โครงการหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 10 (ช่วงที่ 4)


สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ EADP รุ่น 10 ทุกท่าน

ขอต้อนรับเข้าสู่ ช่วงที่ 4 ของ หลักสูตรพัฒนาสมรรถนะผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 10 (ปี 2557) หรือEGAT ASSISTANT DIRECTOR DEVELOPMENT PROGRAM : EADP 2014 ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2557

แม้ว่าจะเป็นการทำงานต่อเนื่องเรื่องคนให้กับ กฟผ. มาปีนี้เป็นปีที่ 10 แต่ผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และพยายามจะแสวงหาความรู้ที่สด และทันสมัยมาแบ่งปันกับลูกศิษย์ของผมเสมอ

จากการพัฒนาผู้นำและผู้บริหารของ กฟผ. ในระดับผู้อำนวยการ 3 รุ่น และในระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายอีก 6 รุ่นที่ผ่านมา ผมมีความภาคภูมิใจในลูกศิษย์ของผมที่วันนี้หลายคนเติบโต และเป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคม

"ทุนมนุษย์" ใน กฟผ. นั้นเข้มแข็งและมีศักยภาพอยู่แล้ว ผมเป็นเพียงผู้ที่จะช่วยทำหน้าที่จุดประกาย สร้าง Inspiration ให้พวกเขามีพลัง มี Ideas ใหม่ ๆ มีความเข้าใจสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกและพยายามเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งการทิ้งผลงานหรือสิ่งที่มีคุณค่าไว้สำหรับสังคมไทยของเรา

สิ่งที่ผมและคน "กฟผ." ต้องระลึกถึงเสมอ คือ ผู้นำของเรา ต้องขอขอบคุณ ท่านผู้ว่าการ กฟผ. และอดีตผู้ว่าการฯ ทุกท่าน น่าชื่นชมที่มีปรัชญาและความเชื่อว่า "คนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร" สูตรสำเร็จของการพัฒนาทุนมนุษย์ในองค์กรในยุคนี้ คือ ผู้นำหรือ CEO+SMART HR+ Non-HR และผมเชื่อว่าการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ใน กฟผ. อย่างต่อเนื่องจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้ กฟผ. เติบโตอย่างยั่งยืนได้แน่นอน

สำหรับการพัฒนาสมรรถนะผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย รุ่นที่ 10 ในปีนี้ ผมก็หวังว่าจะมีสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ร่วมกันเพื่อประโยชน์ในการทำงานของ กฟผ. และเป็นการสร้างที่สร้างความสุขให้แก่คนไทยต่อไป และผมขอให้ทุกท่านใช้ Blog นี้เป็นคลังความรู้ของพวกเรา และแบ่งปันความรู้เหล่านี้ไปสู่สังคมของเราครับ

จีระ หงส์ลดารมภ์

หมายเลขบันทึก: 566972เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2014 08:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2014 07:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (104)

สรุปการบรรยายจากทีมวิชาการ Chira Academy

Panel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำกฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย คุณไกรสีห์ กรรณสูต

อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

คุณสมบัติ ศานติจารี

อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ในวันที่ 29 เมษายน 2557

ณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ช่วงนี้ของรุ่น 10 พิเศษ เพราะจะให้อดีตผู้ว่าการพูดถึงประสบการณ์ของท่านแบบลงลึกด้านวิกฤติและความเสี่ยง

วิกฤติกฟผ.มาแล้วมาอีก เป็นวิกฤติหลายชั้น ผู้นำต้องจัดการวิกฤติให้ได้

ท่านไกรสีห์ริเริ่มการศึกษาดูงานต่างประเทศสำหรับโครงการ EADP

ท่านสมบัติทำงานต่อเนื่อง และส่งเสริมท่านสุทัศน์เป็นผู้ว่าการคนต่อไป

คุณสมบัติ ศานติจารี

ความเสี่ยงไม่ซ้ำแบบ ตอนนี้มีความเข้มงวดจากองค์กรอิสระมากขึ้น

ควรสื่อสารให้ระดับรู้ว่ามีแผนอะไร

ภาวะวิกฤติ เรามีแผนป้องกันไม่ให้เกิด

เมื่อเกิดแล้ว ต้องแก้ให้เร็ว

ต้องใช้เวลาฟื้นฟู โดยทำการตลาดเพื่อสังคม

ตอนผมเป็นผู้ว่า ไม่เป็นวิกฤติใหญ่

การสื่อสารเป็นหัวใจของภาวะวิกฤติ

ต้องรายงานให้สังคมรับรู้ฉับพลัน โดยสรุป และตรงไปตรงมา

การสื่อสารที่ดี

1.ห้ามโทษผู้อื่น

2.อย่าให้ความเห็นที่เดา

3.ตอบทุกสื่อ

4.ห้ามลำเอียง

ถ้านิ่ง ไม่ตอบสื่อมวลชน เขาจะคิดว่าจริง

ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

ต้องกำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน

การทำการตลาดเพื่อสังคมสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำให้อิงกับสังคม

ตอนผมเป็นผู้ว่าการ ปี 2553 เจ้าหน้าที่ปล่อยน้ำ มีผลกระทบต่อการใช้น้ำ เจ้าหน้าที่สื่อในพื้นที่ เราทำการสื่อสารไป แต่กระทรวงตั้งกรรมการสอบ

ต้องมีการประกาศทุกปีเรื่องเขื่อน เพราะมีการรุกล้ำทุกปี

เกิดเหตุ ต้องให้ผู้บริหารรู้ทันที ผู้บริหารต้องแจ้งสายบังคับบัญชาเพื่อจำกัดความเสียหาย

การสื่อสารเป็นหัวใจแก้วิกฤติ

มอบคนเดียวให้เป็นผู้รู้เรื่องแล้วสื่อออกไป

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

วิกฤติเกิดตลอดเวลา มีหลายมิติ เช่น เรื่องการเมือง สิ่งแวดล้อมต่างประเทศ

ท่านสมบัติเน้นฟื้นฟู

ท่านสมบัติพูดถูก อย่าให้วิกฤติเกิด จนสร้างปัญหาจนฟื้นฟูยาก

คุณสมบัติ ศานติจารี

ทุกหน่วยงานมีแผนแก้ไข

สถิติพบว่า บางคนไม่ได้ปฏิบัติตามแผน ควรมีการซักซ้อมแผนต้องสม่ำเสมอ ต้องมีการถ่ายทอดความรู้ใหม่ให้เจ้าหน้าที่

การเรียนรู้จากวิกฤติเก่าๆจะทำให้รับมือวิกฤติใหม่ๆได้

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

เรามักมี Engineering Crisis ถ้ามีวิกฤติที่ไม่คาดคิด อาจมีเรื่องการเงิน คอรัปชั่น การแทรกแซงของการเมือง

คุณสมบัติ ศานติจารี

นโยบายภาครัฐสำคัญสุด คาดเดานโยบายการเมืองลำบาก

วิกฤติการบริหารการไม่น่าเป็นห่วง เรามีรายได้แน่นอน และมีความโปร่งใส

ในอนาคต อาจมีวิกฤติจากสิ่งแวดล้อม NGOs ค่อนข้างเข้มแข็ง ควรสื่อสารกับเขา

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ปีเน้นเรื่องชุมชนมาก และทำ CSR มาก

เรื่องความสัมพันธ์กับการเมือง เราค้นหาตัวเองและป้องกัน เรื่องธรรมาภิบาลและโปร่งใสช่วยได้มาก

รุ่นนี้ ควรเปิดโอกาสให้ออกไป Network กับคนนอกก็ได้

คำถาม

คนที่ 1

วิกฤติทันที ไฟดับฉุกเฉิน

วิกฤติอนาคต ขาดแคลนเชื้อเพลิง

วิกฤติทั้งสองแบบแก้อย่างไร

คุณสมบัติ ศานติจารี

กฟผ.รู้หมดว่าต้องทำอะไร เราต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับการเมือง ก็ช่วยแก้ได้ มิฉะนั้นเสนอไปก็ไม่ได้รับการสนองตอบที่ดี

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

รุ่น 10 เป็นผู้ที่จัดการอย่างฉลาดกับการเมือง

โซล่าร์ที่สั่งมาจากจีนไม่ยั่งยืน มีบริษัทแฝงนักการเมืองมา

รุ่น 11 ต้องเน้นการเมืองมากขึ้น

ต้องอ่านการเมืองให้ออก

กฟผ.ควรถือหุ้นในบริษัทมากขึ้น

คุณสมบัติ ศานติจารี

รัฐวิสาหกิจไม่สามารถถือหุ้นในเอกชนเกิน 49% เพราะจะทำให้บริษัทนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจทันที

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

รุ่น 9 บอกว่า กฟผ.มีกำไรในบริษัทลูกมากแต่ถือหุ้นน้อย

ต้องนำความรู้มาเสนอท่านสมบัติ

คนที่ 2

ในวิกฤติมีโอกาส กฟผ.ควรทำแผนเพื่อสร้างโอกาส เช่น Solar roof ออกแบบและร่วมลงทุนกับเอกชน

คุณสมบัติ ศานติจารี

ถูกต้องในวิกฤติมีโอกาส บางบริษัทเช่นไทลีนอล เก็บยาทำหลายทิ้ง หลังวิกฤติแล้วดีกว่าเดิมเพราะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

ในกฟผ. มีผลกระทบมากกว่าสร้างโอกาส มันทำให้เอฟทีขึ้น

เราสามารถใช้ประสบการณ์ไปรับงานได้

แต่ควรป้องกันวิกฤติก่อน

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ควรย้อนดูวิจัยกฟผ.ว่า มีวิกฤติใดที่สร้างโอกาสได้

รุ่น 10 มีการทลายไซโล คือรู้จักกันในรุ่นก่อน มีการ Share Vision และ Value

รุ่นนี้ วิกฤติใหญ่สุดคือมีเงินไม่พอลงทุน และอำนาจในตลาดทุน เราต้องขอความร่วมมือกับรัฐบาล

คนที่ 3

ที่ผ่านมา เรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากภาครัฐ เรามีสัดส่วนการผลิตเล็กลง ในสถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องใหญ่ เราจะแสวงหาโอกาสภายใต้นโยบายอย่างนี้อย่างไร

คุณสมบัติ ศานติจารี

ฝ่ายบริหารทุกยุคต่อสู้เรื่องนี้ตลอด ผมสื่อให้สหภาพรับรู้ตลอด

เรื่องนี้ใช้เป็นโอกาสไม่ได้

เราต้องหาทางร่วมมือกับสหภาพแก้ปัญหา

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

สื่อในสังคมไทยตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากฟผ.ผลิตไฟฟ้าน้อยลงไม่ใช่สัดส่วน 50:50

เราต้องแสดงให้คนนอกเห็นสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริง แล้วคนจะเห็นใจกฟผ.

คนที่ 4

การทำการตลาดเพื่อสังคมเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของกฟผ. ท่านมีอะไรจะแนะนำการไฟฟ้าไหม

คุณสมบัติ ศานติจารี

กฟผ.เก่งบริหารการเงิน แต่ภาวะสังคมบีบรัด ผมตั้งหน่วยงานดูแล เราทำดีมาก

เราพยายามสื่อให้สังคมรู้ว่ากฟผ.ทำอะไร

ผมเคยไปพบนายกอานันท์ ต่อมาเข้าใจแม่เมาะ ทำให้มีการต่อต้านน้อยลง

ผมเรียนรู้จากปตท.

การตลาดเพื่อสังคมสำคัญ การสร้างความสัมพันธ์กับ NGOs สำคัญ

เราทำมากแต่ขาดการสื่อที่ดี

เราปลูกป่ามาก แต่ไม่มีใครคิดถึงเรา

คนที่ 5

เราควรปรับโครงสร้างอย่างไร เรามีคนมาก เพื่อดูแลพนักงาน

คุณสมบัติ ศานติจารี

กฟผ.ควบคุมจำนวนคนมาก

ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ชี้แจงและรักษาประสิทธิภาพในการบริหารงานให้ดี

SEPA ทำให้เราแข็งแกร่ง

ต้องมีความสัมพันธ์กับการเมืองที่ดี

ต้องใช้คนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

กฟผ.มีคนมาก งานลดลง ต้องรักษาความสามารถให้รัฐทราบว่ากฟผ.มีความสามารถ

ต้องใช้สหภาพให้เป็นประโยชน์ สื่อให้เขารู้และช่วยกันทำงาน

ต้องให้ภาคประชาสังคมเข้าใจภาพที่แท้จริง

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

อยากให้เชิญสหภาพมาเป็นผู้สังเกตการณ์ใน EADP ควรมี Value Diversity

ใน EADP11 ควรมีสหภาพมาเป็นผู้สังเกตการณ์ แล้วเขาจะได้ไปสื่อกับสังคมได้

คนที่ 6

สัดส่วนการผลิตน้อยลงเรื่อยๆ เราจะทำธุรกิจอะไรหารายได้ให้มาก

เราควรรับจ้างคนที่แบ่งสัดส่วนการผลิตเราไปไหม

คุณสมบัติ ศานติจารี

ควรเน้นรับงานต่างประเทศดีกว่า เป็นการสั่งสมประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่

ปัญหาคือ คนดีๆถูกดึงตัวไปหมด

สหภาพกฟผ.เป็นสหภาพที่ดีที่สุด รู้ว่าฝ่ายไหนคิดอะไร แต่พูดไม่ได้

ผมไปพบสหภาพทุก 2 เดือน ไปรับฟังปัญหา

คนที่ 7

ผู้บริหารก็ปิดบังสหภาพเหมือนกัน เช่นเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

จากข้อสังเกตการทำงานกับภาคประชาชนมี 3 ระดับ

1.ระดับชี้วิกฤติ อาจเป็นอาจารย์ สว. ไม่ว่าองค์กรใดที่กระทบกับสิ่งแวดล้อม สังคม ท่านเหล่านี้ให้สัมภาษณ์ทั่วไป

2. อาจารย์ นำประเด็นไปสอนลูกศิษย์ ไม่รู้จักกับระดับแรก กลุ่มอาจารย์ก็เป็นที่ปรึกษามวลชน ก็ให้ข้อมูล

ประกาศ EIA เขามาระดมความคิดคนในพื้นที่ กลุ่มชี้ประเด็นก็พูดแต่ละเรื่อง

ประชาชนจะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น เกิดผู้นำเขาเองเรียกว่า แกนนำ

3. แกนนำ ผู้นำชุมชน ถ่ายทอดข้อมูลไปเครือข่าย ngos.com

องค์กรเราคนละหน้าที่ จึงไม่สามารถสื่อสารกันได้

วิกฤติแบบนี้จะแก้อย่างไร

คุณสมบัติ ศานติจารี

นี่เป็นปัญหาจุดอ่อนของเรา

พวกประชาสังคม เราต้องมีความจริงใจกับเขา อย่าไปแบบฉาบฉวยทำให้ปัญหาหนักขึ้น

เราต้องเรียนรู้จากประชาสังคมจะได้ทราบวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม

ข้อจำกัดนโยบายสำคัญที่สุด

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ขอขอบคุณท่านผู้ว่าสมบัติ

ได้ความรู้จากท่านมาก ท่านโต้ตอบได้ดี

คุณไกรสีห์ กรรณสูต

เมื่อปี 2547 ตอนผมเป็นผู้ว่าการ รัฐบาลมีนโยบายให้กฟผ.เป็นรัฐวิสากิจรายแรกที่จะแปรรูป ท่านผู้ว่าสุนทรเจรจากับรัฐบาลได้ดี รัฐบาลให้โรงไฟฟ้าแก่กฟผ. 50% ส่วนที่เหลือต้องไป Bid แข่งด้วย ตอนนั้นก็มีแนวโน้มที่จะได้โรงไฟฟ้ามาก

ตอนนั้นผมเป็นรองผู้ว่าวางแผน เรามีที่ปรึกษาแปรรูป ชุด 1 เสนอให้มีการสวอปหุ้นเอกโกกับราชบุรี เกิดมีกลุ่มเล็กๆที่มายืนประท้วงคือกลุ่มดอกไม้ขาว ผู้บริหารสมัยนั้นไม่คิดว่าเป็นจุดก่อให้เกิดวิกฤติ แค่ไปทำความเข้าใจกับเขา

คนกลุ่มเล็กพูดก็ขยายวาง ผู้ว่าการก็ชี้แจงผ่าน EGAT TV มีการบุกไปหยุดการชี้แจง มีกลุ่มต่างจังหวัดไปปิดตึก มีพนักงานกฟผ.และสหภาพมาประท้วง

หลังจากนั้นมีการสรรหาผู้ว่าใหม่ ผมก็เข้ามาในช่วงวิกฤติพอดี ผมเสนอวิสัยทัศน์ที่จะแก้วิกฤติเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติ

ผมควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ใหญ่โต จึงหารือกับสหภาพ ตั้งคณะทำงาน 2 ชุด

1.คปก คณะกรรมการประสานความเข้าใจองค์กร มีผู้บริหารและสหภาพ

2.Fact-based ค้นหาความจริง หัวหน้าคณะทำงานคือท่านสุทัศน์ คุณอังคณาเป็นเขานุการคณะทำงาน หน้าที่เป็นเสนาธิการหาข้อเท็จจริง สื่อสารในภาวะวิกฤติ

ผมรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์สื่อสารในภาวะวิกฤติ

ตอนนั้นกฟผ.ออกโทรทัศน์ทุกช่องและหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง

คณะทำงานจะช่วยเตรียมข้อมูลมาประชาสัมพันธ์ คณะทำงานประกอบด้วยคนศักยภาพสูง มีความคิดดี มนุษยสัมพันธ์ดีของแต่ละสายงาน

ผมใช้การสื่อสารทกรูปแบบที่มี เพราะต้องการให้คนกฟผ.รู้มากที่สุด ใช้วิธีการสื่อสารตามสาย EGAT TV ใบปลิวรายวัน

คปก.พยายามจะคุยว่าเดินหน้าอย่างไร ช่วยกันแก้ปัญหา อย่าทำให้หน้าที่กฟผ.เสียหาย

ในการหาข้อมูล เรามีวอร์รูมติดตามเหตุการณ์ มีการหาข้อมูลเชิงลับด้วย และมีข้อมูลในการหาข้อเท็จจริง พนักงานประท้วงกันอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่สหภาพเท่านั้น มีการหาสาเหตุ

มีการไปสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

มีการสัมภาษณ์เรื่องทางออกสำหรับกฟผ.

ข้อมูลจากทางลับ คือ ประท้วงเพราะเป็นการขายสมบัติชาติ นอกจากนี้เป็นความไม่มั่นคงในอาชีพ เป็นบริษัทใช้คนน้อย อาจ lay off และพรรคการเมืองอาจหาผลประโยชน์ บางคนมองว่าการเปลี่ยนเป็นพนักงานบริษัททำให้ศักดิ์ศรีน้อยลง

เมื่อทราบสาเหตุ ก็วางกลยุทธ์คือ

1.ผมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา

2.มีคนที่เป็นกลางจำนวนมาก คนประท้วงถือว่าน้อยกว่า ต้องสร้างแนวร่วม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้ามาช่วยกันหาทางออก กฟผ.จะเดินไปทิศทางใด พูดให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร เช่น กฟผ.วางแผนสร้างโรงไฟฟ้า 4 โรงและระบบส่ง จะกู้เงินหรือใช้งบรัฐต้องผ่านรัฐบาล ถ้าประท้วงรัฐบาล เขาอาจจะดองเรา ไม่ให้งบ อาจจะให้เอกชนสร้างแทน รัฐบาลอาจสร้างหน่วยงานคล้ายกฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าแทน

3.ผมพูดให้คลายกังวล สร้างความมั่นใจว่ากฟผ.จะไม่มีการปลดพนักงาน สร้างงานให้มากขึ้น มีบริษัทในเครือหลายๆบริษัท กฟผ.อาจจะไปทำงานด้านเชื้อเพลิงและสื่อสาร เรามีสายส่งทั่วประเทศและบนสายส่งมีไฟเบอร์ออพติค สามารถตั้ง EGAT Telecom ได้

รัฐบาลบอกว่ากฟผ.ใช้เงินมาก ถ้ากู้จะสร้างหนี้ให้ประเทศมาก จึงให้แปรรูปหาเงิน

เราขอรัฐบาลว่าให้กฟผ.เข้าตลาดหุ้นไม่เกิน 30% คนนอกจะได้ไม่มีอำนาจบริหาร คนกฟผ.ยังบริหารอยู่

ผมพูดทำการชี้แจงเอง ฝ่ายเสนาธิการส่งข้อมูลให้ผมพูด เรายืนยันว่าเราทำหน้าที่ปกติ ไม่มีการดับไฟ

คณะทำงานหาทางออกร่วมกัน ผมเป็นตัวกลาง นำจุดร่วมทิศทางกฟผ.ไปเสนอคณะรัฐมนตรี โดยไม่กังวลเรื่องตำแหน่งหน้าที่

คณะทำงานจึงออกแบบสอบถามกำหนดเกณฑ์เพื่อให้เลือกทิศทางคือ

1.เสนอให้ทุกฝ่ายยอมรับ

2.กฟผ.เป็นใหญ่มีความสามารถในการแข่งขัน เช่นเรื่องราคา

3.กฟผ.ต้องเป็น National Champion เรื่องไฟฟ้า

4.กฟผ.ต้องมีความสามารถในการลงทุน มีความคล่องตัวในการทำงาน

เราส่งให้คนกฟผ.ทุกคน

กฟผ.มีแนวทาง 18 รูปแบบตัวอย่างเช่น

1.กฟผ.อยู่แบบเดิม

2.โรงไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระบบส่งเป็นของรัฐ

3.เฉพาะโรงไฟฟ้าเทอร์มัลเข้าตลาดหลักทรัพย์

4.เฉพาะโรงไฟฟ้าเทอร์มัลที่มีศักยภาพสูงเข้าตลาดหลักทรัพย์

5.เฉพาะระบบส่งเข้าตลาดหลักทรัพย์

หลังจากนั้น ตระเวน Public Hearing แต่ละภาค

ระหว่างนั้น สหภาพมาพบผมเป็นระยะ ต้องใช้ความอดทนในการเจรจา ผมเข้าใจสหภาพก็รักกฟผ.ไม่อยากให้นักการเมืองมาหาผลประโยชน์ ผมเจรจากับสหภาพว่า เราต้องความร่วมมือจากรัฐบาล ต้องถอยคนละก้าว หาจุดที่คุยกันได้ การที่กฟผ.เป็นองค์กรรัฐ ก็ต้องร่วมมือกับรัฐ

ทำให้รัฐบาลชะลอโครงการ

ตอนแรกสหภาพมาเรียกร้องให้ยกเลิกการส่งแบบสอบถามให้พนักงานทุกคน เพราะพนักงานลงคะแนนเพราะกลัวอิทธิพลหัวหน้า ผู้บริหารทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ด้วย เรามีหน่วยรับแบบสอบถามโดยไม่ต้องผ่านหัวหน้าโดยมี PO Box หรืออินเตอร์เน็ต

สรุป 80% เห็นว่า ให้กฟผ.ทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์

6-7 เดือนผ่านไป มีสัญญาณว่ากฟผ.ผ่าทางตันวิกฤติได้ คนเบื่อการประท้วง คนประท้วงน้อยลง

ผมใช้ความเด็ดขาด ช่วงนั้นมีวันหยุดยาว มีการประชุมลับปิดประตูทุกด้าน มีหน่วยรื้อเต็นท์ทำงานเสร็จไม่เกินครึ่งชั่วโมง แล้วนำไปไว้ในสถานีตำรวจ

หลังจากนั้นเป็นการฟื้นฟูให้กฟผ.กลับมาสู่สภาพเดิม

ในช่วง 3 ปีที่เป็นผู้ว่าการ ก็ทำงานตามวัตถุประสงค์ แต่ก็มาดูปัจจัยเสี่ยง

1.ปัจจัยการเมือง ภาคใต้มีสถานการณ์ที่รุนแรง มีการก่อวินาศกรรม

2.เศรษฐกิจ มีความผันผวน ถ้าดีเกินคาด ไฟฟ้าไม่พอ

3.สังคม การสร้างโรงไฟฟ้ามีคนต่อต้านสูง

4.นโยบายรัฐบาล ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าไฟหรือเอฟที จะทำให้รายได้กฟผ.มีปัญหา ถ้าเป็นประชานิยมให้คนใช้ไฟฟ้าราคาถูก กฟผ.ก็แย่

5.อุปกรณ์เสื่อมโทรมเนื่องจากใช้งานมานาน ทำให้ไฟดับได้

ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนรองรับให้ดี ใครเป็นเจ้าภาพ เช่น การสร้างโรงไฟฟ้ามีผลต่อการเติบโตของกฟผ. แห่งใหม่ที่จะไปสร้างคือจะนะ เราต้องใช้น้ำทำระบบหล่อเย็น เขาทำประมงมาก ก่อนปล่อยน้ำ เราปรับอุณหภูมิไม่ให้ปลาตาย เขาบอกว่า เวลาเราดูดน้ำ เท่ากับดูดไข่ปลาไปด้วย เวลาเขาพูดเรื่องโรงไฟฟ้า เขากลัวทุกอย่าง

เขาดูจากแม่เมาะ เขากลัวเรื่องมลภาวะ

ปัญหาคือเราเข้าไปชุมชนช้ากว่า NGOs ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบก่อน

กฟผ.ก็ไปจับเข่าคุยกับชาวบ้านคลายกังวล เราจะมีกองทุนประกันความเสียหาย ถ้าปลาของเขาตาย ก็ให้ค่าชดเชย

เราต้องไปพบนักการเมืองท้องถิ่นก่อนและคนที่ชาวบ้านเคารพนับถือเช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ทำความเข้าใจว่าโรงฟ้าจะไม่ก่อมลภาวะให้ ถ้ามีความเสียหาย จะชดเชย จะมีกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าให้ ทำให้คนมีคุณภาพชีวิต รับคนท้องถิ่นเข้าทำงานบ้างในบางตำแหน่ง

การไฟฟ้าโรงจะนะไม่มีการประท้วงเลย จ่ายไฟฟ้าได้ตามกำหนด

ความเสี่ยงอื่นๆ เช่น การเกิดอุบัติเหตุของโรงไฟฟ้า เราก็มีแผน Restore

ในเรื่อง Share ความเสี่ยง กฟผ.ไปลงทุนต่างประเทศ เช่น ลาว เราร่วมลงทุนกับคนอื่น

โรงไฟฟ้ามีโอกาสไฟไหม้ เรามีการทำประกันภัยไว้

Learning Forum & Practice

หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

29 เมษายน 2557

­ ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่

­ เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์

­ การเลือกทรงผมกับบุคลิกคนทำงานรุ่นใหม่

­ มาดและท่วงท่าอิริยาบถของคนทันสมัย

­ มารยาททางธุรกิจ

­ มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่าง ๆ: มารยาทในการเข้างานเลี้ยง

การเขียนบัตรเชิญ: สิ่งที่สำคัญคือต้องสะกดชื่อคนให้ถูก

First Impression: คืออะไรความคิดเห็นของผู้อบรม คือ การแต่งกาย

  • -แต่ความจริง คือ เป็นได้ทั้งดีและไม่ดี และติดอยู่ในสมองเราไปตลอด
  • -Image ภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่งการแต่งกายและเครื่องใช้แสดงถึงรสนิยมที่ดี ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม
  • -คนเรา 55% ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก และ 38% First Impression มาจากเสียง และอีก 7% มาจากคำพูด
  • ผู้บริหารกับการแต่งตัวมีความจำเป็นมากเริ่มจาก

ศีรษะ: ผู้ชาย หากมีผมหงอก อย่าใช้สีดำย้อมผม เพราะจะดูไม่ดี เหมือนใส่วิก

ผู้หญิง: ที่ดัดผม ควรม้วนผมบ้าง อย่าปล่อยผมฟู พะรุงพะรัง หากจะติดกิ๊ฟ ควรเลือกสีดำ สีน้ำตาล หรือกิ๊ฟประดับเพชร

ผู้ชาย: ไม่ควรสระผมตอนเย็น เพราะจะขึ้นรา ศีรษะจะล้าน

การแต่งตัว:

กางเกง ควรตัดความยาวให้พอดี กางเกงไม่ควรมีจีบ

มาด:

ผู้ชาย: ดูดีเวลาใส่สูท หากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมบน ปล่อยเม็ดล่าง หาก 3 เม็ดติดกระดุมเม็ดบนและเม็ดกลาง ปล่อยเม็ดล่าง

ผู้หญิง: ใส่ส้นสูง และต้องรู้กาละเทศว่าจะใส่ตอนไหน

อารมณ์ดี: มีรอยยิ้มให้กันเสมอ

การพูดจา: ไม่ควรพูดจาด้วยคำหยาบ

กาลเทศะ: ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

บุคลิกภาพ ควรทำความเข้าใจกับองค์ประกอบ ที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

สีสัน: ผิวสองสี ไม่ควรใส่สีคล้ำๆสีกรมท่าสำดำปนเขียวขี้ม้าหม่นๆไม่ได้

ผิวขาว: ใส่สีอะไรก็ได้ ชมพู โอรส

สัดส่วน : คนอ้วน ไม่ควรใส่สีเหลือง

เส้นสาย: การเลือกเสื้อที่มีลายเส้นสาย สามารถอำพรางหุ่นได้ กางเกงยีนส์ เป็นกางเกงที่ใส่ยาก เพราะมีเส้นนำสายตา ต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตัวเอง

สีขาว ความสมบูรณ์

สีเทา ความเป็นทางการ

ม่วงแดง สีผู้สูงศักดิ์ โรแมนติก ศักดิสิทธิ์

สไตล์การแต่งตัว

กางเกงสแลคแบบเป็นทางการ: เป็นการเกงสอย ความยาวจะไม่ลอย จะพอดี

ผู้หญิงที่ขาสั้น อย่าใส่กางเกง 5 ส่วน เพราะจะดูขายิ่งสั้น

กางเกงมีจีบ จะดูพอง ทำให้ดูไม่สมส่วน

รองเท้า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากดูอ้วน เตี้ย ควรใส่รองเท้าหัวยาว จะทำให้ดูเพรียวขึ้น

เนคไท: ความยาว ควรยาวมาถึงหัวเข็มขัด ความใหญ่ของเนคไท ควรดูว่าเราเป็นคนหน้าใหญ่หรือไม่ ควรเลือกลายคลาสสิค

ถุงเท้า ควรใส่สีเดียวกับกางเกง

เสื้อเชิ้ต ควรใส่ให้เสื้อพอดีตัว เพื่อเสริมบุคลิกตัวเองให้ดูดี

ผู้บริหาร ควรมีซองใส่นามบัตร

คอปก เสื้อเชิ้ต ควรซื้อเสื้อที่ non wrinkle ไม่ใช่ซื้อผ้าฝ้าย

รองเท้าทำงาน : ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ควรเลือกรองเท้าหน้ายาว

ผู้หญิง: เวลาใส่ทำงานควรใส่รองเท้าที่มีสายรัดส้น หรือ รองเท้าคัชชู

กระโปรง ควรใส่ทรงดินสอ จะดูเพรียว ไม่ควรใส่กระโปรงแหวก ไม่ควรใส่เสื้อกล้าม แล้วใส่สูททับ

กระเป๋าถือผู้หญิง ไม่ควรใหญ่เกินไป ควรถือขนาดพอเหมาะ

รองเท้าที่ควรใส่ไปทำงานของผู้หญิงคือ รองเท้าคัชชู เก็บนิ้วเท้า

เครื่องประดับของผู้หญิง ควรเลือกชิ้นให้มีขนาดพอเหมาะ หากเสื้อผ้ามีลายเยอะอยู่แล้วก็ไม่ควรใส่เครื่องประดับมากมาย

เข็มขัด: ควรเลือกเรียบๆ ดูดี

นาฬิกา: ไม่ควรเลือกเป็นสายหนัง PVC เพราะไม่เหมาะกับเสื้อผ้า

ท่วงท่า

การนั่งบนเก้าอี้: ผู้หญิง ควรมือเอาขวาจับพนัก เอาน่องสัมผัสเก้าอี้ แล้วนั่งแค่ครึ่งเดียว

ผู้หญิง ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะไม่สุภาพ

การยืน: ผู้ชายยืนส้นไม่ติดกัน มือทิ้งปล่อยข้างลำตัว สบายๆ

การเดิน: อย่าเดินลากเท้า ควรให้ส้นลงก่อน

การไหว้: เอามือไหว้ที่กลางอก มือติดกัน ศอกไม่กางออก ไหว้ไม่ต้องถอนสายบัว เพราะการถอนสายบัวไม่ได้ถอนให้คนทั่วไป

การเชคแฮนด์: คนที่เป็นคนยื่นมือก่อน ต้องเป็นคนปล่อยมือก่อน

กรณีประชุมแบบนานาชาติ ก่อนประชุม ต้องเชคแฮนด์แนะนำตัวทั้งโต๊ะ เพื่อทำความรู้จักกัน

ท่วงท่าอันตราย:

  • -หน้าท้องยื่น
  • -ไหล่ห่อ
  • -หลังงอ
  • -ก้นยื่นไปข้างหลัง
  • -ปลายเท้าชี้เข้า หรือชี้ออก
  • การนั่งตามลำดับความเหมาะสม
  • ผู้หญิง 2 คน ผู้หญิง 1 คน
  • ควรทำตามหลัก 5 ข้อ
  • การให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ความมีระเบียบร้อย ความมีอัธยาศัยไมตรี
  • ต้องให้เกียรติเจ้าของบ้าน คนที่เป็นผู้ชายต้องนั่งใกล้ประตู
  • หากมาคนเดียว ก็นั่งโซฟา
  • การนั่งบนรถแทกซี่
  • ผู้ชายควรเข้าไปนั่งก่อนผู้หญิง

การนั่งบนรถเก๋งข้างหลัง คนที่มีตำแหน่งใหญ่สุดนั่งซ้าย รองลงมาขวาสุด และตำแหน่งน้อยสุดนั่งกลาง เลขานั่งข้างหน้า

การแลกนามบัตร ต้องหันนามบัตรให้เขาอ่าน ต้องรับก่อนผู้อาวุโส แต่ถ้าอายุใกล้เคียงกันให้เร็วกว่าก็รับก่อน หากคนที่ 3 เข้ามา คนทีมาด้วยกัน ต้องแนะนำให้อีกคนหนึ่งรู้จัก หากอีกคนหนึ่งอาวุโสกว่า ให้แนะนำก่อน

การให้เกียรติใคร เรียกชื่อคนนั้นก่อน

การรดน้ำสังข์: ต้องรดเจ้าสาวก่อน เพื่อให้เกียรติผู้หญิง

การนำทางผู้ใหญ่: มือเปิดทาง คือมือขวา เดินนำผู้ใหญ่ระยะห่าง 1 ช่วงแขน

การขึ้นบันได: ผู้หญิง หรือ ผู้อาวุโสขึ้นก่อน เวลาลง เด็กหรือผู้หญิงลงก่อน

มารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

  • -อย่าพูดขณะทานข้าว
  • -มีทิชชู่ติดตัวเสมอ
  • -การนั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีการแจกนามบัตร
  • -นั่งตามชื่อที่ตั้งโต๊ะไว้
  • -ใบใหญ่ คือ แก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเราที่สุด
  • -การกินซุปค่อยๆคน
  • -วิธีการจับแก้วไวน์ใช้ 3 นิ้ว
  • -การหยิบช้อน ส้อม มีด เอาจากที่อยู่ด้านนอกก่อน 

กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย

และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

วันพุธที่ 30 เมษายน 2557

-ครั้งที่แล้ว กำหนดหัวข้อ และกรอบการศึกษา และมอบหมายให้เก็บข้อมูล

-ครั้งนี้ นำเสนอผลการศึกษา โดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้

-เสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา

-นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปสู่การพัฒนาองค์กรโดยการนำเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา EGAT

หัวข้อวิจัย

1.การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณี โครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

2.ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.

3.ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

4.ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

5.ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

6.ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

7.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

กลุ่ม 6 ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติม

หลังจากหา literature review พบว่าการสื่อสารในองค์กรแล้ว ควรสร้างการสื่อสารระหว่าง EGAT Group ที่มีประสิทธิภาพ ต้องสร้างให้เกิดความวางใจ ให้เกียรติซึ่งกันละกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

คุณลักษณะอื่นๆ คือต้องมีการเจรจาต่อรองซึ่งจะเกิดการJoint venture มุ่งเน้นไปสู่ลูกค้า

ทำแบบสอบถามแล้ว ทำกับระดับนโยบาย 5 คำถาม

อ.กิตติ: ขอฝากให้หาเพิ่มเติมว่าการสื่อสารในองค์กร EGAT เกิดปัญหาจริงหรือไม่

- สมมติฐานภายในองค์กรเป็นปัญหาทำให้การสื่อสารภายในองค์กร ทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรลดลง

-ควรทำแบบสอบถามไปยัง Primary source เพื่อดูว่าเป็นไปตามที่ไปหาข้อมูลหรือไม่

และงานวิจัยนี้ควรดูว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

- จากการศึกษาพบอะไรบ้าง

- เริ่มต้นการดำเนินงานอย่างไร

- โครงการที่สร้างควรเป็นโครงการที่สร้างเพื่อให้ EGAT GROUP มาร่วมกันได้ในทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความร่วมมือ

กลุ่ม 4 ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานกฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติม

  • -การสำรวจภายนอกมีมาก มีผลการศึกษาวิจัยมา 5-10 ปี แต่ยังไม่มีใครมองถึงปัญหาที่เกิดภายใน ทั้งปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่
  • -ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากทัศนคติ เลยนำเอาข้อมูลการศึกษาวิจัยทั้ง 4 ชิ้น
  • -Gap analysis การรับรู้ข่าวสารแบบไกลปืนเที่ยง
  • -ปัญหางานจาก Silo มีข้อเสียคือไม่สามารถแยกงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้
  • -อยากหาข้อมูลว่าสิ่งที่กลุ่มคิดมีนัยมากน้อยแค่ไหน

อ.กิตติ: การรับรู้ของคนกฟผ.ส่วนกลางและภูมิภาคจะแตกต่างกันทั้งข้อมูล และความรู้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อทัศนคติ ซึ่งเชื่อมโยงกับการสื่อสารภายในองค์กรด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นของกลุ่มที่ 6

- การใช้เสียงตามสายอาจเข้าไปถึงส่วนภูมิภาค

- วัฒนธรรมองค์กรของภูมิภาคและส่วนกลางต่างกัน อาจจะมีผลต่อทัศนคติ

อ.กิตติ : ขอฝากยังกลุ่ม 6 ด้วยการสื่อสารภายในองค์กรสารถเข้าไปใช้ส่วนไหนได้บ้าง

เครื่องมือจากส่วนกลางเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารในองค์กรด้วยหรือไม่

กลุ่ม 4 ต้องกำหนดให้ชัดว่าสามารถเอาข้อมูลมาจากที่อื่นได้อีกหรือไม่ สมมติฐานบอกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนกลางมีทัศนคติที่มีมากกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนภูมิภาค อยากจะขอให้ปรับจุดนี้ เพราะดูเป็นเชิงลบมากเกินไป

  • -ผู้ปฏิบัติงานกฟผ. คือใคร
  • -เก็บข้อมูลอย่างไร
  • -สมมติฐาน
  • -ผลที่ได้รับมีทัศนคติเป็นอย่างไร
  • -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร
  • -นอกจากเครื่องมือแล้ว ยังมีเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ทัศนคติต่างกัน
  • -เลือกเรื่องที่เป็นไฮไลท์ และทำได้ง่าย และสามารถต่อยอดได้
  • -ข้อเสนอแนะควรเป็นรูปธรรม

กลุ่ม 5 ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

  • -เรื่อง CSR มีเรื่องที่เคยทำมาแล้วหรือไม่ ในการทบทวนวรรณกรรม จากการรีวิว พบว่ามีเรื่องทัศนคติ ก็สามารถนำมาปรับใช้ได้
  • -สถานการณ์ปัจจุบันด้านการให้ความร่วมมือเป็นอย่างไร
  • -ดูพื้นที่ที่มีการพัฒนาของกฟผ.ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง
  • -ปัจจัยที่ส่งผล คืออะไรบ้าง
  • -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร
  • -ดำเนินการต่อไปอย่างไร
  • -สมมติฐาน การสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชนจะส่งผลต่อการให้ความรวมมือของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของกฟผ.
  • -ข้อมูลที่ยืนยันว่าขาดความรู้ความเข้าใจจริงๆ และความร่วมมือของชุมชน จะส่งผลต่อความร่วมมือ ซึงเป็นสมมติฐานที่ควรเปลี่ยนใหม่
  • -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

กลุ่ม 7 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

อ.กิตติ:

-อะไรเป็นปัญหา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบคืออะไร รู้ได้อย่างไร

-จากการศึกษาได้ข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง

-สมมติฐาน ความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการให้รับความร่วมมือในการดำเนินงานของกฟผ.

-เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร

  • -สิ่งที่สำคัญคือ ต้องดูวัตถุประสงค์ของโครงการว่าต้องการอะไร

กลุ่ม 3 ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • -ความกังวลของประชาชนต่อคุณภาพชีวิต
  • -ประชาชนไม่รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างเพียงพอ
  • -ประสบการณ์ที่ผ่านมา จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งเรื่องสุขภาพและปัจจัยเสริมต่างๆ
  • -NGO ให้ข้อมูล เพื่อให้เกิดความโน้มน้าว
  • -ปัญหาการต่อต้านเกิดจากสาเหตุอะไร รู้ได้อย่างไร
  • -สมมติฐาน
  • -การดำเนินยุทธศาสตร์ด้านชุมชนสัมพันธ์จะส่งผลให้เกิดการยอมรับในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระบี่
  • -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร
  • -กฟผ.ควรเริ่มต้นดำเนินการอะไร และควรทำอย่างไร
  • -การที่จะทำให้ชาวบ้านเกิดความตระหนัก และผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความเชื่อถือต่างกันหรือไม่

กลุ่ม 2 ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.

สิ่งที่ได้เพิ่มเติม

  • -เพิ่มคำว่าการศึกษาเข้าไป
  • -วิเคราะห์ถึงปี 2020 การผลิตลดลงเหลือ 32%
  • อ.กิตติ:
  • -สัดส่วนการผลิตที่เหมาะสมคือเท่าใด รู้ได้อย่างไร
  • -มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการกำหนดสัดส่วน
  • -ข้อเสนอแนะ คืออะไร
  • -กฟผ จะต้องทำอย่างไรต่อไป

กลุ่ม 1 การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณีโครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

  • -สาเหตุ แรงจูงใจ ปัจจัย ที่ทำให้สนใจไปทำงาน
  • -สัดส่วนการผลิตที่เหมาะสมคือเท่าใด รู้ได้อย่างไร
  • -มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการกำหนดสัดส่วน
  • -ข้อเสนอแนะ คืออะไร
  • -กฟผ จะต้องทำอย่างไรต่อไป

อ.กิตติ : แรงจูงใจปัจจุบันเป็นอย่างไร พอหรือไม่ และรู้ได้อย่างไรว่าพอ

สมมติฐาน: แรงจูงใจและความต้องการส่วนบุคคลเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิบัติงานในโครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงงานพลังความร้อนลึกในหงสา สปป.ลาว 

กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย

และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

วันพุธที่ 30 เมษายน 2557  (ต่อ)

โครงการพัฒนาผู้บริหารระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายและเทียบเท่า (รุ่นที่ 10)

ให้แต่ละกลุ่มจัดทำ Power Point นำเสนอโครงการวิจัย (จำนวน 10-15 หน้า) ดังนี้

  • 1.ชื่อโครงการวิจัย จำนวน 1 หน้า
  • 2.ชื่อสมาชิกในกลุ่ม จำนวน 1 หน้า
  • 3.ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา จำนวน 2-3 หน้า
  • 4.คำถามวิจัย จำนวน 1 หน้า
  • 5.สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี) จำนวน 1 หน้า
  • 6.วัตถุประสงค์การวิจัย จำนวน 1 หน้า
  • 7.ขอบเขตการวิจัย จำนวน 1 หน้า
  • 8.ระเบียบวิธีวิจัย จำนวน 1 หน้า
  • 9.ผลการศึกษาวิจัย จำนวน 2-3 หน้า
  • 10.สรุปและข้อเสนอแนะ จำนวน 2-3 หน้า

กำหนดส่งวันที่ 18 พฤษภาคม 2557 ที่ email: [email protected]

ให้แต่ละกลุ่มเลือกข้อเสนอแนะที่สำคัญที่ได้จากการศึกษาของกลุ่มมาพัฒนาเป็นโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา กฟผ. จำนวน 1 โครงการ มีจัดทำเป็นข้อเสนอโครงการ ดังนี้  

(Power Point ไม่เกิน 10 หน้า)

  • (1)ชื่อโครงการ (กำหนดชื่อสื่อให้ชัดว่าโครงการจะทำอะไร) มีการแนวคิดที่นำมาพัฒนาต้องคำนึงถึง 8Ks 5Ks 3V 2R
  • (2)ที่มาหลักการและเหตุผล (โครงการนั้นต้องเป็นผลมาจากข้อเสนอแนะของกลุ่ม อ้างอิงจากการศึกษาวิจัย) และเชื่อมโยงกับปรัชญา วิสัยทัศน์ และภารกิจของ EGAT อย่างไร
  • (3)วัตถุประสงค์
  • (4)ประโยชน์ที่จะได้รับ
  • (5)ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI)
  • (6)หน่วยงานที่รับผิดชอบ
  • (7)ผู้เข้าร่วมโครงการ
  • (8)เวลา สถานที่ สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลา 1 ปี
  • (9)งบประมาณ
  • (10)วิธีดำเนินการ

กำหนดส่งร่างข้อเสนอโครงการ วันที่ 25  พฤษภาคม 2557 ที่ email: [email protected]

สรุปการบรรยายโดย ทีมงานวิชาการ Chira Academy

ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และ

พัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์

แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

วันที่ 30 เมษายน 2557

ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

กลุ่ม กฟผ. ที่เรียนรู้กลุ่มนี้เป็นระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่มีมุมมองใหม่ ๆ โดยเฉพาะ

การทำงานในระดับประเทศดีแล้วแต่ต้องพัฒนาคนในประเทศให้ดีด้วย จึงขอให้ไปเสริมศักยภาพ และแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น

คนไทยสามารถทำธุรกิจอาหารเสริมได้เช่นกัน การขายตรงเป็นการตลาดที่ล้ำลึกเนื่องจากสามารถคัดคนกลางและไปหาผู้บริโภคได้ สิ่งที่ต้องการให้ศึกษาคือเรื่อง Management System อยากให้ คนกฟผ. มี Management , Creativity และ Innovation ด้วย

ภาพรวมบริษัทกิฟฟารีน

- บริษัทกิฟฟารีนก่อตั้งเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปัจจุบันปีละ 5,000 ล้านบาท

  • -โรงงานกิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม
  • -มีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค
  • -มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ
  • -มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือก Supplier สู่การนำมาทดลอง ศึกษาและวิจัย และมีการตรวจสอบ

หัวใจของกิฟฟารีน

1. โรงงานผลิตเครื่องสำอาง มาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ เภสัชกร

เครื่องสำอาง มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัท DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล

2. โรงงานผลิตอาหาร ใช้มาตรฐาน GMP ,HACCP , Halal ควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์อาหาร ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่หลากหลาย

3. ห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab)เพื่อตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัย อาหาร อาหารเสริม ยา ผลิตภัณฑ์ครัวเรือน เพื่อตรวจสอบคุณภาพ ทางเคมี และการปนเปื้อนเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบทุกขั้นตอน ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้รับใบรับรอง ISO 17025 และการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม และน้ำเสียในระดับสากล ซึ่งถ้าโรงงานที่จะร่วมกันต้องได้รับมาตรฐาน ISO 17025 ด้วยเช่นกัน

นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์

  • -กิฟฟารีนชื่อมาจากน้องกิฟกับฟ้า เป็นลูกของหมอนลินี
  • -ก่อนทำกิฟฟารีนคุณหมอนลินี (หมอต้อย)ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทสุพรีเดอร์ม กับคุณหมอมั่น แต่เมื่อคุณหมอนลินีหย่ากับคุณหมอมั่น จึงได้มาก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน โดยก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน คุณหมอนลินีฝันเห็นพระสุพรรณกัลยาจึงไปที่อนุสาวรีย์พระสุพรรณกัลยาขอพรเพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่าจะขอตั้งบริษัท โดยจะสร้างบริษัทถวายและขอให้สร้างได้สำเร็จ เลยเมื่อได้สร้างสำเร็จจึงถวายให้พระสุพรรณกัลยาตามที่ได้ขอไว้
  • -กิฟฟารีนเป็นบริษัทขายตรงแบบสหกรณ์ ที่แท้จริง มาจากแนวความคิดที่ว่าสินค้าโดยทั่วไปต้องเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ประมาณ 50-60% ดังนั้น กิฟฟารีนจึงคิดรูปแบบทำแบบสหกรณ์ แบ่งหัก 5% ให้สมาชิกตามเงินปันผลของยอดซื้อ โดยรวมแล้ว 40-50% จะคืนให้สมาชิก
  • -หมอนลินีดูแลการขายและ Marketing โดยมีการขยายตลาดที่ไทย พม่า ลาว เวียดนาม
  • -ส่วนที่นี่เป็นโรงงานผลิต สร้างให้บริษัทที่ทำการตลาด
  • -กิฟฟารีน มีแนวคิดว่าต้องอยู่ด้วยความดี เท่านั้น และความถูกต้องที่คุ้มครองเรา ทำให้ทุกคนมีความสุข
  • -กิฟฟารีนเป็นขายตรงที่คืนของได้ตลอดเวลา คืนฟรี รักษาให้ด้วย
  • -มีความรับผิดชอบอย่างสูง สรุปคือสินค้าต้องมีคุณภาพดีและมีผู้แพ้สินค้าน้อยราย
  • -ปัจจุบันมีสมาชิก 6,000,000 รหัส
  • -คุณหมอใจทิพย์ ดูแลต่างประเทศ Brand Pattrena เป็นแบรนด์ที่ผลิตให้กับต่างประเทศ

คำถาม

สนใจบริษัทกิฟฟารีนพอสมควร ทราบว่ามียอดขาย 70,000 ล้าน มีบริษัทจดทะเบียน 9 ล้านบริษัท

สถานการณ์ธุรกิจขายตรงมีการแข่งขันสูงมากแม้ว่าธุรกิจจะชะลอตัว ไม่ทราบว่ามีแนวคิดไปขายในต่างประเทศเพื่อเพิ่มยอดขายต่าง ๆ หรือไม่ แล้วบริษัทกิฟฟารีนในช่วง 2-3 ปีนี้จะมุ่งเน้นรักษาสัดส่วนการตลาดต่อไปหรือมุ่งไปสู่อาเซียนเหมือนบริษัทขายตรงอื่น ๆ

คำตอบ

คุณหมอนลินี สู้ทุกอย่างและไปที่ต่าง ๆ ในอาเซียน แต่ในแง่ขายตรงใช้ระบบเดียวกับประเทศไทยและสามารถตามไปดูแลใกล้ชิด ประเทศในอาเซียนที่จะไปได้แก่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แต่คงยังไม่ถึงยุโรป เพราะมีข้อห้ามสินค้าขายตรง และความชอบสินค้ามีความแตกต่างกัน

สำหรับในส่วนโรงงานมีไปออกบู้ทที่ต่าง ๆ ซึ่งก็มีต่างประเทศจ้าให้ทำการผลิต โดยทางโรงงานจะขอรับผลิตแบบ ODM คือเป็นการผลิตแบบที่มีการวิจัยให้ด้วย

บริษัทตั้งเมื่อปี 2539 ได้ผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เนื่องจากซื้อวัตถุดิบในต่างประเทศ แต่ยังคงมี Packaging ในประเทศ แม้ว่าทางบริษัทจะไม่กู้เงินต่างประเทศ แต่ปัญหาหนักคือค่าเงินบาทลอยตัว เกิดปัญหาในการรับสินค้านำเข้าวัตถุดิบ Supplier ขอปรับราคาตลอด ก็พยายามอดทน ทำให้ผ่านวิกฤติตรงนั้นมาได้

ขายตรงแปลกกว่าขายปลีกคือมีรายได้ให้กับสมาชิก เมื่อเกิดภาวะวิกฤติ สมาชิกจะเริ่มขยันมากขึ้น ดังนั้นภาวะวิกฤติก็เป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจขายตรงเติบโตได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามพื้นฐานของบริษัทต้องสำคัญด้วย สินค้าที่ขาย เป็นสินค้าอุปโภค บริโภคและครัวเรือน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่ใช้สินค้าแล้วได้เงินปันผลกลับคืน ดังนั้นการตลาดยังอยู่ในประเทศ

สินค้ามาจากโรงงานที่เราควบคุมคุณภาพด้วยตนเอง แต่มีบ้างที่มีสินค้าจากพันธมิตรเช่น ยางรถ เครื่องกรองอากาศ มะขามเปรี้ยวเป็นต้น

สิ่งที่กิฟฟารีนให้ความสำคัญคือการควบคุมให้คุณภาพสินค้าให้ดี มีการปรับปรุงให้เหมาะกับผู้บริโภค มีการติดต่อสื่อสารสมาชิกโดยทาง Line และ Facebook ซึ่งต่างกับขายตรงอื่น ๆ ที่เชียร์ให้ซื้อสินค้าอย่างเดียว แต่ที่นี้จะเป็นการตอบปัญหาและแนะนำ ซึ่งเป็นจรรยาบรรณที่ทำมาตลอด 18 ปี

สมาชิกจำนวนมากที่ไปที่อื่นมาแล้วและไม่ประสบความสำเร็จก็กลับมาที่เดิม และกิฟฟารีนก็ยินดีต้อนรับ

ถ้านำสินค้าในเมืองไทยไปต่างประเทศไม่มีใครสนใจเรา เราจึงมุ่งที่จุดขายของประเทศไทยคือสินค้าจากธรรมชาติ ภายใต้ Brand Pattrena และเริ่มมีลูกค้าที่มอง Pattrena และขอให้ช่วยผลิตให้แต่ทางโรงงานจะสามารถทำให้แบบ ODM เท่านั้น คือ การผลิตที่ต้องมีการวิจัยและพัฒนาด้วยว่าอยากได้อะไร แบรนด์ต้องการอะไร โดยจะเริ่มพัฒนาตั้งแต่ Concept จนผลิตสินค้าออกมาขาย แล้วไม่ผลิตไปไหน มีตัวอย่างลูกค้าจากรัสเซีย และฝรั่งเศส มีสั่งให้ผลิตสินค้าแล้วใช้ว่า Made in Thailand ทำให้มีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ

คำถาม

คนที่เกี่ยวข้องมาจากหลากหลายอาชีพ มีกระบวนการทำงานร่วมกันแต่ต้น วิธีการทำให้เกิดการ Merge คนที่แตกต่างกันให้มีทัศนคติ และวิสัยทัศน์เดียวกัน มีวิธีการอย่างไร

คำตอบ

มีนโยบายอยู่ในความดีงาม อยู่ในความถูกต้อง อยู่ในการกุศล

บริษัทที่เจริญมาก ๆ เลี้ยงคนเก่ง แต่บริษัทนี้เลี้ยงคนดี ถ้าไม่เก่งก็ตักเตือนได้ ไม่ต้องมีคนไปจ้ำชี้จ้ำไช ให้เกียรติ ดูแลแบบพี่น้อง เพียงแค่ขอว่าอย่าชั่ว ชั่วเมื่อไรออก

แต่ที่ Marketing ต้องอยู่ด้วยความเก่ง

สอนสมาชิก สอนด้วยความดี เป็นบริษัทที่มีค่า สิ่งที่ให้คนอื่นไม่ใช่ความรวย แต่เป็นสัมมาอาชีวะ

บริษัทจะโตช้า แต่มั่นคง

พนักงานดูแลเหมือนญาติมิตร เมื่อป่วยหรือบาดเจ็บจะส่งที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธทันที มีคุณหมอดูแลอย่างดี

การดูแลพนักงานอย่างดี ดูแลแบบพี่น้อง พอองค์กรใหญ่ขึ้น ก็มีการแบ่งแผนก มีการส่งผ่านความรู้สึกแบบพี่น้อง ทุกแผนกเป็นหัวใจสำคัญต่อการทำงาน เน้นการสื่อสารภายในแผนก และสื่อสารภายนอกแผนก ไม่ประชุมเฉพาะหัวหน้าแต่ให้ลูกน้องมาประชุมด้วย จะได้รู้ว่าข้อมูลได้จากไหนมาบ้าง และจะได้รู้สึกถึงความมีส่วนร่วม และขั้นตอนความยากง่ายในการทำงาน

การทำงานเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องมีการดูแลบุคลากร และการพัฒนาบุคลากรเป็นสำคัญ ชีวิตการทำงานไม่เหมือนในมหาวิทยาลัย เพราะต้องเจอปัญหา เจอคน เจอลูกน้องที่ต่ำกว่า เหมือนแบบฝึกหัดในชีวิตจริง แล้วส่งต่อการทำงานแบบรุ่นสู่รุ่น ต้องมองว่าเด็กต้องก้าวสู่ผู้ใหญ่ในอนาคต แต่ระบบอาจไม่เหมือนราชการตลอด แต่ใช้ทั้งราชการ คุณธรรม และความพร้อม

เวลาโปรโมทเลื่อนขั้น จะถาม Manager ว่าพร้อมหรือไม่ที่จะต้องเจอปัญหา วิธีการบริหารจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นทั้งครอบครัว และบริหารแบบใหม่ไปด้วยกัน อาจเป็นการบริหารที่ไม่ดีที่สุด แต่เน้นให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักองค์กร มีความสุข มากกว่าให้ความสำคัญกับกำไร

มาตรฐาน GPO ฯลฯ เป็นสิ่งให้อยากนำมาใช้เพราะว่าทำให้คนมีคุณภาพ ดี มีชีวิตดี มีความปลอดภัย

คำถาม

หลักการการทำงานในประเทศไทยกับประเทศอื่นเหมือนหรือไม่

คำตอบ

กิฟฟารีน กับการนำระบบการขายไปใช้ในประเทศอื่นคิดว่าน่าจะนำไปใช้ได้ในประเทศเพื่อนบ้าน

Pattrena เป็นแบรนด์ที่ 2 ที่ผลิตส่งไปต่างประเทศ ไม่ใช้ระบบขายตรง MLM ในต่างประเทศเหมือนกิฟฟารีน เพราะมีปัญหาเรื่องภาษา

คนที่จัดการสมาชิกในประเทศนั้น ๆ ต้องมีคนที่รู้จักภาษาเหล่านั้น

Culture เวียดนามไม่เหมือนคนไทย คนที่เวียดนามมีความแอคทีฟมาก ๆ ดังนั้นต้องดูก่อนว่าจะเปิดได้หรือไม่

การทำระบบขายตรงไปต่างประเทศ ไม่ได้ขยายเยอะมาก แต่ที่ 33 ประเทศทั่วโลกคือสินค้าที่มาจากโรงงานของ กิฟฟารีน

คำถาม

วิกฤตที่สำคัญที่กิฟฟารีนเจอคืออะไรบ้าง

คำตอบ

น้ำท่วม แต่มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เพราะไปบริจาคของตามที่ต่าง ๆ เลยปิดโรงงานก่อนน้ำท่วม 7 วัน ขนของทุกชิ้นขึ้นชั้น 2 หมดเลย มีเรือ 4 ลำ เครื่องจักรขึ้นข้างบนหมด ค่าเสียหาย 101 ล้านบาท ได้ประกัน 100 ล้านบาท เสียเงิน 1 ล้านบาท

คำถาม

ตอนน้ำท่วม มีการทำป้องกันไว้อย่างไรบ้าง

คำตอบ

ทำการทำเขื่อนสูงเกินไว้ 3 เมตร เครื่องจักรข้างบน มีเรือ 10 ลำ มีท่าเรือเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัทประกันไม่รับประกันแล้ว ถ้ารับก็จ่ายแค่ 20%

มีแผนย้าย มีการทบทวนแผน มีปั๊มน้ำเตรียมพร้อม ถอดบานประตูขึ้นหมด

เตรียมตุนข้าวสาร

มีเตรียมระบบสำรองเรื่องการผลิต แบบพอทำได้ ทำให้เสร็จให้ได้

มีการเตรียมความร่วมมือกับการไฟฟ้าทำสัญญาในการส่งไฟ

คำถาม

ใช้ระยะเวลา 18 ปีกว่าจะมีความมั่นคงจนทุกวันนี้ มีทุนเริ่มต้น 80 ล้านบาท เริ่มจากคน 20 คน อยากถามว่าทำอย่างไรในช่วงเริ่มต้นจนผ่านมาทุกวันนี้

คำตอบ

ในวันที่เปิดบริษัท ไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ ทำแบบพอตัว ทำพอสมควร ถามคุณหมอนลินีว่าอยากได้ยอดขายเท่าไหร่ บริษัทเดิม 100 ล้านบาทต่อเดือน แต่คาดว่าบริษัทใหม่ขอประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือนก็พอ

เริ่มจากการเรียนรู้วิธีการทำเครื่องสำอาง ยังไม่มีตัวโรงงาน มีการทำสินค้าเตรียมพร้อมในเดือนมีนาคม 10 ล้านบาท ลงทุนไป 70-80 ล้านบาท เริ่มแรกยังไม่มีคนเชื่อแต่หลังจากนั้นครึ่งเดือนขายได้ 10 ล้านบาท แต่ด้วยเครื่องจักรที่มีได้ 100 ล้านบาทต่อเดือนใน 2-3 ปีแรก ต่อมาโรงงานเริ่มทำ GMP มีนโยบายทำโฆษณาทีวี มียอดขาย 400-500 ล้านบาทต่อเดือน ยอดขายต่อปี 4,000 – 5,000 ล้านบาท

สิ่งที่ทำเริ่มต้น มีการเอามาตรฐานยามาจับ หาคนที่มีความรู้มาทำงาน ทำงานร่วมกับเขา และมองว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้ามีคนเชี่ยวชาญ สามารถส่งต่อวัฒนธรรมองค์กรได้ก็จะสบาย

งาน Operation อยู่ที่มือพนักงานทุกคนที่ทำงาน มีการคุยกับผู้จัดการแผนกเพื่อให้การทำงานไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เน้นการ Support ให้มีความสุข

แนวคิดทำดีที่สุดในงานในหน้าที่ของเรา แล้วเราจะประสบความสำเร็จ

คำถาม

ในธุรกิจขายตรง ส่วนมากใช้วิธีเรียนลัดคือโยกตัวบริหารจากธุรกิจข้างเคียงมา แต่ กิฟฟารีน สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกได้อย่างไรว่าเราจะยืนในจุดนี้ สามารถบริหารแบบ Family Business แต่บริหารแบบมืออาชีพได้อย่างไร

คำตอบ

เน้นอยู่ในความดีงาม ความถูกต้อง ให้เกียรติ ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่ ให้เสนอความคิดว่าดีอย่างไร ถ้าเชื่อถือได้ก็ทำ คำว่าธุรกิจครอบครัว ถ้าคลาดเคลื่อนอะไรบางอย่างต้องคุยให้เข้าใจ ทางด้านการตลาดหมอต้อยสานต่อให้ลูกดูแลโรงงานต่อ สมาชิกวางระบบให้ลูกสมาชิกดูแลงานต่อเช่นกัน ให้ลูกสานต่อเหมือนกัน อย่างโรงงานให้ลูกดูแลต่อ วางตัวไว้ เช่นวางให้ลูกทำงานต่อ เน้นคนดี ไม่ใช่คนเก่ง ทำของดี ๆ ให้คนมีความสุขที่สุด เพราะตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ ไม่เสียดอกเบี้ย

เอาเงินขายขยะทำเป็นสวัสดิการ ไม่เสียดอกเบี้ย สนับสนุนให้พนักงานฝากเงินประจำ ใครติดยาบ้า ยาม้าจะส่งไปรักษา แต่ถ้าติดอีกจะเอาออก

ขอให้เป็นคนดี เป็นโรงงานสบายใจ เลี้ยงคนให้มีความสุขเหมือนสิ่งที่คนไทยควรจะได้

จงเป็นอยู่ในความถูกต้อง ไม่มีอะไรดีกว่าความรู้ สมาชิกถูกสอนให้ความรู้ที่มีค่าและความดี ไม่สำคัญที่ยอดขาย สมาชิกมีเบอร์คุณหมอทุกคน และ Line ที่ให้เป็นสาธารณะ แล้วทุกคนอยู่ในความดีงามและความถูกต้อง

ปกติคุณหมอห้ามพูดอาหารเสริม แต่หมอได้รับเชิญไปบรรยาย อะไรชั่ว อะไรดีมีจุดยืน

คำถาม

อนุสาวรีย์ที่เป็นรูปโลโก้มีความหมายอย่างไร

คำตอบ

มีน้ำพุอยู่บนตัว I ทำให้สวยเท่านั้นไม่ได้มีความหมายอย่างไร ส่วน Skyline คือน้องฟ้า

การบริหารจัดการทำตาม Common Sense โรงงานพนักงานไม่ได้รับเงินเดือนสูงมากแต่ได้รับความภูมิใจ มั่นคง ความเติบโตในอนาคต ตอนน้ำท่วมเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ทำอาหารเลี้ยง จนถึงปัจจุบัน เลยทำให้ประหยัดเงินค่าอาหารกลางวัน เปิดโอกาสให้ทุกแผนกเสนอเมนูมาได้ ให้ทุกคนทานข้าวหม้อเดียวกัน กระทะเดียวกัน ตักเอง ทำให้เกิดความรัก ความผูกพันดี เป็นพี่เป็นน้องกัน อยู่รวมกัน แต่บางคนถ้าอยากทานข้างนอกก็ได้ 

งานเดี่ยวเพิ่มเติม 

อ่านและสรุปบทความบทเรียนจากความจริงกับดร.จีระ หนังสือพิมพ์แนวหน้า หัวข้อ มารู้จักJokowi  ตามลิงค์นี้

 http://www.naewna.com/politic/columnist/12063

จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 30 เมษายน 2557

ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

วันนี้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมกิจการของบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด (กิฟฟารีน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ก่อตั้งขึ้นจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์และเภสัชกร เมื่อเดือนมีนาคม 2539 และมีโรงงาน (แห่งใหม่) ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต. คลองหนึ่ง อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ด้วยงบประมาณในการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ออกแบบถูกต้องตามหลัก GMP ทั้งในด้านโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ กิฟฟารีนดำเนินงานโดย แพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์ เป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน การจัดการ สิ่งแวดล้อม ISO14001 และได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัยของอาหารในระดับสากล

ในการเยี่ยมชมวันนี้ มีคุณหมอจักรพงศ์ ไพบูลย์ และคุณหมอใจทิพย์ ไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงมาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และที่ประทับใจคือ ผู้บริหารกิฟฟารีน มีแนวคิดการบริหารเชิงพุทธ ที่ทำธุรกิจแบบมีคุณธรรม และไม่เอาเปรียบสังคม ส่งสริมคนดี คนเก่ง (คนชั่วไม่เอา)

กิฟฟารีน เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย โดยเริ่มจากจุดเริ่มต้นธุรกิจในครอบครัวเล็กๆ มีพนักงานเพียง 20 คน มีสินค้าเพียง 84 ชนิด จากนั้นได้มีการขยายกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งปัจจุบัน มีสินค้ากว่า 2,000 รายการ มีพนักงานกว่า 1,000 คน และเนื่องจากเป็นโรงงานใหม่ ตั้งมาไม่นาน พนักงานจึงเป็นคนวัยหนุ่มสาว มีอายุเฉลี่ยประมาณ 30 ปี

กิฟฟารีน มีพันธกิจของบริษัทฯ คือ “ก้าวต่อไปสู่อนาคตด้วยความพร้อมของศักยภาพทุกๆ ด้าน 360 องศา เพื่อรองรับความสำเร็จของนักธุรกิจของเรา และความคาดหวังของ ผู้บริโภค ซึ่งหมายความถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีในปัจจุบัน และอนาคตรวมถึงระบบสนับสนุน ที่ดีที่สุดในการพัฒนา ความสามารถของนักธุรกิจเครือข่ายสู่ความมั่นใจในการเติบโตไป ข้างหน้าอย่าง งดงามและยั่งยืน”

ปรัชญาการทำงานของกิฟฟารีนคือ “กิฟฟารีน ... มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นด้วยการมอบโอกาส ทางธุรกิจที่ดีที่สุด พร้อมทั้งตระหนักถึงการตอบแทนกลับคืนสู่สังคม และการใช้ ทรัพยากร อย่างคุ้มค่า”

กิฟฟารีน เป็นธุรกิจขายตรงในรูปแบบการตลาดเครือข่าย (Network Marketing) หรือที่รู้จักกันในรูปแบบ Multi Level Marketing(MLM) ที่มีหลักการ MLM แบบสหกรณ์ ในรูปแบบสมาชิกในการซื้อขายสินค้า มีสมาชิกนักธุรกิจและผู้บริโภครวมกันกว่า 6,000,000 รหัส

กิฟฟารีน ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบ หลังจากได้เริ่มสำรวจตลาดในหลายๆประเทศ ปัจจุบัน บริษัทกิฟฟารีนมีการส่งออกสินค้าไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อาทิเช่น เกาหลี ออสเตรเลีย เยอรมนี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น เป็นต้น

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินธุรกิจเครือข่ายกิฟฟารีนในประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีการเปิดดำเนินธุรกิจเครือข่ายแล้วในประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และกำลังจะไปเปิดตลาดเวียดนามต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากเป็นธุรกิจ MLM จึงมุ่งสู่ตลาดในแถบ ASEAN ก่อน ไม่มุ่งตลาดยุโรป เพราะตลาด ASEAN มีความเหมือนหรือคล้ายกันกับไทย ส่วนตลาดยุโรปมีความแตกต่างกันกับไทย

กิฟฟารีน (Giffarine) เป็นแบรนด์ที่ขายในไทย ส่วน แพทรินา (Pattrena) เป็นแบรนด์ที่ขายในต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองชื่อนี้ มีที่มาคือเป็นการชื่อของลูกสาวมาตั้งเป็นชื้อสินค้า

โรงงานกิฟฟารีน ประกอบด้วย 3 ส่วน แบ่งเป็น 1) โรงงานผลิตเครื่องสำอาง 2) โรงงานผลิตอาหารและยา และ 3) Central Lab หรือห้องปฏิบัติการกลาง โดย Central Lab มีภารกิจในการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, อาหาร, อาหารเสริม, ยาแผนโบราณ, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน ฯลฯ ที่ผลิตโดย โรงงานของกิฟฟารีน เพื่อเป็นการประกันว่าสินค้าต่างๆ ของกิฟฟารีนมีคุณภาพ และ ความปลอดภัยสูง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

การบริหารจัดการคน กิฟฟารีน มีการส่งเสริมให้ทำกิจกรรมคุณภาพต่างๆ เช่น QCC, KAIZEN ซึ่งพนักงานกิฟฟารีนก็ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเป็นอย่างดี มีส่วนร่วม มีใจ ในการทำงาน นอกจากนี้ จากการอธิบายของคุณหมอจักรพงศ์ฯ ทำให้เข้าใจได้ว่า กิฟฟารีน ดูเหมือนจะดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ ทำให้มีความผูกพันกับองต์กร ช่วยกันดูแล ร่วมมือ ร่วมใจในการทำงาน และใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด ส่งผลถึงประโยชน์ของบริษัทโดยรวมที่ดีขึ้น

ดังนั้น เมื่อเทียบเคียงกับ กฟผ. ซึ่งเป็นองค์กรที่เก่าแก่ มีอายุครบ 45 ปี ในวันนี้ (1 พฤษภาคม 2557) หากสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความผูกพันกับองต์กร ช่วยกันดูแล ร่วมมือ ร่วมใจในการทำงาน และใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด อีกทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม ก็จะส่งผลถึงประโยชน์ของ กฟผ. โดยรวมที่ดีขึ้น ได้เช่นกัน

จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 30 เมษายน 2557

กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

วันนี้ พวกเราเข้าห้องเรียนช้า เพราะการเดินทางกลับจากนิคมอุสาหกรรมนวนคร ที่ต้องฝ่ารถติดเข้าเมืองมา กว่าจะถึง กฟผ. ก็ประมาณ บ่าย 3 โมง แต่อาจารย์ก็ยังใจเย็นรอพวกเราเข้าห้องเรียน เพื่อทำหน้าที่ค่ะ (ต้องยกนิ้วให้เลย)

วันนี้เป็นการแนะนำปรับปรุงโครงร่างวิจัยที่ได้เสนออาจารย์ไว้ ซึ่งครั้งที่แล้วได้มีการกำหนดหัวข้อ และกรอบการศึกษาเรียบร้อยแล้วทุกกลุ่ม โดยมีหัวข้อวิจัย ดังนี้

กลุ่ม 1. การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณี โครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

กลุ่ม 2. ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.

กลุ่ม 3. ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

กลุ่ม 4. ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

กลุ่ม 5. ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

กลุ่ม 6. ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

กลุ่ม 7. ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

สำหรับ กล่ม 2 เราขอปรับหัวข้อเป็น “การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.” โดยอาจารย์ได้ให้ Comments และให้พิจารณาเพิ่มเติม ดังนี้

  • สัดส่วนการผลิตที่เหมาะสมคือเท่าใด รู้ได้อย่างไร
  • มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการกำหนดสัดส่วน
  • ข้อเสนอแนะ คืออะไร
  • กฟผ. จะต้องทำอย่างไรต่อไป

สำหรับกระบวนการวิจัยนั้น Software (โปรแกรม) “Expert Choice” ที่จะใช้ในการประมวลผลนั้น ยังหาไม่ได้ อยู่ระหว่างดำเนินการสืบค้นหา

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม 2 จะดำเนินการต่อไป ให้แล้วเสร็จ เพื่อส่ง Paper และ Presentation ให้อาจารย์ตามกำหนด ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ตามที่พี่บัญชา เพชรแก้วกุล สมาชิก กลุ่ม 2 ได้รับรองกับอาจารย์ไว้ค่ะ

จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 29 เมษายน 2557

Panel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย คุณไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ คุณสมบัติ ศานติจารี อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

อดีต ผวก. สมบัติ ศานติจารี

ในการบริหารวิกฤติและความเสี่ยงนั้น การสื่อสารเป็นหัวใจของภาวะวิกฤติ ที่จะต้องมีการรายงานเหตุการณ์ สถานการณ์ การแก้ไขการรับมือกับปัญหา ให้สังคมได้รับรู้โดยฉับพลัน ซึ่งในการสื่อสารนั้น จะต้องตรงไปตรงมา และการสื่อสารที่ดี นั่น ผวก. สมบัติฯ ได้บอกว่า มีข้อต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1. ห้ามโทษผู้อื่น 2. อย่าให้ความเห็นที่เดา 3. ตอบทุกสื่อ 4. ห้ามลำเอียง (ถ้านิ่งไม่ตอบสื่อมวลชน เขาจะคิดว่าจริง ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ) และต้องกำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน

วิกฤติเกิดตลอดเวลา มีหลายมิติ เช่น เรื่องการเมือง สิ่งแวดล้อมต่างประเทศ ดังนั้น อย่าให้วิกฤติเกิดขึ้นมากจนสร้างปัญหาและทำให้มีการฟื้นฟูได้ยาก ควรต้องมีแผนป้องกันไม่ให้เกิดภาวะวิกฤตและมีแผนไว้รับมือกับภาวะวิกฤต อีกทั้งต้องมีการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ

วิกฤตของ กฟผ. มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเชื้อเพลิง วิกฤตองค์กร ในเรื่องส่วนแบ่งตลาดน้อยลง (สัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ในระบบน้อยลง) ทำให้เกิดคำถาม (ซึ่งได้สงสัยมานานแล้ว) ว่า

จากการที่ภาครัฐมีนโยบายให้เอกชนมีบทบาทในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ กฟผ. ได้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่น้อยลง ปัจจุบันมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 45 มีบริษัทเอกชนมาแบ่งเค็กเราไป ทำให้ผู้บริหารของ กฟผ. มองว่าการที่ไม่ได้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ มีการผลิตไฟฟ้าน้อยลง รายได้ลดลง ทำให้คนว่างงานมากขึ้น จึงหันไปหารายได้เสริมเข้า กฟผ. ด้วยงานอื่นที่ กฟผ. มีความสามารถ เช่น งาน Engineering งาน Construction และงาน O&M โรงไฟฟ้าเอกชน โดยมีการรับงานนอกจากบริษัทโรงไฟฟ้าเอกชนที่ต้องการจ้างงาน โดยลืมไปว่า คนที่มาจ้าง กฟผ. นั้น เป็นกลุ่มที่มาแบ่งเค็กการผลิตไฟฟ้าจากเราไป เรา กฟผ. กลับไปรับจ้าง ช่วยเหลือให้เขา (คู่แข่ง) ให้แข็งแรงมากขึ้น ดำเนินงานได้ดีขึ้น มีโรงไฟฟ้าที่ดีๆ และกลับมาแบ่งเค็กเรามากยิ่งขึ้น เพราะภาครัฐยิ่งเห็นว่า เอกชนทำโรงไฟฟ้าได้ดี การรับจ้างงานนอกอย่างนี้ มันยิ่งเป็นการสร้างหรือเพิ่มวิกฤตให้กับองค์กร มากกว่าเป็นกาช่วยลดวิกฤต การที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะ ผู้บริหาร กฟผ. มองแต่ใน Silo ตัวเอง ว่าต้องทำ โน้น นี่ นั่น ขาดการมองภาพรวม ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ดังนั้น จึงเห็นว่า ผู้บริหาร กฟผ. ควรร่วมกันคิด และมองภาพรวม ไม่ใช่ต่างคนต่างคิด แล้วเสนอมา ก็ไม่มีการคัดค้านกัน เพราะเกรงใจกัน นอกจากนี้ยังเห็นว่า กฟผ. ควร ลด ละ เลิก การรับงานอก หันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการใหม่ทั้งโรงไฟฟ้าและระบบส่ง ให้เสร็จทันตามแผนที่ว่างไว้ น่าจะได้ประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่า

ซึ่ง ผวก. สมบัติ ก็ได้ให้ความเห็นว่า ที่กล่าวมานั้นจริง การรับงานนอกนั้น ควรเน้นรับงานต่างประเทศจะดีกว่า เป็นการสั่งสมประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ แต่ก็มีปัญหาคือ คนดีๆถูกดึงตัวไปหมด

อดีต ผวก. ไกรสีห์ กรรณสูต

อดีต ผวก. ไกรสีห์ เป็น ผวก. กฟผ. เมื่อปี 2547 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลมีนโยบายให้ กฟผ. เป็นรัฐวิสากิจรายแรกที่จะต้องแปรรูป โดยรัฐบาลให้โรงไฟฟ้าแก่ กฟผ. 50% ส่วนที่เหลือต้องไป Bid แข่งกับภาคเอกชน

ผวก. ไกรสีห์ ได้เล่าเหตุการณ์เมื่อตอนเป็นรองผู้ว่าการนโยบายและแผนว่า ช่วงนั้น มีหลายเหตุการณ์ที่เป็นภาวะวกฤตของ กฟผ. โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูป แต่ ก็สามารถบริหารจัดการสภาวะวิกฤตมาได้ด้วย “การประชาสัมพันธ์ การสื่อสารในภาวะวิกฤติ” ตอนนั้น กฟผ. ออกโทรทัศน์ทุกช่องและหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง

คณะทำงานจะช่วยเตรียมข้อมูลมาประชาสัมพันธ์ คณะทำงานประกอบด้วยคนศักยภาพสูง มีความคิดดี มนุษยสัมพันธ์ดีของแต่ละสายงาน ผวก. ไกรสีห์ ใช้การสื่อสารทกรูปแบบที่มี เพราะต้องการให้คน กฟผ. รู้มากที่สุด ใช้วิธีการสื่อสารตามสาย EGAT TV ใบปลิวรายวัน

ในการแก้ปัญหา/วิกฤตองค์กร ของ ผวก. ไกรสีห์ นั้น ต้องรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์หาสาเหตุก่อน เมื่อทราบสาเหตุ จึงหาวิธีแก้ปัญหา แล้วก็วางกลยุทธ์ คือ

1. ต้องสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา

2. ต้องสร้างแนวร่วม พูดให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร

3. ต้องพูดให้คลายกังวล สร้างความมั่นใจในความมั่นคงของพนักงาน

ในช่วงที่เป็นผู้ว่าการ ก็ทำงานตามวัตถุประสงค์ แต่ก็มาดูปัจจัยเสี่ยง

1. ปัจจัยทางการเมือง ภาคใต้มีสถานการณ์ที่รุนแรง มีการก่อวินาศกรรม

2. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ มีความผันผวน ถ้าเศรษฐกิจดีเกินคาด ไฟฟ้าก็จะไม่พอ

3. ปัจจัยทางสังคม การสร้างโรงไฟฟ้ามีคนต่อต้านสูง

4. ปัจจัยทางด้านนโยบายรัฐบาล ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าไฟหรือเอฟที จะทำให้รายได้ กฟผ. มีปัญหา ถ้าเป็นประชานิยมให้คนใช้ไฟฟ้าราคาถูก กฟผ. ก็แย่

5. ปัจจัยทางด้านอุปกรณ์ที่เสื่อมโทรม เนื่องจากอุปกรณ์ใช้งานมานาน จะมีโอกาสทำให้ไฟดับได้

ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนรองรับให้ดี ต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน เช่น การสร้างโรงไฟฟ้ามีผลต่อการเติบโตของ กฟผ. แห่งใหม่ที่จะไปสร้างคือ รฟ.จะนะ เราต้องใช้น้ำทำระบบหล่อเย็น เขาทำประมงมาก ก่อนปล่อยน้ำ เราปรับอุณหภูมิไม่ให้ปลาตาย เขาบอกว่า เวลาเราดูดน้ำ เท่ากับดูดไข่ปลาไปด้วย เวลาเขาพูดเรื่องโรงไฟฟ้า เขากลัวทุกอย่าง ปัญหาคือ เรา กฟผ. เข้าไปชุมชนช้ากว่า NGOs ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบก่อน จึงเกิดการต่อต้าน

วิธีจัดการปัญหา เรา กฟผ. ต้องไปพบนักการเมืองท้องถิ่นก่อน และคนที่ชาวบ้านเคารพนับถือ เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ทำความเข้าใจว่าโรงฟ้าจะไม่ก่อมลภาวะให้กับชุมชน ให้ความมั่นใจ ถ้ามีความเสียหาย จะชดเชย จะมีกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าให้ ทำให้คนมีคุณภาพชีวิต รับคนท้องถิ่นเข้าทำงานบ้างในบางตำแหน่ง ทำให้การก่อสร้าง รฟ.จะนะ ไม่มีการประท้วงเลย จ่ายไฟฟ้าได้ตามกำหนด

สำหรับความเสี่ยงอื่นๆ เช่น การเกิดอุบัติเหตุของโรงไฟฟ้า เราก็มีแผนกู้คืนระบบ System Restoration

ในกรณีโรงไฟฟ้ามีโอกาสไฟไหม้ กฟผ. มีการทำประกันภัยไว้ด้วย 


จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 29 เมษายน 2557

Learning Forum & Practice หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์


วันนี้ได้รับความรู้ในเรื่อง ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่ เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์ การเลือกทรงผมกับบุคลิกคนทำงานรุ่นใหม่ มาดและท่วงท่าอิริยาบถของคนทันสมัย มารยาททางธุรกิจ และมารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่างๆ

ผู้บริหารต้องรู้จัก การแต่งตัว ท่วงท่า วาจา อารมณ์ กาลเทศะ บุคลิกภาพ และมีมารยาท

การแต่งตัว: ทั้งหญิงและชาย ต้องรู้จักการแต่งตัวดี ต้องรู้จักการใช้ สีสัน สัดส่วน เส้นสาย มีสไตล์

ท่วงท่า: ต้องรู้จักวิธี การนั่ง การยืน การเดิน และการไหว้

การนั่งบนเก้าอี้: ให้ใช้มือเอาขวาจับพนักเก้าอี้ เข้านั่งจากข้างซ้ายของเก้าอีก สำหรับผู้หญิงเวลาจะนั่งไม่ต้องหันหลังไปมอง ให้ใช้น่องสัมผัสเก้าอี้ แล้วนั่งแค่ครึ่งเดียว ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะไม่สุภาพ

การยืน: ผู้ชายยืนส้นไม่ติดกัน มือทิ้งปล่อยข้างลำตัว สบายๆ

การเดิน: อย่าเดินลากเท้า ควรให้ส้นลงก่อน

การไหว้: เอามือไหว้ที่กลางอก มือติดกัน ศอกไม่กางออก ไหว้ไม่ต้องถอนสายบัว เพราะการถอนสายบัวไม่ได้ถอนให้คนทั่วไป

การพูดจา: ไม่ควรพูดจาด้วยคำหยาบ

อารมณ์ดี: มีรอยยิ้มให้กันเสมอ

กาลเทศะ: ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

บุคลิกภาพ: ควรทำความเข้าใจกับองค์ประกอบ ที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

มารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อย่าพูดขณะเคี้ยวอาหาร ให้มีกระดาษทิชชูติดตัวเสมอ ไม่มีการแจกนามบัตร ขณะนั่งที่โต๊ะอาหาร ต้องนั่งตามชื่อที่ตั้งไว้บนโต๊ะ

ลำดับการใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร - แก้วใบใหญ่ คือ แก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเราที่สุด ถัดออกไปเป็นแก้วไวน์แดง และ ไวน์ขาว ตามลำดับ ส่วน ช้อน ส้อม มีด จะวางไว้หลายชุดตามรายการอาหารที่จะเสริฟ โดยมีลำดับการใช้คือ ต้องหยิบช้อน ส้อม มีด จากที่วางอยู่ด้านนอกก่อน

จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

สรุปบทความ เรื่อง บทเรียนจากความจริงกับ ดร. จิระ จาก นสพ.แนวหน้า วันพฤหัสบดี ที่ 1 พฤษภาคม 2557

“มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต”


(ขอสรุปพร้อมให้ความเห็นค่ะ)

วัฒนธรรมเกิดจากการสั่งสมพฤติกรรม ความดีงาม ความเจริญรุ่งเรืองของสังคม มาเป็นเวลานาน ไม่ได้เกิดมาได้เพียงชั่วข้ามคืน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวัฒนธรรมจะสร้างได้ช้า พวกเราก็ต้องช่วยกันเร่งสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม รู้หน้าที่ของตนเอง ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก โดยผู้ใหญ่ทุกคนต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ เพื่อเค้าเติบโตต่อไปในอนาคต เป็นกำลังของประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้ ขอใหรวมไปถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ของ กฟผ. ด้วย

วัฒนธรรมที่ว่านี้ ไม่ใช่สังคมการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ”แบบทุนนิยมสามานย์” ไร้ซึ่งคุณธรรม ไร้จริยธรรม เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ เลยทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย เกิดเสียหายเป็นอย่างมาก ดังเหตุการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน (ตัวอย่างที่ไม่ดี ที่เลวๆ ให้กำจัดออกไปจากสังคม) ไม่รู้ว่าจะสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ให้พวกนักการเมืองได้อย่างไร ให้เห็นแก่ความถูกต้องและประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก คงทำไม่ได้แล้ว แก่เกินแกง พวกนี้เหมือนมะเร็งของสังคม คงต้องมีการผ่าตัด เอาเนื้อร้ายทิ้ง ก่อนที่มันจะลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ

แล้วพวกเรา จะต้องทำอะไร ทำอย่างไร ก็ยังมองไม่ออกถึงทางออกของประเทศ แต่สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไม “ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง” ไม่ออกมาจัดการให้เรียบร้อย (โดยเร็ว) เพราะหากปล่อยยืดเยื้อ ยังแต่ความเสียหายให้กับประเทศมากมาย และต้องใช้เวลานานมากในการกู้คืนมา

ความจริงแล้ว ข้าราชการประจำชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงต่างๆ (โดยเฉพาะปลัดกระทรวงฯ) ต้องเข้มแข็งและเป็นหลักให้กับประเทศ วางยุทธศาสตร์ นโยบาย แผนงานต่างๆ (Master Plan) นำพาประเทศเจริญไปข้างหน้า ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะมาบริหารประเทศ ก็จะต้องดำเนินการอยู่ในกรอบ Master Plan ที่วางไว้ ไม่ใช่มารับนโยบายสามานย์ของกลุ่มการเมืองที่ต้องการผลประโยชน์ในระยะสั้นๆ มาแล้วก็ไป ทำให้การพัฒนาประเทศไร้ทิศทาง เป็นไปแบบสะเปะสะปะ ดังนั้น การปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องปฏิรูป กฏหมาย ระเบียบราชการ ไม่ให้การเมืองเข้ามามีอิทธิพลได้

กลับมาที่เรื่อง ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ “JokoWidodo”

Jokowi เป็นคนรุ่นใหม่ อายุเพียง 52 ปี มีลักษณะที่เป็นคนติดดิน เพราะเป็นคนต่างจังหวัด (Yogjakata) ซึ่งแตกต่างจากผู้นำอินโดนีเซียคนก่อนๆ ที่ค่อนข้างเป็นคนมีฐานะ เศรษฐี Elite ทำให้ได้รับความสนใจจากประชาชน Jokowi สามารถสร้างความแตกต่างได้ เพราะเค้ามีพื้นฐานในการคิด/วิเคราะห์ที่ดี เพราะจบวิศวกรรมศาสตร์ จึงได้เปรียบในการคิดเชิงวิเคราะห์ ในเรื่องต่างๆเมื่อเทียบกับคนที่จบสาขาอื่นๆ

ที่สำคัญ Jokowi ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การเมืองของไทยที่มีปัญหา แม้แต่การเมืองในอินโดนีเซียปัจจุบัน จึงคิดได้ว่า “ห้ามญาติ พี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริการเด็ดขาด” จึงทำให้เขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกรุง Jakarta

ดังนั้น ถ้า กฟผ. ต้องการให้ประชาชนสนใจและยอมรับ กฟผ. จะต้องสร้างความแตกต่างให้ประจักษ์ และ กฟผ. ต้องรู้จัก วินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหา รู้วิธีป้องกัน ไม่เดินไปในปัญหารเดิมๆ

อย่างไรก็ตาม Jokowi ก็ยังหนีไม่พ้นนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็น นโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakarta หรือ นโยบายให้ประชาชนชาวเมือง Jakarta มีบริการการแพทย์เสรี แค่ก็อาจจะว่าเค้าได้ไม่เต็มปากนักว่าเป็นนโยบายประชานิยม เพราะประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก (มากถึง 200 ล้านคน)

สำหรับประเทศไทย การเมืองไทยในอนาคต เราต้องการคนดี คนกล้า คนเก่ง มาเป็นผู้นำ และที่สำคัญต้องไม่มีธุรกิจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นอีก โกงบ้านโกงเมือง (ตามที่เราเห็นๆอยู่ในปัจจุบัน) ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้นำที่เป็นผู้อาสามาทำงาน ไม่ใช่เป็นอาชีพนักการเมือง อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


สวัสดีตอนเช้าวันเสาร์ครับ วันนี้ผมมีข้อมูลเชิงลึกที่จะแบ่งปันให้ลูกศิษย์ EADP10  คือเรื่องนโยบายพลังงานทีระบอบทักษิณใช้เป็นเครื่องมือหารายได้

กล่าวคือ เมื่อ 7-8เดือนทีผ่านมา กระทรวงพลังงานได้อนุมัติให้บริษัท กัลฟ์ อิเล็คตริก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทต่างประเทศข้ามชาติ อนุญาตให้ไปทำโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นจำนวน ¼ ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศในปัจจุบัน

แต่อนุญาตให้กฟผ.ทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน และในอนาคต คือโรงๆฟฟ้านิวเคลียร์ ทำไมกระทรวงพลังงานมีนโยบายแบบนี้ ผมคิดว่า

1. มีระบบทอนเงินใต้โต๊ะอย่างมหาศาล เพราะบริษัทเอกชนคงจะตอบแทนรัฐบาลชุดนี้อย่างมหาศาล

2. ถ้าให้กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าเอง ซึ่งมีความสามารถสูง เพราะมีวิศวกรถึง 2,000 คน การทอนเงินใต้โต๊ะคงลำบาก เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรที่มีประวัติการทำงานโปร่งใส มีธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด

ผมจึงขอแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ให้ด้ทราบ จึงควรที่จะมีการปฏิรูปพลังงานเพื่อประโยชน์ของคนไทยอย่างสูงสุด

หนังสือเล่มสุดท้ายที่ผมอยากจะฝากให้อ่านก่อนจบโครงการคือ Angela Merkel: A Chancellorship Forged in Crisis Hardcover  เขียนโดย  Alan Crawford และ  Tony Czuczka   ซึ่งสอนให้ผู้นำกฟผ.ได้เห็นการตัดสินใจในการแก้วิกฤติ เช่น วิกฤติการเงินประเทศกรีซ และวิกฤติด้านอื่นๆ 

รัชดา ทองอยู่ ช.อสอ-สผ.

Lesson learn on 29 March,2014

หัวข้อ : ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารความเสี่ยง

Crisis เป็นการจัดการปัญหาที่ก่อเหตุเสียหายร้ายแรงต่อองค์กร

Risk เป็นการจัดการป้องกันมิให้ปัญหาเกิดขึ้น

ดังนั้น เมื่อเกิด crisis ผู้นำต้องเร่งค้นหาข้อกังวล และวิเคราะห์สภาพของปัญหาที่แท้จริงจากทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการจัดการอย่างแม่นยำ ถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อให้วิกฤติที่เกิดขึ้นเข้าสู่ความสงบ โดย

- มีแผนรองรับ/ขั้นตอน/ผู้รับผิดชอบแต่ละด้าน

- มีสติและธรรมะในการเจรจา และเผชิญกับสถานการณ์

นอกจากนี้ ต้องมีแผนการตลาดเพื่อสังคม (CSR) ดำเนินการควบคู่ไปด้วย

เมื่อเกิดวิกฤติต้องมีแผนการสื่สารที่ดี ภายใต้หลักการสำคัญ 5 ประการ ได้แก่

1. ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น

2. อย่าให้ความเห็นแบบคาดเดา

3. ตอบคำถามสื่อมวลชนด้วยข้อเท็จจริง

4. ห้ามลำเอียง

5. หากเกิดการสูญเสีย ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

ข้อสำคัญ ผู้นำต้องออกมาบริหารจัดการวิกฤติด้วยตนเอง และบริหารประนเด็นได้อย่างดี รวมทั้งรู้จักฉกฉวยวิกฤติให้เป็นโอกาส อย่ามุ่งแต่เพียงแก้ปัญหา crisis เท่านั้น ควรวิเคราะห์ถึงการจัดการวิกฤติในอดีตที่ผ่านมาด้วย เพื่อเตรียมพร้อมได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น

หัวข้อ : บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

นักบริหารต้องเรียนรู้ดูแลตนเองในด้านบุคลืกภาพที่สุภาพ สง่างาม ต่อหน้าสังคม ทั้งเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม ท่วงท่าอิริยาบถ มารยาทในสังคม เพราะ เป็นสิ่งแรกที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ ความประทับใจ ไม่เพียงแต่เฉพาะตนเอง แต่ต่อองค์กรด้วย

รัชดา ทองอยู่ ช.อสอ-สผ.

Lesson learn on 30 March,2014

ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร ณ บริษัทกิฟฟารีน

บริษัทกิฟฟารีน ก่อตั้งขึ้นมาบนปรัชญาองค์กรที่ยึดมั่นในความดี ทั้งงานและคน คนไม่เก่งไม่เป็นไร ฝึกฝนได้ แต่ต้องเป็นคนดีทั้งกายใจ โดยบริหารองค์กรแบบธุรกิจสหกรณ์ กล่าวคือ เกื้อกูล พึ่งพา ในรูปแบบธุรกิจครอบครัว

วิกฤติสำคัญขององค์กร คือ เรื่องน้ำท่วมใหญ่ แม้ที่ผ่านมาจะเผชิญภาวะน้ำท่วมทั้งโรงงานมาแล้วได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคิดว่า น้ำท่วมเป็นวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นได้อีก จึงมีการเตรียมพร้อมและออกแบบอุปกรณ์ต่างๆอย่างครบถ้วนในการต่อสู้ป้องกันน้ำท่วมไว้หลายชั้น ทั้งตัวโรงงานและ การดูแลพนักงาน เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดต่อพนักงาน ลูกค้า และผู้ร่วมทุน

นับเป็นตัวอย่สงการบริหารงานองค์กรของบริษัทคนไทยที่เติบโตอย่างช้าๆและมั่นคงยั่งยืน ภายใต้ธุรกิจครอบครัว ซึ่งหวังว่าการสืบทอดปรัชญาการบริหารองค์กรจากรุ่นสู่รุ่นจะยังคงยืนหยัดบนหลักการนี้ได้ต่อไป เนื่องจากธุรกิจครอบครัวเมื่อสืบสู่รุ่นหลานเหลนแล้วมักจะเปลี่ยนแปลงไป 

หัวข้อ: งานวิจัยและโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

มีการชี้แนะวิจารณ์หัวข้อวิจัยของแต่ละกลุ่ม โดยให้มองถึงความเป็นไปได้ในการศึกษาวิจัย และนำมาจัดทำโครงการนวัตกรรมเภื่อการพัฒนาเสนออย่างน้อย 1 โครงการ ทั้งนี้ ให้จัดทำการนำเสนอ power point เสนอคราวต่อไปด้วย

นายบัญชา เพชรแก้วกุล

จากการอ่านบทความ คอลัมภ์ บทเรียนจากความจริง ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า  วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เรื่อง มารู้จัก JokoWidodoหรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

ในเบื้องต้นบทความกล่าวถึง เทศกาลสงกรานต์ของเมืองไทย ที่ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ นำไปจัด ผมมีความเห็นส่วนตัว เช่นเดียวกันกับอาจารย์ ว่าเทศกาลสงกรานต์ของไทยนั้น เป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่สืบทอดกันมานานมาก ซึ่งประเทศอื่นนำจัด เพื่อเป็นจุดขายเชิงการตลาดในการท่องเที่ยวเท่านั้น และไม่ได้ผล เนื่องจากประเทศเหล่านั้นไม่ทราบถึงแก่นแท้ของความเป็นวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ของไทยที่ดีงาม ได้แก่ เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย มีการทำบุญ  พิธีการสรงน้ำพระที่ให้สิริมงคล การรดน้ำขอพร แสดงความกตัญญูกตเวที คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ใหญ่ที่นับถือ ท้ายสุดการสาดน้ำพอเหมาะพอควร เพื่อคลายร้อนในเดือนเมษายน ซึ่งจะพบเห็นได้ที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่หน้าเสียดายคนรุ่นใหม่ของไทยส่วนใหญ่ ไม่มีความเข้าใจแก่นแท้ของวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนี้ เพียงแต่รู้จักในเรื่องการสาดน้ำ ความสนุกสนานที่เกินขอบเขต ว่าเป็นเทศกาลสงกรานต์ เฉกเช่นเดียวกับชาวต่างประเทศเหล่านั้น

ส่วน คุณ Jokowi นั้น ได้เติบโตมาเป็นขั้นเป็นตอน โดยใช้ความจริงใจ การอุทิศตน สร้างผลงาน การพัฒนา เพื่อส่วนรวม และที่สำคัญประกาศไม่ให้ ญาติ พี่น้องทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาดูแลอยู่ เพื่อสร้างให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ และในการสมัครเข้าผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซียในนามของพรรค Indonesian Democratic Party-Struggle ซึ่งคุณ Jokowi คงจะประสบความสำเร็จ นับได้ว่าเป็นโชคดีของคนอินโดเซีย แต่คุณ Jokowi ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ต้องมีทีม และได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ที่เต็มไปด้วยการเมือง และผลประโยชน์

ภูริวรรณ ซุ่ยรักษา

สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในวันที่ 29 เมษายน 2557

หัวข้อ "ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง"

  • ทราบแนวคดและประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. ในอดีตเกี่ยวกับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยงที่เกิดขึ้่นในองค์กร
  • ทราบความแตกต่างระหว่าง "วิกฤติ" กับ "ความเสี่ยง"
  • วิกฤติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เกิดแล้วเกิดอีกและเกิดในหลายๆ มิติ เช่น วิกฤติด้านการเมือง วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมต่างประเทศ เป็นต้น
  • ทราบความสำคัญของการแก้ไขปัญหาวิกฤติว่ามีความสำคัญมาก หากเกิดขึ้นกับองค์กรขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชื่อเสียงซึ่งเป็นส่งที่มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะวิกฤติ หน่วยงานหรือองค์กรจะต้องรีบหาสาเหตุและวางกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาด้วยความรวดเร็ว ฉับพลันและควบคุมไม่ให้สถานการณ์ขยายวงกว้างออกไป โดยมีการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา พูดให้คลายกังวล รวมทั้งหาแนวร่วม และเร่งดำเนินการฟื้นฟูโดยเร็ว โดยการดึงความเชื่อมั่น ความศรัทธากลับมา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามสูง โดยหากหน่วยงานใดมีการตลาดเพื่อสังคมดีจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาวิกฤติได้ค่อนข้างมาก 
  • ได้เรียนรู้ว่า "การสื่อสาร" เป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาการเกิดภาวะวิกฤติ ซึ่งจะต้องมีการรายงานผู้บริหารทราบในทันทีที่เกิดเหตุการณ์เพื่อหาและเตรียมข้อมูล และสื่อสาร/รายงานให้สังคมได้รับรู้ทันทีในขณะที่เกิดเหตุการณ์ รวมถึงได้รับทราบข้อห้ามในการสื่่อสาร เช่น ห้ามกล่าวโทษผู้อื่นหรือหน่วยงานอื่น ห้ามให้ความเห็นในเชิงคาดเดา ห้ามลำเอียง ห้ามปฏิเสธการตอบคำถามและต้องให้ข้อเท็จจริงกรณีมีสื่อถาม ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ รวมถึงมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในการติดตามและกำกับดูแล
  • ในการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ผู้บริหารองค์กรจะต้องมีการสื่อสารไปยังพนักงานระดับล่างให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงมีการซักซ้อมแผนปฏิบัติการอย่างสมำ่เสมอ
  • การเป็นผู้บริหารที่ดี นอกจากจะต้องมี Soft Skill แล้ว จะต้องมี Footwork ในการปรับภาพลักษณ์ของตน
  • การเรียนรู้วิกฤติเก่าๆ จะทำให้สามารถรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นใหม่ได้
  • การเรียนรู้จากประชาสังคมจะทำให้ทราบแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม

หัวข้อ "บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่"

  • ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงบุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ รวมถึงการแต่งกาย ท่วงท่าในการนั่งบนเก้าอี้ การเดิน การยืน การไหว้ โดยท่วงท่าที่เป็นอันตราย ได้แก่ หน้าท้องยื่น ไหล่ห่อ หลังงอ ก้นยื่นไปด้านหลัง ปลายเท้าชี้เข้าหรือชี้ออก  เป็นต้น และมารยาททางสังคมว่า สิ่งใดควรปฏิบัติหรือไม่ควรปฏิบัติ อย่างไร เช่น ตำแหน่งการนั่งกรณีไปพบปะบุคคลอื่น / เข้าประชุม โดยมีหลักการ 5 อย่าง คือ การให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ความมีระเบียบเรียบร้อย และความมีอัธยาศัยไมตรี วิธีการยื่นและรับนามบัตร การแนะนำตัวเอง / บุคคลที่ไปด้วย การกล่าวทักทาย มารยาทบนโต๊ะอาหาร เช่น การนั่งบนโต๊ะอาหารจะไม่มีการแจกนามบัตร ตำแหน่งและการหยิบแก้วน้ำ ช้อน-ส้อม-มีด ที่วาง เป็นต้น การเดินนำทางผู้ใหญ่ การรดน้ำสังข์ การขึ้น-ลงบันไดกรณีเด็ก-ผู้ใหญ่ ผู้ชาย-ผู้หญิง 
ภูริวรรณ ซุ่ยรักษา

สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในวันที่ 30 เมษายน 2557

หัวข้อ "ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน จำกัด"

  • ได้เรียนรู้การบริหารงานในอีกหนึ่งมุมมองจากการบริหารงานของบริษัทกิฟฟารีนฯ ที่มุ่งทำธุรกิจขายตรงในสินค้าที่มีคุณภาพในรูปแบบสหกรณ์โดยมีการปันผลคืนให้กับสมาชิกจากยอดซื้อเพื่อตัดปัญหาเรื่องพ่อค้าคนกลาง หรือการเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่างๆ  โดยมีหลักการในการดำเนินธุรกิจคือ การอยู่ในความดีงามและความถูกต้อง มีความรับผิดชอบสูง โดยหากผู้ใช้มีอาการแพ้สินค้าที่ใช้จะสามารถคืนสินค้าได้และบริษัทฯ จะทำการรักษาให้ฟรี
  • โรงงานผลิดสินค้ากิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม มีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค มีมาตรฐานเทคโนโลยีที่แสดงถึงความถูกต้อง แม่นยำ มีการวิจัย การผลิตและการคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน โดยโรงงานผลิตได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ โรงงานผลิตเครื่องสำอาง โรงงานผลิตอาหารและห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab) เพื่อตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมถึงคุณภาพทางเคมีและการปนเปื้อนในสินค้า

หัวข้อ "นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย"

  • ได้รับทราบ Comment ของอาจารย์ ในการทำงานวิจัยของกลุ่ม 6 ในหัวข้อ "ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group" โดยมีโจทย์ที่ต้องนำกลับไปดำเนินการต่อคือ กฟผ. มีปัญหาการสื่อสารภายในองค์กรจริงหรือ อะไรเป็นสิ่งยืนยันถึงปัญหานั้น และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าปัญหาการสื่อสารภายในองค์กรเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ EGAT Group ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจากข้อเสนอแนะดังกล่าวผู้ทำการศึกษาจะเริ่มดำเนินการจากอะไร อย่างไร มีการสร้างโอกาสที่ EGAT กับ EGAT Group มาเจอกันมากน้อยแค่ไหน การสื่อสารภายในองค์กรจะเข้าไปในส่วนไหน เครื่องมือหรืออุปสรรคที่ทำให้การสื่อสารภายในองค์กรไม่มีประสิทธิภาพ และหากต้องนำมาทำเป็น Action Plan เพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอแนะฯ จะดำเนินโครงการอะไรที่จะช่วยให้จุดอ่อนของปัญหาลดลงหรือช่วยแก้ไขปัญหาในการสื่อสารของ EGAT Group หรือเป็นโครงการที่จะทำให้ EGAT Group ร่วมมือกัน ซึ่งจะต้องเป็นโครงการที่สามารถ Implement ได้

ประสบการของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

วันที่29เม ย.2557

คุณสมบัติศานติจารี

กฟผ มีการบริหารความเสี่ยงมีการทำแผนปฏิบัติการป้องกันไว้ทุกระดับ ลงไปถึงระดับปฏิบัติการ และมีการซ้อมแผนเป็นประจำทุกปี แผนจะมีแบบที่กฎหมายกำหนด และแผนที่ผู้บริหาร ให้ดำเนินการเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อองค์กรณ์โดยเฉพาะ เช่น กรณี ไฟฟ้าดับในวงกว้างหรือกรณีแหล่งก๊าซไม่พร้อมจ่าย ๆลๆ

ช่วงเกิดวิกฤติ ผู้นำและการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ภาวะวิกฤตจะต้องสื่อสารไปทุกระดับ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อป้องกันการผิดเพี้ยนของข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลักการสื่อสารการสื่อสารต้องทำล่วงหน้าและกระจายให้ทั่วถึงห้ามกล่าวโทษผู้อื่น ห้ามปฎิเสธสื่อมวลชนห้ามลำเอียงในการใหห้ข่าว ตามรายงานสม่ำเสมอสื่อสารด้วยข้อเทจจริงไม่คาดเดา ห้ามปฎิเสธความรับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุให้ผู้บริหารทราบข้อมูลทันทีเพื่อเตรียมตอบข้อซักถาม

และเมื่อภาวะวิกฤติจบลง ต้องมีแผนฟื้นฟู เพื่อแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากภาวะวิกฤติและให้การดำเนินงานเข้าสู่ภาวะปกติเร็วที่สุดและรายงานให้สังคมทราบ ปัจจุบันมีการทำแผนการตลาดเพื่อสังคม CSR เป็นเรื่องการทำความดีให้สังคม เพื่อให้สังคมเกิดความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความดีของบริษัทและเมื่อเกิดปัญหากับบริษัท

สังคมจะไม่ประนามหรือตั้งข้อสงสัยกับบริษัทมากเกินไป

คุณไกรสีห์กรรณสูต

ช่วงที่เข้ามาเป็น ผวก เกิดภาวะวิกฤติในองค์กร เรื่องการแปรรูป กฟผ มีพนักงานประท้วงและต่อต้านการแปรรูป ซึ่งวิสัยทัศ ผวก ในช่วงนั้นคือการจัดการภาวะวิกฤติเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก โดยมีแผนบริหารจัดการโดย

ควบคุมให้สถานะการไม่ให้ขยายตัวตั้งคณะทำงานประสานความเข้าใจในองค์กรตั้งคณะทำงานหาข้อเทจจริงเพื่อสื่อสารองค์กรสู่ภายนอกที่มาจากทุกสายงาน

และเมื่อหาข้อมูลได้ว่าสาเหตุที่พนักงานประท้วงไม่ยอมให้แปรรูป กฟผ มาจากสาเหตุต่างๆ เช่น กลัวความไม่มั่นคงในอาชีพ กลัวนักการเมืองหารผลประโยชน์กับกฟผกลัวขายสมบัติของชาติและศักดิ์ศรของพนักงาน กฟผ ลดลงเมื่อสถานะการเป็นพนักงานบริษัท เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นสาเหตุที่พนักงานต่อต้านการแปรรูป ดังนั้นต้องหาข้อมูลและตอบข้อสงสัยของพนักงาน เช่นถ้าแปรรูปแล้ว จะมีการสร้างงานมากขึ้นสามารถทำธุรกิจอื่นๆได้ไม่มีการปลดพนักงานหรือให้เอกชนสามารถเข้ามาถือหุ้นได้ไม่เกิน 30 % เพื่อสิทธิการบริหารจะได้ไม่ตกอยู่ในมือเอกชน จึงมีการหาทางออกร่มกันกับพนักงานโดยระดมสมองจากส่นต่างๆของกฟผเพื่อหารูปแบบที่ กฟผและรัฐบาลสามาถยอมรับร่วมกันได้ โดย กฟผ ยังเป็นผู้นำในกิจการไฟฟ้ามีศักยภาพในการแข่งขันได้และต้องมีกำไรเพียงพอในการที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้

ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นก็มีอีก ด้านการเมือง เช่น นโยบายรัฐการปรับค่า Ftซึ่งจะกระทบด้านการเงิน กฟผ

ด้านการดำเนินงาน เช่นการส่งแก๊ซ ของ ปตท การสร้งโรงไฟฟ้าใหม่ไม่ได้ด้านนบุคคล เช่นบุคลากรขาดช่วง เนื่องจากหยุดรับ พนักงานมาหลายปี หรือจากตัวพนักงานเองด้านอุกรณ์เช่น เก่าล้าสมัย ประสิทธิภาพต่ำ และไม่มีอะไหล่

กฟผ เป็นองค์กรใหญ่ นโยบายมีผลกระทบต่อประชาชนสูง สังคมจะจ้องมองมากผู้บรหาร จะต้องมี ทั้งด้าน lด้านเทคนิค hard skillด้านสังคมsoft skill

ประสบการของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

วันที่29เม ย.2557

คุณสมบัติศานติจารี

กฟผ มีการบริหารความเสี่ยงมีการทำแผนปฏิบัติการป้องกันไว้ทุกระดับ ลงไปถึงระดับปฏิบัติการ และมีการซ้อมแผนเป็นประจำทุกปี แผนจะมีแบบที่กฎหมายกำหนด และแผนที่ผู้บริหาร ให้ดำเนินการเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อองค์กรณ์โดยเฉพาะ เช่น กรณี ไฟฟ้าดับในวงกว้างหรือกรณีแหล่งก๊าซไม่พร้อมจ่าย ๆลๆ

ช่วงเกิดวิกฤติ ผู้นำและการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ภาวะวิกฤตจะต้องสื่อสารไปทุกระดับ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อป้องกันการผิดเพี้ยนของข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลักการสื่อสารการสื่อสารต้องทำล่วงหน้าและกระจายให้ทั่วถึงห้ามกล่าวโทษผู้อื่น ห้ามปฎิเสธสื่อมวลชนห้ามลำเอียงในการใหห้ข่าว ตามรายงานสม่ำเสมอสื่อสารด้วยข้อเทจจริงไม่คาดเดา ห้ามปฎิเสธความรับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุให้ผู้บริหารทราบข้อมูลทันทีเพื่อเตรียมตอบข้อซักถาม

และเมื่อภาวะวิกฤติจบลง ต้องมีแผนฟื้นฟู เพื่อแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากภาวะวิกฤติและให้การดำเนินงานเข้าสู่ภาวะปกติเร็วที่สุดและรายงานให้สังคมทราบ ปัจจุบันมีการทำแผนการตลาดเพื่อสังคม CSR เป็นเรื่องการทำความดีให้สังคม เพื่อให้สังคมเกิดความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความดีของบริษัทและเมื่อเกิดปัญหากับบริษัท

สังคมจะไม่ประนามหรือตั้งข้อสงสัยกับบริษัทมากเกินไป

คุณไกรสีห์กรรณสูต

ช่วงที่เข้ามาเป็น ผวก เกิดภาวะวิกฤติในองค์กร เรื่องการแปรรูป กฟผ มีพนักงานประท้วงและต่อต้านการแปรรูป ซึ่งวิสัยทัศ ผวก ในช่วงนั้นคือการจัดการภาวะวิกฤติเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก โดยมีแผนบริหารจัดการโดย

ควบคุมให้สถานะการไม่ให้ขยายตัวตั้งคณะทำงานประสานความเข้าใจในองค์กรตั้งคณะทำงานหาข้อเทจจริงเพื่อสื่อสารองค์กรสู่ภายนอกที่มาจากทุกสายงาน

และเมื่อหาข้อมูลได้ว่าสาเหตุที่พนักงานประท้วงไม่ยอมให้แปรรูป กฟผ มาจากสาเหตุต่างๆ เช่น กลัวความไม่มั่นคงในอาชีพ กลัวนักการเมืองหารผลประโยชน์กับกฟผกลัวขายสมบัติของชาติและศักดิ์ศรของพนักงาน กฟผ ลดลงเมื่อสถานะการเป็นพนักงานบริษัท เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นสาเหตุที่พนักงานต่อต้านการแปรรูป ดังนั้นต้องหาข้อมูลและตอบข้อสงสัยของพนักงาน เช่นถ้าแปรรูปแล้ว จะมีการสร้างงานมากขึ้นสามารถทำธุรกิจอื่นๆได้ไม่มีการปลดพนักงานหรือให้เอกชนสามารถเข้ามาถือหุ้นได้ไม่เกิน 30 % เพื่อสิทธิการบริหารจะได้ไม่ตกอยู่ในมือเอกชน จึงมีการหาทางออกร่มกันกับพนักงานโดยระดมสมองจากส่นต่างๆของกฟผเพื่อหารูปแบบที่ กฟผและรัฐบาลสามาถยอมรับร่วมกันได้ โดย กฟผ ยังเป็นผู้นำในกิจการไฟฟ้ามีศักยภาพในการแข่งขันได้และต้องมีกำไรเพียงพอในการที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้

ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นก็มีอีก ด้านการเมือง เช่น นโยบายรัฐการปรับค่า Ftซึ่งจะกระทบด้านการเงิน กฟผ

ด้านการดำเนินงาน เช่นการส่งแก๊ซ ของ ปตท การสร้งโรงไฟฟ้าใหม่ไม่ได้ด้านนบุคคล เช่นบุคลากรขาดช่วง เนื่องจากหยุดรับ พนักงานมาหลายปี หรือจากตัวพนักงานเองด้านอุกรณ์เช่น เก่าล้าสมัย ประสิทธิภาพต่ำ และไม่มีอะไหล่

กฟผ เป็นองค์กรใหญ่ นโยบายมีผลกระทบต่อประชาชนสูง สังคมจะจ้องมองมากผู้บรหาร จะต้องมี ทั้งด้าน lด้านเทคนิค hard skillด้านสังคมsoft skill

การดูงาน บ. กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลด์แคร์ จำกัด

วัที่30 เม ย.2557

ใช้หลักการแบบขายตรงหลายชั้น เป็นลักษณะสหกรณ์ โดยผู้ซื้อแบ่งเงินปันผลจากยอดซื้อ ผู้ซื้อสามารถหาสมาชิกชั้นถัดไป และแบ่ง % จากผู้ซื้อชั้นถัดไปเป็นชั้นๆ แต่รวมแล้วไม่เกิน 40 % มีการประกันตัวสินค้า

เปลี่นยได้ฟรี และชดเชยการรักษาของผู้ใช้กรณีถ้าใช้แล้วเกิดปัญหา มีลูกค้าประมาณ 6 ล้าน ระหัส

การบริหารบุคลากร   ใช้นโยบาย ดูและพนักงานเหมือนญาต ไม่มีนโยบายปลดพนักงาน ถ้าไม่มีความผิดร้ายแรง มีสวัสดิการเงินกู้ฉุกเฉินไม่มีดอกเบี้ย  อาหารกลางวันฟรีเพื่อลดค่าใช้จายของพนักงาน   มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้นักศึกษาเข้ามาฝึกงาน และทดลองวิจัยแบบระยะยาว

ด้านสินค้าและบริการ   รับจ้างผลิตให้บริษัทอื่นๆตามความต้องการบริหารจัดการ และวิจัยผลิตภัณฑ์ ให้กับบริษัทอื่นๆมีสินค้าของตัวเองที่ขายเฉพาะต่างประเทศโดยใช้ยี่ห้อ pattrena   มีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น อาหารเสริมเครื่องสำอางของใช้ในครัวเรือน และยังมีคู่ร่วมพันธมิตร ที่ส่งสินค้ามาร่วมขายตรง อีกหลายประเภท  มีบริการห้องเพาะเชื้อ

บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

วันที่ 30เม.ย.2557

อ. ภัสวรรณ  จิลลานนท์

ได้ทราบเรื่องบุคลิกภาพและการปฏิบัตตัวในวาระต่างๆ เช่น การแต่งตัว  การทานอาหารและเครื่องดื่ม การนั่งในสถานที่และโอกาสต่างๆ   การรดน้ำสังข์

วันที่ 29 เมษายน 2557

ช่วงเช้า หัวข้อ : ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติ และความเสี่ยง

คุณสมบัติ ศานติจารี (อดีต ผวก. กฟผ. )

-การแก้ไขภาวะวิกฤติสำคัญมาก องค์กรที่มีชื่อเสียงมาก ยิ่งถูกจับตามองมาก

-ระดับองค์กรต้องมีแผนบริหารความเสี่ยง แผนดังกล่าวควรกระจายสื่อสารให้ระดับล่างรับรู้

-เน้นการจัดการภาวะวิกฤติเป็น 4 หัวข้อ

1)ป้องกันโดยมีแผนรองรับภาวะวิกฤติ มีการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ ต้องถ่ายทอดให้ทั่วถึง อย่างเข้มงวด คลอบคลุมถึงผู้ปฏิบัติงานใหม่

2)เกิดแล้วแก้ไขโดยเร็ว

3)ฟื้นฟูนำความเชื่อมั่นกลับมา

4)กระจายข่าวสาร

-การสื่อสารเป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาวิกฤติ เมื่อเกิดภาวะวิกฤติต้องรายงานให้ผู้บริหารรู้โดยเร็วที่สุด ต้องมีศิลปะในการสื่อสารให้สังคมรู้ โดย ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น อย่าให้ความเห็นที่คาดเดา ตอบทุกสื่อ และห้ามลำเอียง

-คาดว่าในอนาคต กฟผ. ต้องเจอวิกฤติมากกว่ายุคก่อนที่ผ่านมา ได้แก่ วิกฤติด้านการเมือง นโยบายภาครัฐ สังคม พลังงาน ฯลฯ วิธีแก้คือ การสื่อสารให้สังคมรับรู้ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ให้ข้อเท็จจริง และผู้บริหารต้องมีภาพลักษณ์ดี ซื่อสัตย์ โปร่งใส

-รายได้หลักอยู่ที่การผลิตไฟ จะหวังพึ่งระบบส่งพลังไฟฟ้าไม่ได้เพราะมี Margin เพียง 2% กว่า จึงควรขอรื้อโรงไฟฟ้าเก่าแล้วสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เพื่อผลิตไฟ สำหรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า 50:50 นั้นปัจจุบันไม่เป็นจริง และจะลดลงเรื่อยๆ แต่สังคมไม่รับรู้ว่าตัวเลขเปลี่ยนไปแล้ว จึงควรทางสื่อสารให้สังคมได้รับรู้จึงจะเกิดประโยชน์

คุณไกรสีห์ กรรณสูต (อดีต ผวก. กฟผ.)

-ความเสี่ยงมีอยู่แล้วตลอดเวลา ถ้าจัดการไม่ดีก็จะกลายเป็นวิกฤติ

-ปัจจัยเสี่ยง คือ สิ่งที่จะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม นโยบายรัฐบาล การ supply เชื้อเพลิงขัดข้อง ส่งแก๊สไม่ได้ อุปกรณ์ในระบบเสื่อมสภาพ เป็นต้น

การจัดการความเสี่ยงมี 2 แนวทาง

1)ลดความเสี่ยง-มีแผนรองรับที่ดี

2)Share ความเสี่ยง –ไปลงทุนต่างประเทศ ร่วมลงทุนกับคนอื่น ทำประกันโรงไฟฟ้า/เขื่อน

-จากประสบการณ์เมื่อครั้งเป็น ผวก. วิกฤติ ที่รุนแรงที่สุด คือ การประท้วงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ.ซึ่งก็สามรถฟันฝ่าวิกฤติครั้งนั้นมาได้

จากประสบการณ์ และคำแนะนำของท่านอดีต ผวก. ทั้ง 2 ท่าน ทำให้มองเห็นถึงบทบาทที่ความสำคัญของผู้บริหารอันโดดเด่นในเรื่องภาวะผู้นำ และการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยง และแนวทางแก้ไขภาวะวิกฤติ ซึ่งหากนำมาเป็นแนวทางทำให้ทุกคนรู้หน้าที่ มีความร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งฝ่ายบริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และสภาพแรงงานช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร มีแผนรองรับที่ดี รวมทั้งมีการสื่อสารและสัมพันธภาพที่ดีกับสื่อมวลชน ก็น่าจะช่วยให้วิกฤติต่างๆบางเบาลงและผ่านพ้นไปด้วยดีได้

ช่วงบ่าย หัวข้อ: บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

-บุคลิกภาพของบุคคล แบ่งเป็น

1) 38% = Sound (น้ำเสียง)

2) 7% = Word (คำพูด)

3) 55% = Look (รูปลักษณ์ภายนอก)

- Image คือภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่งประกอบด้วย การแต่งกาย และเครื่องใช้ตาง ๆ ที่แสดงถึง รสนิยมที่ดี ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า รวมทั้งท่วงท่า กริยานั่ง ยืน เดิน นั่ง รับไหว้ เป็นต้น

-สิ่งที่ต้องคำนึงถึงประกอบด้วย

1) การแต่งตัว

2) มาด ผู้ชายมาดดีเมื่อใส่สูท หากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน ปล่อยเม็ดล่าง หากมีกระดุม 3 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน หรือเม็ดกลาง ปล่อยเม็ดล่าง

3) อารมณ์ดี

4) กาลเทศะ

5) พูดจาดี

-องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

1) สีสัน- สีขาว = ความสมบูรณ์ สีเทา = ความเป็นทางการ สีม่วงแดง = ผู้สูงศักดิ์ โรแมนติก ศักดิ์สิทธิ์

ผิวสองสี ไม่ควรใส่สี คล้ำๆ สีกรมท่า สีดำปนเขียวขี้ม้าหม่นๆ

2)เส้นสาย การเลือกเสื้อที่มีเส้นสาย สามารถอำพรางรูปร่างได้ การใส่กางเกงยีนส์ใส่ยาก เพราะมีเส้นนำสายตาหลายตำแหน่งจึงต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตนเอง

-ผู้บริหารต้องใส่ใจ ให้ความสำคัญกับสไตล์การแต่งกาย นอกจากเสื้อ กระโปรงกางเกงแล้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับอื่นก็สำคัญด้วย ได้แก่ กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เนคไท นาฬิกา ต่างหู ฯลฯ

-มารยาทบนโต๊ะอาหาร

1) อย่าพูดขณะรับประทานอาหาร

2) มีทิชชู่ติดตัวเสมอ

3) การนั่งบนโต๊ะอาหาร ไม่มีการแจกนามบัตร

4) นั่งตามชื่อที่ตั้งไว้บนโต๊ะ

5) แก้วใบใหญ่ คือแก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเรามากที่สุด

6) วิธีจับแก้วไวน์ใช้ 3 นิ้ว

7) การหยิบ ช้อน ส้อม มีด หยิบจากที่อยู่ด้านนอกก่อน

วันที่ 30 เมษายน 2557

ช่วงเช้า ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

-บริษัทกิฟฟารีน เป็นธุรกิจขายตรงในรูปแบบการตลาดเครือข่าย หรือ Multi Level Marketting มีหลักการแบบสหกรณ์ ในรูปแบบสมาชิกในการซื้อขายสินค้า มีสมาชิกนักธุรกิจ และผู้บริโภค รวมกันกว่า 6,000,000 รหัส จัดว่าเป็นสหกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

-บริษัทกิฟฟารีน เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย เป็นธุรกิจในครอบครัว เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อ 18 ปีที่แล้ว โดยมีทุนเพียง 80 ล้านบาท พนักงาน 20 คน สินค้า 84 รายากร จนถึงปัจจุบันมีสินค้ากว่า 2,000 รายการ พนักงานกว่า 1,000 คน ยอดขายถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปีละ 5,000 ล้านบาท

-นโยบายของบริษัทกิฟฟารีน เน้นอยู่ในความดีงาม อยู่ในความถูกต้อง อยู่ในการกุศล สอนสมาชิกด้วยความดี สิ่งที่ให้คนอื่น ไม่ใช่ความรวยแต่เป็นสัมมาอาชีวะ เติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง

-บริษัท แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก

1) โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ได้มาตรฐาน ISO 9001:2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ และเภสัชกร เครื่องสำอางมีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างความยอมรับระดับสากล

2) โรงงานผลิตอาหาร ใช้มาตรฐาน GMP, HACCP, Halal ควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์อาหาร

3) ห้องปฏิบัติการกลาง ( Central Lab) เพื่อตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัย อาหาร อาหารเสริม ยา ผลิตภัณฑ์ครัวเรือน ตรวจสอบคุณภาพทางเคมีฯ

-บริษัทกิฟฟารีนเป็นแบรนด์ที่ขายในประเทศไทย ส่วนแพทรินา เป็นแบรนด์ที่ขายในต่างประเทศ

-พนักงานได้รับการดูแลเหมือนพี่น้อง ญาติมิตร ทางด้านสุขภาพเมื่อเจ็บป่วยส่งรักษาที่รพ.วิชัยยุทธ มีอาหารกลางวันฟรี มีกองทุนให้กู้ยืมโดยไม่เสียดอกเบี้ย

-การทำงานเป็นการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกแผนก มีการประชุมร่วมทั้งหัวหน้าและลูกน้องทำให้ ได้รับข้อมูลทั่วถึง

กัน ทั้งองค์กร มีการมีส่วนร่วม และส่งต่อการทำงานจากรุ่นสู่รุ่น วิธีบริหารจะผสมผสานทั้งแบบครอบครัว และบริหารแบบใหม่ เน้นให้พนักงานเกิดความรักองค์กร มีความสุขมากกว่าให้ความสำคัญเรื่องกำไร

-ในมุมมองของข้าพเจ้าถือว่าบริษัทกิฟฟารีน เป็นองค์กร White Ocean ที่มีรายได้สูง มีการดูแลพนักงาน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และมีส่วนพัฒนาประเทศอย่างมาก แม้จะเป็นองค์กรที่เล็กกว่า กฟผ.

-ประสบการณ์ที่ได้จากการดูงานเป็นประโยชน์สร้างแรงบันดาลใจ เห็นถึงประโยชน์ของการกล้าเปลี่ยนแปลง เรียนรู้สิ่งใหม่

บวกกับความมุ่งมั่นในงานที่รับผิดชอบ ยึดมั่นความดี มีธรรมาภิบาล เชื่อได้ว่าจะทำให้กฟผ.ก้าวไปข้างหน้า แข่งขันได้อย่างเช่นที่บริษัท กิฟฟารีนประสบความสำเร็จมาแล้ว

ช่วงบ่าย นำเสนอผลการวิเคระห์หัวข้องานวิจัย และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

กลุ่ม 5 ปัจจัยที่ส่งผลทำให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงาไฟฟ้าของ กฟผ.

1)เรื่อง CSR มีเรื่องที่เคยทำมาแล้ว หรือไม่ ในการทบทวนวรรณกรรม จากการรีวิวพบว่ามีเรื่องทัศนคติก็สามารถนำมาปรับใช้ได้

2) ปัจจัยที่ส่งผล คืออะไรบ้าง

3)เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร

4)สมมติฐานการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของชุมชนจะสร้างผลต่อการให้ความร่วมมือของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของกฟผ.

5) ข้อมูลที่ยืนยันว่าขาดความรู้ ความเข้าใจจริง๐ และความร่วมมือของชุมชนจะส่งผลต่อความร่วมมือ ซึ่งเป็นสมมติฐานที่ควรเปลี่ยนใหม่

6) เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

-ให้แต่ละกลุ่มจัดทำ Power Point เสนอโครงการวิจัย 10-15 หน้า กำหนดส่งวันที่ 18 พ.ค. 57 ทาง Email

-ให้แต่ละกลุ่มเลือกข้อเสนอแนะที่สำคัญที่ได้จาการศึกษาของกลุ่มมาพัฒนาเป็นโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา กฟผ. 1 โครงการ เป็น Power Point กำหนดส่งร่าง วันที่ 25 พ.ค. 57 ทาง Email

สรุปบทเรียนจากความจริง ศ.ดร.จิระ หงศ์ลดารมภ์

มารู้จัก JOKOWIDODO หรือ JOKOWI อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใม่ บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่มีการสืบทอดมายาวนานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สะท้อนถึงขนบประเพณีนิยมที่เด่นชัด เป็นมรดกที่บรรพบุรุษได้สร้างและถ่ายทอดไว้ให้ประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นวัฒนธธรมที่สร้างชื่อและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก การดำรงค์อยู่ของวัฒนธรรมจะต้องร่วมสร้างความตระหนักความเข้าใจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ร่วมกันภายใต้สภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากวัฒนธรรมบางอย่างคงเหลือแต่ชื่อมิได้มีการสืบทอดอันเนื่องมาจากอิทธิพลสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับมุมมองเรื่องประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ “JOKOWIDODO” ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีลักษณะเดินติดดิน , กันเอง , พัฒนาและสร้างผลงานถือเป็นการใช้ความดีสร้างการยอมรับบวกกับการกล้าตัดสินใจ สร้างความโปร่งใสให้สังคมเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้สาธารณชนยอมรับอย่างชัดเจน

สำหรับสังคมไทยก็จะมีความคล้าย ๆ กัน คือต้องการคนดี คนกล้า ประเทศไทยจะฝ่าวิกฤตในขณะนี้ได้จะต้องมีคนที่อาสาเป็นทั้งคนดี คนกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อส่วนรวม เชื่อว่าสังคมแบบไทยพร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งจะเห็นได้จากความดีทำให้คนไทยฝ่าวิกฤตทุกครั้ง

สรุปบทเรียนจากความจริง ศ.ดร.จิระ หงศ์ลดารมภ์

มารู้จัก JOKOWIDODO หรือ JOKOWI อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใม่ บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

ประเพณีสงกรานต์ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทยที่มีการสืบทอดมายาวนานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สะท้อนถึงขนบประเพณีนิยมที่เด่นชัด เป็นมรดกที่บรรพบุรุษได้สร้างและถ่ายทอดไว้ให้ประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นวัฒนธธรมที่สร้างชื่อและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก การดำรงค์อยู่ของวัฒนธรรมจะต้องร่วมสร้างความตระหนักความเข้าใจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ร่วมกันภายใต้สภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากวัฒนธรรมบางอย่างคงเหลือแต่ชื่อมิได้มีการสืบทอดอันเนื่องมาจากอิทธิพลสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับมุมมองเรื่องประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ “JOKOWIDODO” ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีลักษณะเดินติดดิน , กันเอง , พัฒนาและสร้างผลงานถือเป็นการใช้ความดีสร้างการยอมรับบวกกับการกล้าตัดสินใจ สร้างความโปร่งใสให้สังคมเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้สาธารณชนยอมรับอย่างชัดเจน

สำหรับสังคมไทยก็จะมีความคล้าย ๆ กัน คือต้องการคนดี คนกล้า ประเทศไทยจะฝ่าวิกฤตในขณะนี้ได้จะต้องมีคนที่อาสาเป็นทั้งคนดี คนกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อส่วนรวม เชื่อว่าสังคมแบบไทยพร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งจะเห็นได้จากความดีทำให้คนไทยฝ่าวิกฤตทุกครั้ง

หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

โดย อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

คุณไกรสีห์ กรรณสูต และคุณสมบัติ ศานติจารี

การบริหารวิกฤตและความเสี่ยงในมุมมองของอดีตผู้ว่าการทั้ง ๒ ท่าน หน่วยงานได้มีการจัดทำแผนรองรับการบริหารวิกฤต , ความเสี่ยงและควบคุมภายใน เพื่อให้ดำเนินการบริหารความเสี่ยงในแต่ละสถานการณ์เป็นไปด้วยความพร้อมรับกับสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญ ซึ่งทั้ง ๒ ท่านได้ให้ข้อคิดเห็นดังนี้

๑. อดีต ผวก. สมบัติ ศานติจารี ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์ภายใต้วิกฤตและความเสี่ยงในการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย

- กำหนดความเสี่ยง

- มีแผนรองรับ / สร้างความพร้อมบริหารความเสี่ยง

- ซักซ้อมแผน / ปรับให้ทันสมัยกับสภาวการณ์

- เร่งแก้ไข / ฟื้นฟู

การบริหารภาวะวิกฤตและความเสี่ยง การสื่อสารมีบทบาทและเป็นหัวใจสำคัญของภาวะวิกฤตที่จะต้องรายงาน / แก้ไขสถานการณ์ให้สังคมได้รับรู้อย่างรวดเร็ว การสื่อสารที่ดี ประกอบด้วย

- ให้ข้อเท็จจริงเสมอ

- ไม่คาดเดา

- ไม่ปฏิเสธ

- ไม่ลำเอียง

นอกจากจะมีการบริหารจัดการและสื่อสารที่ดีแล้ว ในมุมมองยังเห็นการนำเอาเรื่องการตลาดมาสนับสนุนการบริหารวิกฤตและความเสี่ยงควบคู่กับการสื่อสารให้เกิดการตลาดเพื่อสังคม

๒. อดีต ผวก. ไกรสีห์ กรรณสูต ในการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง ซึ่งมีปัจจัยความเสี่ยง ประกอบด้วย

- ทางการเมือง

- ทางเศรษฐกิจ

- ทางสังคม

- ทางด้านนโยบายรัฐบาล

ในการบริหารสถานการณ์ภายใต้วิกฤตและความเสี่ยงจะต้องมีความยืดหยุ่น / สื่อสาร / ประสานในการกำหนดกลยุทธ์และแก้ไขสถานการณ์จะต้องประกอบด้วย

- ยึดประโยชน์องค์กร สื่อสารที่ตรงไปตรงมา

- สร้างแนวร่วม

- สร้างความเชื่อนมั่นให้คลายกังวล

- ทำงานเชิงรุก

หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

โดย อ.ภัสวรรณ จลิลานนท์

ในหัวข้อนี้ได้เรียนรู้ทั้งหลักการที่ถูกต้องและนำมาปรับปรุงด้านบุคลิกภาพ มารยาททางสังคม เสริมทักษะและบุคลิกภาพ ตลอดทั้งสร้างความเชื่อมั่นที่ถูกต้องเกี่ยวกับ

๑. การแต่งกาย

๒. การดูแลตัวเอง ใบหน้า , ทรงผม

๓. อิริยาบถเกี่ยวกับการเดิน , นั่ง , ยืนและการไหว้ที่เหมาะสมและถูกต้อง

๔. การพูด , แสดงออกทางอารมณ์และมารยาทในสังคม

๕. มารยาทบนโต๊ะอาหาร , การใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร

สำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับบุคลิกภาพถือว่าเป็นการปรับความเข้าใจที่ถูกต้องสู่การเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี สร้างความเชื่อมั่นนำไปสู่การถ่ายทอดที่ถูกต้อง

หัวข้อ ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กรการพัมนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลนบอราทอรี่ แอนด์ เฮลด์แคร์ จำกัด

การเข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัทกิฟฟารีนฯ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในเนื้อที่กว่า ๒๐ ไร่ และเป็นโรงงานที่ได้รับมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001

ในการเข้าชมและถ่ายทอดข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทฯ จากคุณหมอจักรพงษ์ ไพบูลย์ และคุณหมอใจทิพย์ ไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า ๒,๐๐๐ รายการ ดำเนินธุรกิจขายตรงในรูปสหกรณ์ ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า ๖ ล้านคน

การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ภายใต้ปรัชญาการทำงาน “มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นด้วยการมอบโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุด พร้อมทั้งตระหนักถึงการตอบแทนกลับคืนสู่สังคมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า” ซึ่งผู้บริหารของบริษัทฯ ทั้ง ๒ ท่านได้ให้ข้อมูลและตอกย้ำเจตนาดำเนินธุรกิจซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของบริษัทฯ มุ่งทำความดีและสร้างความสุขให้กับสังคม สำหรับบุคลากรของบริษัทฯ ต้องเป็นคนดีไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง การอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวสร้างความเห็นร่วมกัน มีการดูแลเอาใจใส่บุคลากรอย่างทั่วถึงในทุกระดับ

การเติบโตของบริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างความดีและความสุขเป็นหลักไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องกำไร ทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคงพร้อมทั้งได้วางกรอบการสืบทอดการบริหารไปสู่ปรัชญาการทำงานของธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น ภายใต้แนวคิดสร้างความดีและความสุขให้สังคม

หัวข้อ นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัยและแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

จากการชี้แนะและวิจารณ์หัวข้อโครงงานวิจัยที่แต่ละกลุ่มนำเสนอ รวมทั้งได้หัวข้องานวิจัยที่เป็นไปตามหลักการของแต่ละกลุ่ม และการจัดทำโครงการวิจัย ซึ่งกำหนดให้แต่ละกลุ่มดำเนินการ

๑. จัดทำ POWER POINT นำเสนอโครงการวิจัย

๒. ให้แต่ละกลุ่มเลือกข้อเสนอแนะที่สำคัญที่ได้จากการศึกษามาพัฒนาเป็นโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา กฟผ. จำนวน ๑ โครงการ

๓. จัดทำรายงานโครงการวิจัย

สำหรับกลุ่ม ๕ โครงการวิจัย หัวข้อ “ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.” ส่วนโครงการเชิงนวัตกรรม หัวข้อ “ชุมชนขาดความรู้ ความเข้าใจการจัดเตรียมพลังงานไฟฟ้ารองรับความต้องการ”

บทความ WELL PAID YOUNG SEATTLE PREFERS GIVING TO RICHES

จาก THE SEATTLE TIMES , PUBLISHED MARCH ๑๒,๒๐๑๔ BY JERRY CARGE

สิ่งที่ได้จากบทความนี้ บุคคลที่มีแนวคิดและดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างสะท้อนให้เห็นมุมมองการมีส่วนร่วมลดผลกระทบในสังคม โดยนำความพอประมาณมาเป็นกรอบ ซึ่งสังคมในปัจจุบันทุกคนนำความรู้ ความสามารถสร้างความต้องการละเลยคุณธรรม ความพอเพียง มุ่งสร้างผลประโยชน์จนทำลายวัฒนธรรม ความชอบธรรมและสิทธิประโยชน์ของผู้อื่น แต่ JESSAN HUTCHISON QUILLIAN มีแนวคิดช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาครายได้ให้กับสังคม มุ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งลดผลกระทบให้กับส่วนรวมและยังได้เชิญชวนคนอื่นให้ร่วมดำเนินการ สรุป JESSAN HUTCHISON QUILLIAN ใช้หลักดำรงชีวิตพอประมาณ รู้จักแบ่งปัน ไม่ประมาท มีคุณธรรม

สำหรับสังคมไทยนั้นจะเห็นได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว อันเป็นภูมิคุ้มกันให้กับสังคม การที่ดำรงค์ตนภายใต้ความพอประมาณ มีความระมัดระวังและมีคุณธรรม ก็จะสามารถเป็นพื้นฐานรองรับการพัฒนาบนสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้

บทความเรื่อง Well-paid young Seattle techie prefers giving to riches จาก the Seattle Times, publishedMarch 12, 2014 by Jerry Large

Jessan Hutchison-Quillian ในวัยเพียง 27 ปี กับความสำเร็จในการทำงานกับบริษัท Google  นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ไม่เพียงแต่การเรียนรู้ที่จะอยู่ในระบบทุนนิยม แต่เขายังเรียนรู้ที่จะอยู่และเกื้อกูลสังคมรอบข้างด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้วย นั่นคือ การรู้จักคำว่า พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ที่จะไม่ยอมให้ระบอบทุนิยมสามานย์เข้าครอบงำ

เขามีหลักการ และ ปรัชญาชีวิตของตนว่า "

“No amount of money can buy you health or security. It’s better to make a community with people who can help you in hard times”

ดังนั้น เงินและความร่ำรวย จึงมิใช่คำตอบสุดท้ายของความสุขในชีวิต เขาจึงแบ่งปันและเกื้อกูลโอกาสแก่สังคมและเด็กที่ขาดโอกาส ด้วยการบริจาคเงินจำนวนมากเกือบครึ่งหนึ่งของที่หามาได้ ด้วยความหวังที่จะสร้างให้เกิดมิติใหม่แก่สังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน และเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต เพราะเราจะไม่มีวันแห่งความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนได้ ตราบใดที่สังคมรอบข้างเรายังจมอยู่ในความทุกข์

นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

Assignment EADP รุ่นที่ 10

The Seattle Times , Local New - March 12,2014

สรุปบทความ Well-paid young Seattle techie prefers giving to riches

คำถาม: อ่านแล้วสรุปว่าได้อะไรจากบทความนี้

คำตอบ: อ่านบทความแล้วสรุปได้ว่า

  • ความสุขและความสำเร็จในชีวิตไม่ควรวัดจากเงินที่คุณหาได้หรือทรัพย์สินที่คุณหาได้ แต่ควรดูว่าคุณได้อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นและสังคมอย่างไร เพราะความสุขจากการเป็นผู้ให้ย่อมดีกว่าเป็นผู้รับเสมอ
  • แนวคิดแบบวัตถุนิยมไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืน
  • การทำเพื่อคนอื่นย่อมดีกว่าการทำเพื่อตนเอง
  • การเสียสละทรัพย์สิน อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมที่ด้อยโอกาสเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนและกระตุ้นให้มีการปฏิบัติไปในวงกว้างเพื่อให้สังคมดีขึ้น

คำถาม: อ่านแล้วเปรียบเทียบกับทุนนิยมสามานย์

คำตอบ

  • ควรเร่งพัฒนาและปลูกฝังแนวความคิดที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่นและทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยเฉพาะกับเยาวชนรุ่นใหม่ให้พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ประเทศชาติในทิศทางที่ถูกต้อง คือ พอเพียงมั่นคง และยั่งยืน สร้างสมดุลให้กับความสุขของตนเอง ครอบครัว สังคม และรักษาสภาพแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามที่เป็นสมบัติของชาติให้กับชนรุ่นหลังการสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลกันเพื่อประโยชน์สุขของการอยู่ร่วมกันในอนาคต
  • สังคมที่มีความเสียสละ เห็นอกเห็นใจกัน ย่อมมีความสุขมากกว่าสังคมที่แย่งชิงทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
  • พึงประพฤติปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่พอเพียง หากมีเหลือก็ให้เผื่อแผ่และบริจาคทรัพย์สินคืนกลับสู่สังคม และอุทิศตนเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม และประเทศ
  • เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าโลกนี้มีทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับมนุษย์ทุก ๆ คน แต่ไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการ (ความโลภ) ของคนเพียงคนเดียว (หากมีกิเลสในใจ มีเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ)

โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

Assignment EADP รุ่นที่ 10 บทเรียนความจริง ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

สรุปบทความ Joko Widodo จากแนวหน้า

  • งานสงกรานต์ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างของทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของไทย เป็นประเพณีที่สะสมกันมาหลายร้อยปีทำให้ประเทศทั่วโลกรู้จักประเทศไทย ควรส่งเสริมและให้ความสำคัญกับประเพณีวันสงกรานต์ซึ่งให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่และบรรพบุรุษ การเป็นพุทธมามกะที่ดีตามหลักพุทธศาสนา
  • คนไทยเริ่มตื่นตัวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศและคนในสังคมอย่างไรหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัญญาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
  • การเป็นข้าราชการที่ดีคือต้องทำงานรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีให้กับประเทศ ไม่ใช่รับใช้นักการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก
  • Joko Widodo คือนักการเมืองซึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมีจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่ การเป็นคนติดดินและเป็นกันเองกับประชาชนไม่แสวงหาทรัพย์สินจากอำนาจที่ตนเองมี คิดและพัฒนาเมืองอยู่ตลอดเวลา มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนจากพรรคการเมืองให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย เป็นคนที่คิดและทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและห้ามมิให้พรรคพวกและเครือญาติของตนเองมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำงานให้กับประเทศ
  • เป็นผู้ดำเนินนโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินในเมือง Jakata ได้สำเร็จ และมีนโยบายด้านการแพทย์และระบบสาธารณสุขที่ดีแก่ชาวเมือง Jakata
  • เป็นคนดีที่ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง(รู้สึกอิจฉาประชาชนอินโดนีเซียเพราะนักการเมืองไทยไม่ค่อยมีแบบนี้)
  • การปฏิรูปทางการเมืองในอินโดนีเซียหลังยุคประธานาธิบดีซูฮาร์โต้ทำให้ได้นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีคุณภาพ มีคุณธรรมและจริยธรรม เข้ามาบริหารและทำงานให้กับประเทศ มองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก (นักการเมืองไทยควรดูไว้เป็นแบบอย่าง)

โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

ช่วงที่ 4 ผู้นำแห่งทศวรรษใหม่ ภาพลักษณ์องค์กร ระหว่างวันที่ 29 -30 เมษายน 2557

วันอังคารที่ 29 เมษายน 2557

หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ.กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต คุณสมบัติ ศานติจารี และคุณไกรสีห์ กรรณสูต

ประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมสัมมนา

ช่วงเช้า

  • ผู้นำมีความสำคัญมากในสถานการณ์วิกฤติ
  • ต้องมีการสื่อสารทันเวลาและตรงประเด็น
  • หากเกิดภาวะวิกฤติ ไม่ควรกล่าวโทษกัน ไม่ความให้ความเห็นที่เป็นการคาดเดา ควรให้เฉพาะที่เป็นข้อเท็จจริง ผู้นำต้องไม่ลำเอียง ตอบคำถามทุกคำถามและติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
  • ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบโดยเฉพาะในระหว่างการเกิดภาวะวิกฤต
  • ผู้นำควรมีที่ปรึกษาหลายด้านเพื่อสร้างมุ่งมองที่หลากหลายในการแก้ปัญหา
  • กรณีศึกษา ปี 2553 การผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี กฟผ.ปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการจนทำให้พื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ดังกล่าวคือ การสื่อสารให้ประชาชนรับทราบทั้งในพื้นที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดและประเทศล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์หากมีเหตุเกิดขึ้นต้องรายงานให้ผู้บริหารระดับสูงทราบทันทีห้ามปิดบังข้อมูลและข้อเท็จจริงไว้ เพื่อให้ผู้บริหารมีข้อมูลเพียงพอสำหรับการสื่อสารและตอบคำถามประชาชนและรัฐบาล
  • การสื่อสารที่ดีจะเป็นหัวใจในการแก้ปัญหาจากภาวะวิกฤติ
  • ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
  • มีการเตรียมแผนสำรองและมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
  • ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจและรับผิดชอบ
  • ผู้นำต้องเข้าใจว่าภาวะวิกฤติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและอาจจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
  • มีการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ และปรับปรุงแผนได้หากมีเหตุจำเป็น
  • การแจ้งให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องรับทราบเกี่ยวกับแผนและมาตรการต่างๆ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและปฏิบัติตนได้ถูกต้องหากเกิดภาวะวิกฤติ
  • กรณีศึกษาเรื่องการนำ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งทำให้ผู้ว่าฯ สิทธิพรต้องลาออก และมีการเปลี่ยนผู้ว่าฯ เป็นคุณไกรสีห์เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน
  • สิ่งที่ผู้ว่าไกรสีห์ดำเนินการ คือ เลือกทีมงานที่มีศักยภาพซึ่งเป็นตัวแทนจะทุกหน่วยงานภายใน กฟผ.เข้ามาเป็นคณะทำงานและร่วมกันทำงาน โดยคุณสมบัติของทีมงาน ได้แก่ การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีมีทัศนคติที่ดีสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
  • การว่าจ้างที่ปรึกษาหลายคณะเข้ามาให้คำแนะนำกับผู้บริหาร กฟผ.ในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมทั้งหมดและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของส่วนร่วม
  • การสื่อสารให้พนักงานในทุกระดับและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกันหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา
  • การสื่อสารกับสหภาพกฟผ.ให้เข้าใจในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายและสร้างเป้าหมายร่วมกันในอนาคต
  • การทำงานประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารโดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับชุมชน ต้องรวดเร็ว ทันเวลา เพื่อให้ชุมชนเกิดความไว้วางใจในการปฏิบัติงานของกฟผ.

หัวข้อ บุคคลิกภาพของนักบริหารรุ่นใหม่

โดย อาจารย์ ณภัสวรรณ จิลลานนท์

ช่วงบ่าย

  • ทราบเรื่องการแต่งกายสไตส์นักบริหารยุคใหม่ ทั้งบุรุษ และสตรี ให้มีกาลเทศะและเหมาะสมกับรูปร่างของตนเอง
  • ผู้บริหารควรตรงเวลา มีภาพลักษณ์ที่ดี ท่วงท่าที่สง่างามในการเดิน ยืน นั่งและการปรากฎตัวในที่สาธารณะ
  • ผู้บริหารควร พูดจาดี แต่งตัวดี รู้จักกาลเทศะ บุคคลิกภาพดี และมีอารมณ์ดี
  • องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคคลิกภาพ ได้แก่ สีสันสัดส่วนและเส้นสาย
  • เข้าใจเลือกสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิวของตนเอง สีในโทนเย็น สีในโทนร้อน
  • การเลือกแต่งกายให้เข้ากับบุคคลิก รูปร่างของตนเอง เลือกใช้สีที่ถูกต้อง เส้นสายที่เสริมกับบุคคลิก
  • การยืน นั่งในท่าทางที่ถูกต้อง สวยงาม มั่นคง
  • มารยาทบทโต๊ะอาหาร การใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ที่ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ

วันพุธที่ 30 เมษายน 2557

สรุปการบรรยาย/ศึกษาดูงานด้านการบริหารและจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ ณ สำนักงานบริษัทกีฟฟารีน โดย นายแพทย์ จักรพงศ์ ไพบูลย์ และแพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

ประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมสัมมนาและดูงาน

ช่วงเช้า

  • ทราบประวัติความเป็นมาของบริษัทกีฟฟารีน ปัจจุบันทียอดขาย 5000 ล้านบาทต่อปี มีสมาชิก 6 ล้านรหัส
  • โรงงานของบริษัทฯเน้นเรื่องการรักษาดูแลสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย การใช้เทคโนโลยีและการวิจัยพัฒนา
  • บริษัทกีฟฟารีนขยายตัวไปในตลาดต่างประเทศได้แก่ พม่า ลาว เวียตนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
  • แนวคิดของบริษัทฯ คือ ต้องอยู่ด้วยความดีงาม ความถูกต้อง และทำให้ทุกคนมีความสุข
  • บริษัทฯให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินค้า ปรับปรุงให้เหมาะสมและความต้องการของผู้บริโภค
  • เน้นการเติบโตอย่างมั่นคง สม่ำเสมอ และการสร้างสมดุลให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความสุข
  • การดูแลพนักงานเหมือนญาติมิตร เน้นการสื่อสารภายในองค์กร เน้นให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักองค์อร มีความสุขในการทำงานมากกว่าที่ต้องการผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว

การนำเสนอผลงานโครงการวิจัย เชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

โดยอาจารย์ กิตติ ชยางคกุล

ช่วงบ่าย

  • การกำหนดหัวข้อโครงการวิจัยกรอบการศึกษา และการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
  • การนำเสนอผลการศึกษาในเบื้องต้น
  • การนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา กฟผ.
  • ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เจอ
  • อาจารย์ให้คำแนะนำแต่ละกลุ่ม เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้รอบด้าน
  • การหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน และสอดคล้องกับวัตถุสงค์ของการทำวิจัย

โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

ภูริวรรณ ซุ่ยรักษา

จากการอ่านบทความคอลัมภ์ บทเรียนจากความจริงของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2557 เรื่อง มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต ทำให้รู้สึกว่าคนอินโดนีเซียกำลังจะโชคดีที่มีผู้นำที่ทำเพื่อประชาชนและพร้อมจะพัฒนาประเทศอินโดนีเซียให้มีความเจริญก้าวหน้าโดยไม่หวังประโยชน์ส่วนตน (เหมือนนักการเมืองไทยบางคน) ทั้งนี้ หวังว่า Jokowi จะเป็นผู้นำที่ทำประโยชน์เพื่อประเทศอินโดนีเซียและประชาชนชาวอินโดนีเซียนอย่างแท้จริงเมื่อมีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนต่อไป และหวังว่าอำนาจ บารมีและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ตามมาจากตำแหน่งของ Jokowi จะไม่ทำให้เค้าลุ่มหลงในสิ่งเหล่านั้นจนทำให้หลงทางหรือหลงลืมความตั้งใจและเจตนารมณ์เดิมที่เค้ามีก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง และปล่อยให้ระบบทุนนิยมสามานย์เข้าครอบงำประชาชนและประเทศอินโดนีเซียเฉกเช่นเดียวกับประเทศไทย อย่างไรก็ดี หากหันกลับมามองประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราทำให้รู้สึกเสียดายความเจริญก้าวหน้าที่ประเทศไทยจะก้าวไปถึง ณ วันนี้หากไม่โดนระบบทุนนิยมสามานย์ครอบงำเสียก่อน ตั้งแต่ลืมตาดูโลกเป็นเป็นประชาชนชาวไทยมาเป็นเวลากว่าสี่สิบปี ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและผู้นำทางการเมืองหลายยุคหลายสมัย ทุกยุคทุกสมัยก็มีนักการเมืองที่ดีและที่ไม่ดี และก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกว่า ทุกๆ รัฐบาลก็มีการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่เคยเห็นรัฐบาลยุคสมัยไหนที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมายโดยไม่คำนึงถึงการตัดสินของหน่วยงานหรืองค์กรอิสระ หรือเสียงคัดค้านจากประชาชนเฉกเช่นรัฐบาลสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและรักษาการนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อย่างใด ในฐานะข้าราชการคนหนึ่งที่รักประเทศชาติและประชาชนและถือคติที่ว่า “สูงสุดของชีวิตข้าราชการ คือ การได้ทดแทนคุณแผ่นดิน” จึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือการปฏิรูปอย่างแท้จริงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่เพียงแต่การปฏิรูปทางการเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงการปฏิรูปที่สำคัญอื่นๆ เช่น การปฏิรูปทางการศึกษา ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญของอนาคตของชาติต่อไป ทั้งนี้ การปฏิรูปการศึกษาไม่เพียงแต่จะต้องให้ความรู้และข้อมูลที่สำคัญที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน รวมทั้งครอบครัวและประเทศชาติของพวกเขาเท่านั้น แต่จะต้องปลูกฝังด้านคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่ไปกับการเรียนการสอนตลอดหลักสูตรด้วย เพราะหากสังคมไทยมีแต่คนเก่งแต่ขาดคุณธรรม ประเทศชาติก็จะไปไม่รอด เนื่องจากคนเก่งแต่ขาดคุณธรรมเหล่านั้นมิได้นำความรู้ความสามารถของตนไปใช้ในทางที่ถูกต้องและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม ดังนั้น หากประเทศไทยเกิดการปฏิรูปที่สำคัญอย่างแท้จริงและนำไปสู่การได้มาซึ่งผู้นำที่มีความรู้ความสามารถที่มีหลักคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวประจำใจ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศชั้นนำที่มีความสำคัญ ไม่ใช่แค่ใน ASEAN หรือ ASIA เท่านั้น เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบทั้งในแง่ทำเลที่ตั้ง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานที่มีทักษะความชำนาญ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีความสวยงามต่างๆ มีวัฒนธรรมที่สืบสานและเป็นเอกลักษณ์มายาวนาน และที่สำคัญมีองค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นศูนย์รวมและเครื่องยึดเหนี่ยวดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ

ในการนี้ ต้องขอบอกว่า โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ถึงแม้จะมีบททดสอบต่างๆ ผ่านเข้ามาทดสอบความเป็นไทยของพวกเราหลายต่อหลายครั้ง ทั้งในด้านการเมือง หรือในด้านวัฒนธรรมที่ต่างชาติได้หยิบยืมประเทศไทยของเราไป ดังเช่น กรณีการนำเทศกาลสงกรานต์ไปเล่นที่ประเทศสิงคโปร์ ถึงแม้จะมีชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งคนไทยหรือดาราไทยบางส่วนไปเล่นน้ำที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ประเทศสิงคโปร์ก็ไม่สามารถดึงเอาความงดงามทางวัฒนธรรมของประเพณีสงกรานต์ของไทยเราไปได้ และเชื่อว่าทั้งคนไทยและคนต่างชาติหากได้สัมผัสประเพณีสงกรานต์ของไทยแล้วจะรู้ว่า เทศกาลดังกล่าวไม่ใช่เพียงแต่การเล่นน้ำ แต่ยังมีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สรงน้ำพระและขนทรายเข้าวัด เป็นต้น ซึ่งถือเป็นความงดงามทางวัฒนธรรมและ Brand ของคนไทยซึ่งชาติใดในโลกคงยากที่จะลอกเลียนแบบ เนื่องจากวัฒนธรรมต่างๆ ของไทยได้หยั่งรากลึกและเป็นวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่บรรพกาล

การบ้านพิเศษ

อ่านคอลัมภ์ บทเรียนจากความจริง ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า

บทความเรื่อง มารู้จัก Joko Widodoหรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

-เมืองไทยมีของดีอยู่มาก นับว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประเพณีสงกรานต์นับเป็นประเพณีสำคัญที่สอดแทรกวิธีคิด คำสอนที่ดีงาม เรื่องความกตัญญู เคารพผู้ใหญ่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความรักใคร่กลมเกลียวกันของคนในครอบครัวและในสังคม ส่วนผลพลอยได้คือ ความสนุกสนาน รื่นเริง แก่นแท้ หรือวัตถุประสงค์หลัก จึงเป็นเรื่องของความสุข และความดีไม่มีเรื่องเงิน ทอง หรือผลได้ ผลเสียทางวัตถุมาเกี่ยวข้อง

ดังนั้นประเทศที่เห็นแก่ได้ จ้องจะฉกฉวยโอกาสขณะที่ไทยมีวิกฤติการเมือง จึงไม่สามารถลอกเลียนแบบให้ประสบความสำเร็จได้

-การจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ขึ้นที่สวนลุม จึงเป็นความชาญฉลาดมากเพราะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส นอกจากรักษาคนไว้ได้แล้ว ยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงาม รักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น ได้คนกลุ่มใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย เห็นได้จากคนที่มาร่วมมีทุกเพศ ทุกวัย ทั้งต่างจังหวัด และกทม. คนที่มีความสนใจเข้าร่วมทางการเมืองน้อย ไปจนถึงสนใจมาก มีหลากหลายอาชีพ เป็นโอกาสในการขยายผลและสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ โดยสื่อสารสอดแทรกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อุดมการณ์ และเจตนารมณ์ทางการเมืองสู่สังคมไทย และชาวโลกว่า กำนันต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ทำเพื่อชาติ และไม่ลงเล่นการเมืองอีก

