สรุปข้อมูลการข่าวในรอบเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๗


สรุปงานารข่าวในรอบเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๗

(ในห้วงรหว่างวันที่ ๒๑ เมษายน-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗)

ลำดับ ว/ด/ป เวลา การจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด หน่วยงานปฏิบัติ หมายเหตุ
วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗ ตำรวจ อ. เมืองสตูล ติดตามผู้เข้ารับบำบัดยาเสพติดกว่า 30 คนที่หลบหนี จากศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.สตูล นายสามารถ สุวรรณมณี เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ติดยาเสพติดกว่า 30 คน มีทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ได้รวมตัวก่อความวุ่นวายก่อนหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่ง สำหรับศูนย์บำบัดยาเสพติดแห่งนี้ มีผู้ติดยาเสพติดทั้งหมดกว่า 60 คน หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังออกติดตามจับกุม ล่าสุดสามารถควบคุมตัวกลับมาได้แล้ว 1 คน
วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ ๑๖.๐๐ น. มว.ลว.ฉก.ม.๔ จัด กำลัง ๑ ชป ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.เชียงดาว ทำการตั้งจุตรวจ/จุดสกัดกั้น บ.แก่งปันเต๊า (MB ๙๗๐๓๑๙) หมู่ ๑๐ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.ชม. รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยกระดาษสามัดอย่างแน่นหนาบริเวณกิ่งไม้ข้างถนน(MB ๙๖๑๓๒๒) จากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษปรเภท / (ยาบ้า) จำนวน ๒,๐๑๑ เม้ด หน่วยได้นำของกลางส่ง สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินการตามกำหมายต่อไป
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ๑๒.๐๐ น. ร้อย ม.๔ ฉก ม.๔ จัด ง ๓ ชป ทำการปิดล้อม/ตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ ๑๕ บ.หนองไผ่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.ชม. จำนวน ๒ เป้าหมาย ผลการปฏิบัติเป้าหมายที่ ๑ สามารถจับกุม นายจะแอ (ไม่ทราบนามสกุล)เป้นสาวประเภท ๒ ขณะกำลังเสพยาบ้าในบ้านหลังดังกลาว และเป้าหมายที่ ๒ ไม่พบผุ้กระทำผิดและสิ่งผิดกฎหมาย หน่วยได้นำผู้ต้องหา ส่ง สภ.ฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ๒๐.๐๐ น. ร้อย ตชด ๓๓๔ จัด กำลัง ๑ ชป ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้น(ชั่วคราว) บริเวณถนนสาธารณะ บ.ป่าโหล-บ.หมอกเปา (NC ๒๑๓๑๖๓) ต.แม่ลา อ.แม่อาย จว.ชม.ได้ทำการเรียกตรวจ รถ จยย ยี่ห้อฮอนด้า ผลการปฏิบัติสามารถจับกุม นางดีเซ(ไม่ทราบนามสกุล) อายุ ๒๕ ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน ๑๑,๔๐๐ เม้ด หน่วยได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สภ.แม่อาย เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ปส.สกัดจับ 2 หนุ่ม ขับกระบะเลี่ยงด่านตรวจ ลอบขนยาบ้าเครือข่ายว้าแดง จากแนวชายแดน รวม 1.2 ล้านเม็ด มูลค่า 300 ล้าน เตรียมส่งเข้า กทม. ... เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 57 พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส. ได้สืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลำเลียงยาบ้าจากชายแดน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่นำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู ทะเบียน กง 4633 น่าน ขับมาจากบ้านบ่อทอง ต.ท่าสุด มุ่งหน้าบ้านถ้ำผาตอง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอตรวจค้น พบ นายธนวินทร์ ย่างสวัสดิ์วงศ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.10 ต.พง อ.สันติสุข จ.น่าน เป็นคนขับรถ และนายท่อ แซ่ม้า อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/37 ม.13 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก นั่งเบาะหน้าคู่กันมา จากการตรวจค้น บริเวณเบาะหลังพบกระสอบปุ๋ย จำนวน 9 กระสอบ บรรจุยาบ้ารวม 1,200,000 เม็ด สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มม้ง ให้ขนยาบ้าไปส่งที่กรุงเทพฯ โดยใช้รถยนต์หลายคันสับเปลี่ยนลำเลียงมาจากชายแดนบ้านม้งเก้าหลัง อ.แม่ฟ้าหลวง และใช้ถนนภายในหมู่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงด่านตรวจของทหาร ตำรวจ อ.แม่ฟ้าหลวง กระทั่งเข้าเส้นทางด้านหลังกองร้อย ตชด.327 จากบ้านบ่อทอง มุ่งหน้าบ้านถ้ำผาตอง อ.เมือง จ.เชียงราย ก่อนเข้าพื้นที่ชั้นใน สำหรับยาบ้าที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นของกลุ่มว้าแดง มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท.
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ๐๔.๐๐ น. บริเวณสี่แยกพหลโยธิน(แยกหน้าค่ายจิรประวัติ) ม.2 ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สืบก็ศักดิ์ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์.พ.ต.อ.นิกร เข็มทอง รองผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.กันตพงษ์ นิลขำ ผกก.สภ.หนองปลิง พร้อมด้วยพ.ต.ท.สมชาย แก้วแสงทองเจริญ รอง ผกก.ป.สภ.หนองปลิง พ.ต.ท.จิระศักดิ์ มหึเมือง รอง ผกก.สส.สภ.หนองปลิงพร้อมชุดสืบได้ร่วมกันจับกุมนายนัฐพล หรือ ตั๊ก นรินทร์ อายุ 30 ปี เลขที่ 104/2 ต.คุ้งตะเภา อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดังกล่าวได้รับแจ้งจากสายรายงานว่าจะมีรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สี่ประตู สีเทา หมายเลขทะเบียน ก 8228 แพร่ มียาบ้าซุกซ่อนมาภายในรถยนต์คันดังกล่าวใช้ส้นทางสายพหลโยธินมาจกกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ เมื่อเวลา 04. 00 น.ได้สังเกตุเห็นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขับขี่มาถึงสี่แยกไฟแดงหน้าค่ายจิรประวัติขาขึ้นจึงเข้าทำการตรวจค้น พบยาบ้าของกลาง ซุกซ่อนอยู่ภายในถุงปุ๋ยและห่อหุ้มด้วยถุงพาสติกสีดำอีกหนึ่งชั้นวางอยู่เบาะหลังคนขับ จากการตรวจพบยาบ้าของกลางจำนวน 25 ห่อๆละ 2,000 เม็ดรวมทั้งสิ้น 50.000 เม็ดนายนัฐพล ให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้นำยาบ้าจากชายไม่ทราบชื่ออยู่ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีไปส่งที่ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ได้ค่าจ้าง 10,000 บาทเจ้าหน้าที่จึงนำผู้กระทำผิดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ๐๙.๐๐ น. มว.ม.๔๑ ร้อย ม.๔ ฉก ม.๔ กพ ๑ ชป ทำการ ลว เฝ้าตรวจ ช่องทางปางตอง (NC ๐๔๕๐๘๐) ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.ชม. ผลการปฏิบัติสามารถจับกุม นายจะหา แออู่ อายุ ๔๐ ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ บ.หนองไผ่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.ชม. และบอย ปัดหลง อายุ ๑๗ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๔ หมู่ ๑๕ บ.หนองไผ่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.ชม. พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ยาบ้า จำนวน ๒,๔๐๐ เม็ด และเฮโรอิน บรจุอยู่ในขวดสปอนเซอร์ จำนวน ๔ ขวด รวมน้ำหนัก ๑๒๔ กรัม หน่วยได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สภ.ฝาง เพื่อดำเนินารตามกำหมายต่อไป
วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ รอง ผบช.ภ.6 และ พ.ต.อ.กวี พิมพ์ปรีชา ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ท.สมชาย แก้วแสงทองเจริญ รอง ผกก.ป.สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ร.ต.อ.พีระพันธ์ วันที ร้อยเวร สภ.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดอุตรดิตถ์ นำตัวนายนัฐพล หรือ ตั๊ก นรินทร์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดียาบ้า จำนวน 50,000 เม็ด ที่ถูกจับได้ขณะนำยาบ้ามาส่งลูกค้าที่ จ.อุตรดิตถ์ ณ บริเวณด่านตรวจสี่แยกค่ายจิระประวัติ ม.2 ต.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ขาขึ้น เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เข้าทำการตรวจค้นบ้านนรินทร์ อาคารชั้นเดี่ยว เลขที่ 32 หมู่ 5 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายณัฐพลเอง ภายในห้องพบอุปกรณ์การเสพยาบ้าจำนวนหนึ่ง ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่พบยาเสพติดหรือยาบ้าเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลเพื่อทำการยึดทรัพย์บ้านหลังนี้ และรวมถึงบ้านอีก จำนวน 3 หลัง บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกันมีลักษณะทรงแบบแปลนการก่อสร้างคล้ายคลึงกัน มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้นำตัว นายสิทธิ์พร สำเภา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 104 หมู่ 7 บ้านปากสิงห์ ต.แสนตอ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาร่วมค้ายาบ้า หลังจากให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนที่ชื่อนายอัมรินทร์ แล้วด้วง อายุ 26 ปี ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะสีบรอนเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับนำทางล่วงหน้าจาก จ.ปทุมธานี ให้กับนายณัฐพลหรือตั๊ก ผู้ต้องหาคดียาบ้า แต่ถูกตำรวจด่านตรวจสี่แยกค่ายจิระประวัติ จับตรวจฉี่เจอสีม่วง และถูกดำเนินคดีก่อนหน้า ไปตรวจค้นโรงเลี้ยงหมูร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ร่วมจิต อ.ท่าปลา พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนทอง รุ่น วีออสทะเบียน กธ-5798อุดรธานี ตรวจค้นภายในรถพบเอกสารสัญญาซื้อขายรถคันดังกล่าว แต่ขาดการส่งงวดไปนานแล้วกับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ทะเบียนที่ติดอยู่เป็นทะเบียนปลอม นำจากรถคันอื่นสวมแทน ซึ่งทางตำรวจเชื่อว่าทะเบียนจริงถูกสับเปลี่ยนไปติดกับรถยนต์กระบะสีบรอนเงิน ที่เพื่อนผู้ต้องหาใช้ขับนำทาง จึงตรวจยึดอายัดรถยนต์เก๋งวีออสเอาไว้ เพื่อให้บริษัทไฟแนนซ์มาตรวจสอบคืนภายหลัง
ทั้งนี้ ได้ตรวจพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน ฉกบ- 390 ชลบุรี จอดอยู่ข้างเรือนพักอาศัย สอบถามนายสิทธิ์พรทราบว่า เป็นของนายอัมรินทร์ จึงได้ยึดตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานที่มาที่ไปของรถจักรยานยนต์คันนี้ พร้อมนำกำลังออกติดตามตัวนายอัมรินทร์ คนขับรถนำทางให้กับผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า มาดำเนินคดีในครั้งนี้ให้ได้
วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ ๑๓.๐๐ น. พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผบก.ปส.3 แถลงข่าวจับกุมรวม 4 คดี
คดีที่ 1 ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 คนคือ1.นายยาซือ มูเซอะอายุ 26 ปีอยู่บ้านเลขที่ 300 หมู่ 17 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จว.เชียงราย 2.นายจะที จะพืออายุ 37 ปีอยู่บ้านเลขที่186 หมู่ 17 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จว.เชียงราย 3 นายจะกู จะสออายุ 33 ปีอยู่บ้านเลขที่ 365 หมู่ 5 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ (ถูกวิสามัญเสียชีวิต )พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าทั้งสิ้น 99 มัด 9 ถุง รวมยาบ้าประมาณ 198,000 เม็ดเงินสดล่อซื้อจำนวน 9,000,000 บาท รถยนต์นั่งโตโยต้า สีดำหมายเลขทะเบียน กพ.1857 เชียงรายจำนวน 1 คันรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน จงษ 675 เชียงใหม่ จำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง อาวุธปืน แบบรีวอลเวอร์ ขนาด.38 ยี่ห้อ สมิทแอนด์ เวสสันจำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 4 นัดปลอกกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 2 ปลอก
หน้าบ้านเลขที่ 72 ริมถนนบ้านหนองผึ้ง หมู่ 18 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่
คดีที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คนคือ1.นายยิ่งศักดิ์ แสนหาญชัยอายุ 28 ปีอยู่บ้านเลขที่ 4/10 หมู่ที่ 8 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระจว.ตาก 2.นายโกวิท แซ่ม้าอายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/88 หมู่ที่ 8 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระจว.ตาก 3.นายไววิทย์ หรือหมู ตัดยาอายุ 18 ปีอยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 7 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้าจว.แม่ฮ่องสอน 4. นายขจร เลาหมู่อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ที่ 12 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 100 มัดรวมประมาณ 200,000 เม็ดรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน พบ 2783 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีขาว/ดำ หมายเลขทะเบียน จนพ 581 เชียงใหม่โทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง
บริเวณแยกเมืองงาย ถนนเชียงใหม่-ฝาง(โชตนา) เขต หมู่ 4 ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
คดีที่ 3 ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 2 คนคือ 1.นายธนวินท์ ย่างสวัสดิ์วงค์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 19 ต.พงษ์ อ.สันติสุข จ.น่าน 2.นายท่อ แซ่ม้า อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/37 หมู่ 13 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตากพร้อมของกลางยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดและยาไอซ์น้ำหนัก 5 กิโลกรัมซุกซ้อนอยู่ภายในกระสอบปุ๋ย 12 ใบ รถกระบะอีซูซุ สีดำ ทะเบียน กง 4733 น่าน
จับได้ในพื้นที่บ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด หมู่ 10 ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย
คดีที่ 4 ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 1 คนคือ นาย ธนวัฒน์ แซ่ลีอายุ 27 ปีพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด
รวม 4 คดีของกลางยาบ้าทั้งสิ้น 1,638,000 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 5 กิโลกรัม
ณ.บริเวณชั้นล่างอาคาร บช.ปส.
ถอด'ดีเอ็นเอ'ยาบ้าล่าเครือข่ายยาเสพติด ถอด 'ดีเอ็นเอ' ยาบ้า ล่าเครือข่ายยาเสพติด : คลี่ปมปริศนา CSI-THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม แม้หน่วยงานด้านปราบปรามยาเสพติดจะกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า ในประเทศไทย ยังไม่มีทีท่าจะลดน้อยลง ขณะที่ขบวนการค้ายาเสพติดมีการพัฒนาสูตรยาเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถทำให้ผู้เสพติดยาได้เพียงการเสพเพียงครั้งเดียว และหากผู้เสพเสพยาเกินขนาดอาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที

