หน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ คือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ คงเป็นชื่อที่บุคคลทั่วไปยังไม่คุ้นเคยนัก แม้แต่ประชาชนที่มาใช้บริการมีน้อยคนที่จะเรียกชื่อได้ถูก ส่วนใหญ่มักจะเรียกขานด้วยความเคยชินว่า “หน่วยสงเคราะห์” ซึ่งมีที่มาจากชื่อเดิมว่า “กรมประชาสงเคราะห์” ซึ่งการเรียกขานดังกล่าวยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง และนำไปสู่การรับรู้และเข้าใจผิดว่าหน่วยงานนี้คือ หน่วยงานที่ให้เงิน แจกสิ่งของ ทั้งนี้เนื่องมาจากความเชื่อที่ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นเวลานานแล้วว่าการสงเคราะห์ คือการทำบุญ ทำกุศล เป็นการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งตามหลักวิชาการแล้ว “สังคมสงเคราะห์” เป็นวิชาชีพ (professional) ที่ทำงานโดยใช้องค์ความรู้ หลักการและวิธีการทางสังคมสงเคราะห์ในการทำงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการที่กำลังประสบปัญหา หรือตกอยู่ในภาวะเดือดร้อนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ให้สามารถจัดการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด ตามปรัชญาของงานสังคมสงเคราะห์ที่ว่า “ช่วยเขาเพื่อให้เขาช่วยตนเองได้” (Help them to help themselves) ทั้งนี้โดยมีหลักการพื้นฐานสำคัญที่นักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพตระหนักถึงคือ “การเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์”
จากที่ได้กล่าวถึงหน่วยงาน “กรมประชาสงเคราะห์” มาบ้างแล้วในตอนต้น จึงจะขอเขียนถึงความเป็นมาในอดีตและภารกิจในปัจจุบันของหน่วยงานนี้กรมประชาสงเคราะห์จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2483 ในสมัยที่ จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพิจารณาเห็นว่าประชาชนเกือบร้อยละ 80 ทั่วประเทศในขณะนั้นตกอยู่ในความทุกข์ยากเดือดร้อนจากการครองชีพและการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ จึงมีความจำเป็นที่ทางราชการต้องให้ความช่วยเหลือ จึงจัดตั้งกรมประชาสงเคราะห์ขึ้น โดยให้อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชนในด้านการครองชีพ โดยมีจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีคนแรกของกรมประชาสงเคราะห์
การดำเนินงานของกรมประชาสงเคราะห์ในระยะแรก มีภารกิจหลักที่สำคัญคือ การสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนในด้านอาชีพ ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและยากจนให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองโดยการจัดสรรที่ดินทำกินในรูปแบบนิคมสร้างตนเอง สงเคราะห์ช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัย และการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนกรมประชาสงเคราะห์ มีการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มีผลสืบเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 ที่ให้ความเห็นชอบแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐภายใต้กรอบของ “ระบบบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่” (New Public Management) โดยวิธีการต่างๆ เช่น การออกมาตรการกำหนดให้ส่วนราชการปรับบทบาท ภารกิจและโครงสร้าง รวมทั้งเปลี่ยนแปลงกระบวนการบริหารราชการและการบริการประชาชน ต่อมาได้มีการออกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2545 เป็นต้นมา ได้มีการจัดตั้งส่วนราชการ “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ” ขึ้นมาสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับผิดชอบภารกิจของ 2 หน่วยงานเดิมคือ กรมประชาสงเคราะห์ สังกัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท สังกัดกระทรวงมหาดไทยเฉพาะในส่วนงานส่งเสริมอาชีพและรายได้ ชื่อ “กรมประชาสงเคราะห์” ที่มีอายุมายาวนานถึง 62 ปีจึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ” พร้อมๆกับการปรับเปลี่ยนบทบาทและภารกิจตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ. 2545 ระบุให้ “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ” มีภารกิจ ในการให้บริการสวัสดิการสังคม การสังคมสงเคราะห์แก่ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ คนไร้ที่พึ่ง ผู้ประสบปัญหาทางสังคม โดยการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในรูปแบบของสถานสงเคราะห์ และ การประสานงานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนและท้องถิ่นจัดสวัสดิการสังคม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาทางสังคมสามารถดำรงชีวิตและพึ่งตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ พอจะรวบรวมได้ คือ
1. ผู้ประสบภัย การจัดสวัสดิการแก่ผู้ประสบสาธารณภัย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยกรณีหลังภัยสงบและผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งในและนอกประเทศ โดยให้การช่วยเหลือและฟื้นฟู ดังนี้
1) สงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจนที่ประสบภัยเป็นเงิน หรือสิ่งของ
2) สงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยที่ประสบภัย โดยสนับสนุนการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ
3) สร้างความมั่นคงด้านอาชีพและเพิ่มรายได้ โดยให้การฝึกอาชีพแก่สตรีที่ประสบภัย หรือสนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพ
4) ส่งกลับภูมิลำเนา สำหรับผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งในและต่างประเทศ
2. ครอบครัวและชุมชน เป็นการให้บริการด้านสวัสดิการสังคม การสงเคราะห์และพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนที่ประสบปัญหาทั้งในชุมชนเมือง กรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค ดำเนินการให้บริการทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการระดมทรัพยากรจากภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาในรูปแบบต่างๆ
2.1 สงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคม ผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม ต่างๆจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และไร้ญาติขาดที่พึ่ง จะได้รับการสงเคราะห์ในเบื้องต้นโดยนักสังคมสงเคราะห์ ดำเนินการ ดังนี้
1) สัมภาษณ์หาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ
2) ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าตามความจำเป็น เช่น ให้คำแนะนำปรึกษา ให้ค่าพาหนะเดินทางกลับภูมิลำเนา ค่าอาหาร หรือเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ
3) ส่งไปรับบริการยังหน่วยงานอื่นตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังจัดให้มีศูนย์ช่วยเหลือเร่งด่วน 24 ชั่วโมง ซึ่งจัดบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านต่างๆให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วจากบริการของรัฐ โดยมีนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำทาง โทรศัพท์
2.2 สงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย สำหรับครอบครัวที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ในกรณีที่หัวหน้าครอบครัวถึงแก่กรรม ต้องโทษจำคุก หายสาปสูญ หรือทอดทิ้งครอบครัว เจ็บป่วยร้ายแรง พิการทุพพลภาพ หรือ ไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วยเหตุสุดวิสัยอื่นๆ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะพิจารณาให้การสงเคราะห์ครอบครัวๆละไม่เกิน 2,000 บาท ติดต่อกันไม่เกิน 3 ครั้ง เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ หรือค่าใช้จ่ายในการครองชีพ รวมทั้งให้คำแนะนำปรึกษา และให้บริการแก่ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ในแหล่งชุมชนต่างๆ โดยการจัดหน่วยสงเคราะห์ครอบครัวเคลื่อนที่
2.3 จัดบริการที่พักอาศัยชั่วคราว บริการด้านที่พักอาศัยชั่วคราว ที่มีชื่อเรียกว่า "ที่พักคนเดินทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ" ให้บริการสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้ป่วยที่รอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ตกทุกข์ได้ยากที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือผู้ที่หน่วยราชการอื่นส่งมาขอพักชั่วคราว โดยไม่เสียค่าบริการ
2.4 ศูนย์รับบริจาคเพื่อสงเคราะห์ผู้เดือดร้อน ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสงเคราะห์ประชาชนผู้เดือดร้อน "ศูนย์รับ บริจาคเพื่อการสงเคราะห์ผู้เดือดร้อน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ" เป็นศูนย์กลางในการรณรงค์ รับบริจาคเงินและสิ่งของจากประชาชน องค์การต่างๆทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งรับ บริจาคผ่านตู้รับบริจาคโครงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุน แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้นำไปช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันต่อ เหตุการณ์ในส่วนสุดท้ายที่จะกล่าวถึง คือ สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด เป็นกลไกสำคัญในการกระจายบริการสวัสดิการสังคม ลงไปสู่ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศ จัดตั้งอยู่ทุกจังหวัด รวมทั้งสิ้น 75 แห่ง ถือเป็นตัวแทนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงและสามารถไปขอรับบริการต่างๆได้สะดวก
♥♥ ♥♥ ♥♥ ♥♥
บรรณานุกรม
กองการเจ้าหน้าที่ กรมประชาสงเคราะห์. “ความเป็นมาของการจัดตั้งกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” ใน นิตยสารการประชาสงเคราะห์. ปีที่ 45 ฉบับที่ 2 (มีนาคม- เมษายน), 2545: น. 4-15.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. 2545. กฎกระทรวงแบ่ง
ส่วนราชการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ. 2545.
ศิริพร เกื้อกูลนุรักษ์. “งานสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ในบทบาทและภารกิจของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ” ในเอกสารประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง งานสวัสดิการสังคมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. วันที่ 12-13 พ.ค.2548.
ไม่มีความเห็น