณะนั่นเอง เพราะฉะนั้นกรรณะจึงไม่มีอะไรที่เหนือกว่าอรชุน และเมื่อทั้งสองมาเผชิญหน้ากันก็ต่อสู้ด้วยธนูอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้และความโชคร้ายก็มาถึงกรรณะเมื่อรถม้าศึกไปติดหล่ม กรรณะจึงขอเวลานอกเพื่อไปยกล้อรถขึ้นจากหล่ม จังหวะนั้นเองที่พระกฤษณะได้สั่งให้อรชุนลงมือสังหารกรรณะ อรชุนก็ไม่ยอมเพราะเป็นการเสียเกียรตินักรบ แต่พระกฤษณะก็ย้ำว่าถ้าไม่ใช้โอกาสนี้อรชุนก็จะไม่มีทางสังหารกรรณะได้ และถ้ากรรณะไม่ถูกสังหารกองทัพฝ่ายปาณฑพก็ไม่มีวันที่จะเอาชนะกองทัพฝ่ายเการพได้ เพราะฉะนั้นอรชุนจึงจำใจต้องฝืนกฎการรบด้วยการยิงธนูสังหารกรรณะระหว่างกำลังยกล้อรถนั่นเอง และนี่ก็เป็นชัยชนะของฝ่ายปาณฑพในการโค่นแม่ทัพคนที่สามของฝ่ายเการพหลังสงครามดำเนินไปได้ 17 วัน ก่อนที่สงครามจะสิ้นสุดลงในวันต่อมาคือ ในวันที่ 18 ของการทำสงคราม ฝ่ายปาณฑพสามารถเอาชนะเการพได้โดยเด็ดขาด
ไม่มีความเห็น