เป็นจดหมายจากญาติของคนไข้ที่เสียชีวิตไปแล้วและเขียนเล่าความรู้สึกจากส่วนลึกเขียนส่งถึงฉัน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของช่วงเวลาสุดท้ายของน้าชาย ผู้ป่วยชายไทยพุทธ อายุ 50 ปี ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่ลุกลามไปตับ กระดูกสันหลัง ได้รับการฉายรังสี 5 แสง บริเวณกระดูกสันหลังแบบประคับประคอง โดยหวังว่าเรื่องราวที่บอกเล่าในจดหมายจะเป็นวิทยาทานสร้างประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังที่อาจต้องพบประสบการณ์สำคัญของชีวิต ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยากลำบากซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย
ในจดหมายฉบับนี้ เล่าว่าน้าชายเป็นชาวประมงมาทั้งชีวิตโตมากับท้องทะเลหาปลาแต่เพียงคนเดียวบนเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก ชีวิตบนเรือที่โดดเดี่ยวกลางทะเลกว้าง เฝ้ามองผืนฟ้า และพื้นน้ำคือบุคลิกที่แท้จริงของน้า ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกเมียให้เป็นภาระห่วงใย แต่น้าเคยอุปการะเด็กผู้ชายคนหนึ่งส่งเสียให้เล่าเรียนจนเติบใหญ่ปัจจุบันมีการงานมั่นคงมีใจความว่า
“ตลอดเวลาที่ดูแลน้าก็รู้ว่าน้าเป็นคนที่อดทนมากไม่ดื้อ ไม่บ่น ไม่เคยร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวดของโรคร้ายนี้ เลยดิฉันทราบว่าคนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายจะเจ็บปวดทรมานมากแต่น้าเป็นคนอดทนคงด้วยเกรงใจหลานกระมัง (น้าเป็นคนโสดไม่มีครอบครัว)
น้าใส่ท่อช่วยหายใจทางปากมาประมาณ ๑๐ กว่าวัน คุณหมอก็บอกว่าจะต้องเจาะคอ ใส่ท่อทางปากหลายวันจะทำให้ติดเชื้อ หลังจากนั้นอีก ๒ วัน หมอก็ถามอีกว่าญาติปรึกษากันแล้วหรือยังว่าจะเอาอย่างไรจะให้หมอเจาะคอหรือจะถอดท่อที่ปากออกแล้วเอากลับบ้านดิฉันถามคุณหมอว่าถ้าถอดออกแล้วคนไข้จะอยู่ได้นานไหมได้กี่วันคุณหมอตอบว่าหมอก็บอกไม่ได้อาจจะอยู่ ๑ ชั่วโมง๖ชั่วโมงหมอตอบไม่ได้จริง ๆ
ดิฉันตกใจมากเพียง ๑ หรือ ๖ ชั่วโมงเท่านั้นเองหรือดิฉันเครียดและสับสนการถอดท่อช่วยหายใจจากปากก็เท่ากับดิฉันฆ่าน้าทั้ง ๆ ที่น้ายังรู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดิฉันคงจะไม่มีความสุขชั่วชีวิตบาปจะติดตัวดิฉันไปตลอด ดิฉันจึงโทรศัพท์หาคนโน้นคนนี้ตลอดทั้งวัน ญาติบางคนก็บอกว่าให้หมอถอดออกแล้วเอากลับบ้านอยู่ก็ทรมานทั้งคนป่วยและคนเฝ้าบางคนบอกว่าแล้วแต่ดิฉันวันนั้นฉันร้องไห้ทั้งวันเพราะสงสารน้าถ้าเจาะคอน้าต้องเจ็บต้องทรมานอีกถ้าถอดน้าจะต้องตายเพาะหายใจเองไม่ได้จะต้องตายทั้ง ๆ ที่น้ายังมีสติยังรู้เรื่องทุกอย่างยังยิ้มและรับไหว้เวลามีคนมาเยี่ยม
ดิฉันได้โทรปรึกษาคุณกานดาวศรี คุณพยาบาลโรงพยาบาล มอ. พยาบาลแผนกรังสีรักษา ที่กรุณาให้เบอร์ติดต่อไว้สำหรับปรึกษา เวลาฉุกเฉินดิฉันได้เล่าอาการของน้า คุณพยาบาลได้ช่วยปรึกษาอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญโรคมะเร็งและให้คำแนะนำที่มีประโยชน์กับดิฉัน
คุณกานดาวศรีได้แนะนำดิฉันว่าให้พยายามคุยกับคนไข้ถามว่า น้ามีอะไรห่วงไหม มีกังวลอะไรหรือเปล่า คุณพยาบาลแนะนำทำให้ดิฉันมีสตินั่งคุยกับน้าตลอดเวลา น้ารับรู้ทุกอย่างดิฉันบอกว่า ถ้าต้องการเหมือนที่ดิฉันพูดให้น้าบีบมือดิฉันนะน้าก็ทำตามทำให้ดิฉันรู้ว่าน้าต้องการพบใครบ้าง ดิฉันจึงได้โทรศัพท์ร้องขอให้คนที่น้าอยากเจอให้มาเยี่ยมน้า ทุกคนที่มาทำให้น้าสดชื่นและก็ดูสงบลงมาก
ดิฉันได้สวดมนต์ให้น้าฟังบอกน้าว่า ฟังดิฉันสวดมนต์แล้วให้น้านึกถึงพระ นึกถึงผ้าเหลือง นึกถึงแต่สิ่งดี ๆที่น้าทำมาตลอดชีวิต น้าจำได้ไหม น้าไปตลาดเห็นเขาเอางูมาขายเอานกมาขายน้ายังซื้อและให้คนนำไปปล่อย น้าเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่นเสมอพวกเราทุกคนรักน้านะ ตอนนั้นน้าสงบตาปิด เอามือน้ามากุม น้าก็ไม่บีบมือตอบดิฉันดิฉันได้สวดมนต์และพูดตลอดเวลา แม้น้าจะไม่ลืมตาแล้วก็ตาม ดิฉันนั่งสวดมนต์จนคุณพยาบาลหัวหน้าตึกท่านสงสารท่านกรุณาให้ยืมเทปพระสวดมนต์มาเปิดให้น้าฟัง
หลังจากที่น้าเจอคนที่อยากเจอมาเยี่ยม วันรุ่งขึ้นน้าก็จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องเจาะคอและไม่ต้องถอดท่อช่วยหายใจดิฉันและญาติได้กรวดน้ำตามความเชื่อของศาสนาพุทธเพื่อส่งดวงวิญญาณน้าไปสู่สุคติ
ดิฉันไม่เคยเขียนอะไรให้คนอื่นอ่านดิฉันอาจจะลำดับเรื่องราวไม่ถูกแต่ดิฉันก็เขียนจากความรู้สึกและตั้งใจที่จะบอกกับท่านที่มีญาติป่วยระยะสุดท้ายและท่านเป็นคนดูแลเขาอยู่ท่านอาจจะมีความทุกข์เครียดและสับสมเหมือนอย่างดิฉันเมื่อคนที่ท่านรักป่วยระยะสุดท้ายและกำลังจะจากไป เราอาจจะช่วยไม่ให้เขาต้องทุกข์ทรมานมากเมื่อเรารู้ปมปัญหาของผู้ป่วย
หากเรื่องที่ดิฉันเขียนนี้มีประโยชน์กับท่านบ้างดิฉันขออุทิศบุญกุศลนี้แก่ดวงวิญญาณของคุณ ขอให้ดวงวิญญาณของคุณน้าไปสู่สุคติถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้น้ามีเมียมีลูก และครอบครัวที่อบอุ่นด้วยเทอญ
ดิฉันขอกราบขอบพระคุณคุณกานดาวศรี ตุลาธรรมกิจ ที่เป็นกำลังใจคอยโทรสอบถามอาการของน้าตลอดระยะและขอบคุณที่แนะนำสิ่งที่ดีที่สุดแก่ดิฉัน”
หลานน้า
การตัดสินใจเลือกระหว่างเจาะคอ หรือถอดท่อช่วยหายใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งผู้ป่วยขณะที่ยังมีสติหรือญาติเท่านั้นที่มีสิทธิตัดสินใจแน่นอน กรณีของผู้ป่วยรายนี้จึงไม่สามารถให้คำแนะนำใด ๆ เพื่อช่วยเหลือในการตัดสินใจแต่ฉันได้โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทาง Palliative ว่าควรทำอย่างไรในประเด็นนี้ แพทย์แนะนำว่าให้ญาติปรึกษาแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยว่า ขณะนี้การพยากรณ์โรคเป็นอย่างไร ถ้าพยากรณ์โรคไม่ดีก็ไม่ควรเจาะคอเพราะโรคก็จะดำเนินไปข้างหน้าแต่ถ้าพยากรณ์โรคดี เช่น ปอดอักเสบพอให้ยาปฏิชีวนะก็ดีขึ้น ส่วนอวัยวะอื่นๆยังดีอยู่ก็ควรเจาะคอ หลังได้ปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลรักษาพบว่าพยากรณ์โรคไม่ดีอวัยวะส่วนอื่นก็เสื่อมเนื่องจากมีการลุกลามของมะเร็งในที่สุดญาติตัดสินใจไม่เจาะคอ นอกจากนี้ฉันให้คำแนะนำที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้ทำในสิ่งที่ค้างคาใจโดยให้ญาติถามผู้ป่วยว่า “ต้องการพบใครบ้างพอพูดถึงลูกบุญธรรมผู้ป่วยบีบมือญาติแน่น” หลังจากผู้ป่วยได้พบลูกบุญธรรมรุ่งเช้าผู้ป่วยก็เสียชีวิตไปอย่างสงบ
สวัสดีค่ะพี่ฟ่ง
สิ่งที่พี่ฟ่งทำน่าชื่นชมมากเลยค่ะ ช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลได้จัดการสิ่งค้างคา เป็นกำลังใจ และช่วยเหลือผู้ดูแลซึ่งเกิดความเครียด ความสับสน
ทาง Pal2know ขออนุญาตินำบันทึกนี้ ไปรวบรวมไว้ ที่นี่ และขอสรุปเป็นประเด็นเกี่ยวกับผู้ดูแล แบบนี้ พอจะได้มั้ยคt มีอะไรควรปรับหรือเพิ่มเติมหรือไม่คะ
ขอบคุณค่ะ