​ผู้ชายดูแลบ้าน


หากเรามองความฝันความสำเร็จของครอบครัวคนไทยเราโดยเฉพาะลูกๆของพวกเขา ซึ่งไม่ว่าจะมองไปที่ครอบครัวไหน จะเห็นประกายตาแวววาวตั้งความหวัง คาดหวังแบบเกินร้อยกันทั้งนั้น อยากให้ลูกได้ดี เป็นเจ้าคนนายคน ร่ำรวยเงินทอง ด้วยกันทั้งนั้น

ด้วยฝันแบบนี้ มันจะกลายเป็นความจริงคงจะต้องมาจากหลายสิ่งหลายอย่างนะครับไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับการเงิน เรื่องเศรษฐกิจครอบครัวตรงนี้ และปัจจัยหลักที่ส่งเสริมด้านอื่นๆเราต้องสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่ก็คือข้อแรกที่ต้องผ่านนะครับ

และยังมีอีกหลายข้อ..

แต่ข้อที่สำคัญสำหรับคนสมัยที่เราอยู่ตอนนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องของบทบาท การยอมรับความเท่าเทียม ความรู้ความสามารถของเพศหญิง

การคว้าโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวนั้น เราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคคลในครอบครัว หลายคนสามีทำงานในหน้าที่สำคัญเป็นกำลังหลักในการสร้างครอบครัวตรงนี้ก็ว่ากันไปตามปกติที่เราคุ้นเคยนะครับไม่ขัดแย้งกับการปลูกฝังมาจากฐานครอบครัวแบบนี้ไม่ต้องปรับประยุกต์อะไร

แต่ที่น่าสนใจคือหลายครอบครัวที่จะต้องช่วยกันทำงาน ทั้งสองคนช่วยกันสร้างครอบครัว มีหลายคราเลยฝ่ายหญิงเขาทำงานได้ผลตอบแทนดีกว่าฝ่ายชายเสียอีก อ่ะฮ้า...ทำไงล่ะทีนี้

แบบนี้นี่เอง...นำมาซึ่งการปรับวัฒนธรรมของครอบครัวที่พร่ำสอนกันมาแต่เยาว์วัยอย่างมากมายและก็ต้องปรับด้วยตัวเองซะด้วย เนื่องจากมันถูกฝังลึกไว้ในนิสัยในตัวตนของเราและยากแก่การยอมรับจากเสียงที่ก้องอยู่ในหัวของเรา..ตัวอย่างเช่น อันนี้หน้าที่เธอเธอต้องทำ ,อาหาร..เธอต้องเตรียม, งานบ้านต่างๆ ต้องดูแลให้เรียบร้อย หากไม่สามารถปรับจิตปรับใจได้ก็จะเกิดการขัดใจ ทะเลาะเบาะแว้งกันจนอาจจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนครอบครัวแตกแยกได้

แบบนี้เราจึงได้เห็นหลายๆ ครอบครัว ที่รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายชายได้ช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ของฝ่ายหญิง ได้ช่วยรับหน้าที่ต่างๆ ที่น่าสนใจ อย่างเช่น การดูแลลูก , การดูแลตัวเอง ,ดูแลบ้าน คือทำงานต่างๆที่เคยคิดว่าเป็นของฝ่ายหญิงให้มากขึ้นเพื่อเติมเต็มความสุขในครอบครัวที่หายไปเนื่องจากคุณแม่ทำงานนอกบ้านนั่นเอง

การทำแบบนี้คิดแบบนี้มีจุดดีหลายอย่าง ถ้าเราเป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองล่ะก็ เราก็จะใกล้ชิดลูก ได้ถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่เราเคยถูกอบรมบำเพาะมาให้กับลูก ซึ่งสิ่งต่างๆในครั้งที่เราพร่ำสอนลูกๆนั้น ก็เป็นสิ่งดี

หลักปฏิบัติที่ดีซึ่งผ่านการปรับให้เข้ายุคเข้าสมัยให้แก่ลูกๆ นั่นเอง ตรงนี้จึงทำให้มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมเดิมๆ ที่ไม่เข้ากับยุคเราไป ลูกก็จะได้รับมอบหลักในการดำเนินชีวิตในแบบที่คุณพ่อได้กลั่นกรองเก็บไว้ใช้ต่อไป

ผลลัพธ์ล่ะเป็นไง ?? ตั้งแต่วันแรกๆที่เรามีลูก ครอบครัวได้กำเนิดขึ้น ผ่านวันเวลาไปปีแล้วปีเล่า กระบวนการถ่ายทอดภายในครอบครัวได้ทำงานเรื่อยมา เราสอนเรื่องการพึ่งพาตนเอง , เราสอนการจัดการการเงิน, ความรับผิดชอบ , การมองเชิงบวก , ความอดทน, การสร้างพรแสวง , การวางแผนชีวิต ,การแข่งขัน ,ความซื่อสัตย์ ,การเอาตัวรอด อะไรอีกสารพัดนะครับ ด้วยสิ่งต่างๆเหล่านี้นี่เอง วันนี้ลูกก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาสามารถดูแลตัวเอง ควบคุมตัวเองได้ มีความรับผิดชอบ มีอีกหลายสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจ รู้สึกอุ่นใจเมื่อเขามีเครื่องไม้เครื่องมือที่เรามอบให้ไป

ที่เล่ามาทั้งหมด คือเรื่องราวที่คนในยุคไหนๆ ก็ต้องทำทั้งนั้นคือการนำสิ่งดีๆที่มีมาควบคุมด้วยปัญญาและรับผิดชอบด้วยมือของตนเอง แบบนี้ หากลูกจะทำให้ผิดหวังเราก็เชื่อว่าน่าจะเป็นความผิดหวังที่น้อยที่สุดแล้วล่ะครับ ที่สำคัญคือไม่ต้องไปโทษใครอีกด้วย

หมายเลขบันทึก: 571807เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2014 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม 2014 10:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ชอบมากค่ะ..บันทึกนี้...

มีดอกไม้มาฝากมีรักมามอบให้....เจ้าค่ะ..

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท