เมื่อสองสามวันก่อนผมมีอาการปวดบริเวณน่องเนื่องจากเดินและยืนมากผสมกับบริเวณน่องเคยมีอาการเป็นตะคริวมาหลายครั้ง ทำให้มีก้อนเนื้อแข็งเป็นไตเกิดขึ้นและมีอาการปวดบ่อย ๆ เมื่อยืนและเดินมาก ๆ
จากนั้นจึงได้เดินข้ามไปซื้อ "ยาหม่อง" หรือจะเป็น "ยานวด (เคาน์เตอร์เพน)" จากร้านขายยาตรงข้ามบ้านเพื่อมานวดขาให้บรรเทาอาการปวดลง
ตอนแรกที่เดินข้ามไปกะว่าจะซื้อยาหม่องแบบธรรมดา ๆ ที่มีโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ แต่พอไปถึงเผอิญเหลือบไปเห็นยาหม่องหรือยานวดที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่บรรจุขวดมาขาย
"ขวดใหญ่กว่า ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง"
ในใจขณะนั้นบอกตรง ๆ เลยครับว่า "ไม่ค่อยมั่นใจ" ต่อคุณภาพในผลิตภัณฑ์นั้นเลย ด้วยเป็นเพราะด้วยการถูกปลูกฝังมานานกับความเชื่อที่ว่า "สินค้าแพงเป็นสินค้าที่ดี" ซึ่งยาหม่องขวดที่บรรจุมาขายเองนั้น ขวดใหญ่กว่าและราคาแค่ 25 บาทถูกกว่ายาหม่องทั่วไปครึ่งนึ่ง หรือถ้าเทียบกับเคานเตอร์เพนก็จะถูกกว่าเกือบ 3-4 เท่าตัว
"จะดีเหมือนกับยาหม่องกับเคาน์เตอร์เพนไหมนี่"
เป็นคำถามในใจที่คิดอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนนั้นก็ตัดสินใจที่จะซื้อมาเพื่อลองดู
เมื่อใช้ไปได้สักพักก็ไม่ผิดหวังครับ ทาและนวดไปได้สองวันอาการก็ดีขึ้น อาการปวดขาน้อยลง รวมถึงก้อนเนื้อที่เป็นไตแข็งเริ่มนุ่มและมีขนาดเล็กลง
ค่านิยมที่ถูกหล่อหลอมจากระบบ "ทุนนิยม (Capitalism)" และ "สื่อนิยม(Medianism)" ที่สร้างและปลูกฝังให้เชื่อมั่นใน "ราคา" และ "การโฆษณา" ว่าสิ่งที่มีราคาแพง สินค้าที่มีโฆษณา "เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ" จนบางครั้งสิ่งที่เราเชื่อว่ามีคุณภาพนั้นก็เป็นการทำลายภูมิปัญญาท้องถิ่นไปมากมายนักต่อนัก
การสร้างความมั่นใจ (Confident) สามารถสร้างขึ้นได้ ถ้าเราเปิดใจรับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงใช้การสื่อสารทางการตลาดที่ง่ายที่สุด ราคาต่ำที่สุด (ไม่มีต้นทุน) และทรงพลังที่สุด นั่นก็คือการสื่อสารแบบปากต่อปาก (Word of Mouse) เพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยให้ มีคุณค่ามากขึ้นกับจิตใจและสังคมไทยตลอดไปชั่วกาลนาน
ไม่มีความเห็น