ชะตากรรมของเด็กดาวน์ (Down syndrome)...ใครตัดสิน?
วันนี้ผมได้ฟังเรื่องเล่าจากนักเรียนแพทย์ลูกสาวเกี่ยวกับเรื่องคุณแม่ตั้งครรภ์เด็กดาวน์ (เด็กที่มีโครโมโซมผิดปกติ ไม่ฉลาดเหมือนเด็กทั่วไป แต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้) มีแง่คิดที่น่าสนใจที่ผมขอนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังต่อครับ
ที่ห้องตรวจสูติกรรม มีคุณพ่อคุณแม่สองคู่ โดยคนไข้ก็คือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อายุ 30 ปีเท่ากัน คนนึงมาเพราะต้องการมาทำแท้งลูกในครรภ์ เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นเด็กดาวน์ ส่วนคนที่สองมาโรงพยาบาลเพื่อมาคลอดลูกที่เป็นเด็กดาวน์ ทำไมมันช่างต่างกันเช่นนี้
ลูกสาวได้ศึกษาเคสทั้งสองต่อไปก็พบว่า พ่อแม่คู่แรกที่จะมาทำแท้งลูกดาวน์นั้น ทั้งสองคนมีอาชีพเป็นทนายความ ดูมีฐานะร่ำรวย มีการศึกษา พูดจาดี ส่วนคู่หลังที่จะมาคลอดลูกดาวน์นั้น การศึกษาจบแค่ชั้นมัธยม พูดจาไม่ค่อยเพราะ ดูไม่ค่อยมีความรู้ ผู้ชายเป็นคนงานก่อสร้าง ผู้หญิงเป็นพนักงานทำความสะอาด
ลูกสาวแปลกใจมากว่า คนที่มีความรู้ มีการศึกษา ครอบครัวมีเงิน เลือกที่จะทำแท้งลูกที่เป็นดาวน์ ตรงข้ามกับคนที่ไม่มีการศึกษา ไม่ร่ำรวย ดูแล้วน่าจะลำบาก กลับเลือกที่จะเก็บลูกเอาไว้ ถึงแม้ว่าหมอจะอธิบายถึงผลที่จะตามมารวมทั้งความยากลำบากกับการเลี้ยงลูกดาวน์
ลูกสาวไม่ได้ถามเหตุผลของพ่อแม่ทนายคู่นั้น แต่ได้คุยกับแม่ที่เป็นพนักงานทำความสะอาด และก็ได้ช่วยทำคลอดลูกเขาด้วย เขาบอกว่าตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกว่าลูกเค้าจะเกิดมาเป็นอย่างไร จะมีโรคมีปัญหาอะไรหรือเปล่า จะมีคนดูถูกลูกเขาไหม แต่ในเมื่อพระเจ้าให้ลูกคนนี้มา เค้าจะสู้เพื่อลูกคนนี้ ... พอคลอดออกมา เค้าบอกกับนักเรียนแพทย์ลูกสาวว่า ตอนนี้เค้ามั่นใจว่า เค้าจะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เลย
เพื่อนๆฟังแล้วรู้สึกยังไงครับ สำหรับผมนั้นมันตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เราคงไม่รู้หรอกครับว่า ชะตากรรมของเด็กดาวน์ที่คลอดออกมานั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เรารับรู้และเสียใจกับเด็กดาวน์อีกหนึ่งคนที่ถูกการปฏิเสธ(ตัดสิน)ให้ไม่มีชีวิตอยู่ จากพ่อแม่ของเขาเอง
ทุกชีวิตมีค่าในตัวของมันเองจริงๆครับ
เมื่อเป็นคู่กรรมกันมาก็ยอมรับกรรมเลี้ยงดูเขาไป
ดีกว่าที่จะสร้างกรรมต่อไปอีกครับ
คนที่เรียนมาก รุ้มาก ฉลาดมาก บางคนเห็นแก่ตัวมากไป
แต่สิ่งที่เขาไม่มีเลยคือความมีเมตตาธรรม คุณธรรม ศิลธรรม
...ทุกคนมีเหตุผลของตนเองนะคะ...เมื่อเลือกและตัดสินใจแล้วนั้นคือคำตอบสุดท้าย...ฟ้าลิขิตไว้แล้ว