การกวาดล้างจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ได้ทันท่วงทีจึงมีความสำคัญ เพราะหากยิ่งสามารถกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดได้เร็วและยึดทำลายยาเสพติดได้ในปริมาณมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยลดปริมาณผู้ตกเป็นทาสของยาเสพติดได้มากเท่านั้น

กระบวนการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประเมินแหล่งที่มาของยาเสพติด ทำให้ชุดปราบปรามยาเสพติดวิเคราะห์เครือข่ายผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดได้ และยังเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และจะเป็นตัวชี้บทลงโทษผู้ครอบครองยาเสพติดด้วย

ดังนั้นทันทีที่เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด และยึดของกลาง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นยาบ้าได้ จะส่งของกลางต่อให้สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์หาส่วนผสมของยาเสพติดอย่างละเอียด

กระบวนการตรวจพิสูจน์จะเริ่มจากการตรวจสอบทางกายภาพ คือ การตรวจดูลักษณะภายนอกของเม็ดยาว่ามีลักษณะ ขนาด รูปร่าง สี ตราประทับรวมถึงลักษณะการบรรจุหีบห่อ ซึ่งอัตลักษณ์ที่ตรวจพบเหล่านี้จะสามารถบอกแหล่งที่มาของยาเสพติดได้

เช่น หากมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6.0-7.0 มิลลิเมตร ความหนาประมาณ 2.5-3.0 มิลลิเมตร สีส้มและสีเขียว สัญลักษณ์ WY มีตราประทับบนสิ่งห่อหุ้ม สัญลักษณ์จับมือ ซึ่งมีทั้งมือผู้หญิงและมือผู้ชาย มีตัวอักษรจีน สีแดง คำว่า “เจิ้ง” ซึ่งแปลว่า ผ่านการตรวจสอบแล้ว และตราเพชร สันนิษฐานได้ว่ายาเสพติดลอตนั้นมาจากกลุ่มมูเซอ ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ที่บ้านปู่นาโก และบ้านน้ำปุ๋ง

สัญลักษณ์รูป Y1 และ A มักพบว่ามีการลักลอบนำเข้าจากชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมาจากกลุ่มว้าเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มดั้งเดิม หมายเลข 999 หมายเลข 1 หรือ 2 อยู่ในวงกลม เป็นของกลุ่มว้าใต้ มีโรงงานผลิตอยู่ที่เมืองยอน ประเทศพม่า

การตรวจอัตลักษณ์ภายนอกของยาบ้าจะทำให้ทราบแหล่งที่มาซึ่งเมื่อกับข้อมูลการสืบสวนที่เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดรวบรวมไว้จะทำให้ทราบถึงเครือข่ายของยาเสพติดกลุ่มนั้นๆได้ทันที ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลติดตามจับกุมผู้กระทำผิด

หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตรวจพิสูจน์ทางเคมี ซึ่งแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นตอนคุณภาพวิเคราะห์ คือการตรวจหาสารแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นสารเสพติดในยาบ้า โดยการใช้น้ำยาเคมีหยดลงไปในเม็ดยา หรือที่เรียกว่าขั้นตอนคัลเลอร์เทสต์ หากพบว่าน้ำยาเคมีเปลี่ยนเป็นสีม่วงก็จะนำไปตรวจพิสูจน์ยืนยันซ้ำอีกครั้งด้วยเทคนิคทินเลเยอร์โคมาโทกราฟ เพื่อให้แน่ใจว่า มีเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นสารเสพติดสำคัญของยาบ้าอยู่ หลังจากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบขั้นตอนที่ 2 ที่เรียกว่าปริมาณวิเคราะห์ คือขั้นตอนการตรวจสอบปริมาณของสารเสพติดที่ผสมอยู่ในเม็ดยาบ้า โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เรียกว่าเครื่องก๊าซโครมาโทกราฟ ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีผลต่อการพิจารณาโทษตามกฎหมาย

ขั้นตอนที่ 3 คือขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อวิเคราะห์หาส่วนผสมของยาเสพติดด้วยเครื่องก๊าซโครมาโทกราฟ สามารถอ่านค่าได้จากเส้นกราฟที่จะชี้ว่ามีสารเสพติดใดเป็นส่วนผสมในยาเสพติดเม็ดนั้น เช่นกรณีล่าสุดที่ตรวจพบว่า ผู้ผลิตยาบ้ากลุ่มมูเซอผสมเฮโรอีนลงไปในยาบ้า กลายเป็นยาบ้าสูตรใหม่ ซึ่งออกฤทธิ์รุนแรงกว่าสูตรเดิม

“การใช้กระบวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์จะเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในชั้นศาล และข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้หลายอย่างจะสนับสนุนงานปราบปราม งานด้านการข่าว หรือการสืบสวนจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ เช่น ลักษณะภายนอกที่พบสัญลักษณ์ต่างๆจะช่วยให้วิเคราะห์กลุ่มผู้ผลิตได้ การตรวจสอบส่วนผสมของยาเสพติดก็จะทำให้ทราบลักษณะของสารที่เกิดขึ้นระหว่างการทำปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่สมบูรณ์ก็จะเกิดสารบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา หรืออาจจะเกิดจากการปนเปื้อน หรืออาจจะเกิดจากผู้ผลิตจงใจเติมสารบางอย่างลงไป ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะเป็นสูตรเฉพาะของผู้ผลิตแต่ละแห่ง หากเป็นกลุ่มเดียวกันจะมีลักษณะส่วนผสมของตัวยาที่เหมือนหรือใกล้เคียงกัน สิ่งเหล่านี้จะเป็นเบาะแสสำคัญในการติดตามจับกุมเครือข่าย” น.ส.กัญญนันทน์ คงภัสนิธิโรจน์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ป.ป.ส.กล่าว

การตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งทางกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พุทธศักราช 2522 ซึ่งกำหนดให้ต้องนำยาเสพติดที่จับกุมได้เข้าสู่กระบวนการตรวจพิสูจน์หาปริมาณของสารเสพติด เพื่อเอาผิดกับผู้ครอบครองตามปริมาณของสารเสพติด โดยหากมีปริมาณยาบ้าไม่เกิน 1.5 กรัม ผู้ครอบครองมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000-300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเกิน 15 กรัม แต่ไม่ถึง 20 กรัม มีโทษจำคุก 4 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 400,000-5,000,000 บาท หากมีปริมาณเกินกว่า 20 กรัม มีโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท หรือประหารชีวิต และหากพบว่ายาบ้านั้นมีส่วนผสมของสารเสพติดอื่นเช่น เฮโรอีน ก็ต้องรับโทษในข้อหาครอบครองยาเสพติดชนิดอื่นด้วย ถ้ารวมกันแล้วเกิน 20 กรัม มีโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท หรือประหารชีวิต

การตรวจพิสูจน์ยาเสพติดดังกล่าวเปรียบเสมือนการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลหรือการตรวจดีเอ็นเอของบุคคล เพื่อยืนยันความเกี่ยวพันกับคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งคนร้ายมักจะทิ้งหลักฐานไว้ในที่เกิดเหตุเช่น ลายนิ้วมือแฝง เส้นผม หยดเลือด อสุจิ เนื้อเยื่อซึ่งสิ่งเหล่านี้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์จะสามารถยืนยันตัวผู้กระทำผิดได้

ขณะที่การตรวจพิสูจน์ยาเสพติดจะทำให้ทราบถึงกลุ่มผู้ผลิต เนื่องจากแต่ละแห่งจะมีตราสัญลักษณ์ที่ประทับลงบนตัวยาหรือหีบห่อที่เป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มตัวเอง เช่นเดียวกับการตรวจพิสูจน์ส่วนผสมของยา จะยืนยันกลุ่มผู้ผลิตได้ เนื่องจากแต่ละรายจะมีส่วนผสมของสารเสพติดในเม็ดยาที่แตกต่างกัน

ขบวนการยาเสพติดที่ลักลอบนำยาเสพติดเข้าไทยในปัจจุบันคือ ชาวเขาเผ่าม้ง มูเซอ ลีซอ อาข่าและชาวเย้า ซึ่งแต่ละกลุ่มจะผลิตยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าด้วยสูตรที่แตกต่างกัน มีตราสัญลักษณ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มไม่เหมือนกัน มีเครือข่ายลำเลียงและผู้ค้าที่แตกต่างกัน ซึ่ง ป.ป.ส.ได้จัดทำเครือข่ายเหล่านี้ไว้เรียบร้อย สามารถที่จะใช้เป็นแนวทางในการติดตามจับกุมได้ ขณะที่เส้นทางการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไทยมักใช้ตะเข็บชายแดนด้าน อ.แม่ริม อ.แม่อาย อ.ฝาง และ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่, อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เทิง จ.เชียงราย และ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นเส้นทางลำเลียงที่สำคัญ แต่ระยะหลังพบว่ามีการใช้ตะเข็บชายแดนด้านตะวันตกทาง จ.ตาก จ.กาญจนบุรี และด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.นครพนม จ.หนองคาย จ.บึงกาฬจ.เลย และ จ.อุบลราชธานี มากขึ้น

ขณะที่ผู้ผลิตจากการจัดทำสถิติของ ป.ป.ส.พบว่า ในรอบปี 2556-2557 กลุ่มมูเซอผลิตมากที่สุดกว่า 57 ล้านเม็ด รองลงมาคือ กลุ่มว้าใต้ ซึ่งมีมากกว่า 30 ล้านเม็ด ส่วนกลุ่มผู้เสพ พบว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีความพยายามในการเจาะกลุ่มเด็กและเยาวชนมากขึ้น

สกัดจับแก๊งชาวเขาขนยาเสพติดทั้งยาบ้าและเฮโรอีน มาจากทาง ภาคเหนือ หวังมาส่งที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ตำรวจ ปส.จมูกไวกว่า ตั้งจุดสกัดจับได้ยกชุดยึดยาบ้า 94 มัด เฮโรอีน 15 กิโลกรัม ส่วนอีกรายรวบผู้ต้องหาได้ 6 คน หลังวางแผนล่อซื้อยาไอซ์ 9 กิโลกรัม ลำเลียงมาจากภาคเหนือเช่นกัน นัดส่งกันที่ห้างดังย่านรังสิต จับกุมได้ทั้งแก๊ง ส่วนตัวหัวหน้าไหวตัวทันหลบหนีไปได้ เตรียมขอศาลออกหมายจับ ล่าตัวมาดำเนินคดีต่อไป ตำรวจ ปส.จับขบวนการขนยาเสพติดจากทางภาคเหนือเพื่อนำมาส่งที่กรุงเทพฯ มีทั้งยาบ้า ยาไอซ์และเฮโรอีน เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บํารุง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. พ.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส. 1 และ พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมยาเสพติด 2 ราย รายแรกจับกุมนายทินกร ธนชัยบุญ อายุ 24 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ นายสมศักดิ์ พงศ์นิธิกรชัย อายุ 30 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน นายชาติชาย เลาหมี่ อายุ 24 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 94 มัด จำนวน 188,000 เม็ด เฮโรอีนชนิดผงขาว อัดแท่ง สี่เหลี่ยม ตราสิงโตคู่เหยียบลูกโลก จำนวน 15 ก้อน หนักรวม 5,250 กรัม รถเก๋งมิตซูบิชิ ซีเดีย สีเทา ทะเบียน กต 3215 ลำปาง รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผต 4351 เชียงใหม่ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาแม่ริม ถนนเชียงใหม่ฝาง (โชตนา) ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบมาว่า จะมีกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดกลุ่มชนเผ่าลีซอใช้รถเก๋งมิตซูบิชิ ซีเดีย สีเทา ทะเบียน กต 3215 ลำปาง รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผต 4351 เชียงใหม่ เป็นพาหนะ ขนยาเสพติดจากทางชายแดนภาคเหนือ เข้ามายังพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ทางชุดปราบปรามได้สังเกตพบเห็นรถทั้ง 2 คัน ขับอยู่ในพื้นที่ อ.ปาย-อ.แม่แตง จึงได้ตั้งจุดสกัดหยุดรถเก๋งคันดังกล่าว ที่บริเวณถนนโชตนา ต.ริมใต้ อ.แม่ริม พบนายทินกรเป็นคนขับ ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าจำนวน 94 มัด จำนวน 188,000 เม็ด และ เฮโรอีน จำนวน 15 ก้อน น้ำหนัก 5,250 กรัม ซุกซ่อน อยู่ในช่องลับใต้เบาะที่นั่ง จากนั้นได้ขยายผลจับกุม

นายสมศักดิ์และนายชาติชายที่ขับรถกระบะนําทางรายที่สองชุดปราบปรามยาเสพติด กก.2 บก.ปส.1 จับกุมนายพงษ์ หรือสิทธิ กรลี้พงศพัศ อายุ 43 ปี นายต๊ะ หรือเจริญ เลาย่าง อายุ 39 ปี นางสายทอง อัครชัยวงศ์ อายุ 33 ปี น.ส.รัชวิน รักษานนท์ อายุ 34 ปี นายพิษณุ พลับกระสงค์ อายุ 32 ปี นายปณิธาน อัครภาคินกุล อายุ 21 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ประมาณ 4 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 9 เครื่อง

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติด จากเครือข่ายภาคเหนือเข้า กทม. โดยให้ทางสายลับติดต่อกับนายพงษ์ ชาวเขาเผ่าลีซอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากนั้นจึงได้วางแผนจับกุม โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมตัวร่วมกับสายลับเข้าไปล่อซื้อยาไอซ์จํานวน 4 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 1,250,000 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 5,000,000 บาท นัดส่งยากันที่โรงแรมอพอลโล ย่านถนนวิภาวดี จนถึงเวลานัดหมายนายพงษ์

นายต๊ะ นางสายทอง เดินทางเข้ามาขอดูเงินกับสายลับที่ห้องพัก ก่อนที่จะโทร.บอกให้นายสุรชัย พรหมมา สั่งนายประพันธ์นํายาเสพติดมาส่งให้ที่ห้างเซียร์รังสิต เมื่อผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมนายพงษ์ นายต๊ะ นางสาวรัชวิน นายพิษณุ พร้อมของกลางก่อนขยายผลจับกุมนางสายทองที่รอรับเงินอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่งได้ในเวลาต่อมา

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้วางแผนติดต่อให้นายสุรชัยมารับเงินค่ายา แต่นายสุรชัยเกิดไหวตัวทัน ใช้ให้นายปณิธานมารับเงินค่ายาแทน ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวเอาไว้ได้ นําตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดี ส่วนนายสุรชัย พรหมมา ที่หลบหนีไปได้จะขออนุมัติศาลออกหมายจับพร้อมกับติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ 'พล.ต.อ.พงศพัศ' แถลงผลยึดทรัพย์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ ยึดทรัพย์สิน 248 รายการ มูลค่าร่วม150 ล้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงการขยายผลยึดทรัพย์หลังจับกุม นายอนันต์ ใจวัน ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญที่ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 57 ขณะขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร ทะเบียน ขง-1109เชียงใหม่ผ่านจุดตรวจผาหงส์ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตรวจพบยาบ้าซุกซ่อนในยางอะไหล่ใต้ท้องรถยนต์จำนวน 146 มัด รวม 292,000 เม็ด โดยที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นนักจัดรายการ และเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชน อ.พร้าว จ. เชียงใหม่ และเป็นเจ้าของอู่เครื่องเสียงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ สาเหตุที่รับจ้างลำเลียงยาบ้าเนื่องจาก ไม่มีเงินใช้หนี้ธนาคารที่กู้มาลงทุน โดยในรอบเดือนนี้ ลำเลียงมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้ ได้ทำการยึดทรัพย์และกิจการของ “นายอนันต์ ใจวัน” ได้ทรัพย์สินทั้งหมดจำนวน 248 รายการ มีรวมมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำนักงานป.ป.ส.จะร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่และรายย่อยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ทุกครั้งที่มีการจับกุมนักค้ายาเสพติดหรือผู้ร่วมขบวนการ สำนักงาน ป.ป.ส.จะทำการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้งหมดที่นักค้ายาเสพติดนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือนำไปฟอกไว้ในลักษณะต่างๆ เข้าสู่กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อใช้ประโยชน์ในการปราบปรามยาเสพติดต่อไป”

วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ สามเหลี่ยมทองคำ รอยต่อของชายแดน 3 ประเทศ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรไทย เคยเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดที่สำคัญ และถูกรัฐบาลเมียนมาร์ปราบปรามในปีพ.ศ.2549 แต่จากรายงานของนิตยสารดิ อีโคโนมิสท์ ระบุว่า ยาเสพติดกำลังกลับมาในพื้นที่อีกครั้ง และมีทีท่าจะระบาดหนักกว่าเดิม โดยนิตยสารดิ อีโคโนมิสท์อ้างข้อมูลของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ พบว่าในประเทศเมียนมาร์ มีการลักลอบปลูกฝิ่นบนพื้นที่ 578 ตร.กม. และในพ.ศ. 2555 มีการลักลอบผลิตยาเสพย์ติดในเมียนมาร์และลาวมากถึง 873 ตัน คิดเป็นร้อยละ 18 ของการผลิตทั่วโลก คิดเป็นเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท และมากกว่าผลผลิตในพ.ศ.2548 ก่อนการปราบปราม เกือบ 3 เท่า ทำให้ยาเสพติดในเมียนมาร์ กำลงจะมาแย่งส่วนแบ่งในตลาดยาเสพติดจากประเทศอัฟกานิสถาน ที่ครองส่วนแบ่งใหญ่มาตั้งแต่ พ.ศ.2544

สำหรับแหล่งผลิตยาเสพติดสำคัญอยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ เพราะมีไร่ฝิ่นอันกว้างใหญ่ และโรงงานผลิตยาบ้าจำนวนมาก สร้างความกังวลใจให้แก่สหรัฐ จีน และหน่วยงานประจำสหประชาชาติหลายองค์กร จึงได้ร่วมกันรณรงค์ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ชักชวนชาวรัฐ-ฉานกว่า 200,000 หลังคาเรือน ให้หันมาปลูกยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ แทนการปลูกฝิ่นได้สำเร็จ

แต่ทว่าระยะหลังชาวรัฐฉาน ส่วนใหญ่ยังคงยากจน กลับไปปลูกฝิ่นอีกครั้ง เนื่องจากรายได้ดีกว่า โดยรายได้ต่อปีของครอบครัวชาวฉาน คือ 29,440 บาท ครึ่งหนึ่งของรายได้มาจากการปลูกฝิ่น ส่วนยาบ้านั้น รัฐฉานเป็นแหล่งผลิตใหญ่ เนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิตหาง่าย ผลิตได้ปริมาณมาก และราคาถูก จึงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก

เฉพาะพ.ศ.2556 มียาบ้าผลิตจากรัฐฉานมากกว่า 1 พันล้านเม็ด ดังนั้นกองกำลังรัฐฉานจึงต้องปกป้องหมู่บ้าน พร้อมทั้งไร่ฝิ่น เป็นแหล่งเงินของชุมชน ให้พ้นจากการปราบปรามของทางการเมียนมาร์ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่เมียนมาร์บางคนรับเงินสินบน เพื่อคุ้มครองแหล่งผลิต และการลักลอบขนส่งยาเสพติด

การผลิตยาเสพติดที่มากขึ้นทุกปี เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดที่ไม่มีทีท่าลดลง เช่น ในประเทศจีนมีผู้เสพยา 2 ล้านคน แต่คาดว่าจะถึง 10 ล้านคนในอนาคต แม้กระทั่งในรัฐฉานตัวการผลิตยา ก็ต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติด

นาง โว ฟาร์ท เจ้าหน้าที่เอ็นจีโอ ทำงานในรัฐฉาน เปิดเผยว่า 3 ใน 5 ของวัยรุ่นรัฐฉานใช้ยาเสพติดเป็นประจำ ในรัฐกะเหรี่ยงก็พบปัญหาเช่นเดียวกัน การที่ยาบ้าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ทำให้การลักลอบขนยาบ้าทำเงินรายได้ดี ปัจจุบันหนุ่มสาวในชนบทแถบสามเหลี่ยมทองคำ เลือกจะลักลอบขนยาบ้า แทนการไปทำงานบาร์คาราโอเกะ ขายบริการทางเพศ หรือ คนงานในอุตสาหกรรมประมง

เมื่อมีผู้เสพยาจำนวนมาก สังคมจึงได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการตายเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ทำให้ชุมชนเริ่มตระหนักในปัญหา เช่น ที่เมืองมูเซ ประเทศเมียนมาร์ ที่อยู่ใกล้กับรัฐฉาน ชาวเมืองได้ร่วมกันตั้งศูนย์บำบัดยาเสพติด เมื่อพบผู้เสพยา ผู้ค้ายา ก็จะจับส่งเข้าบำบัดรักษาที่ศูนย์ฯ โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่รัฐมาจัดการ

ความกังวลใจในปัญหายาเสพติด ไม่หยุดอยู่เฉพาะการค้ายาฯ และลักลอบขนยาฯ ระดับท้องถิ่น แต่รวมถึงในปี 2015 จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ทำให้ เจ้าหน้าที่เอ็นจีโอรัฐฉาน คาดว่าด้วยการเดินทางที่สะดวกมากยิ่งขึ้นในภูมิภาค จะทำให้อัตราการค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์ข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

ขณะที่ นายเจสัน อีไลห์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ถึงกับกล่าวว่า พวกประกอบธุรกิจผิดกฎหมายนั้น เป็นกลุ่มคนเชี่ยวชาญระบบขนส่งมากที่สุด ดังนั้นภูมิภาคอาเซียนจะต้องร่วมมือกันในการรับมือปัญหาการค้ายาเสพติดข้ามพรมแดน ที่จะมาพร้อมกับการค้าเสรีข้ามพรมแดนด้วย

๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ อุตรดิตถ์- เจ้าหน้าที่รวบพ่อวัยโจ๋ ซุกยาบ้าในกางเกง อ้างเก็บได้จากข้างทางตัดสินใจเอาไปขาย หาเงินเลี้ยงลูกน้อยวัย 7 เดือน กับเมียที่ยังไม่มีงานทำ
วันนี้ (7 พ.ค.) นายทวีศักดิ์ พุ่มมรดก เจ้าพนักงานปกครอง ในฐานะหัวหน้าชุดศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) จ.อุตรดิตถ์ พร้อมกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ประจำชุด ศพส.ออกติดตามตัวบุคคลเป้าหมายตามที่ประชาชนบ้านพระฝาง หมู่ 3 ต.ผาจุก อ.เมืองอุตรดิตถ์แจ้งว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พบนายวงศ์ชญพจน์ หิรัญงาม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/1 หมู่ 3 ต.ผาจุก ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กยม 792 อุตรดิตถ์ มาตามถนนในหมู่บ้าน

ต่อมา นายทวีศักดิ์ และ อส.จึงขอตรวจค้นปรากฏว่า นายวงศ์ชญพจน์ มีท่าทางพิรุจ เมื่อตรวจค้นตามร่างกายพบยาบ้า จำนวน 180 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงใน จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ดำเนินคดีในข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครอง พร้อมขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องต่อไป
จากการสอบสวน นายวงศ์ชญพจน์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนยาบ้าที่ถูกจับได้ก็เก็บได้จากข้างถนนในหมู่บ้านโดยบังเอิญที่ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงนำไปขาย เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูลูกอายุ 7 เดือน และภรรยาที่ยังไม่มีทำงานเช่นกัน
วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับ 4 ขบวนการลักลอบขนยาจากภาคเหนือ ได้ของกลางยาบ้ากว่า 1.3 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 15 กิโลกรัม วันนี้ (11พ.ค.57) ผู้สือข่าวรายงานว่า ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ 4 ขบวนการ พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 9 คน และยึดของกลางยาบ้าจำนวน 1,358,000 เม็ด ยาไอซ์ 15 กิโลกรัม และรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 7 คัน พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ทั้ง 4 ขบวนการมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือเพื่อกระจายส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ โดยตำรวจปราบปรามยาเสพติด ติดตามสกัดจับกุมได้ระหว่างการขนลำเลียงทั้งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย

ทั้งนี้ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุจำนวนหนึ่งหลบหนีไปได้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า รับจ้างลักลอบขนยาเสพติด โดยรับค่าจ้างต่อเที่ยวตามปริมาณยาเสพติด

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 พ.ค. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย รอง ผบช.ปส. แถลงจับกุม ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน รถยนต์ของกลาง 12 คัน ยาบ้า 1,358,000 เม็ด ยาไอซ์ 15 กิโลกรัม ผบช.ปส. กล่าวว่า สำหรับคดีแรก เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายเฉลิมพล ปัญญาเลิง อายุ 31 ปี และนางภัทรสุดา แซ่จาง อายุ 26 ปี ชาวเชียงใหม่ พร้อมของกลาง ยาบ้า 360,000 เม็ด ยาไอซ์บรรจุถุงชาจีน 2 ถุง น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม รถกระบะ นิสสัน นาวาร่า สีขาว ทะเบียน ผพ 2715 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณ สามแยกไฟแดง บ้านทุ่งหัวช้าง ถนนเชียงใหม่-ฝาง ส่วนรายที่สอง เจ้าหน้าที่จับกุมนายอภิสิทธิ์ แซ่ว่าง อายุ 29 ปี และนายสัจจา แซ่เท้า อายุ 34 ปี ทั้งคู่เป็นชาวเชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด ยาไอซ์ 10 กิโลกรัม บรรจุถุงชาจีน 10 ถุง รถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บท2271 พะเยา รถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บธ2669 พะเยา รถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บล 4424 เชียงราย และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ได้บริเวณทางหลวงหมายเลข 2013 สายนครไทย-ด่านซ้าย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หลังสืบทราบว่าแก๊งค้ายาเสพติดชาวม้ง จะลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยใช้เส้นทางสาย ชายแดน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ไปส่งยังภาคกลาง โดยใช้รถกระบะ 3 คัน จึงวางแผนเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหาขัดขืน พร้อมใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางหลบหนี ก่อนขับรถขนยาเสพติด ทะเบียน บท2271 พะเยา หลบหนีไปได้ 2 คน ติดตามจับกุมได้ 2 คน สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับจ้างจากนายน้อย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี ให้ขนยาเสพติดไปส่งลูกค้าในภาคกลาง พล.ต.ท.สุรพล กล่าวต่อว่า สำหรับรายที่ 3 เจ้าหน้าที่จับกุมนายจุกกอรี ติ้งหวัง อายุ 36 ปี ชาวสตูล พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด ยาไอซ์ บรรจุถุงพลาสติก 3 ถุง รวม 3 กิโลกรัม รถยนต์ โตโยต้า แฮริเออร์ ทะเบียน ชส1335 กท. และโทรศัพท์ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณ สามแยกบ้านกิ๋วพร้าว อ.แม่จัน จ.เชียงราย หลังได้รับแจ้งจากสายว่าจะมีผู้ค้ายาเสพติดจากภาคใต้ ลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดเชียงราย ไปส่งให้คนในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงตั้งด่านสกัดจับไว้ได้พร้อมของกลางดังกล่าว ส่วนรายสุดท้าย เจ้าหน้าที่จับกุมนายสมชาย แซ่ม้า อายุ 27 ปี นายวิชยุตม์ แซ่ยั้ง อายุ 30 ปี นายโยธิน อย่างยอดเยี่ยม อายุ 27 ปีและนายยุทธศักดิ์ อย่างยอดเยี่ยม อายุ 31 ปี ทั้งหมดเป็นชาวตาก พร้อมของกลาง ยาบ้า 198,000 เม็ด รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทตัน สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทตัน สีดำ ทะเบียน บน6712 พิษณุโลก โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณถนนสายเทิง-พะเยา บ้านห้วยยางขาม อ.จุน จ.พะเยา หลังรับแจ้งว่า จะมีผู้ค้ายาเสพติดชาวม้ง ลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนอ.เทิง จ.เชียงรายไปส่งพื้นที่ภาคกลาง จึงวางกำลังจับกุมและสามารถได้จับกุมดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ อุตรดิตถ์- บุกตรวจปัสสาวะพระภิกษุวัดเมืองอุตรดิตถ์ พบปัสสาวะม่วงเกือบยกวัด ต้องจับสึกก่อนส่งเข้าบำบัดต่อ

วันนี้ (14 พ.ค.) นายทวีศักดิ์ พุ่มมรดก เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ในฐานะรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดอุตรดิตถ์ นำกำลังสมาชิก อาสาสมัครเจ้าหน้าที่ประจำชุด เข้าตรวจสอบที่วัดห้วยฮ้า หมู่ 7 ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพระภิกษุสงฆ์ในวัดห้วยฮ้ามั่วสุมเสพยาเสพติด (ยาบ้า)

ผลการตรวจสอบพบว่าที่วัดดังกล่าวมีพระภิกษุ 5 รูป เมื่อแจ้งขอทำการตรวจปัสสาวะพระทุกรูปกลับพบปัสสาวะเป็นบวก 4 รูป ในกุฏิพบอุปกรณ์การเสพหลายรายการ

เบื้องต้นได้พิจารณาแล้วเห็นควรใช้มาตรการทางสังคมลงโทษ ซึ่งพระภิกษุทั้ง 4 รูป ยินยอมขอลาสิกขาบท โดยเจ้าอาวาสวัดห้วยฮ้าได้สึกให้ และยินยอมเข้ารับการบำบัดรักษาฟื้นฟูที่ค่ายโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองฝ่ายปกครองจังหวัดอุตรดิตถ์ (กองร้อย อส.จ.อต.) รุ่นที่ 2 ประจำปี 2557 ต่อไป
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เชียงราย- เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจปูแกง รวบหนุ่มแม่จัน ขนยาบ้าเต็มกระเป๋า นั่งรถทัวร์สายเชียงราย-นครสวรรค์ เตรียมส่งลูกค้าอุตรดิตถ์
พ.ต.ท.ภูมิปรีชา เผ่าปินตา สวป.สภ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ สภ.พาน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับทหารจากจังหวัดทหารบกเชียงรายประจำจุดตรวจปูแกง ถนนพหลโยธิน เส้นทางเชียงราย-พะเยา ต.แม่เย็น อ.พาน
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถทัวร์โดยสารสายเชียงราย-นครสวรรค์ จึงให้สัญญาณหยุดตรวจ พบผู้โดยสารชายคนหนึ่ง ท่าทางส่อพิรุธ ทราบชื่อต่อมา นายไชยา หมื่อแล อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.5 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงขอตรวจสอบระเป๋าเดินทางที่วางไว้บนรถ พบยาบ้า 30 ห่อ ภายในบรรจุยาบ้าห่อละ 2,000 เม็ด รวม 60,000 เม็ด
เบื้องต้น นายไชยา ให้การว่ารับจ้างจากนายอากู่ ไม่ทราบนามสกุล ให้ไปรับกระเป๋าดังกล่าวที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงรายแห่งที่ 2 ต.สันทราย อ.เมือง โดยมี นายคำ ไม่ทราบนามสกุลขับรถจักรยานยนต์นำกระเป๋ามาส่งให้ จากนั้นได้ขึ้นรถทัวร์โดยสารเพื่อจะนำไปยังที่ จ.อุตรดิตถ์
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมขยายผลตามกฎหมายต่อไป
หมายเลขบันทึก: 568941เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2014 12:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2014 12:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท