คุณป้าเสียงลึกลับ กับการปฏิบัติธรรมปี 57


สวัสดีค่ะ หนึ่งห่างหายไปนานมากกกกกกกจากการเขียนบันทึก คิดว่าน่าจะเป็นปีเลยค่ะ วันนี้มีเรื่องนึงที่อยากบันทึกเก็บไว้ เกี่ยวกับการไปปฏิบัติธรรมที่เวฬุวันอีกครั้งนึงของหนึ่งค่ะ

เมื่อวันที่ 7-11 ก.ค.57 ที่ผ่านมานี้ หนึ่งมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการฯ (พัฒนาบุคลากร) ของทางโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีอีกครั้ง ไม่ต้องนับว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ คือหนึ่งไปทุกปี อิอิ โครงการนี้เป็นการส่งจนท.เข้าวัดปฏิบัติธรรม ฝึกสติ เจริญสมาธิ ซึ่งในปีนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจลงชื่อเข้าร่วมโครงการเอง (ปีแรกๆจะเป็นการบังคับทุกคนต้องเข้า แต่จากการประเมินผลแล้วพบว่า สมัครใจไปได้ประโยชน์กว่า) ปีนี้ก็แบ่งเป็น 4 รุ่นเหมือนเดิมค่ะ หนึ่งลงชื่อไปรุ่นที่ 2 ซึ่งมีจนท.ลงชื่อไว้ทั้งหมด 16 คน แต่ก็กลับไปก่อน 1 คน การปฏิบัติธรรมนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากปีก่อนๆเลยค่ะ กิจกรรมหลักๆคือ เดินจงกรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น

ถามว่า มาปฏิบัติธรรมทุกปี เบื่อมั้ย ?? ก็ตอบว่า แต่ละปีที่มา แม้จะมีกิจกรรมซ้ำๆเดิมๆ แต่จริงๆแล้วไม่เคยซ้ำเดิมเลยค่ะ มีเหตุการณ์และเรื่องราวใหม่ๆเสมอๆ สิ่งที่ได้กลับมาด้วยในแต่ละปี ก็แตกต่างกันไป และหนึ่งเชื่อว่า แต่ละคนที่มาพร้อมกัน ก็อาจได้ไม่เหมือนกันเช่นกันค่ะ

ปีนี้หนึ่งตั้งใจว่าจะปิดวาจาให้ครบ 5 วัน (ปีที่แล้วทำได้ 3 วัน เพราะหนึ่งไปนอนกับหน่วยงานอื่น ไม่รู้จักใครเลยไม่ได้พูดกะใคร อิอิ) เลยประกาศกับน้องๆที่ลงชื่อรุ่นเดียวกันว่า ปีนี้พี่หนึ่งตั้งใจจะปิดวาจาให้ได้ทั้ง 5 วัน ห้ามชวนพี่หนึ่งคุยนะคะทุกคน อิอิ มาถึงเวฬุวัน วันแรกจนวันลาศีล ขอบอกเลยว่า หนึ่งไม่สามารถปิดวาจาได้เลยซักวันเดียว (ภารกิจล้มเหลว แหะๆ) 

ความตั้งใจอีกอย่างก่อนมาเวฬุวันคือ หนึ่งตั้งใจจะตัดขาดการติดต่อทั้งทางโทรศัพท์ ทางเฟสบุค ,ไลน์ (ซึ่งปกติ ออน24ชม.) และไม่เสพข่าวใดๆ ทุกสื่อ ถึงขั้นโพสสเตตัสบอกเพื่อนๆไว้เลยค่ะ อิอิ ตั้งใจสุดๆ ถามว่า ทำได้มั้ย ??..... อิอิ 

สำหรับคนอื่นหนึ่งไม่รู้ แต่สำหรับหนึ่งมันท้าทายความ "อยาก" "เคยชิน" ที่ทำอยู่ประจำมากๆค่ะ (คืออยากลองวัดใจตัวเองดูด้วยค่ะ) วันแรกที่มาถึงหนึ่งก็ปิดสัญญาณเน็ท (ในมือถือค่ะ) แต่ยังอ้างกับตัวเองว่า ไม่ปิดมือถือ เพราะจะใช้เป็นนาฬิกาปลุก และใช้เป็นกล้องถ่ายรูป เพียงวันแรกก็แอบเปิดเน็ทตั้งแต่พักช่วงก่อนทำวัตรเย็นแล้วค่ะ แหะๆ บอกตัวเองในใจว่า แค่เช็คดูเฉยๆ แต่ก็มีเรื่องให้ต้องตอบ line จนได้ค่ะ 555 

ดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้มาเขียนต่อดีกว่าค่ะ ....

.......................

ย้อนไปเมื่อหลายยยยยยยยยยปีก่อน หนึ่งเป็นคนที่จริงจัง ซีเรียส เจ้าระเบียบมากๆค่ะ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ (ที่หนึ่งคิดว่าถูก) เวลาเห็นใครก็ตาม หรือสิ่งใดก็ตามที่ไม่อยู่ในกฏระเบียบ หรือที่ควรจะเป็น หนึ่งมักจะหงุดหงิด และตำหนิบุคคลเหล่านั้นเสมอๆ อาจทั้งตำหนิต่อหน้า และตำหนิในใจ ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ทำให้หนึ่งเองเครียด ทุกข์ ร้อน ใจอยู่คนเดียวจริงๆ หลังจากที่ได้มาปฏิบัติธรรม (โชคดีมากที่หนึ่งมีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมอย่างน้อยก็ปีละครั้ง ครั้งละ 5-6วัน ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ส่วนใหญ่ก็เป็นทางโรงเรียน ทางโรงพยาบาลจัดให้ แรกๆก็แนวบังคับต้องไปทุกคน หลังๆก็ไปเองบ้างในวันหยุด) หนึ่งรู้สึกได้ว่าตัวเราเองนั้น ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์บางอย่างได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้คิด พูด หรือปฏิบัติในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องได้ หนึ่งพูดภาษาพระไม่เป็น ขอเขียนเป็นภาษาที่หนึ่งเข้าใจนะคะ

 

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ หนึ่งเริ่มใจเย็นมากขึ้น และปล่อยวางได้หลายอย่าง คือไม่ไปเครียดกะทุกเรื่อง เหมือนเมื่อก่อน อิอิ เช่น เวลาคนอื่นเค้าพูดถึงเรา(ลับหลัง) บังเอิญเราได้ยินพอดี๊พอดี ถ้าเป็นเมื่อก่อน หนึ่งก็จะโกรธมาก โมโหมาก เสียใจมาก ถามว่าทำอะไรได้มั้ย ตอบเลยว่าไม่ อิอิ มีแต่ความร้อนใจ ทุกข์ เสียใจ คนเดียว แต่เดี๋ยวนี้ จะพูดถึงลับหลัง หรือต่อหน้า พูดเรื่องจริง หรือเรื่องไม่จริง ก็ดีกว่าเมื่อก่อนค่ะ อย่างน้อยไม่ทุกข์หนักเหมือนเมื่อก่อน หนึ่งคิดและบอกตัวเองเสมอว่า เราไปห้ามความคิด คำพูดของคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือปรับที่ตัวเรา (ขนาดตัวเราเองยังห้ามยากเลย จะไปห้ามคนอื่นได้ไง อิอิ) หรือเป็นเพราะเราโตขึ้น ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาเยอะ ทำให้สามารถทำใจได้มากขึ้นกว่าสมัยวัยรุ่นก็ไม่รู้นะคะ อิอิ

จริงๆหนึ่งอยากเขียนความรู้สึกผิดเล็กๆในใจหนึ่ง ซึ่งมันทำให้หนึ่งปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองได้เลยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า วันแรกที่มาปฏิบัติธรรม หนึ่งนั่งแถวกลาง และมีคุณป้าท่านนึงนั่งอยู่ใกล้ๆ สาเหตุที่ทำให้หนึ่งรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กๆ (ขอเน้นว่าเล็กๆๆๆเท่านั้นจริงๆค่า อิอิ) คือใจหนึ่งก็คิดว่า การปิดมือถือ หรือถ้าไม่ปิด ก็ควรปิดเสียง เวลาที่เราอยู่ในห้องประชุม โรงหนัง หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมเช่นนี้ยิ่งต้องการความสงบ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องคิดได้เองโดยไม่ต้องมีใครบอกใครเตือน แต่เหตุการณ์คือ 

วันแรกขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจฟังพระอาจารย์เทศน์ และแนะนำวิธีการนั่ง ยืน เดิน อยู่นั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น (บอกเลยว่ามันดังมาก) พระอาจารย์ไม่ได้หยุดพูด เพื่อนๆก็ยังคงฟังต่อ หนึ่งเองด้วย แต่เวลาผ่านไปหลายนาที เสียงโทรศัพท์นั้นก็ยังคงดังต่อเนื่อง เริ่มมีการหันมามองตามเสียง รวมทั้งหนึ่งเองด้วย นั่นล่ะ คุณป้าต้นกำเนิดเสียงถึงได้ทำท่ารีบร้อนคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมา รับสาย "ฮัลโหล........" เอิ่ม ... หงุดหงิดเล็กน้อยยยยยยยค่ะ อิอิ 

วันที่2 ที่เก่าเวลาเดิมค่ะ เสียงโทรศัพท์เดิมดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เรากำลังนั่งสมาธิ (บอกเลยว่า ดังมาก และยาวนานมากกว่าจะกดรับสายหรือปิดเสียง) อิอิ พระอาจารย์บอกว่า เวลาเรานั่งสมาธิ แล้วมีอะไรมารบกวน ให้กำหนดรู้สิ่งรบกวนนั้นๆ แล้วค่อยกลับมากำหนดลมหายใจต่อ เราก็ "เสียงหนอๆๆๆๆๆๆๆ" ก็นั่งต่อจนครบเวลา แต่ในใจเริ่มกรุ่นๆค่ะ 

จากนั้น พระอาจารย์ขอให้ทุกคนฝากโทรศัพท์+IPAD ไว้ที่พระอาจารย์ในระหว่างที่อยู่ที่เวฬุวัน และจะคืนให้ในวันกลับค่ะ โอ้ววววววววว...บีบคั้นอารมณ์พอควรในวันแรกที่ไม่มีมือถือติดตัว 555 เหตุการณ์นี้ทำให้หนึ่งรู้ว่า ไม่มีมือถือ เราก็อยู่ได้ ตื่นตี3 ได้โดยไม่ต้องตั้งปลุก (ตอนแรกกังวลมากว่าจะตื่นทันมั้ย) ไม่ได้ถ่ายรูปก็ไม่เป็นไร (งือๆๆๆ แหะๆ)  เหตุการณ์วันที่ต้องฝากโทรศัพท์นั้น พระอาจารย์เรียกถามที่ละคนเลยค่ะ ไม่มีใครกล้าโกหกพระ ขนาดเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถ ยังต้องไปเอามาฝากเลยค่ะ แต่..... คุณป้า เจ้าของเสียงโทรศัพท์ลึกลับคนนั้น ไม่ยอมเอาไปฝากค่ะ ซึ่งหนึ่งเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง เลยได้แต่เคืองเล็กๆ หลังจากนั้นหนึ่งก็คิดว่าคุณป้าแกคงมีความจำเป็นอาจต้องติดต่อธุระสำคัญจึงไม่ยอมฝากโทรศัพท์ไว้ที่พระอาจารย์ และคิดเองว่าคุณป้าคงต้องรู้แล้วว่าจะต้องระวังไม่ให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก แต่ทุกคนคะ... วันที่ 3 ระหว่างที่เราเดินจงกรมกันนั้น เสียงโทรศัพท์ลึกลับก็ดังขึ้นอีก หนึ่งนึกขำในใจเลยค่ะ วันนี้หนึ่งไม่เครียดเท่าไหร่แล้วเพราะชินมั้งคะ อิอิ เดินจงกรมเสร็จ ก็ลืมแล้วด้วยว่ามีเสียงลึกลับดังขึ้น แต่น้องๆเพื่อนๆก็เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา (ตอนแรกหนึ่งคิดว่าหนึ่งหงุดหงิดใจคนเดียว แต่จริงๆแล้วเป็นทุกคน อิอิ) นองจากเรื่องมือถือแล้ว คุณป้ายังมีความแปลกไม่เหมือนใครอีกหลายอย่างค่ะ เช่น เวลาเดินจงกรม คุณป้าจะเดินเป็นวงกลม ตอนเดินธุดงค์ ทุกคนจะเดินเท้าเปล่าไปตามทาง บางช่วงเป็นพื้นถนน บางช่วงเป็นดินทราย เป็นกรวดเม็ดเล็กใหญ่ หรือเป็นสนามหญ้า ตอนเดินพื้นกรวดขอบอกว่าเจ็บเท้ามากๆๆๆๆๆ คิดว่าทุกคนคงเจ็บไม่ต่างกัน แต่คุณป้าจะบ่นเสียงดังมากตลอดทางว่าเดินกันได้ยังไงเจ็บมาก ยกผ้าถุงขึ้นสูง และก้าวเท้าแบบกระย่องกระแย่ง เดินตามคนอื่นๆมา เหตุการณ์ความเป็นตัวเองที่ไม่เหมือนใครของคุณป้าทำให้หนึ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หรือคุณป้าจะมีบางอย่างที่แตกต่าง บังเอิญหนึ่งสังเกตเห็นหลังเท้าคุณป้ามีแผลเป็นยาวมาก นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณป้าเดินแล้วเจ็บกว่าคนอื่นรึเปล่า และคำพูดจา หรือกิริยาบางอย่างที่แปลกๆคล้ายเด็กดื้อนั่นอีก เมื่อได้โอกาส หนึ่งเลยสอบถามคุณป้าว่า "คุณป้าคะแผลที่หลังเท้าคุณป้าไปโดนอะไรมา" หลังจากได้คุยกับคุณป้าโดยตรงแบบนี้ หนึ่งเลยเข้าใจได้ทันทีค่ะว่าทำไมคุณป้าถึงแปลกไม่เหมือนใคร อาการหงุดหงิดในใจที่มีก็หายหมด และได้ขอโทษคุณป้าด้วยเพราะความคิดแบบคนใจแคบของหนึ่ง

คือคุณป้าเคยได้รับอุบัติเหตุ กระดูกหักทั้งแขน ขา และมีเลือดคั่งในสมอง แผลเป็นที่หนึ่งเห็นนั้นก็เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆแผลที่มีค่ะ คุณป้าเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ ว่า ตอนฟื้นจากโคม่าใหม่ๆต้องมาฝึก ก ไก่ ใหม่ทั้งหมด อ่านเขียนไม่ได้ต้องฝึกใหม่หมด เดินก็ต้องฝึกใหม่ ทำกายภาพบำบัดอยู่นาน เหมือนเกิดใหม่ค่ะ จนตอนนี้ยังคงเดินได้ไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ เพราะมีอาการเจ็บแปล๊บๆตลอด 

คุณป้าทำให้หนึ่งได้คิด..."อย่าตัดสินคนอื่นเพียงภายนอกเท่านั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะมีเหตุนำมาทั้งสิ้น"

เชื่อมั้ยคะ หนึ่งนับถือใจคุณป้ามากๆ เพราะขนาดร่างกายคุณป้าเป็นแบบนี้ สมองอาจสั่งการได้ไม่เต็มที่ แต่คุณป้ายังมีใจที่จะปฏิบัติธรรมจนครบตามเวลาค่ะ 

มีเหตุการณ์หลายอย่างที่สอนหนึ่งให้คิด และปรับเปลี่ยนตัวเองในครั้งนี้ วันนี้ขอเล่าแค่เรื่องคุณป้าเจ้าของเสียงลึกลับ ก่อนแล้วกันนะคะ ไว้มีโอกาสจะกลับมาเล่าเรื่องอื่นๆต่อไป

ขอขอบคุณ และอนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันในครั้งนี้โดยเฉพาะคุณป้าที่หนึ่งกล่าวถึงค่ะ ในที่สุดความตั้งใจที่จะปิดการสื่อสารทุกช่องทางของหนึ่งก็สำเร็จ อิอิ เพราะมือถืออยู่ที่พระอาจารย์จนวันกลับ เสียดายนิดหน่อยตรงที่ไม่ได้เก็บภาพในช่วงวันที่ 2-5 ของการปฏิบัติธรรม แต่ก็ได้อะไรลับมาเยอะมากจริงๆค่ะ ^^

ณ โอกาสนี้หนึ่งขอนำบุญมาฝากทุกท่านที่ผ่านมาอ่านบันทึกนี้ด้วยนะคะ 

สุวิญญา ธนสีลังกูล 12/07/57

หมายเลขบันทึก: 572302เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2014 01:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม 2014 10:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ลองปิดมือถือดูน้องหนึ่งใจจะสงบมากขึ้น

ดีใจที่กลับมาเขียนต่อ

รออ่านอีกครับ

เย้ๆๆๆ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท