บทกวีของลูก
ขออนุญาตเอาบทกวีที่ลูกเขียนสมัยเรียนชั้นประถม ๕ เชียนเพื่อส่งการบ้านให้ครู มีประวัติศาสตร์ในวันนั้นด้วยนิดหน่อย
วันนี้อ่านบันทึกเก่าจึงเอามาแลกเปลี่ยนอีกครั้ง ขอบคุณที่มาเยี่ยมและอ่านบทกวีนี้ค่ะ
จงตื่นเถิด..อย่าหากิเลสเพิ่มเลย
อันสังขารไม่มีรีรอ
มีมาพอให้เห็นแค่เศษเสี้ยว
กี่ทางเลี้ยวจะวกหรือคดเคี้ยว
บิดบิดเบี้ยวเบี้ยวดวงวิญญาณ์
ดั่งนี้เหมือนกายดับสิ้นท่า
เหมือนว่าปลิ้นปล้อนร้อนวิชา
ไม่มีเหมือนหายตลอดกาลมา
แก่ชราร่ายเวทก็มิได้
ใช้มันให้คุ้มค่ายิ่งนัก
ทักถามถึงอมตะฤทธิไกร
อิทธิฤทธิ์มิช่วยมีสิทธิ์ให้
เพราะใจมีฤทธิ์ช่างน้อย
คิดจะทำความตายให้อมตะ
อิสรภาพไม่ท้อถดถอย
ที่มีไม่มีหรือมีมากน้อย
เฝ้าคอยคิดถามเวียนวน
คิดปล่อยวางปล่อยนิ่งกันเถิด
เกิดใหม่ชาติหน้าอีกหน
ดวงแก้วดวงชีวาขวางผจญ
วาสนาดลก่อเกิด กิเลส
มันไม่มุ่งทำร้ายทำลาย
หรือมุ่ง?หรือสลาย?พิเศษ
อาจเศร้าโศกสลดพูนเทวษ
เบิกเนตรเห็นธรรม์ครรลอง
ภู
๑ ๑ ๑ ๑ ๑
วันที่ลูกมานอนเฝ้าแม่ผ่าตัด คุณครูให้การบ้านคือเขียนกลอนสี่ หรือ กลอนหก ก็ได้
วันก่อนผ่าและหลังผ่า แม่นอนฟังแผ่นซีดี "ธรรม-ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช" อยู่เป็นส่วนใหญ่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ลูกฟังไปด้วย หรือเขาฟังเทศนาธรรม มาบ่อย ๆ จากโรงเรียน จึงเกิดบทกลอนนี้ขึ้น
เขาเขียนของเขาเอง ได้ยาวกว่านี้ จำได้ว่าแปดบท แม่ช่วยตัดออกไปส่วนหนึ่ง
จำนวนคำในแต่ละวรรคนั้น ไม่แน่ไม่นอนประสาเด็ก แต่ที่แน่ ๆ คือเกินสี่คำ และเกินหกคำ
ข้างบนนี้คือ ที่แม่ช่วยดูช่วยปรับคำให้แล้ว(สีน้ำตาล)
มิน่าว่า พ่อดูตื่นเต้นมาก ๆ
บอกว่ามีอะไรให้แปลกใจเล่น ถ้าแม่แข็งแรงดีขึ้น
เมื่อดิฉันบรรเทาอาการท้องอืด ตอนนั้นครบยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังผ่าตัด
คุณพ่อก็ยื่นเศษกระดาษยับยู่ยี่เล็กน้อยให้แผ่นหนึ่ง แม่ตะลึงเช่นกัน
แม้บางคำผิดสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ แต่ได้ใจความเนื้อหาสาระสำคัญ
โดยเฉพาะ วรรคที่ดิฉันขีดเส้นใต้ไว้นั้น เป็นของเจ้าตัวเดิม ๆ
แต่งได้อย่างไร แม่ก็..งง ๆ ..เช่นกัน
เก่งมากๆ เลยนะคะ
ตัวน้อยแค่นี้ เข้าใจโลกได้เยอะเชียวค่ะ
หลานเก่งมากครับ ฝีมือปอห้าระดับเซียนมากครับ