-จากบทความพบว่า อินโดนีเซียก็เคยมีปัญหาคอร์รัปชั่น ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป รวมทั้งต้องการผู้นำที่มีคุณลักษณะอย่างเช่นที่ Joko Widodo เป็น ได้แก่ ติดดิน เข้าถึงประชาชน(เป็นกันเอง) คิด และพัฒนาบ้านเมืองตลอดเวลา และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดังจะเห็นได้จากผลโพลล์ในการเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่เขามีคะแนนนำโด่ง

-สำหรับประเทศไทยนั้น ก็มีปัญหาเหมือนเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่คนจำนวนมากจะพูดถึงการปฏิรูป แต่สิ่งสำคัญที่ควบคู่กันไปคือผู้นำ เราต้องการคนที่มีความเก่ง และความดีในคนเดียวกัน หากมีผู้นำที่เก่ง เป็นคนดี มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รักชาติบ้านเมือง เห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง เชื่อได้ว่าประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรณ์ธรรมชาติ ร่ำรวยวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม จะต้องเจริญก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดในโลกนี้อย่างแน่นอน

-หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ผู้นำอย่างที่ฝันไว้ในเร็วๆนี้ “กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดี”

การบ้านพิเศษ

อ่านคอลัมภ์ บทเรียนจากความจริง ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า

บทความเรื่อง มารู้จัก Joko Widodoหรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

-เมืองไทยมีของดีอยู่มาก นับว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประเพณีสงกรานต์นับเป็นประเพณีสำคัญที่สอดแทรกวิธีคิด คำสอนที่ดีงาม เรื่องความกตัญญู เคารพผู้ใหญ่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความรักใคร่กลมเกลียวกันของคนในครอบครัวและในสังคม ส่วนผลพลอยได้คือ ความสนุกสนาน รื่นเริง แก่นแท้ หรือวัตถุประสงค์หลัก จึงเป็นเรื่องของความสุข และความดีไม่มีเรื่องเงิน ทอง หรือผลได้ ผลเสียทางวัตถุมาเกี่ยวข้อง

ดังนั้นประเทศที่เห็นแก่ได้ จ้องจะฉกฉวยโอกาสขณะที่ไทยมีวิกฤติการเมือง จึงไม่สามารถลอกเลียนแบบให้ประสบความสำเร็จได้

-การจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ขึ้นที่สวนลุม จึงเป็นความชาญฉลาดมากเพราะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส นอกจากรักษาคนไว้ได้แล้ว ยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงาม รักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น ได้คนกลุ่มใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย เห็นได้จากคนที่มาร่วมมีทุกเพศ ทุกวัย ทั้งต่างจังหวัด และกทม. คนที่มีความสนใจเข้าร่วมทางการเมืองน้อย ไปจนถึงสนใจมาก มีหลากหลายอาชีพ เป็นโอกาสในการขยายผลและสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ โดยสื่อสารสอดแทรกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อุดมการณ์ และเจตนารมณ์ทางการเมืองสู่สังคมไทย และชาวโลกว่า กำนันต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ทำเพื่อชาติ และไม่ลงเล่นการเมืองอีก

-จากบทความพบว่า อินโดนีเซียก็เคยมีปัญหาคอร์รัปชั่น ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป รวมทั้งต้องการผู้นำที่มีคุณลักษณะอย่างเช่นที่ Joko Widodo เป็น ได้แก่ ติดดิน เข้าถึงประชาชน(เป็นกันเอง) คิด และพัฒนาบ้านเมืองตลอดเวลา และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดังจะเห็นได้จากผลโพลล์ในการเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่เขามีคะแนนนำโด่ง

-สำหรับประเทศไทยนั้น ก็มีปัญหาเหมือนเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่คนจำนวนมากจะพูดถึงการปฏิรูป แต่สิ่งสำคัญที่ควบคู่กันไปคือผู้นำ เราต้องการคนที่มีความเก่ง และความดีในคนเดียวกัน หากมีผู้นำที่เก่ง เป็นคนดี มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รักชาติบ้านเมือง เห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง เชื่อได้ว่าประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรณ์ธรรมชาติ ร่ำรวยวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม จะต้องเจริญก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดในโลกนี้อย่างแน่นอน

-หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ผู้นำอย่างที่ฝันไว้ในเร็วๆนี้ “กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดี”

สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ช่วงที่4  29-30 เมษายน 2557

วันที่ 29 เมษายน 2557

ช่วงเช้า

Panel Discussion หัวข้อประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

อดีต ผวก. สมบัติ ศานติจารี

กฟผ. มีแผนป้องกันภาวะวิกฤตต่างๆ ในการบริหารวิกฤติ การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในการสื่อให้ทุกระดับรับทราบแผนการแก้ไข และให้สังคมได้รับทราบทันที การสื่อสารที่ดีต้องปฏิบัติดังนี้

  • 1.ห้ามโทษผู้อื่น
  • 2.อย่าให้ความเห็นที่เดา
  • 3.ตอบทุกสื่อ
  • 4.ห้ามลำเลียง

วิกฤตเกิดได้ตลอดเวลา มีหลายมิติ เช่น เรื่องการเมือง สิ่งแวดล้อม ต่างประเทศ ทุกหน่วยงานมีแผนแก้ไข ซึ่งควรจะต้องมีการฝึกซ้อมแผนสม่ำเสมอ ควรมีการถ่ายทอดความรู้จากวิกฤตเก่าๆ ให้ผู้ปฏิบัติงาน

วิกฤตเรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า ฝ่ายบริหารทุกยุคต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด ต้องหาทางร่วมมือกับสหภาพแรงงานแก้ปัญหา การทำธุรกิจโดยหารายได้จากงานภายนอกจากโรงไฟฟ้าเอกชน ที่แบ่งสัดส่วนการผลิตของเราไปควรทำหรือไม่ ควรรับงานต่างประเทศเพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ ปัญหาจุดอ่อนต้องประชาสังคม เราต้องมีความจริงใจกับภาคประชาสังคม อย่าไปแบบฉาบฉวย ต้องเรียนรู้ให้ถ่องแท้ จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม

อดีต ผวก. ไกรสีห์ กรรณสูตร

ปี 2547 รัฐบาลมีนโยบายให้ กฟผ. แปรรูปโดยให้สัดส่วนโรงไฟฟ้าแก่ กฟผ. 50 % ส่วนที่เหลือให้เอกชนแข่งขันกัน ในสมัยท่านเกิดวิกฤติหลายเหตุการณ์ที่สำคัญคือ การแปรรูปสมัยท่านเป็นรองผู้ว่าการนโยบายและแผน แต่ก็สามารถบริหารจัดการภาวะวิกฤติให้สามารถผ่านไปได้ด้วยการประชาสัมพันธ์ และการสื่อสารทุกรูปแบบ มีคณะทำงานประกอบด้วยคนที่มีศักยภาพ คิดดี มนุษยสัมพันธ์ดี ของแต่ละสายงานช่วยเตรียมข้อมูลด้านการประชาสัมพันธ์ มีวอร์รูมติดตามเหตุการณ์ มีการค้นหาข้อมูลเชิงลับ มีข้อมูลในการหาข้อเท็จจริง มีการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ และมีการวางแผนกลยุทธ์ ดังนี้

  • 1.สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร โดยยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา
  • 2.สร้างแนวร่วมให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กรหากไม่มีการแปรรูป เช่น การกู้เงินเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โรง ต้องผ่านรัฐบาล หากประท้วงอาจไม่ได้งบประมาณ.และให้เอกชนสร้างแทน
  • 3.พูดให้คลายกังวล ในเรื่องความมั่นคง เช่น ไม่มีการปลดพนักงาน จะมีการสร้างงานมากขึ้น บริษัทในเครือมีธุรกิจหลาย เช่น ด้านเชื้อเพลิง สื่อสาร ฯลฯ

ปัจจัยเสี่ยงในช่วงที่เป็น ผวก. ได้แก่

  • 1.ปัจจัยการเมือง ภาคใต้มีสถานการณ์ที่รุนแรงมีการก่อวินาศกรรม
  • 2.เศรษฐกิจมีความผันผวน ถ้าดีเกินคาด ไฟฟ้าไม่พอ
  • 3.สังคม การสร้างโรงไฟฟ้ามีการต่อต้านสูง
  • 4.นโยบายรัฐบาล ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าไฟฟ้า และเอฟที ทำให้รายได้ กฟผ. มีปัญหา
  • 5.อุปกรณ์เสื่อมโทรม เนื่องจากใช้งานมานาน ทำให้โรงไฟฟ้าดับได้

ช่วงบ่าย

หัวข้อบุคลิกภาพนักบริหารยุคใหม่ อ. ณภัสวรรณ จิลลานนท์

  • -ศิลปะการแต่งกาย สไตส์ นักบริหารยุคใหม่
  • -เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์
  • -การเลือกทรงผมกับบุคลิกคนทำงานรุ่นใหม่
  • -มาด และท่วงท่า อิริยาบถของคนทันสมัย
  • -มารยาททางธุรกิจ
  • -มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่างๆ
  • -การเขียนนามบัตร

ผู้บริหารต้องรู้จัก การแต่งตัว ท่วงท่า วาจา อารมณ์ กาลเทศะ บุคลิกภาพ และมีมารยาท

การแต่งกาย : แต่งตัวดี รู้จักใช้สีสัน สัดส่วน เส้นสาย และมีสไตล์

ท่วงท่า : รู้จักวิธีนั่ง ยืน เดิน และการไหว้

การพูดจา : ไม่ควรพูดจาด้วยคำหยาบ

อารมณ์ : ดี มีรอยยิ้มเสมอ

กาละเทศะ : ควรใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

บุคลิกภาพ : ควรทำความเข้าใจกับองค์ประกอบ ที่มีผลต่อบุคลิก

บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร : อย่าพูดขณะทานข้าว นั่งตามชื่อที่ตั้งไว้ ไม่มีการแจกนามบัตร แก้วใบใหญ่

คือแก้วน้ำไว้ใกล้ตัว การหยิบช้อนส้อมและมีดหยิบจากด้านนอกก่อน

วันที่ 30 เมษายน 2557

ช่วงเช้า

การดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอร์ราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

  • บริษัท กิฟฟารีน เป็นธุรกิจเครือข่ายชั้นนำระดับประเทศ ที่ก่อตั้งด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของทีมแพทย์ และเภสัชกร เมื่อปี 2539 ด้วยเงินทุน 100 ล้านบาท และมีการเติบโตขยายธุรกิจจนปัจจุบันมีทรัพย์สินโดยรวมกว่า 7,000 ล้านบาท มีนักธุรกิจในเครือกว่า 550,000 รหัส และผู้บริโภคกว่า 6.5 ล้านคน มียอดขายสะสม 57,000 ล้านบาท มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นเลิศด้วยการบริหารจัดการแบบธรรมาภิบาลที่จะสร้างสรรค์ ความสุข และความภาคภูมิใจ และความมั่นคง ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งแก่พนักงาน นักธุรกิจ ผู้บริโภค และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
  • เข้าดูงาน ณ โรงงานของ บริษัท กิฟฟาริน ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พื้นที่กว่า 25 ไร่ งบประมาณลงทุน 1,000 ล้านบาท ออกแบบด้วยระบบ GMP ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านคุณภาพ และการจัดการสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัยของอาหารในระดับสากล
  • ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ คุณหมอนลินี ไพบูลย์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ส่วนผู้บริหารที่ร่วมดำเนินการด้านโรงงาน คือคุณหมอจักรพงศ์ ไพบูลย์ และคุณหมอใจทิพย์ ไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้มาต้อนรับ โดยมีแนวคิดในการทำธุรกิจที่ตั้งอยู่บนความดี และความถูกต้อง สร้างความสุขให้กับผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ มีคุณภาพ และไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพคน
  • ผลิตภัณฑ์ของกิฟฟาริน ได้แก่ เครื่องสำอางค์ อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย และอาหารสวัสดิการ การผลิตที่มีคุณภาพเริ่มจากการคัดสรรวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ค้นคว้าวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย และถูกสุขอนามัย พร้อมทั้งมีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิต คุณภาพสินค้าเป็นเลิศ และราคายุติธรรม
  • โรงงาน ประกอบด้วย 3 ส่วน
  • oโรงงานผลิตเครื่องสำอาง
  • oโรงงานผลิตอาหารและยา
  • oCentral Lab

สามารถรองรับการผลิตสินค้าได้ 20 ล้านชิ้นต่อเดือน ยอดขาย 20,000 ล้านบาทต่อปี มีบุคลากรกว่า 700 คน

  • การบริหารงานบริษัทฯ ใช้ระบบครอบครัว ที่มุ่งเน้นสอนให้เป็นคนดี ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร ให้มีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง
  • ประสบการณ์การแก้ไขภาวะวิกฤตในเรื่องค่าเงินบาทในปี 2540 และภาวะน้ำท่วมในปี 2554 แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการวางแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหา จนสามารถพ้นวิกฤตทั้ง 2 เรื่องไปได้ด้วยดี

ภาคบ่าย

กิจกรรมกลุ่ม : นำเสนอผลการวิเคราะห์หัวข้องานวิจัย และแนะนำในการเสนอโครงงานเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

หัวข้องานวิจัยของ EADP10 จำนวน 7 กลุ่ม ที่เสนออาจารย์มีดังนี้

กลุ่มที่ 1 การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงาน กฟผ. ศึกษากรณีโครงการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

กลุ่มที่ 2 ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.

กลุ่มที่ 3 ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

กลุ่มที่ 4 ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

กลุ่มที่ 5 ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

กลุ่มที่ 6 ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

กลุ่มที่ 7 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่อตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับ

ผลกระทบ

สำหรับกลุ่ม 4 อาจารย์ มีข้อเสนอแนะดังนี้

  • สมมุติฐาน : ทัศนคติเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ขององค์กรในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่
  • ผลที่ได้รับมีทัศนคติเป็นอย่างไร
  • จะแก้ไขอย่างไร มีแนวทางแก้ไขอะไรบ้าง
  • ให้เสนอโครงการโดยเลือกแนวทางที่เป็น High Light สามารถแก้ไขได้
  • กำหนดให้กลุ่มส่ง Power Point นำเสนอโครงการวิจัย และรายละเอียดของโครงการเชิงนวัตกรรม จำนวน 1 โครงการ ภายใน 18 พ.ค. 2557
ศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล

สรุปการเรียนรู้ EADP10 ช่วงที่ 4 วันที่ 29 เม.ย.57

ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

EADP10 ได้รับเกียรติจากคุณไกรสีห์ กรรณสูต และคุณสมบัติ ศานติจารี อดีต ผวก. กฟผ. มาพูดถึงประสบการณ์และความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับการบริหารจัดการวิกฤติและการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่ง ผวก.

อดีต ผวก. สมบัติ ศานติจารี :

  • ผู้นำต้องจัดการวิกฤติให้ได้ทุกสถานการณ์ มีความพร้อมในการจัดการการเปลี่ยนแปลง ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ
  • กฟผ. มีแผนความเสี่ยงและแผนภาวะวิกฤติอยู่แล้ว แต่ต้องสื่อสารให้ระดับล่างได้ทราบทุกระดับชั้น และควรพิจารณาความถี่ในการซักซ้อมการจัดการฯ ต้องมีการผึกซ้อมแผนสม่ำเสมอ ผู้ปฏิบัติงานใหม่ต้องทราบและเข้าอบรมซักซ้อมแผนด้วย
  • การจัดการในภาวะวิกฤติ  1.มีแผนป้องกัน  2.เกิดแล้ว ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว 3.ฟื้นฟูหลังการแก้ไข ต้องใช้ระยะเวลา ดึงความไว้วางใจ (TRUST) กลับมา
  • สิ่งสำคัญในการจัดการภาวะวิกฤติ  
  1. การสื่อสาร ** เป็นหัวใจของการแก้ไขภาวะวิกฤติ ผู้นำต้องชี้แจง แจ้งข่าว และติดตามอย่างใกล้ชิด สื่อให้สังคมรับรู้อย่างฉับพลัน ตามข้อเท็จจริง มีความโปร่งใส และแจ้งข่าว / การแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา
  2. มีการตลาดเพื่อสังคม (CSR)
  3. เวลาเกิดเหตุวิกฤติ ต้องให้ผู้บริหารระดับสูงทราบเรื่องทันที และช่วยกันแก้ไข
  4. มอบหมายผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ เชี่ยวชาญมีทักษะ ช่วยแก้ไข และจำกัดความเสียหายหรือความผิดพลาดให้น้อยที่สุด
  • สิ่งที่ห้ามในการสื่อสาร
  1. ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น / หน่วยงานอื่น อย่าให้ความเห็นที่คาดเดา
  2. สื่อถาม ห้ามปฏิเสธ ต้องตอบทุกสื่อ
  3. ห้ามลำเอียง ไม่เลือกปฏิบัติกับสื่อ
  • เรื่อง CSR เน้นให้สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน เพื่อเปลี่ยนทัศนคติต่อ กฟผ.
  • การสื่อสารกับสื่อมวลชนและภาครัฐ ต้องมีประสิทธิภาพ สื่อให้สังคมรับรู้ ให้เข้าใจตามข้อเท็จจริง อาจใช้ สร.กฟผ. ช่วยด้วย
  • การรับงานบุคคลภายนอกหรือเอกชน ควรเน้นรับงานต่างประเทศดีกว่า จะได้ความรู้และประสบการณ์ด้วย

อดีต ผวก. ไกรสีห์ กรรณสูต:

  • การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก
    • ต้องสื่อสารให้เข้าใจทั้งพนักงาน กฟผ. และสื่อภายนอก
    • ต้องเตรียมข้อมูลให้ดีทั้งเชิงลับและแจ้ง
    • สื่อทุกรูปแบบ เช่น เสียงตามสายEGAT TV ข่าวรายวัน ข่าวรายสัปดาห์ ฯลฯ
    • การตั้งคณะทำงาน ต้องเลือกบุคลากรให้มาช่วยทำงาน และคอยติดตามเหตุการณ์ทุกระยะ
  • บทบาทของผู้นำ
    • สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร (ไม่เป็นพนักงานของนักการเมือง ต้องพิสูจน์ตัวเองให้พนักงานเห็น)
    • ยึดประโยชน์ของ กฟผ. เป็นที่ตั้ง
    • การสื่อสารต้องพูดตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน
    • ไม่โยนภาระการแก้ไข หาจุดร่วมในการแก้ไข
    • พูดให้คลายกังวล จะไม่มีผลกระทบกับพนักงาน
    • ต้องมีขันติ เจรจาได้ทั้งกลุ่มผู้ประท้วง สหภาพ และประสานกับหน่วยงานรัฐ รู้จักประนีประนอม
  • ความเสี่ยงที่ทำให้ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน มีทั้งปัจจัยด้านการเมือง ด้านนโยบายและสังคม รวมทั้งปัจจัยภายในองค์กร
  • การจัดการความเสี่ยง ทำได้ 2 แนวทาง ได้แก่ 1) มีแผนรองรับ มีขั้นตอนการปฏิบัติงานไม่ให้เกิดวิกฤติต่อไป และกำหนดผู้รับผิดชอบ 2) share ความเสี่ยง เช่น ร่วมลงทุนกับบริษัทต่างประเทศ หรือทำประกันภัยโรงไฟฟ้า เป็นต้น

อ.จิระ :

  • ควรมี research ว่าที่ผ่านมา กฟผ. เคยเกิดวิกฤติอะไรบ้าง สาเหตุจากอะไร แก้ไขอย่างไร
  • ถึงจะมี crisis ต้องฉกฉวยให้เป็นโอกาส มากกว่าแก้ไข crisis
  • ในเรื่องสัดส่วนการผลิตไฟของ กฟผ. ที่น้อยลง ควรจะสื่อสารให้ชาวบ้านรับรู้และบอกผลกระทบเรื่องค่าไฟฟ้าด้วย

บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

  • ได้รับความรู้เกี่ยวกับการแต่งกาย บุคลิกภาพ และมารยาทต่างๆ สำหรับผู้บริหาร
    • การแต่งกาย ต้องให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
    • มารยาททางสังคมและทางธุรกิจ มาดและท่วงท่าอิริยาบถ การนั่ง การเดิน การยืน การไหว้ / รับไหว้ การกล่าวสวัสดี การรดน้ำสังข์ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การไปพบลูกค้า การเช็คแฮนด์ วิธีการยื่นและรับนามบัตร การแนะนำตัวเอง/บุคคลที่ไปด้วย และการนั่งในห้องประชุม – ในรถ (ใช้ 5 ข้อ ประกอบกัน 1. ให้เกียรติ 2. สะดวกสบาย 3. ปลอดภัย 4. มีอัธยาศัยไมตรี 5. ความเป็นระเบียบเรียบร้อย)
    • มารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องทราบลำดับการใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม
ศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล

สรุปการเรียนรู้ EADP10 ช่วงที่ 4 วันที่ 30 เม.ย.57

ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี

โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์ และแพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

บริษัท กิฟฟารีน ก่อตั้งเมื่อปี 2539 (18 ปี) โดยคุณหมอนลินี ไพบูลย์ ชื่อ “กิฟฟารีน” มาจากชื่อลูกสาวของคุณหมอ (น้องกิฟกับน้องฟ้า) ย้ายมาอยู่ที่นวนครได้ 6 ปี บนพื้นที่ 20 ไร่ ลงทุนเริ่มแรกประมาณ 70 ล้านบาท เป็นบริษัทขายยา เครื่องสำอาง และอาหารเสริม มียอดขายรวมถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปัจจุบันปีละ 5,000 ล้านบาท โรงงานกิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม มีมาตรฐานการออกแบบ GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือก Supplier สู่การนำมาทดลอง ศึกษาและวิจัย และมีการตรวจสอบ

โรงงานประกอบด้วย

  1. โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ตามมาตรฐาน ISO 9001:2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ เภสัชกร มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัท DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล
  2. โรงงานผลิตอาหารและยา ใช้มาตรฐาน GMP,HACCP, HALAL
  3. ห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab) ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อตรวจสอบคุณภาพทางเคมี และทางจุลชีววิทยา รวมทั้งการวิเคราะห์คุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมและน้ำเสียในระดับสากล

เป็นธุรกิจขายตรงในรูปแบบการตลาดเครือข่าย (Network Marketing) แบบ MLM – Multi Level Marketing ทำกันเป็นทีม ให้ปันผลกับสมาชิกตามยอดซื้อ สมาชิกปัจจุบันประมาณ 6 ล้านรหัส ปรัชญาของคุณหมอนลินีคือ “ทำของที่ดี มีความถูกต้อง”

ช่วงวิกฤต เศรษฐกิจชะลอตัว การขายตรงมีการแข่งขันสูง จัดการในภาวะวิกฤตโดยควบคุมสินค้าให้มีคุณภาพดี พัฒนาปรับปรุง ให้ผู้บริโภคได้ใช้ของดี ติดต่อสื่อสารสมาชิก และแจ้งข่าว บอกความจริงให้ลูกค้าทราบเสมอ

ต่อมาได้คิดขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แต่ไปไม่ถึงยุโรป เพราะมีข้อห้ามสินค้าขายตรงและความชอบสินค้ามีความแตกต่างกัน สำหรับสินค้าที่ส่งไปต่างประเทศ จะพัฒนาให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละแห่ง ผลิตแบบ ODM มีการวิจัยพัฒนาให้ด้วย ใช้ชื่อ Brand ตามที่ลูกค้าต้องการ ดูแลและควบคุมสินค้าให้มีคุณภาพดี เชื่อถือได้ ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก การทำงานกับต่างประเทศ จะมีปัญหาเรื่องภาษา ต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศที่ไปทำธุรกิจให้ดี

คุณหมอจักรพงศ์และคุณหมอใจทิพย์ ดูแลด้านโรงงาน มีนโยบายเลี้ยงคนดี มีสวัสดิการให้ อยู่แบบครอบครัว อบอุ่น ทุกแผนกเป็นหัวใจสำคัญต่อการทำงาน เน้นการสื่อสารทั้งภายในแผนกและภายนอกแผนก การประชุมจะให้ลูกน้องเข้าประชุมด้วย เพื่อมีส่วนร่วมและให้ได้เรียนรู้แนวทางการทำงาน มีประสบการณ์ ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น ใช้ระบบราชการ สอนให้มีคุณธรรม และเตรียมความพร้อม เน้นให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักองค์กร มีความสุข มากกว่าให้ความสำคัญกับกำไร พนักงานมีความภาคภูมิใจ มีความมั่นคง เติบโตในอนาคต

โดยสรุป เน้นหลักการ “ให้คนมีความสุข เป็นคนดี อยู่ในความถูกต้อง” เหมือนท่านพุทธทาส “จงเป็นอยู่ในความถูกต้อง”

กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัยและแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

อ.กิตติ สรุป จากโจทย์ที่ตั้งไว้ ระบุปัญหาคืออะไร ศึกษาแล้วมีข้อเสนอแนะอย่างไร นำไปจัดทำแผนงานโครงการแก้ไขปัญหา เพื่อดำเนินโครงการภายใน 1 ปี

  • กลุ่ม 7 หัวข้อ “ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ
    • อะไรเป็นปัญหา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบคืออะไร รู้ได้อย่างไร
    • จากการศึกษาได้ข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง
    • สมมติฐาน
      • ความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของ กฟผ.
    • เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร
  • ประเด็นพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนที่ดิน จะแก้ไขอย่างไร
  1. เพิ่มค่าตอบแทน แต่ กฟผ. ตัดสินใจเองไม่ได้
  2. ทำให้คนพอใจ ต้องปรับให้มีทัศนคติที่ดีต่อ กฟผ.
  3. ดังนั้น อาจพิจารณาโครงการเพื่อสร้างให้คนในชุมชนมีทัศนคติที่ดี ต่อ กฟผ.

จรูญ อุทัยวนิชวัฒนา

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 21 มีนาคม 2557

“ประสบการณ์ของผู้นำกฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง”

ความเสี่ยง มีหลายรูปแบบ หลายสถานะการณ์ ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนรองรับให้ดี ต้องกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงอาจจะเกิดจากการตรวจสอบที่เข้มงวดจากองค์กรอิสระ

การสื่อสารเป็นหัวใจของการแก้ภาวะวิกฤติ ควรสื่อสารให้ทุกระดับรู้ว่ามีแผนจะดำเนินการอย่างไร ต้องใช้การสื่อสารทุกรูปแบบที่มี เพราะต้องทำให้คนหมู่มากรับรู้ข้อมูลให้มากที่สุด เร็วที่สุด

ต้องมีแผนป้องกันไม่ให้เกิดภาวะวิกฤติ แต่เมื่อเกิดแล้ว ต้องแก้ให้เร็ว การเรียนรู้จากวิกฤติเก่าๆจะทำให้รับมือวิกฤติใหม่ๆได้ ในอนาคต อาจมีวิกฤติจากสิ่งแวดล้อม สาเหตุหนึ่งอาจเกิดมาจากการที่ NGOs มีการตรวจสอบค่อนข้างเข้มงวด จึงควรสื่อสารทำความเข้าใจกับเขาก่อน

การทำการตลาดเพื่อสังคมเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำโดยอิงกับสังคม การสร้างความสัมพันธ์กับ NGOs ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ปัญหาในปัจจุบันคือ กฟผ.เข้าไปทำความเข้าใจกับชุมชนช้ากว่า NGOs ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบก่อน

ผู้นำองค์กรที่ดี ต้องห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

“บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่”

บุคลิกภาพของนักบริหาร จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ประกอบด้วย

     การแต่งกาย: ศิลปะการแต่งกาย การเลือกเสื้อผ้า รองเท้า

     เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์

     อารมณ์ที่แสดงออก: มีรอยยิ้มให้กันเสมอ

     การพูดจา: สุภาพ

     กาลเทศะ: ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

     มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่าง ๆ: มารยาทในการเข้างานเลี้ยง

     ท่วงท่า: การนั่ง การยืน การเดิน การไหว้

     ควรทำตามหลัก 5 ข้อ: การให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ความมีระเบียบ ความมีอัธยาศัยไมตรี

จรูญ อุทัยวนิชวัฒนา

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 29 เมษายน 2557

“ประสบการณ์ของผู้นำกฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง”

ความเสี่ยง มีหลายรูปแบบ หลายสถานะการณ์ ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนรองรับให้ดี ต้องกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงอาจจะเกิดจากการตรวจสอบที่เข้มงวดจากองค์กรอิสระ

การสื่อสารเป็นหัวใจของการแก้ภาวะวิกฤติ ควรสื่อสารให้ทุกระดับรู้ว่ามีแผนจะดำเนินการอย่างไร ต้องใช้การสื่อสารทุกรูปแบบที่มี เพราะต้องทำให้คนหมู่มากรับรู้ข้อมูลให้มากที่สุด เร็วที่สุด

ต้องมีแผนป้องกันไม่ให้เกิดภาวะวิกฤติ แต่เมื่อเกิดแล้ว ต้องแก้ให้เร็ว การเรียนรู้จากวิกฤติเก่าๆจะทำให้รับมือวิกฤติใหม่ๆได้ ในอนาคต อาจมีวิกฤติจากสิ่งแวดล้อม สาเหตุหนึ่งอาจเกิดมาจากการที่ NGOs มีการตรวจสอบค่อนข้างเข้มงวด จึงควรสื่อสารทำความเข้าใจกับเขาก่อน

การทำการตลาดเพื่อสังคมเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำโดยอิงกับสังคม การสร้างความสัมพันธ์กับ NGOs ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ปัญหาในปัจจุบันคือ กฟผ.เข้าไปทำความเข้าใจกับชุมชนช้ากว่า NGOs ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบก่อน

ผู้นำองค์กรที่ดี ต้องห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

“บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่”

บุคลิกภาพของนักบริหาร จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ประกอบด้วย

     การแต่งกาย: ศิลปะการแต่งกาย การเลือกเสื้อผ้า รองเท้า

     เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์

     อารมณ์ที่แสดงออก: มีรอยยิ้มให้กันเสมอ

     การพูดจา: สุภาพ

     กาลเทศะ: ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

     มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่าง ๆ: มารยาทในการเข้างานเลี้ยง

     ท่วงท่า: การนั่ง การยืน การเดิน การไหว้

     ควรทำตามหลัก 5 ข้อ: การให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ความมีระเบียบ ความมีอัธยาศัยไมตรี

จรูญ อุทัยวนิชวัฒนา

ประเด็นการเรียนรู้ในการอบรมในวันที่ 30 เมษายน 2557

“ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้”

ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

Management System ของบริษัทกิฟฟารีน คือมีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน มีโรงงานผลิตเครื่องสำอาง มาตรฐาน ISO, GMP, HACCP, Halal และเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

Creativity ของบริษัทกิฟฟารีน คือ มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัทต่างชาติ เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล

Innovation ของบริษัทกิฟฟารีน คือเป็นบริษัทขายตรงแบบสหกรณ์ ที่แท้จริง มาจากแนวความคิดที่ว่าสินค้าโดยทั่วไปต้องเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ประมาณ 50-60% ดังนั้น กิฟฟารีนจึงคิดรูปแบบทำแบบสหกรณ์ แบ่งหัก 5% ให้สมาชิกตามเงินปันผลของยอดซื้อ โดยรวมแล้ว 40-50% จะคืนให้สมาชิก

“กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัยและแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา”

กลุ่ม 7 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

-อะไรเป็นปัญหา ปัจจัยที่ส่งผลกระทบคืออะไร รู้ได้อย่างไร

-จากการศึกษาได้ข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง

-สมมติฐาน ความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการให้รับความร่วมมือในการ

ดำเนินงานของกฟผ.

-เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร

-สิ่งที่สำคัญคือ ต้องดูวัตถุประสงค์ของโครงการว่าต้องการอะไร

ศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล

การบ้านพิเศษ 9 สรุปบทเรียนจากความจริงของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต (ตามลิงค์นี้ http://www.naewna.com/politic/columnist/12063)

เริ่มบทความ ศ.ดร.จิระ กล่าวถึงประเพณีงานสงกรานต์ ซึ่งปัจจุบันเป็น Brand ของประเทศไทยและของโลกไปแล้ว เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ที่ต้องอาศัยระยะเวลา สร้างและสืบสานประเพณีนี้มายาวนานหลายร้อยปี สมควรที่คนรุ่นหลังจะต้องรักษาประเพณีนี้ไว้ต่อไป โดยต้องสื่อสารและถ่ายทอดวัฒนธรรม เล่าประวัติความเป็นมาให้เยาวชนรุ่นหลังและชาวต่างชาติได้รับรู้และเข้าใจ มิฉะนั้นจะเป็นเพียงเทศกาลจ้างรถตุ๊กๆ วิ่งรอบเมือง ถือปืนฉีดน้ำยิงใส่กันเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

กลับมาที่สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยปัจจุบัน ซึ่งก็ยังหาจุดจบไม่ได้ จึงเป็นโอกาสที่ควรจะได้ศึกษาการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านไว้ด้วย อ.จีระ จึงได้แนะนำให้รู้จักผู้นำรุ่นใหม่ของอินโดนีเซีย ที่จะเป็นตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เขาคือ Joko Widodo หรือ Jokowi เป็นผู้นำที่มีคุณลักษณะของผู้นำที่ดี หรือ ผู้นำแห่งทศวรรษใหม่ สอดคล้องกับหลักสูตรการอบรมของ EADP10

นาย Jokowi ปัจจุบันเป็นผู้ว่าการมหานคร Jakarta มีอายุ 52 ปี เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์จาก Gadjah Mada University อดีตเคยเป็นนักธุรกิจเซลล์แมนขายเฟอร์นิเจอร์ เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Surakarta (ภาษาอินโดนีเซียเรียกว่าเมือง Solo) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาในปี 2548 เขาได้แสดงฝีมือด้วยทัศนคติ ‘can do’ ให้ประชาชนเห็นภายใต้การแสดงออกถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์

ในช่วง 7 ปีที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี เมือง Solo ก้าวหน้าไปมาก เขาสร้างตลาดของเก่า ตลาดเครื่องไฟฟ้า สร้างทางเดินยาว 7 กิโลเมตร กว้าง 3 เมตรคู่กับถนนใหญ่ ปรับปรุงสวนสาธารณะขนาดใหญ่สองแห่ง เข้มงวดการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่รอบเมือง รีแบรนด์ Solo ให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเกาะ Java เพื่อการท่องเที่ยวภายใต้คำขวัญ “The Spirit of Java” สนับสนุนให้ Solo เป็นศูนย์กลางสัมมนาประชุมสำคัญระดับโลกหลายครั้ง สร้างโครงการประกันสุขภาพสำหรับชาว Solo ทุกคน สร้าง Solo Techno Park เพื่อสนับสนุนโครงการรถยนต์ของประเทศ พัฒนาการขนส่งสาธารณะ ฯลฯ

ชื่อเสียงของ Jokowi ดังขึ้นทุกทีจนในปี 2555 ก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าการมหานคร Jakarta และเป็นที่นิยมมากเพราะตัดสินใจเด็ดขาดเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินและขนส่งสาธารณะที่คาราคาซังมานาน และการจราจรก็แทบเป็นอัมพาตในปัจจุบัน เขามีความเป็นผู้นำ สามารถเข้าถึงคนธรรมดาในยุคการเมือง ‘inclusive’ ที่ประชาชนตื่นตัวในสิทธิของตนเอง เขาสื่อสารให้คนเห็นว่าเขาจริงใจ ถึงลูกถึงคน และมือสะอาด เขาห้ามญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวกับการประมูลงานตั้งแต่สมัยเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Solo

Jokowi เป็นนักการเมืองที่ไม่เพียงแต่อุ้มเด็กถ่ายรูปเท่านั้น เขายังไปเยี่ยมสลัมแหล่งอาศัยของคนยากจนจำนวนมากใน Jakarta แต่งตัวธรรมดา พูดคุยกับชาวบ้านเรื่องราคาอาหาร น้ำท่วม การทำมาหากิน เขาทำอย่างที่เรียกว่า ‘เล่นเป็น’ ซึ่งประชาชนก็ตอบรับเขาเป็นอย่างดีเพราะศรัทธาในความจริงใจ ถึงแม้จะอยู่ในพรรคของลูกสาวประธานาธิบดี Sukarno แต่เขาก็สามารถรักษาภาพลักษณ์ของ ‘คนใหม่’ ได้ เขามีพลังอิทธิพลส่วนตัวมากยิ่งขึ้นและเกือบแน่นอนว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ในปีนี้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของการเมืองใหม่

โดยสรุป Jokowi เป็นผู้นำที่มีความพร้อม มีความสามารถ เป็นคนติดดินและเป็นกันเอง สามารถในการสื่อสารกับประชาชนธรรมดาได้ดี คิดและพัฒนาบ้านเมืองตลอดเวลา มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และที่สำคัญมีคุณธรรม ไม่ใช้เงินและอำนาจเป็นหลัก ไม่ให้ญาติพี่น้องเข้าทำธุรกิจและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะของผู้นำในระบบทุนนิยมสามานย์ทั้งสิ้น

จึงเป็นที่คาดหวังว่าประเทศไทยของเรา คงจะโชคดีเหมือนอินโดนีเซียบ้าง คงได้มีผู้นำที่ดีหลังการปฏิรูปการเมืองไทยในเร็ววันนี้ ขอแค่เป็นคนดี มีความกล้าหาญ มีคุณธรรม ไม่ทุจริต มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รักชาติบ้านเมือง เห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง 

วันที่ 29 เมษายน 2557-30 เมษายน 2557

วันที่ 29 เมษายน 2557

หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย คุณสมบัติ ศานติจารี และ คุณไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

คุณสมบัติ ศานติจารี

ความเสี่ยงมีไม่ซ้ำแบบ ตอนนี้มีความเข้มงวดจากองค์กรอิสระมากขึ้น

การสื่อสารเป็นหัวใจของภาวะวิกฤติ ต้องรายงานให้สังคมรับรู้ฉับพลัน โดยสรุป และตรงไปตรงมา

1.ห้ามโทษผู้อื่น   2.อย่าให้ความเห็นที่เดา  3.ตอบทุกสื่อ 4. ห้ามลำเอียง

ถ้านิ่ง ไม่ตอบสื่อมวลชน เขาจะคิดว่าจริง  ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องกำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน การทำการตลาดเพื่อสังคมสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำให้อิงกับสังคม  เกิดเหตุ ต้องให้ผู้บริหารรู้ทันที ผู้บริหารต้องแจ้งสายบังคับบัญชาเพื่อจำกัดความเสียหาย การสื่อสารเป็นหัวใจแก้วิกฤติ มอบคนเดียวให้เป็นผู้รู้เรื่องแล้วสื่อออกไป

คุณไกรสีห์ กรรณสูต

เมื่อปี 2547 ตอนผมเป็นผู้ว่าการ รัฐบาลมีนโยบายให้กฟผ.เป็นรัฐวิสากิจรายแรกที่จะแปรรูป

ผมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา

  • การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก
  • ต้องสื่อสารให้เข้าใจทั้งพนักงาน กฟผ. และสื่อภายนอก
  • ต้องเตรียมข้อมูลให้ดีทั้งเชิงลับและแจ้ง
  • สื่อทุกรูปแบบ เช่น เสียงตามสายEGAT TV ข่าวรายวัน ข่าวรายสัปดาห์ ฯลฯ
  • การตั้งคณะทำงาน ต้องเลือกบุคลากรให้มาช่วยทำงาน และคอยติดตามเหตุการณ์ทุกระยะ
  • บทบาทของผู้นำ
  • สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร (ไม่เป็นพนักงานของนักการเมือง ต้องพิสูจน์ตัวเองให้พนักงานเห็น)
  • ยึดประโยชน์ของ กฟผ. เป็นที่ตั้ง
  • การสื่อสารต้องพูดตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน
  • ไม่โยนภาระการแก้ไข หาจุดร่วมในการแก้ไข
  • พูดให้คลายกังวล จะไม่มีผลกระทบกับพนักงาน
  • ต้องมีขันติ เจรจาได้ทั้งกลุ่มผู้ประท้วง สหภาพ และประสานกับหน่วยงานรัฐ รู้จักประนีประนอม
  • หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    Image คือภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่งประกอบด้วย การแต่งกาย และเครื่องใช้ตาง ๆ ที่แสดงถึง รสนิยมที่ดี ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า รวมทั้งท่วงท่า กริยานั่ง ยืน เดิน นั่ง รับไหว้ เป็นต้น

    -สิ่งที่ต้องคำนึงถึงประกอบด้วย

    1) การแต่งตัว

    2) มาด ผู้ชายมาดดีเมื่อใส่สูท หากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน ปล่อยเม็ดล่าง หากมีกระดุม 3 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน หรือเม็ดกลาง ปล่อยเม็ดล่าง

    3) อารมณ์ดี

    4) กาลเทศะ

    5) พูดจาดี

    - องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

    1) สีสัน- สีขาว = ความสมบูรณ์ สีเทา = ความเป็นทางการ สีม่วงแดง = ผู้สูงศักดิ์ โรแมนติก ศักดิ์สิทธิ์  ผิวสองสี ไม่ควรใส่สี คล้ำๆ สีกรมท่า สีดำปนเขียวขี้ม้าหม่นๆ

    2) เส้นสาย การเลือกเสื้อที่มีเส้นสาย สามารถอำพรางรูปร่างได้ การใส่กางเกงยีนส์ใส่ยาก เพราะมีเส้นนำสายตาหลายตำแหน่งจึงต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตนเอง

    - ผู้บริหารต้องใส่ใจ ให้ความสำคัญกับสไตล์การแต่งกาย นอกจากเสื้อ กระโปรงกางเกงแล้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับอื่นก็สำคัญด้วย ได้แก่ กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เนคไท นาฬิกา ต่างหู ฯลฯ

    - มารยาทบนโต๊ะอาหาร

    1) อย่าพูดขณะรับประทานอาหาร

    2) มีทิชชู่ติดตัวเสมอ

    3) การนั่งบนโต๊ะอาหาร ไม่มีการแจกนามบัตร

    4) นั่งตามชื่อที่ตั้งไว้บนโต๊ะ

    5) แก้วใบใหญ่ คือแก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเรามากที่สุด

    6) วิธีจับแก้วไวน์ใช้ 3 นิ้ว

    7) การหยิบ ช้อน ส้อม มีด หยิบจากที่อยู่ด้านนอกก่อน

    วันที่ 30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

    โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์ แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    - บริษัทกิฟฟารีนก่อตั้งเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปัจจุบันปีละ 5,000 ล้านบาท

    -โรงงานกิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

  • -มีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค
  • -มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ
  • -มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือก Supplier สู่การนำมาทดลอง ศึกษาและวิจัย และมีการตรวจสอบ
  • หัวใจของกิฟฟารีน

    1. โรงงานผลิตเครื่องสำอาง มาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ เภสัชกร

    เครื่องสำอาง มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัท DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล

    2. โรงงานผลิตอาหาร ใช้มาตรฐาน GMP ,HACCP , Halal ควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์อาหาร ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่หลากหลาย

    3. ห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab)เพื่อตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัย อาหาร อาหารเสริม ยา ผลิตภัณฑ์ครัวเรือน เพื่อตรวจสอบคุณภาพ ทางเคมี และการปนเปื้อนเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบทุกขั้นตอน ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้รับใบรับรอง ISO 17025 และการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม และน้ำเสียในระดับสากล ซึ่งถ้าโรงงานที่จะร่วมกันต้องได้รับมาตรฐาน ISO 17025 ด้วยเช่นกัน

    -กิฟฟารีนชื่อมาจากน้องกิฟกับฟ้า เป็นลูกของหมอนลินี

    -ก่อนทำกิฟฟารีนคุณหมอนลินี (หมอต้อย)ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทสุพรีเดอร์ม กับคุณหมอมั่น แต่เมื่อคุณหมอนลินีหย่ากับคุณหมอมั่น จึงได้มาก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน โดยก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน คุณหมอนลินีฝันเห็นพระสุพรรณกัลยาจึงไปที่อนุสาวรีย์พระสุพรรณกัลยาขอพรเพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่าจะขอตั้งบริษัท โดยจะสร้างบริษัทถวายและขอให้สร้างได้สำเร็จ เลยเมื่อได้สร้างสำเร็จจึงถวายให้พระสุพรรณกัลยาตามที่ได้ขอไว้

    -กิฟฟารีนเป็นบริษัทขายตรงแบบสหกรณ์ ที่แท้จริง มาจากแนวความคิดที่ว่าสินค้าโดยทั่วไปต้องเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ประมาณ 50-60% ดังนั้น กิฟฟารีนจึงคิดรูปแบบทำแบบสหกรณ์ แบ่งหัก 5% ให้สมาชิกตามเงินปันผลของยอดซื้อ โดยรวมแล้ว 40-50% จะคืนให้สมาชิก

    -หมอนลินีดูแลการขายและ Marketing โดยมีการขยายตลาดที่ไทย พม่า ลาว เวียดนาม

    -ส่วนที่นี่เป็นโรงงานผลิต สร้างให้บริษัทที่ทำการตลาด

    -กิฟฟารีน มีแนวคิดว่าต้องอยู่ด้วยความดี เท่านั้น และความถูกต้องที่คุ้มครองเรา ทำให้ทุกคนมีความสุข

    -กิฟฟารีนเป็นขายตรงที่คืนของได้ตลอดเวลา คืนฟรี รักษาให้ด้วย

    -มีความรับผิดชอบอย่างสูง สรุปคือสินค้าต้องมีคุณภาพดีและมีผู้แพ้สินค้าน้อยราย

    -ปัจจุบันมีสมาชิก 6,000,000 รหัส

    -คุณหมอใจทิพย์ ดูแลต่างประเทศ Brand Pattrena เป็นแบรนด์ที่ผลิตให้กับต่างประเทศ

    กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัยและแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

    - ครั้งที่แล้ว กำหนดหัวข้อ และกรอบการศึกษา และมอบหมายให้เก็บข้อมูล

    - ครั้งนี้ นำเสนอผลการศึกษา โดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้

    - เสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา

    - นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปสู่การพัฒนาองค์กรโดยการนำเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา EGAT

    หัวข้อวิจัย

    1.การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณี

    โครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

    2.ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.

    3.ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

    4.ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    5.ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

    6.ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

    7.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

    ของกลุ่ม 4 ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานกฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติม

  • -การสำรวจภายนอกมีมาก มีผลการศึกษาวิจัยมา 5-10 ปี แต่ยังไม่มีใครมองถึงปัญหาที่เกิดภายใน ทั้งปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่
  • -ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากทัศนคติ เลยนำเอาข้อมูลการศึกษาวิจัยทั้ง 4 ชิ้น
  • -Gap analysis การรับรู้ข่าวสารแบบไกลปืนเที่ยง
  • -ปัญหางานจาก Silo มีข้อเสียคือไม่สามารถแยกงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้
  • -อยากหาข้อมูลว่าสิ่งที่กลุ่มคิดมีนัยมากน้อยแค่ไหน
  • อ.กิตติ: การรับรู้ของคน กฟผ.ส่วนกลางและภูมิภาคจะแตกต่างกันทั้งข้อมูล และความรู้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อทัศนคติ ซึ่งเชื่อมโยงกับการสื่อสารภายในองค์กรด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นของกลุ่มที่ 6

    - การใช้เสียงตามสายอาจเข้าไปถึงส่วนภูมิภาค

    - วัฒนธรรมองค์กรของภูมิภาคและส่วนกลางต่างกัน อาจจะมีผลต่อทัศนคติ

    กลุ่ม 4 ต้องกำหนดให้ชัดว่าสามารถเอาข้อมูลมาจากที่อื่นได้อีกหรือไม่ สมมติฐานบอกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนกลางมีทัศนคติที่มีมากกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนภูมิภาค อยากจะขอให้ปรับจุดนี้ เพราะดูเป็นเชิงลบมากเกินไป

  • -ผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. คือใคร
  • -เก็บข้อมูลอย่างไร
  • -สมมติฐาน
  • -ผลที่ได้รับมีทัศนคติเป็นอย่างไร
  • -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร
  • -นอกจากเครื่องมือแล้ว ยังมีเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ทัศนคติต่างกัน
  • -เลือกเรื่องที่เป็นไฮไลท์ และทำได้ง่าย และสามารถต่อยอดได้
  • -ข้อเสนอแนะควรเป็นรูปธรรม
  • นายสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล EADP#10 Group 4

Assignment EADP รุ่นที่ 10 สรุปบทความ Joko Widodo

Jokowi เป็นคนรุ่นใหม่ อายุเพียง 52 ปี มีลักษณะที่เป็นคนติดดิน เพราะเป็นคนต่างจังหวัดซึ่งแตกต่างจากผู้นำอินโดนีเซียคนก่อนๆ ที่ค่อนข้างเป็นคนมีฐานะ ทำให้ได้รับความสนใจจากประชาชน Jokowi สามารถสร้างความแตกต่างได้ เพราะมีพื้นฐานในการคิด วิเคราะห์ที่ดี เพราะจบวิศวกรรมศาสตร์ จึงได้เปรียบในการคิดเชิงวิเคราะห์ ในเรื่องต่างๆ เมื่อเทียบกับคนที่จบสาขาอื่นๆ ที่สำคัญ Jokowiได้เรียนรู้จากประสบการณ์การเมืองของไทยที่มีปัญหา แม้แต่การเมืองในอินโดนีเซียปัจจุบัน จึงคิดได้ว่า “ห้ามญาติ พี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริการเด็ดขาด” จึงทำให้เขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกรุง Jakartaเป็นคนดีที่ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

ดังนั้น ถ้า กฟผ. ต้องการให้ประชาชนสนใจและยอมรับ กฟผ. จะต้องสร้างความแตกต่างให้ประจักษ์ และ กฟผ. ต้องรู้จัก วินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหา รู้วิธีป้องกัน ไม่เดินไปในปัญหาเดิมๆ อย่างไรก็ตาม Jokowi ก็ยังหนีไม่พ้นนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็น นโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakarta หรือ นโยบายให้ประชาชนชาวเมือง Jakarta มีบริการการแพทย์เสรี แค่ก็อาจจะว่าเค้าได้ไม่เต็มปากนักว่าเป็นนโยบายประชานิยม เพราะประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก (มากถึง 200 ล้านคน) สำหรับประเทศไทย การเมืองไทยในอนาคต เราต้องการคนดี คนกล้า คนเก่ง มาเป็นผู้นำ และที่สำคัญต้องไม่มีธุรกิจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นอีก โกงบ้านโกงเมือง ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้นำที่เป็นผู้อาสามาทำงาน ไม่ใช่เป็นอาชีพนักการเมือง อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คนไทยเริ่มตื่นตัวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศและคนในสังคมอย่างไรหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัญญาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งและการเป็นข้าราชการที่ดีนั้นต้องทำงานรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีให้กับประเทศ ไม่ใช่รับใช้นักการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก

สมบูรณ์ ดำรงสุสกุล EADP#10 Group 4

นายจรูญ อุทัยวนิชวัฒนา

สรุปบทความเรื่อง บทเรียนจากความจริงกับ ดร. จิระ จาก นสพ.แนวหน้า

มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต”

แนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องทุนทางวัฒนธรรมย่อมแตกต่างกันในนัย ของความหมายและแนวปฎิบัติในแต่ละสำนักคิด เช่น แนวคิดเรื่องทุนวัฒนธรรมที่มีความคล้ายคลึงในแง่ของการทำให้วัฒนธรรมเป็นทุน เป็นสินค้าและบริการ คือจุดเน้นในการให้ความสำคัญกับเรื่องของวัฒนธรรมเป็นหลัก เรื่องสินค้าและบริการคือเรื่องรอง โดยมองว่า วัฒนธรรมคือทุน (Cultural as Capital) ซึ่งเมื่อวัฒนธรรมตัวนี้มีลักษณะเป็นทุนแล้ว ก็มีสิ่งที่เรียกว่า โกดังหรือคลังเก็บวัฒนธรรม(Cultural Stacle) เพื่อรักษาคุณค่า และความมั่งคั่งในทางวัฒนธรรมเอาไว้ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับทุนเดิมหรือมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทุนหลักของสังคม ซึ่งคือแนวคิดที่ว่า การทำวัฒนธรรมให้เป็นสินค้า ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้สินค้า มีราคามีรายได้ ทางเศรษฐกิจ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการทำให้วัฒนธรรมกลายเป็นผู้ถูกกระทำ(Passive) วัฒนธรรมมีบทบาทเป็นแค่พระรองจากสินค้า ดังนั้นจึงมีแนวความคิดที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้วัฒนธรรมได้มีการปรับบทบาทจากผู้ถูกกระทำ ให้เป็นฝ่ายกระทำ มีบทบาทในเชิงรุกมากขึ้นและเป็นการกระทำ การรุก ที่ไม่สูญเสียเอกลักษณ์ และกลายสภาพเป็นแค่สินค้าและบริการเท่านั้น แต่ให้วัฒนธรรมสามารถดำรงอยู่และเป็นทุนทางสังคม ซึ่งจะเป็นหนทางสำคัญในการรักษารากเหง้าและธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม โดยไม่ต้องสร้างใหม่หรือปลูกฝังใหม่ ภายใต้กระบวนการทางเศรษฐกิจที่เข้ามาทำลายเค้าเดิมของมันในสังคมอยู่ตลอดเวลา

ท่ามกลางบรรยากาศที่คนไทยเกือบทั้งประเทศยังคาดเดาไม่ออกว่าบทสรุปของบ้านเมืองจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะเดินไปทางไหน แนวโน้มของการเมืองไทยอาจจะเป็น"ฉากทัศน์" หรือ "ซีนาริโอ" ที่เป็นไปได้ 10 แนวทาง

1.รัฐประหาร สามารถล้มรัฐบาลได้ทันที แต่แนวโน้มมีน้อยลง เพราะผู้นำทหารไม่อยากเสี่ยง

2.ตุลาการภิวัตน์ แม้จะมีประเด็นชี้ขาดอยู่หลายเรื่องแล้ว แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ทันที โดยเฉพาะการดำเนินคดีอาญาเป็นผลที่จะเกิดตามมา และต้องใช้เวลา

3.ชุมนุมยืดเยื้อ ไม่แพ้ไม่ชนะ เป็นตัวแบบคล้ายประเทศยูเครน

4.รัฐบาลชนะแต่ปกครองไม่ได้ มีอำนาจจริง แต่ขาดเสถียรภาพ ผลก็คือประเทศไทยกลายเป็น "คนป่วยแห่งเอเซีย" ของจริง

5.จลาจล ผลอาจเป็นไปได้ทั้งรัฐบาลชนะหรือผู้ชุมนุมชนะ หากผู้ชุมนุมชนะก็จะมีตัวแบบเหมือน 14 ต.ค. 2516 แต่หากรัฐบาลชนะ ก็จะมีตัวแบบเหมือนกรณีเทียนอันเหมินของจีน

6.ความขัดแย้งลากยาว ความรุนแรงขยายตัวและมีแนวโน้มมากขึ้น อาจเกิดความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ผลก็คือสงครามกลางเมือง นำไปสู่รัฐล้มเหลว ซึ่งสุดท้ายก็เป็นไปได้ทั้งรัฐบาลชนะหรือผู้ชุมนุมชนะ

7.รัฐบาลคนกลาง

8.ทุกฝ่ายรวมตัวตั้งรัฐบาลผสม จะเป็นโมเดลคล้ายๆ ลาวและกัมพูชาในอดีต

9.เจรจาประนีประนอม ต่อรองทางการเมืองกันลับหลัง แล้วยอมให้ปัญหาจบ รัฐบาลอยู่ต่อไป ทำให้การเลือกตั้งเดินต่อได้

และ 10.รัฐบาลต่างประเทศแทรกแซง เพราะปล่อยให้วิกฤติในประเทศไทยยืดเยื้อไม่ได้ เนื่องจากกระทบกับผลประโยชน์ของต่างชาติและภูมิภาค

ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าการเมืองแบ่งเป็นสองขั้ว คือ กลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่คือภาคอีสานและภาคเหนือซึ่งประกอบด้วยคนชนบทที่ยากจนเป็นส่วนใหญ่ กับคนภาคใต้ กรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อันประกอบด้วยคนชั้นกลาง ผู้ไม่จนหรือไม่จนนัก การเมืองของไทยใช้เงินเป็นใหญ่ ไร้ประสิทธิภาพ แตกแยกกัน ต้นเหตุของสภาพความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงในช่วงปี พ.ศ. 2549-2557 ว่า ส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวของการพัฒนาทางด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชนที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนส่วนใหญ่คิดวิเคราะห์เป็น มีความรู้และได้รับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองที่มีคุณภาพมากพอ ที่จะเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยได้อย่างแข็งขันและรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองที่มีทั้งอำนาจเงินและความรู้สูงกว่า

แนวโน้มของการเมืองไทยจะเป็นแบบไหน ไม่อาจคาดเดา แต่ต้นเหตุของปัญหา คือ การคอรัปชั่นชิงนโยบายเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีอำนาจทางการเมือง มีการกำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของผู้กำหนดนโยบายหรือเครือญาติ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน และมีผลต่อการกระจายรายได้ของประเทศที่ไม่เป็นธรรม

ผู้นำรุ่นใหม่ของอินโดนีเซีย ชื่อ JokoWidodoหรือชื่อเล่นว่า Jokowi

อินโดนีเซีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เตรียมการผลัดเปลี่ยนผู้นำคนใหม่แทนประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งหลังจากครองอำนาจมานาน 10 ปีเต็ม แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ค. นี้ แต่จากผลการเลือกตั้งทั่วไปที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ไปในทางเดียวกันว่าชาวเมืองอิเหนาต้องการรัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริตและปลอดจากการคอร์รัปชัน คิดจะดัดสันดานนักการเมืองเลวด้วยการส่งสัญญาณว่าพร้อมจะเลือกผู้นำขวัญใจคนจนตัวจริง ผู้เคยแสดงผลงานให้ประจักษ์มานานแล้วว่ามือสะอาดจริง จนสามารถฟาดฟันกับการคอร์รัปชันอย่างได้ผลตั้งแต่สมัยเป็นนายกเทศมนตรีบ้านนอกสู่ผู้ว่าฯ มหานครจาการ์ตา ให้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ในอนาคตอันใกล้ นักการเมืองผู้เป็นความหวังใหม่ของชาวเมืองอิเหนามากที่สุดในขณะนี้ก็คือนายโจโค วิโดโด หรือ “โจโควิ” ผู้ว่าราชการจอมสีสันแห่งกรุงจาการ์ตาวัย 52 ปี นักการเมืองดาวรุ่ง เจ้าของสมญา “โอบามา” แห่งแดนอิเหนา ก้าวกระโดดเป็นนักการเมืองไฟแรงขวัญใจประชาชน จากนายกเทศมนตรีจอมโปรเจกต์แห่งเมืองสุราการ์ตาหรือโซโล สู่ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา ผู้มีผลงานการบริหารที่เข้าตาประชาชนมากที่สุด จนกลายเป็นกระแส “โจโควี” เหมือนกับกระแสลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณไม่มีผิด

หากไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย โอกาสค่อนข้างสดใสที่โจโควีจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นในประเทศนี้ในฐานะเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมาจากกองทัพ รวมถึงไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมที่สูงและสวยหรูเหมือนผู้นำคนอื่นๆ แม้จะมีนักวิเคราะห์บางคนเริ่มตั้งคำถามว่าโจโควีมีประสบการณ์และความสามารถมากพอที่จะสวมหัวโขนนี้หรือไม่ ซึ่งผู้ที่ให้คำตอบนี้ดีที่สุดก็คือสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่นำเสนอรายงานกึ่งวิเคราะห์ชิ้นหนึ่งระบุว่านายโจโคอาจเป็นผู้ช่วยเหลือประชาธิปไตยในทวีปผิวเหลืองเอเชียที่กำลังอยู่ในภาวะสิ้นหวัง โดยใช้นโยบายประชานิยมแต่ไม่โกงเหมือนผู้นำอื่นๆ ในเอเชีย ยิ่งเมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ไม่ว่าจะที่พม่า กัมพูชา มาเลเซียรวมทั้งไทยแลนด์แดนแค่นยิ้ม

Jokowi เป็นตัวอย่างหนึ่งของการที่จะประสบความสำเร็จและการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ซึ่งเกิดจากผลงานของตนเองที่ได้ทำมา แต่ Jokowi จะเป็นของจริง “อัญมณีแห่งเอเชีย” หรือไม่ อนาคตจะเป็นผู้ให้คำตอบ

บทความ Joko  Widodo  ( Jokowi )

   ปัจจุบัน ประชาชนในประเทศแถบอาเซียน เริ่มตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีความรู้มากขึ้นประชาชนเริ่มรู้สิทธิของตนเองจะเห็นได้ว่าประเทศในอาเซียน เริ่มมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารโดยการประท้วงของประชาชน อาจจะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง เช่น ฟิลิปิน เขมร พม่า อินโดนีเซีย รวมทั้งไทยซึ่งผู้บริหารในอดีตเหล่านี้ ล้วนมีปัญหาจากการคอรัปชั่น และให้ญาติพี่น้องหรือพวกพร้องตัวเองทำธุรกิจครอบงำประเทศ มีเงินมากในการซื้อเสียงแต่ถึงจะปรับเปลี่ยน ผู้บริหารประเทศสำเร็จ ก็จะมีกลุ่มทุนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศในรูปแบบเดิม ทำให้การกระจายรายได้และการพัฒนาประเทศไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แล้วก็จะมีทางฝ่ายค้านและประชาชนรวมตัวกันขึ้นมาประท้วงอีกเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     อนาคตถ้านักการเมืองสามารถตัดผลประโยชน์ตัวเองและครอบครัวออกไปก็จะได้รับความนิยมชมชอบมากขึ้น เพราะประชาชนเริ่มรู้และเข้าใจ และยอมรับไม่ได้กับการคอรับชั่นเช่นประเทศอินโดยนิเซีย ที่มีนักการเมืองหน้าใหม่ที่ประชาชนเริ่มให้การยอมรับ Jokowi ที่เป็นนักบริหารที่ไม่นำธุรกิจส่วนตัวหรือเครือญาติ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ และควบคุมดูแลลูกน้องในบังคับบัญชาไม่ให้มีการคอรัปชั่น ทำให้โครงการที่ทางรัฐทำมีความโปร่งใสและเกิดความยุคิธรรม เกิดผลสำเร็จมากขึ้น จึงเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

    ถ้าจะให้ดีควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อปิดช่องและป้องกันไม่ให้นักการเมืองหรือหน่วยงานของรัฐเข้ามาคอรับชั่นได้ง่าย และมีบทลงโทษที่แรงขึ้นเพื่อเป็นการปรามไว้ อย่างประเทศจีนหรือเวียตนามที่มีโทษถึงประหารชีวิตซึ่งการคอปชั่นในประเทศแถบอาเซียน ทำกันมายาวนานจนเป็นวัฒธรรมทำให้นักการเมืองหรือประชาชนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ และถูกต้องชอบธรรม เช่นการชักเปอร์เซ็นต์หัวคิวงานซื้อจ้างต่างๆ   การซื้อเสียง   การส่งส่วยให้หน่วยงานรัฐ  การซื้อตำแหน่ง จะเห็นได้จากผลสำรวจเรื่องนี้จากต่างชาติ ประเทศกลุ่มอาเซียน มีลำดับอยู่ค่อนข้างแย่มากเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาของคนในประเทศ  และความเจริญได้

การบ้านพิเศษ : บทเรียนจากความจริง ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า 

บทความเรื่อง มารู้จัก Joko Widodoหรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องราวชีวประวัติของ Jogowi คือ ความเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและจริยธรรม ตลอดจนจิตสำนึกพื้นฐานของการเป็นนักการเมืองที่อุทิศตน มุ่งมั่นพัฒนาประเทศ และความจริงใจ สังเกตุได้จาการที่เขาห้ามญาติพี่น้องทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริหารอยู่  กอรปกับ การเป็นคนเรียบง่าย ติดดิน สร้างผลงานเชิงประจักษ์ เห็นแก่ประโยชน์ประเทศมากกว่าส่วนตน ทำให้เขาก้าวจากนายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆสู่การเป็นประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซียได้อย่างสง่างาม และเป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นของสังคม

อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็น "นักการเมืองเพื่อประชาชน"  โดยแท้ ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองไทยในปัจจุบันที่ล้วนแล้วแต่เป็น "นักธุรกิจการเมือง" ภายใต้ทุนนิยมสามานย์ที่ฝังรากลึก

สรุปการเรียนรู้จากการอบรม EADP 10

29-30 เมษายน 2557

1.ถอดบทเรียนการเรียนรู้ประสบการณ์อดีต ผวก. กฟผ. คุณไกรสีห์ กรรณสูต และคุณสมบัติ ศานติจารีย์

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในบทบาทการบริหารจัดการตามสุถาการณ์ภายใต้วิกฤติแปรรูปรัฐวิสาหกิจตามนโยบายรัฐบาล การเป็นผู้บริหารที่มีคุณธรรมและโปร่งใส ส่งผลให้ได้รับการยอมรับ ศรัทธา และได้รับความร่วมมือ จากผู้บริหารและหน่วยงานภายในจนสามารถคลี่คลายสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในองค์กร ขณะที่ต้องประสานกับภาครัฐในการดำเนินนโยบายและนำเจ้าจดทะเบียนได้ ขณะที่ยุคต่อมาการบริหารงานที่เน้นการนำเรื่อง CSR และการบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเห็นคัดค้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ เข้ามาเป็นยุทธศาสตร์ ช่วยให้เกิดการเรียนรชู้กันและลดช่องว่างระหว่างกัน ช่วยเพิ่มพูนสัมพันธภาพที่ดีและส่งผลดีต่อการดำเนินงาน

2.สำหรับเรื่องบุคลิกนักบริหารรุ่นใหม่

สิ่งที่ได้เรียนรู้เป็นการวางตัวทางสังคมในฐานะนักบริหารที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการมีบุคลิกภาพที่ดีและมารยาทในการเข้าสังคม อันจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ในการเป็นนักบริหาร

3.กรณีศึกษาดูงานบริษัทกีฟฟารีน

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจการธุรกิจขายตรงที่ตอบสนองต่อวิถีและคุณภาพชีวิตของคน ภายใต้การเป็นนักบริหาร ซึ่งสอดคล้องตาม White Ocean ในการยึดความซื่อสัตย์สุจริต การมีธรรมาภิบาล ผสานกับระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐานสากล จนเป็นที่ยอมรับทั้งในตัวผู้บริหารและตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เน้นการรับผิดชอบและคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้เติบโตต่อเนื่อง และความสามารถในการบริหารภายใต้ภาวะวิกฤติต้มยำกุ้งและมหาอุทกภัย โดยเฉพาะในด้าน CSR ที่มีต่อพนักงานขององค์กร จนทำให้เกิดเป็นศรัทธาและความภักดีของคนในองค์กร อันเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนและการเติบโตขององค์กรที่น่าชื่นชม

4.ถอดบทเรียนการเรียนรู้จากบทความ อ.จีระ เรื่องอนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในบทบาทการเป็นผู้นำของ JOWIDODO คือการเข้าสู่บทบาทการเป็นผู้นำบนหลักการตอบแทนคุณแผ่นดิน ประกอบการเข้าถึงประชาชน และมุ่งสร้างผลงานการพัฒนาในด้านต่างๆบนพื้นฐานชองประโยชน์ส่วนรวม จนเป็นที่ประจักษ์ทำให้นำไปสู่การได้รับกาความเชื่อมั่น ศรัทธา และยอมรับจากประชาชน

โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานและการทำ CSR ของ กฟผ. ซี่งสามารถนำหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตที่ต้องปรับยุทธศาสตร์ในการให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมและเข้าถึงประชาชน รวมถึงสื่อสารให้เกิดการรับรู้เชิงประจักษ์อันจะนำไปสู่การเชื่อมั่นในองค์กร และการยอมรับต่อการพัฒาและการเปลี่ยนแปลงในที่สุด

การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

29 เมษายน 2557

ภาคเช้าPanel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย อดีต ผวก. กฟผ. คุณสมบัติ ศานติจารี

สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการในภาวะวิกฤต

-มีแผนสำหรับแก้ไขเหตุการณ์เมื่อเกิดวิกฤต

-การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในภาวะวิกฤต

-ผู้นำเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเมื่อเกิดวิกฤต

เมื่อเกิดวิกฤต

-ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

-บรรเทาหนักให้เป็นเบาโดยการวางแผนล่วงหน้า

-แก้ไขโดยเร็ว โดยใช้ข้อเท็จจริง ห้ามลำเอียง

-ตอบคำถาม อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส

-ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

-เมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องรายงานให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบทราบในทันที

ข้อแนะนำ

-ควรมีการซ้อมแผนภาวะวิกฤตอย่างสม่ำเสมอ

-เมื่อเกิดภาวะวิกฤตต้องสื่อสารให้พนักงานทุกคนได้รับรู้โดยเร็ว

-สื่อสารให้สังคมรับรู้โดยเร็วเพื่อแสดงความจริงใจ

-ผู้บริหารควรมี Leadership ทุกด้านไม่เฉพาะด้าน Engineer

-ต้องสื่อสารให้สังคมรับรู้ปัญหาของเรา สื่อสารให้โดนใจสังคม

-สร้างสัมพันธ์กับ NGO

-ให้สหภาพแรงงานมีส่วนร่วมในการสื่อสารกับพนักงานและสังคม

-แสดงศักยภาพให้เห็นว่าหน่วยงานมีประสิทธิภาพ

-ควรเรียนรู้เรื่องการตลาดเพราะนำมาใช้ในการแก้ไขภาวะวิกฤตได้

โดย อดีต ผวก.กฟผ. คุณไกรสีห์ กรรณสูต

ได้พูดถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง ผวก.กฟผ. เรื่องการประท้วงของพนักงานโดยการแปรรูป กฟผ. ไปเป็นบริษัทเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเล่าที่มาขอการประท้วงมาจากพนักงานกลุ่มหนึ่งชื่อกลุ่มดอกไม้ขาว รวมตัวประท้วงจากกลุ่มเล็กและขยายเป็นกลุ่มใหญ่ จน ผวก. ในสมัยนั้นคือ คุณสิทธิพร รัตโนภาส ต้องลาออก ทำให้คุณไกรสีห์ฯ ได้รับเลือกมาเป็น ผวก. เพื่อแก้ไขสถานะการณ์ โดยตั้งคณะทำงาน 2 ชุด

ชุดที่ 1 คณะทำงานประสานความเข้าใจในองค์กร

ชุดที่ 2 คณะทำงานข้อหาเท็จจริงในการประท้วง

ผวก. ได้ทำการคัดเลือกคนที่มีศักยภาพทุกสายงานมาเป็นคณะทำงาน ใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ, Egat TV. วารสารรายวัน-รายสัปดาห์ จ้างที่ปรึกษาให้กับคณะทำงาน โดยให้คำแนะนำ หาข้อมูลในเชิงลับ และหาสาเหตุที่ประท้วง เพื่อหาทางออก พบสาเหตุที่พนักงานประท้วงเรื่องใหญ่ ๆ คือ

1.ไม่ต้องการให้ขายสมบัติชาติ

2.ขาดความมั่นคงในอาชีพ

3.กลัวนักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์

4.ทำให้ศักดิ์ศรีพนักงานน้อยลง

กลยุทธ์ในการสื่อสาร

-ผวก. แสดงตัวว่าไม่มีผลประโยชน์ ไม่ใช่คนของนักการเมือง ตรงไปตรงมา สร้างแนวร่วม ทุกคนต้องคิดร่วมกันเพื่อหาทางออกไม่ใช่เฉพาะผู้บริหาร ให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร การสร้างโรงไฟฟ้าต้องพึ่งรัฐบาล ไม่มีการปลดพนักงาน สร้างงานให้มากขึ้น ขยายงาน (เชื้อเพลิง,สื่อสาร Fiber Optic, Egat Telecom)

-ออกแบบสำรวจถึงพนักงานทุกคน ให้แสดงถึงความต้องการที่จะให้ กฟผ. เป็นอย่างไร

-ทำ Public Hearing

-มีการเจรจากับสหภาพโดยใช้ความเมตตา เพราะทุกคนปราถนาดีต่อองค์กร

ภาคบ่ายLearning Forum & Practice หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

First Impression - Look 55%

- Sound 38%

- Word 7 %

Image (ภาพลักษณ์ภายนอก)

oการแต่งตัว

oมาดดี

oพูดจาดี

oรู้จักกาลเทศะ

oอารมณ์ดี

3 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

oสีสันการแต่งตัว

oสัดส่วน

oเส้นสาย

สีโทนร้อน

oแดง

oเหลือง

oชมพู

oส้ม

สีโทนเย็น

oเขียว

oขาว

oเทา

oม่วงแดง

oม่วงอ่อน

แสดงมารยาทบนโต๊ะอาหาร

oการนั่ง

oการวางช้อน

oการใช้ช้อน,มีด

oการกิน

oการใช้ผ้ากันเปื้อน

oการใช้แก้ว

oบุคลิกท่าทาง

เรียนรู้

oการไหว้ที่ถูกต้อง

oการแนะนำตัว

oการรดน้ำสังข์

oการอวยพร

oการแต่งกายให้ดูดีเป็นผู้บริหาร

หลักในการปฏิบัติเพื่อให้บุคลิกภาพดูดี

oการให้เกียรติ

oความปลอดภัย

oสะดวกสบาย

oอัธยาศัยไมตรี

oระเบียบเรียบร้อย

30 เมษายน 2557

ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

กิฟฟารีน ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2539 โดย พญ.นลินี ไพบูลย์ ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านบาท มีทรัพย์สินโดยรวม 7,000 ล้านบาท

วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้วยการบริหารจัดการแบบ ธรรมาภิบาลที่จะสร้างสรรค์ความสุข ความภาคภูมิใจ และความมั่นคงให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งแก่พนักงาน นักธุรกิจกิฟฟารีน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม

การพัฒนาบุคลากร

กิฟฟารีนมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรของชาติให้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งนักธุรกิจและสมาชิกรวมกันกว่า 6.5 ล้านคน และพนักงานกว่า 1,800 คน ในโรงงานและศูนย์ธุรกิจกว่า 113 แห่ง

ผลิตภัณฑ์

กิฟฟารีน ผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย และอาหารสวัสดิการ เป็นจำนวนกว่า 2,000 รายการ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัย

โรงงานกิฟฟารีนใช้งบลงทุนสร้าง 700 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร สามารถรองรับกำลังผลิตได้ถึง 20,000,000 ชิ้น/เดือน รองรับยอดขายได้ถึง 20,000 ล้านบาทต่อปี ดำเนินงานโดยบุคลากรมืออาชีพกว่า 700 คน

โรงงานผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และกลุ่มยาแผนโบราณให้แก่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งงานในส่วนห้องปฏิบัติการกลางหรือ Control Lab ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 

การบ้านคุณศานิต นิยมาคม

สรุปการเรียนรู้จากการอบรม EADP 10

29-30 เมษายน 2557

1.ถอดบทเรียนการเรียนรู้ประสบการณ์อดีต ผวก. กฟผ. คุณไกรสีห์ กรรณสูต และคุณสมบัติ ศานติจารีย์

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในบทบาทการบริหารจัดการตามสุถาการณ์ภายใต้วิกฤติแปรรูปรัฐวิสาหกิจตามนโยบายรัฐบาล การเป็นผู้บริหารที่มีคุณธรรมและโปร่งใส ส่งผลให้ได้รับการยอมรับ ศรัทธา และได้รับความร่วมมือ จากผู้บริหารและหน่วยงานภายในจนสามารถคลี่คลายสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในองค์กร ขณะที่ต้องประสานกับภาครัฐในการดำเนินนโยบายและนำเจ้าจดทะเบียนได้ ขณะที่ยุคต่อมาการบริหารงานที่เน้นการนำเรื่อง CSR และการบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเห็นคัดค้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ เข้ามาเป็นยุทธศาสตร์ ช่วยให้เกิดการเรียนรชู้กันและลดช่องว่างระหว่างกัน ช่วยเพิ่มพูนสัมพันธภาพที่ดีและส่งผลดีต่อการดำเนินงาน

2.สำหรับเรื่องบุคลิกนักบริหารรุ่นใหม่

สิ่งที่ได้เรียนรู้เป็นการวางตัวทางสังคมในฐานะนักบริหารที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการมีบุคลิกภาพที่ดีและมารยาทในการเข้าสังคม อันจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ในการเป็นนักบริหาร

3.กรณีศึกษาดูงานบริษัทกีฟฟารีน

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจการธุรกิจขายตรงที่ตอบสนองต่อวิถีและคุณภาพชีวิตของคน ภายใต้การเป็นนักบริหาร ซึ่งสอดคล้องตาม White Ocean ในการยึดความซื่อสัตย์สุจริต การมีธรรมาภิบาล ผสานกับระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐานสากล จนเป็นที่ยอมรับทั้งในตัวผู้บริหารและตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เน้นการรับผิดชอบและคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้เติบโตต่อเนื่อง และความสามารถในการบริหารภายใต้ภาวะวิกฤติต้มยำกุ้งและมหาอุทกภัย โดยเฉพาะในด้าน CSR ที่มีต่อพนักงานขององค์กร จนทำให้เกิดเป็นศรัทธาและความภักดีของคนในองค์กร อันเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนและการเติบโตขององค์กรที่น่าชื่นชม

4.ถอดบทเรียนการเรียนรู้จากบทความ อ.จีระ เรื่องอนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในบทบาทการเป็นผู้นำของ JOWIDODO คือการเข้าสู่บทบาทการเป็นผู้นำบนหลักการตอบแทนคุณแผ่นดิน ประกอบการเข้าถึงประชาชน และมุ่งสร้างผลงานการพัฒนาในด้านต่างๆบนพื้นฐานชองประโยชน์ส่วนรวม จนเป็นที่ประจักษ์ทำให้นำไปสู่การได้รับกาความเชื่อมั่น ศรัทธา และยอมรับจากประชาชน

โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานและการทำ CSR ของ กฟผ. ซี่งสามารถนำหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตที่ต้องปรับยุทธศาสตร์ในการให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมและเข้าถึงประชาชน รวมถึงสื่อสารให้เกิดการรับรู้เชิงประจักษ์อันจะนำไปสู่การเชื่อมั่นในองค์กร และการยอมรับต่อการพัฒาและการเปลี่ยนแปลงในที่สุด

การบ้านคุณสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล EADP#10 Group 4

Assignment EADP รุ่นที่ 10 สรุปบทความ Joko Widodo

Jokowi เป็นคนรุ่นใหม่ อายุเพียง 52 ปี มีลักษณะที่เป็นคนติดดิน เพราะเป็นคนต่างจังหวัดซึ่งแตกต่างจากผู้นำอินโดนีเซียคนก่อนๆ ที่ค่อนข้างเป็นคนมีฐานะ ทำให้ได้รับความสนใจจากประชาชน Jokowi สามารถสร้างความแตกต่างได้ เพราะมีพื้นฐานในการคิด วิเคราะห์ที่ดี เพราะจบวิศวกรรมศาสตร์ จึงได้เปรียบในการคิดเชิงวิเคราะห์ ในเรื่องต่างๆ เมื่อเทียบกับคนที่จบสาขาอื่นๆ ที่สำคัญ Jokowi ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การเมืองของไทยที่มีปัญหา แม้แต่การเมืองในอินโดนีเซียปัจจุบัน จึงคิดได้ว่า “ห้ามญาติ พี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริการเด็ดขาด” จึงทำให้เขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกรุง Jakartaเป็นคนดีที่ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

ดังนั้น ถ้า กฟผ. ต้องการให้ประชาชนสนใจและยอมรับ กฟผ. จะต้องสร้างความแตกต่างให้ประจักษ์ และ กฟผ. ต้องรู้จัก วินิจฉัย วิเคราะห์ปัญหา รู้วิธีป้องกัน ไม่เดินไปในปัญหาเดิมๆ อย่างไรก็ตาม Jokowi ก็ยังหนีไม่พ้นนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็น นโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakarta หรือ นโยบายให้ประชาชนชาวเมือง Jakarta มีบริการการแพทย์เสรี แค่ก็อาจจะว่าเค้าได้ไม่เต็มปากนักว่าเป็นนโยบายประชานิยม เพราะประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก (มากถึง 200 ล้านคน) สำหรับประเทศไทย การเมืองไทยในอนาคต เราต้องการคนดี คนกล้า คนเก่ง มาเป็นผู้นำ และที่สำคัญต้องไม่มีธุรกิจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นอีก โกงบ้านโกงเมือง ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้นำที่เป็นผู้อาสามาทำงาน ไม่ใช่เป็นอาชีพนักการเมือง อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คนไทยเริ่มตื่นตัวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศและคนในสังคมอย่างไรหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัญญาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และการเป็นข้าราชการที่ดีนั้นต้องทำงานรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีให้กับประเทศ ไม่ใช่รับใช้นักการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก

การบ้านคุณสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล EADP#10 Group 4

วันที่ 29 เมษายน 2557-30 เมษายน 2557

วันที่ 29 เมษายน 2557

หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

โดย คุณสมบัติ ศานติจารี และ คุณไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

คุณสมบัติ ศานติจารี

ความเสี่ยงมีไม่ซ้ำแบบ ตอนนี้มีความเข้มงวดจากองค์กรอิสระมากขึ้น

การสื่อสารเป็นหัวใจของภาวะวิกฤติ ต้องรายงานให้สังคมรับรู้ฉับพลัน โดยสรุป และตรงไปตรงมา

1.ห้ามโทษผู้อื่น 2.อย่าให้ความเห็นที่เดา 3.ตอบทุกสื่อ 4. ห้ามลำเอียง

ถ้านิ่ง ไม่ตอบสื่อมวลชน เขาจะคิดว่าจริง ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องกำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน การทำการตลาดเพื่อสังคมสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำให้อิงกับสังคม เกิดเหตุ ต้องให้ผู้บริหารรู้ทันที ผู้บริหารต้องแจ้งสายบังคับบัญชาเพื่อจำกัดความเสียหาย การสื่อสารเป็นหัวใจแก้วิกฤติ มอบคนเดียวให้เป็นผู้รู้เรื่องแล้วสื่อออกไป

คุณไกรสีห์ กรรณสูต

เมื่อปี 2547 ตอนผมเป็นผู้ว่าการ รัฐบาลมีนโยบายให้กฟผ.เป็นรัฐวิสากิจรายแรกที่จะแปรรูป

ผมสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา

  • การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก
  • ต้องสื่อสารให้เข้าใจทั้งพนักงาน กฟผ. และสื่อภายนอก
  • ต้องเตรียมข้อมูลให้ดีทั้งเชิงลับและแจ้ง
  • สื่อทุกรูปแบบ เช่น เสียงตามสายEGAT TV ข่าวรายวัน ข่าวรายสัปดาห์ ฯลฯ
  • การตั้งคณะทำงาน ต้องเลือกบุคลากรให้มาช่วยทำงาน และคอยติดตามเหตุการณ์ทุกระยะ
  • บทบาทของผู้นำ
  • สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร (ไม่เป็นพนักงานของนักการเมือง ต้องพิสูจน์ตัวเองให้พนักงานเห็น)
  • ยึดประโยชน์ของ กฟผ. เป็นที่ตั้ง
  • การสื่อสารต้องพูดตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน
  • ไม่โยนภาระการแก้ไข หาจุดร่วมในการแก้ไข
  • พูดให้คลายกังวล จะไม่มีผลกระทบกับพนักงาน
  • ต้องมีขันติ เจรจาได้ทั้งกลุ่มผู้ประท้วง สหภาพ และประสานกับหน่วยงานรัฐ รู้จักประนีประนอม
  • หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    Image คือภาพลักษณ์ภายนอก ซึ่งประกอบด้วย การแต่งกาย และเครื่องใช้ตาง ๆ ที่แสดงถึง รสนิยมที่ดี ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า รวมทั้งท่วงท่า กริยานั่ง ยืน เดิน นั่ง รับไหว้ เป็นต้น

    -สิ่งที่ต้องคำนึงถึงประกอบด้วย

    1) การแต่งตัว

    2) มาด ผู้ชายมาดดีเมื่อใส่สูท หากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน ปล่อยเม็ดล่าง หากมีกระดุม 3 เม็ด ติดกระดุมเม็ดบน หรือเม็ดกลาง ปล่อยเม็ดล่าง

    3) อารมณ์ดี

    4) กาลเทศะ

    5) พูดจาดี

    - องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

    1) สีสัน- สีขาว = ความสมบูรณ์ สีเทา = ความเป็นทางการ สีม่วงแดง = ผู้สูงศักดิ์ โรแมนติก ศักดิ์สิทธิ์ ผิวสองสี ไม่ควรใส่สี คล้ำๆ สีกรมท่า สีดำปนเขียวขี้ม้าหม่นๆ

    2) เส้นสาย การเลือกเสื้อที่มีเส้นสาย สามารถอำพรางรูปร่างได้ การใส่กางเกงยีนส์ใส่ยาก เพราะมีเส้นนำสายตาหลายตำแหน่งจึงต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตนเอง

    - ผู้บริหารต้องใส่ใจ ให้ความสำคัญกับสไตล์การแต่งกาย นอกจากเสื้อ กระโปรงกางเกงแล้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับอื่นก็สำคัญด้วย ได้แก่ กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เนคไท นาฬิกา ต่างหู ฯลฯ

    - มารยาทบนโต๊ะอาหาร

    1) อย่าพูดขณะรับประทานอาหาร

    2) มีทิชชู่ติดตัวเสมอ

    3) การนั่งบนโต๊ะอาหาร ไม่มีการแจกนามบัตร

    4) นั่งตามชื่อที่ตั้งไว้บนโต๊ะ

    5) แก้วใบใหญ่ คือแก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเรามากที่สุด

    6) วิธีจับแก้วไวน์ใช้ 3 นิ้ว

    7) การหยิบ ช้อน ส้อม มีด หยิบจากที่อยู่ด้านนอกก่อน

    วันที่ 30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

    โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์ แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    - บริษัทกิฟฟารีนก่อตั้งเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปัจจุบันปีละ 5,000 ล้านบาท

    -โรงงานกิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

    -มีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค

    -มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ

    -มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือก Supplier สู่การนำมาทดลอง ศึกษาและวิจัย และมีการตรวจสอบ

    หัวใจของกิฟฟารีน

    1. โรงงานผลิตเครื่องสำอาง มาตรฐาน ISO 9001 : 2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ เภสัชกร

    เครื่องสำอาง มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัท DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล

    2. โรงงานผลิตอาหาร ใช้มาตรฐาน GMP ,HACCP , Halal ควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์อาหาร ผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่หลากหลาย

    3. ห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab)เพื่อตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัย อาหาร อาหารเสริม ยา ผลิตภัณฑ์ครัวเรือน เพื่อตรวจสอบคุณภาพ ทางเคมี และการปนเปื้อนเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบทุกขั้นตอน ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้รับใบรับรอง ISO 17025 และการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม และน้ำเสียในระดับสากล ซึ่งถ้าโรงงานที่จะร่วมกันต้องได้รับมาตรฐาน ISO 17025 ด้วยเช่นกัน

    -กิฟฟารีนชื่อมาจากน้องกิฟกับฟ้า เป็นลูกของหมอนลินี

    -ก่อนทำกิฟฟารีนคุณหมอนลินี (หมอต้อย)ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทสุพรีเดอร์ม กับคุณหมอมั่น แต่เมื่อคุณหมอนลินีหย่ากับคุณหมอมั่น จึงได้มาก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน โดยก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทกิฟฟารีน คุณหมอนลินีฝันเห็นพระสุพรรณกัลยาจึงไปที่อนุสาวรีย์พระสุพรรณกัลยาขอพรเพื่อเป็นแรงบันดาลใจว่าจะขอตั้งบริษัท โดยจะสร้างบริษัทถวายและขอให้สร้างได้สำเร็จ เลยเมื่อได้สร้างสำเร็จจึงถวายให้พระสุพรรณกัลยาตามที่ได้ขอไว้

    -กิฟฟารีนเป็นบริษัทขายตรงแบบสหกรณ์ ที่แท้จริง มาจากแนวความคิดที่ว่าสินค้าโดยทั่วไปต้องเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ประมาณ 50-60% ดังนั้น กิฟฟารีนจึงคิดรูปแบบทำแบบสหกรณ์ แบ่งหัก 5% ให้สมาชิกตามเงินปันผลของยอดซื้อ โดยรวมแล้ว 40-50% จะคืนให้สมาชิก

    -หมอนลินีดูแลการขายและ Marketing โดยมีการขยายตลาดที่ไทย พม่า ลาว เวียดนาม

    -ส่วนที่นี่เป็นโรงงานผลิต สร้างให้บริษัทที่ทำการตลาด

    -กิฟฟารีน มีแนวคิดว่าต้องอยู่ด้วยความดี เท่านั้น และความถูกต้องที่คุ้มครองเรา ทำให้ทุกคนมีความสุข

    -กิฟฟารีนเป็นขายตรงที่คืนของได้ตลอดเวลา คืนฟรี รักษาให้ด้วย

    -มีความรับผิดชอบอย่างสูง สรุปคือสินค้าต้องมีคุณภาพดีและมีผู้แพ้สินค้าน้อยราย

    -ปัจจุบันมีสมาชิก 6,000,000 รหัส

    -คุณหมอใจทิพย์ ดูแลต่างประเทศ Brand Pattrena เป็นแบรนด์ที่ผลิตให้กับต่างประเทศ

    กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัยและแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

    - ครั้งที่แล้ว กำหนดหัวข้อ และกรอบการศึกษา และมอบหมายให้เก็บข้อมูล

    - ครั้งนี้ นำเสนอผลการศึกษา โดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้

    - เสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา

    - นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปสู่การพัฒนาองค์กรโดยการนำเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา EGAT

    หัวข้อวิจัย

    1.การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณีโครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

    2.ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.

    3.ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

    4.ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    5.ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

    6.ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

    7.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

    ของกลุ่ม 4 ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานกฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติม

    -การสำรวจภายนอกมีมาก มีผลการศึกษาวิจัยมา 5-10 ปี แต่ยังไม่มีใครมองถึงปัญหาที่เกิดภายใน ทั้งปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    -ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากทัศนคติ เลยนำเอาข้อมูลการศึกษาวิจัยทั้ง 4 ชิ้น

    -Gap analysis การรับรู้ข่าวสารแบบไกลปืนเที่ยง

    -ปัญหางานจาก Silo มีข้อเสียคือไม่สามารถแยกงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้

    -อยากหาข้อมูลว่าสิ่งที่กลุ่มคิดมีนัยมากน้อยแค่ไหน

    อ.กิตติ: การรับรู้ของคน กฟผ.ส่วนกลางและภูมิภาคจะแตกต่างกันทั้งข้อมูล และความรู้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อทัศนคติ ซึ่งเชื่อมโยงกับการสื่อสารภายในองค์กรด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นของกลุ่มที่ 6

    - การใช้เสียงตามสายอาจเข้าไปถึงส่วนภูมิภาค

    - วัฒนธรรมองค์กรของภูมิภาคและส่วนกลางต่างกัน อาจจะมีผลต่อทัศนคติ

    กลุ่ม 4 ต้องกำหนดให้ชัดว่าสามารถเอาข้อมูลมาจากที่อื่นได้อีกหรือไม่ สมมติฐานบอกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนกลางมีทัศนคติที่มีมากกว่าผู้ปฏิบัติงานส่วนภูมิภาค อยากจะขอให้ปรับจุดนี้ เพราะดูเป็นเชิงลบมากเกินไป

    -ผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. คือใคร

    -เก็บข้อมูลอย่างไร

    -สมมติฐาน

    -ผลที่ได้รับมีทัศนคติเป็นอย่างไร

    -เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างไร

    -นอกจากเครื่องมือแล้ว ยังมีเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ทัศนคติต่างกัน

    -เลือกเรื่องที่เป็นไฮไลท์ และทำได้ง่าย และสามารถต่อยอดได้

    -ข้อเสนอแนะควรเป็นรูปธรรม

    นายสมบูรณ์ ดำรงสุสกุล EADP#10 Group 4

    การบ้านกลุ่ม 2

    สรุปบทที่ 2 หนังสือ Dogfright

    ในตอนต้นของบทความจะพูดถึง Silicon Valley ซึ่งเป็นสถานที่บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ ตั้งอยู่รวมทั้งออฟฟิศของ Google บทความได้อธิบายบรรยากาศสถานที่ทำงานของ Google ว่ามีการให้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่พนักงานไม่ว่าอุปกรณ์สำนักงาน ร้านอาหาร ห้องน้ำ สถานที่ออกกำลังกาย wifi ซึ่งดูไม่ต่างอะไรกับการอยู่ที่บ้านตนเองเลย นั่นเป็นความตั้งใจของ Google ที่จะให้พนักงานมีความสบายใจในการทำงานไม่ถูกปิดกั้น และส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมหรืออุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยี

    ในส่วนต่อมาได้พูดถึงว่า Google ได้กำลังทำโครง Android ที่จะนำมาใช้เป็น Operating System ใน Smart phone ซึ่งในขณะนั้นปี 2005 – 2007 โครงการดังกล่าวยังเป็นความลับ มีการระดมสมองของวิศวกรมาทำงานโครงการนี้เป็นเวลาติดต่อเป็นเดือนๆ เพื่อเขียนโปรแกรม ต่อรองการซื้อ Licenses ของ Software รวมทั้งติดต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ต้องการ โดยมีความต้องการที่จะเปิดเผย Android Project ภายในปลายปี 2007 แต่อย่างไรก็ตามแผนการดังกล่าวก็ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากการเปิดตัว iphone ของ Steve Job จากค่าย Apple

    การเปิดตัวของ iphone ทำให้ทาง Google ต้องปรับแผนกลยุทธ์สำหรับ Androidเพราะ iphone ได้ตอบโจทย์หลายอย่างของความเป็น Smart Phone ไม่ว่าจะเป็นการ download เพลงจาก itune และการโหลด application ที่เป็นการปฏิวัติทางด้านเทคโนโลยี Smart Phone ทีมงานของ Android ได้ทำงานกันมาก่อนหน้านั้นเป็นเวลาเพื่อเตรียมการต่างๆ และสามารถได้ประโยชน์จากการร่วมกับ Google ซึ่งทำให้สามารถใช้โปรแกรมต่างๆ เช่น Maps Youtube และโปรแกรมต่างๆ ของ Google ได้ แต่โปรแกรม Android ในตอนนั้นยังไม่มีการพัฒนาเป็น application ที่ใช้ใน tablet หรือ smartphone ได้ นั่นคือข้อแตกต่างกับ iphone ที่มี application พร้อมใช้กับ iphone เชื่อมต่อทาง Apple store หรือ itune

    ทีมผู้พัฒนา Android ได้พยายามพัฒนา Smart Phone ที่สามารถใช้ Android ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ Smart Phone รุ่น Prototype ที่ชื่อว่า Sooner ซึ่งรูปลักษณ์คล้าย Blackberry มีคีย์บอร์ดปุ่มอยู่ด้านล่าง มีหน้าจอขนาดเล็ก ซึ่งดูด้อยกว่าเมื่อเทียบกับ iphoneRubin ผู้พัฒนา Android และทีมของเขาได้ร่วมกับ HTC และ T-Mobile เพื่อพัฒนา Android Project โดยพวกเขาเชื่อว่าผู้ใช้งานจะสนใจความสามารถของโปรแกรม Android ที่เป็น Operating System มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของ Smart Phone แต่ในความเป็นจริง iphone ได้สร้างความสามารถที่เหนือกว่านอกจากรูปลักษณ์ภายนอก นั่นคือการใช้ปุ่มคีย์บอร์ดแบบเสมือนรวมทั้งใช้ปุ่มกดหน้าจอที่สร้างโดย Software ไม่มีปุ่มกดจริงเลย ทำให้หน้าจอ iphone มีขนาดใหญ่ขึ้น ปุ่มเสมือนจะโผล่ขึ้นมาเมื่อคุณต้องการจะสั่งงานในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเล่นเล่นเพลง ส่งข้อความ และอื่นๆ

    ทีมงาน Android ได้ทำการศึกษาระบบการทำงานของ iphone เพื่อหาจุดที่ iphone ไม่ได้สร้างความแตกต่างเมื่อเทียบกับโทรศัพท์มือถือทั่วๆ ไป พวกเขาตระหนักว่าประเมินวิสัยทัศน์ของ Steve Job ต่ำเกินไป Job รู้ว่าอุตสาหกรรมธุรกิจโทรศัพท์มือถือเป็นตลาดที่มีผู้ขายน้อยราย มีเพียงไม่กี่บริษัทที่เขียน Software เพื่อใช้บนเครื่องโทรศัพท์ เหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยมีผู้พัฒนา Software สำหรับโทรศัพท์มือถือเนื่องจากเมื่อมีการพัฒนาแล้วพวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งในขณะนั้นยังไม่มีมาตรฐานของอุตสาหกรรม Software ที่จะใช้กับโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ กัน Samsung อาจจะพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาสำหรับ Samsung แต่โปรแกรมนี้ก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้กับ Motorola หรือ Nokia ไม่มีใครอยากเขียน application ใหม่ทุกครั้งสำหรับ Mobile Phone รุ่นใหม่ที่ออกมาซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และการเขียน application นี้ไม่ได้สร้างกำไรเท่าไรนัก มีแต่จะใช้เงินเพิ่มมากขึ้นในการพัฒนา Software

    Microsoft เองก็ได้ทำ Windows CE mobile phones รวมทั้ง Software แต่ก็เป็นตลาดในวงแคบสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับ Mass Product อย่าง iphone Microsoft เองก็เป็นคู่แข่งขันของ Google ในตลาดของ Smart Phone โดย Microsoft จะบล็อกไม่ให้ผู้ใช้งาน Windows Mobile เข้าใช้งาน Search Engine ของ Google กรณีนี้เคยเกิดขึ้นกับ Netscape ที่ออกจากตลาดไปเมื่อ Microsoft นำ Internet Explorer ออกมาใช้อย่างแพร่หลายมากกว่า

    Rubin หัวทีมพัฒนา Android ได้พัฒนาโทรศัพท์ Sidekick ของ T-Mobile โดยตั้งค่าให้ Google เป็น Search Engine Rubin ได้เสนอโปรเจค Android พร้องโทรศัพท์ต้นแบบกับ Google โดยกล่าวมีโทรศัพท์มือถือขายมากกว่า 700 ล้านเครื่องแต่ละปี Android จะเข้ามาแก้ปัญหากับการที่ค่ายโทรศัพท์จะต้องพัฒนา Software ทุกครั้งที่มีโทรศัพท์ออกมาใหม่ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองมาก Android จะเป็น Platform มาตรฐานที่ใช้ร่วมกันได้กับโทรศัพท์ทุกค่าย Google ได้ซื้อโปรเจค Android ที่มูลค่า 50 ล้านดอลล่าร์ ในปี 2005 Rubin และทีมพัฒนา 7 คนได้เข้ามาร่วมทีมพัฒนา Android กับทาง Google

    ปัญหาประการหนึ่งของ Android คือ การเป็น Software ที่เป็นตลาดเฉพาะในวงแคบ (Niche Market) ยังไม่ได้เป็น Mass Product เหมือน iphone นั่นเป็นเหตุให้มีการหาพันธมิตรของผู้ผลิต Smart Phone อย่าง Samsung และประสบความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือกับ Samsung เมื่อ Google ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนทางด้านการเงินและ application ที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย Google ได้ให้ Rubin ได้ทำงานอย่างที่ต้องการ ให้ทรัพยากรทางการเงินและบุคลากรเพื่อทำให้ Android พัฒนากลายเป็น Software ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบน Smart Phone มีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องตัดสินใจว่าจะให้ AndroidCode กับผู้ผลิต Mobile Phone ซึ่งนำไปใช้กับ Mobile Phone ทุกรุ่นแบบเดียวกัน แต่ทางผู้ผลิตโทรศัพท์สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงอะไรบ้างบนหน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง

    Rubin ยังต้องการให้ Google ซื้อ licenses ของ Java system เนื่องจาก Android ต้องใช้การพัฒนาบน Java มากกว่า ปัญหาอีกด้านคือ Android จำเป็นต้องใช้Operating System ที่มีศักยภาพสูงกับ Phone Chip หรือ Processor (Hardware)เพื่อให้ใช้งานกับ Android ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา Smart Phone ที่มีความสามารถระดับนั้น iphone เองก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่อย่างน้อย iphone ก็ได้สร้าง Smart Phone ที่มีความสามารถใกล้เคียงอย่างที่ลูกค้าต้องการได้สำเร็จถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม

    ทีมพัฒนา Android พยายามที่ทำให้ Android มีความแตกต่างจาก iphone หรือ IOS รวมทั้งทำให้ Android มีความแพร่หลายมากกว่า โดย Rubin เชื่อว่าผู้ผลิตโทรศัพท์จะสามารถลดต้นทุนได้ 20 เปอร์เซ็นต์ในการพัฒนา Software ของตนเองโดยการใช้ Android อันที่จริงแล้ว Rubin และทีมงานเป็นกลุ่มแรกที่ได้พัฒนา Smart Phone ที่ใช้ Android ซึ่งสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้บนโทรศัพท์มือถือและดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้ได้ เพียงแต่พวกเขามาเร็วเกินไปที่จะมีคนยอมรับในตอนนั้นในแง่เงินลงทุนและ Hardware รวมทั้งค่ายโทรศัพท์ทั้งที่ความสามารถของ Android ไม่ได้ต่างจากIOS ของiphone เลย 

    การบ้านคุณสุทีป ธรรมรุจี

    Assignment EADP รุ่นที่ 10 บทเรียนความจริง ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

    สรุปบทความ Joko Widodo จากแนวหน้า

    • งานสงกรานต์ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างของทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของไทย เป็นประเพณีที่สะสมกันมาหลายร้อยปีทำให้ประเทศทั่วโลกรู้จักประเทศไทย ควรส่งเสริมและให้ความสำคัญกับประเพณีวันสงกรานต์ซึ่งให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่และบรรพบุรุษ การเป็นพุทธมามกะที่ดีตามหลักพุทธศาสนา
    • คนไทยเริ่มตื่นตัวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศและคนในสังคมอย่างไรหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัญญาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
    • การเป็นข้าราชการที่ดีคือต้องทำงานรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีให้กับประเทศ ไม่ใช่รับใช้นักการเมืองหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก
    • Joko Widodo คือนักการเมืองซึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมีจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่ การเป็นคนติดดินและเป็นกันเองกับประชาชน ไม่แสวงหาทรัพย์สินจากอำนาจที่ตนเองมี คิดและพัฒนาเมืองอยู่ตลอดเวลา มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนจากพรรคการเมืองให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย เป็นคนที่คิดและทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและห้ามมิให้พรรคพวกและเครือญาติของตนเองมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำงานให้กับประเทศ
    • เป็นผู้ดำเนินนโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินในเมือง Jakata ได้สำเร็จ และมีนโยบายด้านการแพทย์และระบบสาธารณสุขที่ดีแก่ชาวเมือง Jakata
    • เป็นคนดีที่ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง (รู้สึกอิจฉาประชาชนอินโดนีเซียเพราะนักการเมืองไทยไม่ค่อยมีแบบนี้)
    • การปฏิรูปทางการเมืองในอินโดนีเซียหลังยุคประธานาธิบดีซูฮาร์โต้ทำให้ได้นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีคุณภาพ มีคุณธรรมและจริยธรรม เข้ามาบริหารและทำงานให้กับประเทศ มองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก (นักการเมืองไทยควรดูไว้เป็นแบบอย่าง)

    โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

    หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

    การบ้านคุณสุทีป ธรรมรุจี

    Assignment EADP รุ่นที่ 10

    The Seattle Times , Local New - March 12,2014

    สรุปบทความ Well-paid young Seattle techie prefers giving to riches

    คำถาม: อ่านแล้วสรุปว่าได้อะไรจากบทความนี้

    คำตอบ: อ่านบทความแล้วสรุปได้ว่า

    • ความสุขและความสำเร็จในชีวิตไม่ควรวัดจากเงินที่คุณหาได้หรือทรัพย์สินที่คุณหาได้ แต่ควรดูว่าคุณได้อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นและสังคมอย่างไร เพราะความสุขจากการเป็นผู้ให้ย่อมดีกว่าเป็นผู้รับเสมอ
    • แนวคิดแบบวัตถุนิยมไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืน
    • การทำเพื่อคนอื่นย่อมดีกว่าการทำเพื่อตนเอง
    • การเสียสละทรัพย์สิน อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมที่ด้อยโอกาสเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนและกระตุ้นให้มีการปฏิบัติไปในวงกว้างเพื่อให้สังคมดีขึ้น

    คำถาม: อ่านแล้วเปรียบเทียบกับทุนนิยมสามานย์

    คำตอบ

    • ควรเร่งพัฒนาและปลูกฝังแนวความคิดที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่นและทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยเฉพาะกับเยาวชนรุ่นใหม่ให้พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ประเทศชาติในทิศทางที่ถูกต้อง คือ พอเพียง มั่นคง และยั่งยืน สร้างสมดุลให้กับความสุขของตนเอง ครอบครัว สังคม และรักษาสภาพแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามที่เป็นสมบัติของชาติให้กับชนรุ่นหลัง การสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลกันเพื่อประโยชน์สุขของการอยู่ร่วมกันในอนาคต
    • สังคมที่มีความเสียสละ เห็นอกเห็นใจกัน ย่อมมีความสุขมากกว่าสังคมที่แย่งชิงทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
    • พึงประพฤติปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่พอเพียง หากมีเหลือก็ให้เผื่อแผ่และบริจาคทรัพย์สินคืนกลับสู่สังคม และอุทิศตนเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม และประเทศ
    • เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า โลกนี้มีทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับมนุษย์ทุก ๆ คน แต่ไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการ (ความโลภ) ของคนเพียงคนเดียว (หากมีกิเลสในใจ มีเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ)

    โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

    หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

    การบ้านคุณสุทีป ธรรมรุจี

    หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

    ช่วงที่ 4 ผู้นำแห่งทศวรรษใหม่ ภาพลักษณ์องค์กร ระหว่างวันที่ 29 -30 เมษายน 2557

    วันอังคารที่ 29 เมษายน 2557

    หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ.กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    โดย อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต คุณสมบัติ ศานติจารี และคุณไกรสีห์ กรรณสูต

    ประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมสัมมนา

    ช่วงเช้า

    • ผู้นำมีความสำคัญมากในสถานการณ์วิกฤติ
    • ต้องมีการสื่อสารทันเวลาและตรงประเด็น
    • หากเกิดภาวะวิกฤติ ไม่ควรกล่าวโทษกัน ไม่ความให้ความเห็นที่เป็นการคาดเดา ควรให้เฉพาะที่เป็นข้อเท็จจริง ผู้นำต้องไม่ลำเอียง ตอบคำถามทุกคำถามและติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
    • ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบโดยเฉพาะในระหว่างการเกิดภาวะวิกฤต
    • ผู้นำควรมีที่ปรึกษาหลายด้านเพื่อสร้างมุ่งมองที่หลากหลายในการแก้ปัญหา
    • กรณีศึกษา ปี 2553 การผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี กฟผ.ปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการจนทำให้พื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ดังกล่าวคือ การสื่อสารให้ประชาชนรับทราบทั้งในพื้นที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดและประเทศล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์ หากมีเหตุเกิดขึ้นต้องรายงานให้ผู้บริหารระดับสูงทราบทันทีห้ามปิดบังข้อมูลและข้อเท็จจริงไว้ เพื่อให้ผู้บริหารมีข้อมูลเพียงพอสำหรับการสื่อสารและตอบคำถามประชาชนและรัฐบาล
    • การสื่อสารที่ดีจะเป็นหัวใจในการแก้ปัญหาจากภาวะวิกฤติ
    • ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
    • มีการเตรียมแผนสำรองและมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
    • ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจและรับผิดชอบ
    • ผู้นำต้องเข้าใจว่าภาวะวิกฤติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและอาจจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
    • มีการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ และปรับปรุงแผนได้หากมีเหตุจำเป็น
    • การแจ้งให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องรับทราบเกี่ยวกับแผนและมาตรการต่างๆ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและปฏิบัติตนได้ถูกต้องหากเกิดภาวะวิกฤติ
    • กรณีศึกษาเรื่องการนำ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งทำให้ผู้ว่าฯ สิทธิพรต้องลาออก และมีการเปลี่ยนผู้ว่าฯ เป็นคุณไกรสีห์เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน
    • สิ่งที่ผู้ว่าไกรสีห์ดำเนินการ คือ เลือกทีมงานที่มีศักยภาพซึ่งเป็นตัวแทนจะทุกหน่วยงานภายใน กฟผ.เข้ามาเป็นคณะทำงานและร่วมกันทำงาน โดยคุณสมบัติของทีมงาน ได้แก่ การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทัศนคติที่ดี สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
    • การว่าจ้างที่ปรึกษาหลายคณะเข้ามาให้คำแนะนำกับผู้บริหาร กฟผ.ในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น
    • วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมทั้งหมดและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของส่วนร่วม
    • การสื่อสารให้พนักงานในทุกระดับและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกันหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา
    • การสื่อสารกับสหภาพกฟผ.ให้เข้าใจในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายและสร้างเป้าหมายร่วมกันในอนาคต
    • การทำงานประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารโดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับชุมชน ต้องรวดเร็ว ทันเวลา เพื่อให้ชุมชนเกิดความไว้วางใจในการปฏิบัติงานของกฟผ.

    หัวข้อ บุคคลิกภาพของนักบริหารรุ่นใหม่

    โดย อาจารย์ ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    ช่วงบ่าย

    • ทราบเรื่องการแต่งกายสไตส์นักบริหารยุคใหม่ ทั้งบุรุษ และสตรี ให้มีกาลเทศะและเหมาะสมกับรูปร่างของตนเอง
    • ผู้บริหารควรตรงเวลา มีภาพลักษณ์ที่ดี ท่วงท่าที่สง่างามในการเดิน ยืน นั่งและการปรากฎตัวในที่สาธารณะ
    • ผู้บริหารควร พูดจาดี แต่งตัวดี รู้จักกาลเทศะ บุคคลิกภาพดี และมีอารมณ์ดี
    • องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคคลิกภาพ ได้แก่ สีสัน สัดส่วนและเส้นสาย
    • เข้าใจเลือกสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิวของตนเอง สีในโทนเย็น สีในโทนร้อน
    • การเลือกแต่งกายให้เข้ากับบุคคลิก รูปร่างของตนเอง เลือกใช้สีที่ถูกต้อง เส้นสายที่เสริมกับบุคคลิก
    • การยืน นั่งในท่าทางที่ถูกต้อง สวยงาม มั่นคง
    • มารยาทบทโต๊ะอาหาร การใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ที่ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ

    วันพุธที่ 30 เมษายน 2557

    สรุปการบรรยาย/ศึกษาดูงานด้านการบริหารและจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ ณ สำนักงานบริษัทกีฟฟารีน โดย นายแพทย์ จักรพงศ์ ไพบูลย์ และแพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    ประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมสัมมนาและดูงาน

    ช่วงเช้า

    • ทราบประวัติความเป็นมาของบริษัทกีฟฟารีน ปัจจุบันทียอดขาย 5000 ล้านบาทต่อปี มีสมาชิก 6 ล้านรหัส
    • โรงงานของบริษัทฯเน้นเรื่องการรักษาดูแลสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย การใช้เทคโนโลยีและการวิจัยพัฒนา
    • บริษัทกีฟฟารีนขยายตัวไปในตลาดต่างประเทศได้แก่ พม่า ลาว เวียตนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
    • แนวคิดของบริษัทฯ คือ ต้องอยู่ด้วยความดีงาม ความถูกต้อง และทำให้ทุกคนมีความสุข
    • บริษัทฯให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินค้า ปรับปรุงให้เหมาะสมและความต้องการของผู้บริโภค
    • เน้นการเติบโตอย่างมั่นคง สม่ำเสมอ และการสร้างสมดุลให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความสุข
    • การดูแลพนักงานเหมือนญาติมิตร เน้นการสื่อสารภายในองค์กร เน้นให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักองค์อร มีความสุขในการทำงานมากกว่าที่ต้องการผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว

    การนำเสนอผลงานโครงการวิจัย เชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

    โดยอาจารย์ กิตติ ชยางคกุล

    ช่วงบ่าย

    • การกำหนดหัวข้อโครงการวิจัย กรอบการศึกษา และการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
    • การนำเสนอผลการศึกษาในเบื้องต้น
    • การนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา กฟผ.
    • ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เจอ
    • อาจารย์ให้คำแนะนำแต่ละกลุ่ม เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้รอบด้าน
    • การหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน และสอดคล้องกับวัตถุสงค์ของการทำวิจัย

    โดย นายสุทีป ธรรมรุจี บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

    หลักสูตร EADP รุ่นที่ 10 กลุ่ม 2

    บทความ Joko Widodo ( Jokowi )

    ปัจจุบัน ประชาชนในประเทศแถบอาเซียน เริ่มตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีความรู้มากขึ้นประชาชนเริ่มรู้สิทธิของตนเองจะเห็นได้ว่าประเทศในอาเซียน เริ่มมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารโดยการประท้วงของประชาชน อาจจะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง เช่น ฟิลิปิน เขมร พม่า อินโดนีเซีย รวมทั้งไทยซึ่งผู้บริหารในอดีตเหล่านี้ ล้วนมีปัญหาจากการคอรัปชั่น และให้ญาติพี่น้องหรือพวกพร้องตัวเองทำธุรกิจครอบงำประเทศ มีเงินมากในการซื้อเสียงแต่ถึงจะปรับเปลี่ยน ผู้บริหารประเทศสำเร็จ ก็จะมีกลุ่มทุนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศในรูปแบบเดิม ทำให้การกระจายรายได้และการพัฒนาประเทศไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แล้วก็จะมีทางฝ่ายค้านและประชาชนรวมตัวกันขึ้นมาประท้วงอีกเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    อนาคตถ้านักการเมืองสามารถตัดผลประโยชน์ตัวเองและครอบครัวออกไปก็จะได้รับความนิยมชมชอบมากขึ้น เพราะประชาชนเริ่มรู้และเข้าใจ และยอมรับไม่ได้กับการคอรับชั่นเช่นประเทศอินโดยนิเซีย ที่มีนักการเมืองหน้าใหม่ที่ประชาชนเริ่มให้การยอมรับ Jokowiที่เป็นนักบริหารที่ไม่นำธุรกิจส่วนตัวหรือเครือญาติ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ และควบคุมดูแลลูกน้องในบังคับบัญชาไม่ให้มีการคอรัปชั่น ทำให้โครงการที่ทางรัฐทำมีความโปร่งใสและเกิดความยุคิธรรม เกิดผลสำเร็จมากขึ้น จึงเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

    ถ้าจะให้ดีควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อปิดช่องและป้องกันไม่ให้นักการเมืองหรือหน่วยงานของรัฐเข้ามาคอรับชั่นได้ง่าย และมีบทลงโทษที่แรงขึ้นเพื่อเป็นการปรามไว้ อย่างประเทศจีนหรือเวียตนามที่มีโทษถึงประหารชีวิตซึ่งการคอปชั่นในประเทศแถบอาเซียน ทำกันมายาวนานจนเป็นวัฒธรรมทำให้นักการเมืองหรือประชาชนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ และถูกต้องชอบธรรมเช่นการชักเปอร์เซ็นต์หัวคิวงานซื้อจ้างต่างๆ การซื้อเสียง การส่งส่วยให้หน่วยงานรัฐ การซื้อตำแหน่ง จะเห็นได้จากผลสำรวจเรื่องนี้จากต่างชาติประเทศกลุ่มอาเซียนมีลำดับอยู่ค่อนข้างแย่มากเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาของคนในประเทศและความเจริญได้

    ภูริวรรณ ซุ่ยรักษา

    อาจจะส่งมาช้าไป แต่อยากให้อ่านอะค่ะ (พี่ๆ บางท่านอาจจะได้อ่านแล้ว)

    'โอภาศ ธันวารชร'ผู้นำในวิกฤติเป็นแบบไหน?

    โดย : ลมลเพชร อภิสิทธิ์นิรันดร์

    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20140514/582156/โอภาศ-ธันวารชรผู้นำในวิกฤติเป็นแบบไหน-.html

    http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2014/05/13/images/news_img_582156_1.jpg

    ภาพประกอบข่าว

    ตลอดระยะเวลากว่า35  ปีในไทย'สยามคูโบต้า'บริษัทร่วมทุนไทย-ญี่ปุ่น ผ่ามรสุมเศรษฐกิจรอดตัวมาได้'โอภาส ธันวารชร'มองว่าเกิดจากส่งต่อการสร้างคน

    ท่ามกลางอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนระอุ  ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้านโยบายประชานิยมของรัฐบาล  ทำให้การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายดังกล่าว ได้รับผลกระทบ  ปรับตัวรับความเสี่ยง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว  ที่รัฐยังค้างชำระเงินค่าข้าวกับชาวนาเป็นเงิน กว่าแสนล้านบาท

    หนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบชัดเจนจากนโยบายนี้ คือ “สยามคูโบต้า” ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร ในไทยมานานกว่า 3 ทศวรรษ เพราะเมื่อชาวนาไม่ได้รับเงินค่าข้าว  กลายเป็นการขาดสภาพคล่องทางการเงิน  ที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

    จังหวะนี้จึงเหมือนจะเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่ง ในความเป็น "ผู้นำ"  ธุรกิจเครื่องจักรกลเกษตร ว่าจะก้าวผ่านจุดวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร

    ถามคำถามนี้กับ "โอภาศ ธันวารชร" กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น  จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจักรกลการเกษตรยี่ห้อ "คูโบต้า"  ครองส่วนแบ่งทางการตลาดราว 70% ณ  นิคมอุตสาหกรรมนวนครในวันที่อากาศร้อนแรงไม่แพ้อุณหภูมิการเมือง

    โอภาศพูดติดตลกว่า “เราไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าไหม ?  คุยเรื่องการเมืองเสี่ยงๆ ยังไงไม่รู้” ก่อนจะกัดฟันบอกว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น สำหรับเขายังเชื่อว่า  จะส่งผลกระทบระยะสั้นกับบริษัทเท่านั้น

    "เราไม่ได้กังวลมาก"  มั่นใจว่าเอาอยู่ !!

    เขายังบอกด้วยว่า  วิกฤติครั้งนี้ถือว่าไม่ได้เลวร้าย หรือรุนแรงมากเท่าวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง" ที่เกิดขึ้นในช่วงปี  2540-41 หรือช่วงน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ที่กระทบรุนแรงต่อการดำเนินธุรกิจ "รุนแรงกว่า"

    ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมายังเป็นเหมือน  "วัคซีน" ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันผลกระทบที่เกิดขึ้น หนึ่งในวัคซีนชั้นเลิศ  คือการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาคน

    โดยเฉพาะการผสมผสานการทำงานแบบไทย  ถ้อยทีถ้อยอาศัย บวกกับวิถีซามูไร ที่เข้มแข็ง อดทน เน้นความมีระเบียบเคร่งครัด  พยายามสร้างและดึงศักยภาพของพนักงานในองค์กรออกมา  เน้นการทำงานเป็นทีมสะท้อนให้เห็นความสมัครสมานสามัคคี  กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร

    ในขณะเดียวกัน “ผู้บริหาร” ก็ต้องฉายแวว "ความเป็นผู้นำ" สามารถเป็นพี่เลี้ยงพนักงานในระดับต่างๆ  ดึงศักยภาพในตัวเองขึ้นมา นอกจากนี้ผู้นำยังต้องทำหน้าที่เป็นเหมือน "กาว”  เชื่อมโยงทุกคนในบริษัทให้สามารถอยู่ร่วมกันและทำงานเป็นทีมได้อย่างลงตัว  "โอภาศ" เผย

    “สักวันหนึ่งคนเหล่านั้นก็จะต้องถูกโปรโมทขึ้นมาเป็นผู้นำในบริษัท”  โอภาศ เล่า และบอกอีกว่า

    ผู้นำที่ดีคือผู้ที่สามารถเป็นแบบอย่างให้พนักงานปฏิบัติตามได้  ความเป็น Leadership คือสิ่งที่ผู้นำต้องสร้างให้เกิดขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป  นั่นเป็นเพราะไม่มีใครจะย่ำอยู่กับที่ได้ตลอดเวลา

    "ผมมีเคล็ดลับอยู่ที่ 2  คำถามเท่านั้น คำถามแรก  ถ้าเราทำแล้วองค์กรหรือบริษัทเราได้ประโยชน์หรือเปล่า  ซึ่งก็จะตามมาที่คำถามที่สองคือ ทำแล้วคนส่วนใหญ่เห็นชอบเห็นดีด้วยหรือไม่  ถ้าทั้ง 2 คำถามมีคำตอบว่า โอเค หมด ก็ลงมือทำทันที แต่ถ้าตอบ  โอเค แค่หนึ่งคำถาม ก็ต้องมาตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ  แบบรับฟังความเห็นของคนอื่นไปพร้อมกัน"

    โอภาศบอกว่า คำถามที่ว่านี้เป็นเหมือน  "เคล็ดลับ" ของการเป็นผู้บริหาร ที่ต้องมาพร้อมกับการรับฟังความเห็นของคนอื่นไปด้วย  ไม่ใช่ว่าเป็นผู้บังคับบัญชาแล้วจะถือว่าความคิดของตนเองเป็นใหญ่

    “นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามถ่ายถอดไปสู่ลูกน้องทุกคนเสมอ” โอภาศ กล่าวเช่นนั้น

    นอกจากนี้  สิ่งหนึ่งที่โอภาศมักจะหยิบเอามาบอกเล่าเสมอนั่นคือ “เคยมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ผม เขาถามผมว่า  หัวหน้า หรือผู้บังคับบัญชาคนไหนเป็นเหมือนคนต้นแบบในการทำงาน” เขาหยุดยิ้ม  พร้อมกับถามกลับว่า..ถ้าเป็นคุณจะตอบยังไงดี?

    ก่อนที่จะได้คำตอบ เขาบอกว่า  ถ้าเราบอกชอบคนนี้ คนนั้นอาจจะไม่ชอบใจก็ได้  ดังนั้นสิ่งที่เขาพยายามจะบอกก็คือการทำงานจะต้องหยิบเอาข้อดีของผู้บังคับบัญชาทุกๆ  คนมาใช้ร่วมกันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเป็น "แนวทาง" ของเรามากที่สุด 

    โดยเป้าหมายสำคัญในฐานะที่เป็นนักบริหารเช่นเขา  ยังอยู่ที่การวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย  ผลักดันสยามคูโบต้าไปสู่  บริษัทที่มีระบบการจัดการเกษตรกรรมอย่างครบวงจร หรือเรียกว่า “Total Process  Solutions”

    หรือการจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร  (Machinery Solutions) ควบคู่กับการจัดการระบบเกษตรกรรม (Agricultural Solutions) ครอบคลุมวิธีการจัดการในระบบการผลิต  ระบบการจัดการพื้นที่และวัสดุทางการเกษตร ระบบโลจิสติกส์  ระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร  รวมถึงการบริหารองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตร

    เพราะเชื่อมั่นว่าแนวทางนี้จะทำให้เกิดการลดต้นทุนและการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร  อีกทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันการทำการเกษตรของประเทศไทย

    โอภาศ  ยังย้ำในตอนท้ายแบบอารมณ์ดีว่า.."ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจแบบไหน  ความพร้อมในเรื่องคน และกลยุทธ์คือสิ่งที่สำคัญที่ต้องมาก่อนเสมอ  เพราะคือสิ่งสำคัญจะช่วยให้องค์กรอยู่รอดได้ทุกสภาวะแบบไม่หวั่นไหว"

    --------------------------------

    (ล้อม)  ไม่ลดเป้ายอดขาย-หันส่งออก

    สยามคูโบต้า ถือหุ้นโดยเอสซีจีในสัดส่วน 40% ที่เหลืออีก  60% ถือหุ้นโดยกลุ่มคูโบต้าในญี่ปุ่น  แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่จนถึงขณะนี้ สยามคูโบต้า ยังไม่ปรับลดเป้าเติบโตของยอดขายที่ 10% หรือราว  50,000 ล้านบาท  โดยจะหันไปเพิ่มสัดส่วนการส่งออกทดแทนยอดขายในประเทศที่ชะลอตัว

    “ยังครับสยามคูโบต้ายังไม่ปรับลดเป้ายอดขาย เพราะเราจะเน้นส่งออกมากขึ้น  ทำให้เชื่อว่าจะผลักดันรายได้รวมให้เป็นไปตามเป้าหมาย"

    โดยเฉพาะการส่งออกไปในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม)  รวมทั้งในอเมริกาเหนือบางประเทศ โดยเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 25% จากเดิมที่ 20%

    ส่วนตลาดในประเทศ  ปีนี้จะมีมุ่งเน้นการทำตลาดพืชไร่มากขึ้นทดแทนตลาดข้าว  จากปัจจุบันกลุ่มสินค้าเครื่องจักรกลเกษตรพืชไร่ เช่น กลุ่มอ้อย มันสำปะหลัง  ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ มีสัดส่วน 40% ขณะที่กลุ่มจักรกลเกษตรกลุ่มชาวนามีสัดส่วน 60% รวมทั้งเน้นการทำตลาดในส่วนของอุปกรณ์เสริม อะไหล่ชิ้นส่วน  ให้มากขึ้น

    โอภาศ บอกว่า  รถแทรกเตอร์ถือเป็นพอร์ตที่ทำรายได้สูงสุด คิดเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมด อีก 40% เป็นรถเกี่ยวนวดข้าวและอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2554-2556) ถือว่ายอดขายในปีนี้ปรับตัวลดลง  จากช่วงปกติที่คูโบต้ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 20%

    ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้  สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ยังอยู่ที่การ  "ติดตามสินเชื่อ" แม้จะมองว่า "ยังไม่น่าเป็นห่วง"  เพราะสัดส่วนหนี้คงค้างในสัดส่วน 0.7% คิดเป็นเงินประมาณ  350 ล้านบาท ทำให้คาดว่าปีนี้ธุรกิจลิสซิ่ง (สินเชื่อเช่าซื้อ) จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับในส่วนของธุรกิจคอร์ปอเรท  เฉลี่ยที่ประมาณ 10% จากฐานลูกค้าประมาณ 5-6 แสนรายทั่วประเทศ

    ปัจจุบัน คูโบต้า มีโรงงานการผลิต  2 แห่งในนิคมฯอมตะนคร  มีกำลังการผลิตประมาณ 70,000 คันต่อปี เน้นการผลิตรถแทรกเตอร์  รถเกี่ยวนวดข้าว เป็นหลัก ขณะที่อีกหนึ่งโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมฯนวนคร  มีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่  และเครื่องยนต์รถไถ เป็นหลัก

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    The Seattle Times

    Well-paid young Seattle techie prefers giving to riches

    จากการอ่านบทความเรื่องนี้สรุปได้ว่า คนเราเมื่อมีเงินควรจะช่วยเหลือสังคมบ้าง เพราะการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนจะทำให้มีความสุข และการดำเนินชีวิตควรรู้จักความพอเพียงซึ่งเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของคนดี ที่จะไม่โกงกินเมื่อมีโอกาสเปรียบเทียบกับทุนนิยมสามานย์ ซึ่งไม่รู้จักคำว่าพอเพียง แสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบ ทำให้เกิดการทุจริต Corruption ประเทศชาติเกิดความเสียหาย การลงทุนและการให้ก็เพื่อหวังผลตอบแทนที่มากกว่า ไม่รู้จักคำว่าพอ ถ้าทุกคนในโลกไม่มีการให้ ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง โลกใบนี้ก็จะไม่มีสันติสุข เกิดการแย่งชิง มีโอกาสโกงกินทุกรูปแบบ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง คนดีก็จะไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    บทเรียนความจริงจาก Joko Widodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    จากบทความเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้นักการเมืองไทยรุ่นใหม่ควรดู Jokowi เป็นแบบอย่างในความซื่อสัตย์ ไม่เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน โกงกิน ใช้ทุนนิยมสามานย์ ใช้เงินและอำนานเป็นหลักและต้องเข้าสู่การเมืองเพื่อใช้รับใช้ประเทศชาติ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินโดยการกระทำให้เป็นที่ประจักษ์ และควรมีบุคลิกลักษณะ

    -ติดดิน

    -กันเองกับประชาชน

    -คิดและพัฒนาประเทศชาติโดยไม่หวังผลประโยชน์

    -มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

    หวังว่าประเทศไทย จะมีนักการเมืองที่มีคุณลักษณ์ที่กล่าวมานี้หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยการปฏิรูปใหม่ด้วยเทอญ

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    29 เมษายน 2557

    ภาคเช้าPanel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    โดย อดีต ผวก. กฟผ. คุณสมบัติ ศานติจารี

    สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการในภาวะวิกฤต

    -มีแผนสำหรับแก้ไขเหตุการณ์เมื่อเกิดวิกฤต

    -การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในภาวะวิกฤต

    -ผู้นำเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเมื่อเกิดวิกฤต

    เมื่อเกิดวิกฤต

    -ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

    -บรรเทาหนักให้เป็นเบาโดยการวางแผนล่วงหน้า

    -แก้ไขโดยเร็ว โดยใช้ข้อเท็จจริง ห้ามลำเอียง

    -ตอบคำถาม อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส

    -ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

    -เมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องรายงานให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบทราบในทันที

    ข้อแนะนำ

    -ควรมีการซ้อมแผนภาวะวิกฤตอย่างสม่ำเสมอ

    -เมื่อเกิดภาวะวิกฤตต้องสื่อสารให้พนักงานทุกคนได้รับรู้โดยเร็ว

    -สื่อสารให้สังคมรับรู้โดยเร็วเพื่อแสดงความจริงใจ

    -ผู้บริหารควรมี Leadership ทุกด้านไม่เฉพาะด้าน Engineer

    -ต้องสื่อสารให้สังคมรับรู้ปัญหาของเรา สื่อสารให้โดนใจสังคม

    -สร้างสัมพันธ์กับ NGO

    -ให้สหภาพแรงงานมีส่วนร่วมในการสื่อสารกับพนักงานและสังคม

    -แสดงศักยภาพให้เห็นว่าหน่วยงานมีประสิทธิภาพ

    -ควรเรียนรู้เรื่องการตลาดเพราะนำมาใช้ในการแก้ไขภาวะวิกฤตได้

    โดย อดีต ผวก.กฟผ. คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    ได้พูดถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง ผวก.กฟผ. เรื่องการประท้วงของพนักงานโดยการแปรรูป กฟผ. ไปเป็นบริษัทเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเล่าที่มาขอการประท้วงมาจากพนักงานกลุ่มหนึ่งชื่อกลุ่มดอกไม้ขาว รวมตัวประท้วงจากกลุ่มเล็กและขยายเป็นกลุ่มใหญ่ จน ผวก. ในสมัยนั้นคือ คุณสิทธิพร รัตโนภาส ต้องลาออก ทำให้คุณไกรสีห์ฯ ได้รับเลือกมาเป็น ผวก. เพื่อแก้ไขสถานะการณ์ โดยตั้งคณะทำงาน 2 ชุด

    ชุดที่ 1 คณะทำงานประสานความเข้าใจในองค์กร

    ชุดที่ 2 คณะทำงานข้อหาเท็จจริงในการประท้วง

    ผวก. ได้ทำการคัดเลือกคนที่มีศักยภาพทุกสายงานมาเป็นคณะทำงาน ใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ, Egat TV. วารสารรายวัน-รายสัปดาห์ จ้างที่ปรึกษาให้กับคณะทำงาน โดยให้คำแนะนำ หาข้อมูลในเชิงลับ และหาสาเหตุที่ประท้วง เพื่อหาทางออก พบสาเหตุที่พนักงานประท้วงเรื่องใหญ่ ๆ คือ

    1.ไม่ต้องการให้ขายสมบัติชาติ

    2.ขาดความมั่นคงในอาชีพ

    3.กลัวนักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์

    4.ทำให้ศักดิ์ศรีพนักงานน้อยลง

    กลยุทธ์ในการสื่อสาร

    -ผวก. แสดงตัวว่าไม่มีผลประโยชน์ ไม่ใช่คนของนักการเมือง ตรงไปตรงมา สร้างแนวร่วม ทุกคนต้องคิดร่วมกันเพื่อหาทางออกไม่ใช่เฉพาะผู้บริหาร ให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร การสร้างโรงไฟฟ้าต้องพึ่งรัฐบาล ไม่มีการปลดพนักงาน สร้างงานให้มากขึ้น ขยายงาน (เชื้อเพลิง,สื่อสาร Fiber Optic, Egat Telecom)

    -ออกแบบสำรวจถึงพนักงานทุกคน ให้แสดงถึงความต้องการที่จะให้ กฟผ. เป็นอย่างไร

    -ทำ Public Hearing

    -มีการเจรจากับสหภาพโดยใช้ความเมตตา เพราะทุกคนปราถนาดีต่อองค์กร

    ภาคบ่ายLearning Forum & Practice หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    First Impression - Look 55%

    - Sound 38%

    - Word 7 %

    Image (ภาพลักษณ์ภายนอก)

    oการแต่งตัว

    oมาดดี

    oพูดจาดี

    oรู้จักกาลเทศะ

    oอารมณ์ดี

    3 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

    oสีสันการแต่งตัว

    oสัดส่วน

    oเส้นสาย

    สีโทนร้อน

    oแดง

    oเหลือง

    oชมพู

    oส้ม

    สีโทนเย็น

    oเขียว

    oขาว

    oเทา

    oม่วงแดง

    oม่วงอ่อน

    แสดงมารยาทบนโต๊ะอาหาร

    oการนั่ง

    oการวางช้อน

    oการใช้ช้อน,มีด

    oการกิน

    oการใช้ผ้ากันเปื้อน

    oการใช้แก้ว

    oบุคลิกท่าทาง

    เรียนรู้

    oการไหว้ที่ถูกต้อง

    oการแนะนำตัว

    oการรดน้ำสังข์

    oการอวยพร

    oการแต่งกายให้ดูดีเป็นผู้บริหาร

    หลักในการปฏิบัติเพื่อให้บุคลิกภาพดูดี

    oการให้เกียรติ

    oความปลอดภัย

    oสะดวกสบาย

    oอัธยาศัยไมตรี

    oระเบียบเรียบร้อย

    30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    กิฟฟารีน ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2539 โดย พญ.นลินี ไพบูลย์ ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านบาท มีทรัพย์สินโดยรวม 7,000 ล้านบาท

    วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้วยการบริหารจัดการแบบ ธรรมาภิบาลที่จะสร้างสรรค์ความสุข ความภาคภูมิใจ และความมั่นคงให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งแก่พนักงาน นักธุรกิจกิฟฟารีน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม

    การพัฒนาบุคลากร

    กิฟฟารีนมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรของชาติให้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งนักธุรกิจและสมาชิกรวมกันกว่า 6.5 ล้านคน และพนักงานกว่า 1,800 คน ในโรงงานและศูนย์ธุรกิจกว่า 113 แห่ง

    ผลิตภัณฑ์

    กิฟฟารีน ผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย และอาหารสวัสดิการ เป็นจำนวนกว่า 2,000 รายการ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัย

    โรงงานกิฟฟารีนใช้งบลงทุนสร้าง 700 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร สามารถรองรับกำลังผลิตได้ถึง 20,000,000 ชิ้น/เดือน รองรับยอดขายได้ถึง 20,000 ล้านบาทต่อปี ดำเนินงานโดยบุคลากรมืออาชีพกว่า 700 คน

    โรงงานผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และกลุ่มยาแผนโบราณให้แก่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งงานในส่วนห้องปฏิบัติการกลางหรือ Control Lab ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 

    การบ้านพิเศษ 10

    อ่านหนังสือเล่มสุดท้ายก่อนจบโครงการคือ Angela Merkel: A Chancellorship Forged in Crisis Hardcover เขียนโดย Alan Crawford และ Tony Czuczka

    ซึ่งสอนให้ผู้นำกฟผ.ได้เห็นการตัดสินใจในการแก้วิกฤติ เช่น วิกฤติการเงินประเทศกรีซ และวิกฤติด้านอื่นๆ

    แล้วสรุปว่าได้อะไร

    กำหนดส่งก่อนจบโครงการ EADP 10 ทาง Blog

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    The Seattle Times

    Well-paid young Seattle techie prefers giving to riches

    จากการอ่านบทความเรื่องนี้สรุปได้ว่า คนเราเมื่อมีเงินควรจะช่วยเหลือสังคมบ้าง เพราะการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนจะทำให้มีความสุข และการดำเนินชีวิตควรรู้จักความพอเพียงซึ่งเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของคนดี ที่จะไม่โกงกินเมื่อมีโอกาสเปรียบเทียบกับทุนนิยมสามานย์ ซึ่งไม่รู้จักคำว่าพอเพียง แสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบ ทำให้เกิดการทุจริต Corruption ประเทศชาติเกิดความเสียหาย การลงทุนและการให้ก็เพื่อหวังผลตอบแทนที่มากกว่า ไม่รู้จักคำว่าพอ ถ้าทุกคนในโลกไม่มีการให้ ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง โลกใบนี้ก็จะไม่มีสันติสุข เกิดการแย่งชิง มีโอกาสโกงกินทุกรูปแบบ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง คนดีก็จะไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    บทเรียนความจริงจาก Joko Widodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    จากบทความเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้นักการเมืองไทยรุ่นใหม่ควรดู Jokowi เป็นแบบอย่างในความซื่อสัตย์ ไม่เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน โกงกิน ใช้ทุนนิยมสามานย์ ใช้เงินและอำนานเป็นหลักและต้องเข้าสู่การเมืองเพื่อใช้รับใช้ประเทศชาติ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินโดยการกระทำให้เป็นที่ประจักษ์ และควรมีบุคลิกลักษณะ

    -ติดดิน

    -กันเองกับประชาชน

    -คิดและพัฒนาประเทศชาติโดยไม่หวังผลประโยชน์

    -มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

    หวังว่าประเทศไทย จะมีนักการเมืองที่มีคุณลักษณ์ที่กล่าวมานี้หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยการปฏิรูปใหม่ด้วยเทอญ

    การบ้านคุณกุลพล สังข์ทอง

    29 เมษายน 2557

    ภาคเช้าPanel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    โดย อดีต ผวก. กฟผ. คุณสมบัติ ศานติจารี

    สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการในภาวะวิกฤต

    -มีแผนสำหรับแก้ไขเหตุการณ์เมื่อเกิดวิกฤต

    -การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในภาวะวิกฤต

    -ผู้นำเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเมื่อเกิดวิกฤต

    เมื่อเกิดวิกฤต

    -ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

    -บรรเทาหนักให้เป็นเบาโดยการวางแผนล่วงหน้า

    -แก้ไขโดยเร็ว โดยใช้ข้อเท็จจริง ห้ามลำเอียง

    -ตอบคำถาม อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส

    -ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

    -เมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องรายงานให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบทราบในทันที

    ข้อแนะนำ

    -ควรมีการซ้อมแผนภาวะวิกฤตอย่างสม่ำเสมอ

    -เมื่อเกิดภาวะวิกฤตต้องสื่อสารให้พนักงานทุกคนได้รับรู้โดยเร็ว

    -สื่อสารให้สังคมรับรู้โดยเร็วเพื่อแสดงความจริงใจ

    -ผู้บริหารควรมี Leadership ทุกด้านไม่เฉพาะด้าน Engineer

    -ต้องสื่อสารให้สังคมรับรู้ปัญหาของเรา สื่อสารให้โดนใจสังคม

    -สร้างสัมพันธ์กับ NGO

    -ให้สหภาพแรงงานมีส่วนร่วมในการสื่อสารกับพนักงานและสังคม

    -แสดงศักยภาพให้เห็นว่าหน่วยงานมีประสิทธิภาพ

    -ควรเรียนรู้เรื่องการตลาดเพราะนำมาใช้ในการแก้ไขภาวะวิกฤตได้

    โดย อดีต ผวก.กฟผ. คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    ได้พูดถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง ผวก.กฟผ. เรื่องการประท้วงของพนักงานโดยการแปรรูป กฟผ. ไปเป็นบริษัทเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเล่าที่มาขอการประท้วงมาจากพนักงานกลุ่มหนึ่งชื่อกลุ่มดอกไม้ขาว รวมตัวประท้วงจากกลุ่มเล็กและขยายเป็นกลุ่มใหญ่ จน ผวก. ในสมัยนั้นคือ คุณสิทธิพร รัตโนภาส ต้องลาออก ทำให้คุณไกรสีห์ฯ ได้รับเลือกมาเป็น ผวก. เพื่อแก้ไขสถานะการณ์ โดยตั้งคณะทำงาน 2 ชุด

    ชุดที่ 1 คณะทำงานประสานความเข้าใจในองค์กร

    ชุดที่ 2 คณะทำงานข้อหาเท็จจริงในการประท้วง

    ผวก. ได้ทำการคัดเลือกคนที่มีศักยภาพทุกสายงานมาเป็นคณะทำงาน ใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ, Egat TV. วารสารรายวัน-รายสัปดาห์ จ้างที่ปรึกษาให้กับคณะทำงาน โดยให้คำแนะนำ หาข้อมูลในเชิงลับ และหาสาเหตุที่ประท้วง เพื่อหาทางออก พบสาเหตุที่พนักงานประท้วงเรื่องใหญ่ ๆ คือ

    1.ไม่ต้องการให้ขายสมบัติชาติ

    2.ขาดความมั่นคงในอาชีพ

    3.กลัวนักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์

    4.ทำให้ศักดิ์ศรีพนักงานน้อยลง

    กลยุทธ์ในการสื่อสาร

    -ผวก. แสดงตัวว่าไม่มีผลประโยชน์ ไม่ใช่คนของนักการเมือง ตรงไปตรงมา สร้างแนวร่วม ทุกคนต้องคิดร่วมกันเพื่อหาทางออกไม่ใช่เฉพาะผู้บริหาร ให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร การสร้างโรงไฟฟ้าต้องพึ่งรัฐบาล ไม่มีการปลดพนักงาน สร้างงานให้มากขึ้น ขยายงาน (เชื้อเพลิง,สื่อสาร Fiber Optic, Egat Telecom)

    -ออกแบบสำรวจถึงพนักงานทุกคน ให้แสดงถึงความต้องการที่จะให้ กฟผ. เป็นอย่างไร

    -ทำ Public Hearing

    -มีการเจรจากับสหภาพโดยใช้ความเมตตา เพราะทุกคนปราถนาดีต่อองค์กร

    ภาคบ่ายLearning Forum & Practice หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    First Impression - Look 55%

    - Sound 38%

    - Word 7 %

    Image (ภาพลักษณ์ภายนอก)

    oการแต่งตัว

    oมาดดี

    oพูดจาดี

    oรู้จักกาลเทศะ

    oอารมณ์ดี

    3 องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

    oสีสันการแต่งตัว

    oสัดส่วน

    oเส้นสาย

    สีโทนร้อน

    oแดง

    oเหลือง

    oชมพู

    oส้ม

    สีโทนเย็น

    oเขียว

    oขาว

    oเทา

    oม่วงแดง

    oม่วงอ่อน

    แสดงมารยาทบนโต๊ะอาหาร

    oการนั่ง

    oการวางช้อน

    oการใช้ช้อน,มีด

    oการกิน

    oการใช้ผ้ากันเปื้อน

    oการใช้แก้ว

    oบุคลิกท่าทาง

    เรียนรู้

    oการไหว้ที่ถูกต้อง

    oการแนะนำตัว

    oการรดน้ำสังข์

    oการอวยพร

    oการแต่งกายให้ดูดีเป็นผู้บริหาร

    หลักในการปฏิบัติเพื่อให้บุคลิกภาพดูดี

    oการให้เกียรติ

    oความปลอดภัย

    oสะดวกสบาย

    oอัธยาศัยไมตรี

    oระเบียบเรียบร้อย

    30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    กิฟฟารีน ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2539 โดย พญ.นลินี ไพบูลย์ ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านบาท มีทรัพย์สินโดยรวม 7,000 ล้านบาท

    วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้วยการบริหารจัดการแบบ ธรรมาภิบาลที่จะสร้างสรรค์ความสุข ความภาคภูมิใจ และความมั่นคงให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งแก่พนักงาน นักธุรกิจกิฟฟารีน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม

    การพัฒนาบุคลากร

    กิฟฟารีนมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรของชาติให้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งนักธุรกิจและสมาชิกรวมกันกว่า 6.5 ล้านคน และพนักงานกว่า 1,800 คน ในโรงงานและศูนย์ธุรกิจกว่า 113 แห่ง

    ผลิตภัณฑ์

    กิฟฟารีน ผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องใช้สำหรับร่างกาย และอาหารสวัสดิการ เป็นจำนวนกว่า 2,000 รายการ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัย

    โรงงานกิฟฟารีนใช้งบลงทุนสร้าง 700 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร สามารถรองรับกำลังผลิตได้ถึง 20,000,000 ชิ้น/เดือน รองรับยอดขายได้ถึง 20,000 ล้านบาทต่อปี ดำเนินงานโดยบุคลากรมืออาชีพกว่า 700 คน

    โรงงานผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และกลุ่มยาแผนโบราณให้แก่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งงานในส่วนห้องปฏิบัติการกลางหรือ Control Lab ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 

    อ่านและสรุปบทความของ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

    เรื่อง : มารู้จัก Joko Widodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    อาจารย์ได้ไปที่อินโดนีเซีย ได้ติดตามประวัติของตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปในเดือนกรกฎาคม 2557 ชื่อ Joko Widodo ชื่อเล่นว่า Jokowi อายุ 52 ปี

    เขาเรียนคณะวนศาสตร์ ทางด้านวิศวะที่ Gadjah Mada University ในยอร์กยาการ์ตา ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออก

    เขาเริ่มเล่นการเมืองท้องถิ่น เป็นนายกเทศมนตรีเมือง Solo เป็นเมืองเล็กในหมู่เกาะชวา เขาเป็นคน

    • ติดดิน
    • เป็นกันเองกับประชาชน
    • คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา
    • มีผลงานเป็นประจักษ์

    ได้เติบโตเป็นผู้ว่านครจาการ์ตาปี 2012 และได้รับคัดเลือกเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในนามพรรค Indonesian Democratic Party – Struggle

    จุดเด่นของเขา

    การทำเพื่อประชาชน ห้ามญาติพี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นในช่วงที่เป็นผู้ว่านครจาการ์ตา มีนโยบายเพื่อผลประโยชน์ตกกับประชาชน เช่น นโยบายขยายรถไฟฟ้าจาการ์ตาสำเร็จ มีบริการการแพทย์เสรี

    สรุป

    อาจารย์คาดหวังให้เมืองไทยหลังการปฏิรูปการเมือง มีผู้นำทางการเมืองมาปกครองเป็นคนดี ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ประเทศเหมือนคุณ Jokowi

    การเรียนรู้ในวันที่ 29 เมษายน 2557

    ช่วงเช้า : Panel Discussion

    หัวข้อ : ประสบการณ์ผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

    โดย : คุณสมบัติ ศานติจารี, คุณไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการ กฟผ.

    ท่านแรก : ผู้ว่าฯ สมบัติ ศานติจารี

       ท่านดีใจได้มาพูดที่ กฟผ. และบอกว่า กฟผ. เป็นองค์กรใหญ่ วิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดจะได้รับความสนใจ ต้องมีแผนการจัดการภาวะวิกฤต สื่อสารแผน และซักซ้อมแผนที่วางไว้ และเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ต้องมีการใช้เวลาในการฟื้นฟู กฟผ. ต้องทำ CSR การตลาดเพื่อสังคม ภาวะวิกฤตก็จะเบาลง จะช่วยพูดให้

      การสื่อสารที่ดีมี 4 ข้อห้าม 1. กล่าวโทษผู้อื่น 2. อย่าคาดเดา 3. ห้ามปฏิเสธ 4. ห้ามลำเอียง ผู้นำองค์กรต้องมาจัดการ กำหนดคนให้ข่าว มอบหมายการให้ข่าว และรายงานผู้บังคับบัญชาในทันที

    การแก้วิกฤต กฟผ. ต้องดูนโยบายรัฐ การเมือง การจะทำ CSR จะต้องหาคนที่เป็นโซ่ต่อไปสู่ชุมชนให้ได้

    ท่านที่สอง : ผู้ว่าฯ ไกรสีห์ กรรณสูต

       ท่านเข้ามาเป็นผู้ว่าช่วงวิกฤตการเปลี่ยน กฟผ. เป็นบริษัท กฟผ. มหาชน จำกัด ถือว่ามีประสบการณ์ตรง เป็นวิกฤตภายในของ กฟผ. ท่านมีหลักคือใช้ประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง พูดตรงไปตรงมา ไม่เคลือบแคลง ใช้คนที่เป็นกลางเป็นแนวร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤต

       เวลา 80% ในการเป็นผู้ว่าการ กฟผ. หมดไปกับการแก้วิกฤตเรื่องแปรรูป กฟผ. อีก 20% ใช้ในการสร้างความเติบโต ไฟมั่นคง มีประสิทธิภาพ และสมรรถนะสูง

       ปัจจัยที่ทำให้ภารกิจไม่บรรลุผลคือการเมือง ปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล โครงสร้างค่า Ft ทำให้ กฟผ. มีฐานะทางการเงินยุ่งยาก การรับผู้ปฏิบัติงานเข้ามาใหม่ มีปัญหาวัฒนธรรม คนที่จะเป็นผู้บริหารไม่มี มีแต่เด็กๆ และโรงไฟฟ้าเก่า กฟผ. จะทำอย่างไร

    การจัดเตรียมแผนรองรับ

    1. เกิดเหตุแบบไหน มีแผนรองรับ มีขั้นตอนอย่างไร ใครเป็นเจ้าของแผน
    2. เกิดอุบัติเหตุกับโรงไฟฟ้า ไฟดับ มีแผนรองรับช่วงเชื้อเพลิงขาดแคลน
    3. การกระจายหรือทำความเสี่ยงร่วมกัน เช่น EGAT ร่วมกับญี่ปุ่น ทำประกันร่วมกันในโครงการน้ำเงี้ยบ
    4. ทำไม กฟผ. ต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่า 50% ต้องมีเหตุผลชี้แจงกับคนภายในให้เข้าใจ

    ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ : สรุปให้ว่าวิกฤตเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากการเมือง สิ่งแวดล้อม ต่างประเทศ การฟื้นฟูใช้เวลามากกว่าจะนำภาพลักษณ์เดิมกลับมา ต้องมีการบริหารความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

    ช่วงบ่าย

    เรื่อง : บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    วิทยากร : อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

      เป็นวิทยากรสาว เฉียบ มาดเนี้ยบ สมกับหัวข้อเรื่อง ได้ประโยชน์กับการนำรสนิยมและความเป็นสากลไปใช้ปรับปรุงตัวเอง ในฐานะต้องเป็นว่าที่ผู้บริหารขององค์กร เพราะภาพลักษณ์ขององค์กรมาจากบุคลิกภาพของคนในองค์กร

    เริ่มจากทรงผม ซึ่งหากหงอกแล้ว อย่าใช้สีดำย้อม จะเหมือนใส่วิก และไม่สระผมตอนเย็น เชื้อราจะกินหนังหัวและล้านในที่สุด

       การแต่งกายใส่สูท ต้องปล่อยเม็ดล่างไว้ ไม่ต้องติดกระดุม ปล่อยไว้ เสื้อผ้าไม่เลือกสีคล้ำ เสื้อที่มีลายเส้น สามารถอำพรางความอ้วน สีขาวคือความสมบูรณ์ สีเทาความเป็นทางการ กางเกงสอยขาให้พอดี ไม่ลอย เนคไทควรยาวเท่ากับหัวเข็มขัด ลายคลาสสิค และดูขนาดให้รับความโตของใบหน้า การเลือกเสื้อเชิ้ต ใส่ให้พอดีตัว เสริมบุคลิกให้ดูดี พกซองใส่นามบัตร ควรเลือกเสื้อที่ non wrinkle เลือกรองเท้าหน้ายาว นาฬิกาไม่ใช้สาย PVC

       การวางตัว ยืนส้นเท้าไม่ติดกัน มือทิ้งปล่อยข้างลำตัวสบายๆ การเดิน ไม่ลากเท้า เอาส้นลงก่อน การไหว้ มืออยู่ที่กลางอก ศอกไม่กางออก การสัมผัสมือ shake hand คนยื่นมือก่อนเป็นคนปล่อยมือก่อน ในกรณีประชุมนานาชาติ ต้อง shake hand แนะนำทั้งโต๊ะเพื่อทำความรู้จัก

    ท่วงท่าไม่น่ามี หน้าท้องยื่น ไหล่ห่อ หลังงอ ก้นยื่นไปด้านหลัง ปลายเท้าชี้เข้าหรือออก

       การขึ้นรถ เข้าไปนั่งในก่อนผู้หญิง การนั่งรถไปกับคนอื่น นั่งให้ถูกที่ เช่น เลขานั่งหน้า เบาะหลัง ใหญ่นั่งซ้าย รองมาขวา คนเล็กนั่งกลาง การไปบ้านคนอื่น การให้เกียรติเจ้าของบ้าน การนั่งต้องใกล้ประตู

       การรดน้ำสังข์ให้รดเจ้าสาวก่อน เดินนำทาง ใช้มือขวาเปิดทางห่าง 1 ช่วงแขน ให้ผู้หญิงและผู้อาวุโสขึ้นก่อน ลงให้เด็กและผู้หญิงลงก่อน

       มารยาทบนโต๊ะอาหาร อย่าพูดขณะกิน มีทิชชู่ติดตัว ไม่แจกนามบัตร นั่งตามรายชื่อ ใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารให้ถูกต้อง กินซุปให้ถูกต้อง

    เป็นหัวข้อที่สามารถนำไปใช้ได้ในการใช้ชีวิตประจำวัน

    การเรียนรู้ในวันที่ 30 เมษายน 2557

    ช่วงเช้า : ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์กรการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีน

    วิทยากร : นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์ แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    บริษัท กิฟฟารีน ชื่อมาจากลูกของคุณหมอนลินี (หมอต้อย) โดยเอาชื่อน้องกิฟและน้องฟ้า ก่อตั้งมา 18 ปี ยอดขายปีละ 5,000 ล้านบาท โรงงานมีมาตรฐานการผลิต ISO 9001 มาตรฐาน GMP, HACCP, Halal ดูตั้งแต่วัตถุดิบ มีห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ผ่านมาตรฐาน ISO 17025

    การก่อกำเนิดบริษัท กิฟฟารีน มาจากคุณหมอนลินีฝันเห็นพระสุพรรณกัลยา จึงไปขอพรให้ก่อตั้งบริษัท โดยมีพื้นฐานธุรกิจจากบริษัท สุพรีเดอรัม ร่วมกับอดีตสามีคือหมอมั่น

    การบริหารจัดการใช้ระบบขายตรงแบบสหกรณ์ ตลาดอยู่ที่ประเทศไทย พม่า ลาว และเวียดนาม แนวคิดบริษัทอยู่ด้วยความดีและความถูกต้อง ทำให้ทุกคนมีความสุข ปัจจุบันมีสมาชิก 6 ล้านรหัส

    ช่วงบ่าย : กิจกรรมกลุ่ม นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

    วิทยากร : อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

    กลุ่มที่ 1 การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานสำหรับพนักงาน กฟผ. ศึกษากรณีโครงการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว ได้มีการสำรวจตามแบบสอบถามคนที่อยู่ที่โครงการ และคนที่ไม่ได้อยู่ที่โครงการ

    อาจารย์แนะนำดังนี้

    1. แรงจูงใจในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง พอหรือไม่ ประเมินได้จากอะไร
    2. ดูแรงจูงใจที่กลุ่มคนที่อยู่ในโครงการแล้ว
    3. ดูว่าในความเห็นคนที่อยู่นอกโครงการว่าทำไมไม่อยากไป ถ้าจะเพิ่มอะไรที่ทำให้เขาอยากไป ความต้องการของเขาคือแรงจูงใจ
    4. ตัดประเด็นเรื่องครอบครัวออกไป เลือกในระดับต่อไปมาพิจารณา
    5. ได้ประเด็นปัญหาแล้ว กฟผ. จะจัดการอย่างไร
    6. ข้อเสนอแนะคืออะไร
    เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กลุ่ม 3

    สรุปประจำวัน 29–30 เมษายน 2557

    29 เมษายน 57

    หัวข้อ .“ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง” (Panel Discussion)

    โดยอดีตผวก.คุณไกรสีห์ กรรณสูต และ คุณสมบัติ ศานติจารี ดำเนินรายการโดย อ.จีระ หงส์ลดารมภ์

    คุณสมบัติ ศานติจารี

    การจัดการภาวะวิกฤติ

    -การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของภาวะวิกฤติ ควรสื่อสารให้รู้ในทุกระดับ

    -ต้องมีแผนป้องกันไม่ให้เกิด และ มีการซักซ้อมแผนสม่ำเสมอ

    -เมื่อเกิดเหตุ ต้องให้ผู้บริหารรู้ทันที และสั่งการเพื่อจำกัดความเสียหาย แก้ไข ฟื้นฟู ให้เร็วที่สุด

    -เน้นทำการตลาดเพื่อสังคม ให้สังคมรับรู้ฉับพลัน ตรงไปตรงมา

    -การเรียนรู้จากวิกฤติเก่าๆจะทำให้รับมือวิกฤติใหม่ๆได้

    -นโยบายภาครัฐคาดเดา เรื่องธรรมาภิบาลและความโปร่งใสช่วยได้มาก

    -ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับการเมือง ก็ช่วยได้ มิฉะนั้นอาจไม่ได้รับการสนองตอบที่ดี

    -หาทางร่วมมือกับสหภาพให้เป็นประโยชน์ สื่อให้เขารู้และช่วยกันทำงาน

    -การสร้างความสัมพันธ์กับ NGO

    -ห้ามลำเอียงไม่เลือกปฏิบัติ

    การสื่อสารเป็นหัวใจแก้วิกฤติ เราทำมากแต่ขาดการสื่อที่ดี

    -ห้ามโทษผู้อื่น

    -อย่าให้ความเห็นที่จากการคาดเดา

    -ตอบทุกสื่อ การไม่ตอบอาจถูกมองว่ามีปัญหา หรือคิดว่าจริง

    -ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ

    -กำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน

    -เปิดโอกาสให้ออกไป Network กับคนนอก

    -สื่อสารให้สังคมรู้ว่ากฟผ.ทำอะไร ให้ภาคประชาสังคมเข้าใจภาพที่แท้จริง

    คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    ได้เข้ามารับตำแหน่ง ผวก.ในช่วงเกิดวิกฤตเรื่องการแปรรูป กฟผ. ภารกิจหลักคือต้องแก้วิกฤติเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติเร็ว
    โดยได้ดำเนิการหลายๆอย่างดังนี้ อาทิ

    1.ตั้งคณะทำงาน 2 ชุด

    -คณะกรรมการประสานความเข้าใจองค์กร มีตัวแทนผู้บริหารและสหภาพ

    -คณะทำงานค้นหาความจริง (Fact-based) ประกอบด้วยคนศักยภาพสูง มีความคิดดี มนุษยสัมพันธ์ดี จากแต่ละสายงาน(มีวอร์รูมติดตามเหตุการณ์ และ มีการหาข้อมูลเชิงลับด้วย)

    2.การสื่อสารในภาวะวิกฤติ จะมีคณะทำงานฯช่วยเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องให้อย่างรวดเร็ว
    ผวก.รับหน้าที่ประชาสัมพันธ์เอง ใช้การสื่อสารทกรูปแบบที่มี

    3.วางกลยุทธ์คือ

    -สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา จะไม่มีการปลดพนักงาน

    -สร้างแนวร่วมให้ทุกคนต้องเข้ามาช่วยกันหาทางออกให้ กฟผ.ว่าจะเดินไปทิศทางใด โดย ออกแบบสอบถามส่งให้คนกฟผ. เพื่อเลือกทิศทาง และ ต้องใช้ความอดทนในการเจรจา พนักงาน/สหภาพ อย่างต่อเนื่องด้วยข้อมูลที่เป็นจริง

    • 4.นำจุดร่วมกำหนดทิศทางกฟผ.เสนอคณะรัฐมนตรี มีการเจรจาต่อรองรัฐบาล

    ผลสุดท้ายก็สามารถนำพา กฟผ.กลับสู่สภาวะปกติได้ แต่ในที่สุดก็ได้มีคำสั่งศาลให้ยกเลิกการแปรรูป กฟผ.

    ………………………………………….

    หัวข้อ .“ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ ” โดย อ.ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    First Impression เป็นได้ทั้งทางดีและทางไม่ดี และ ติดอยู่ในสมองไปตลอด

    -55% ภาพลักษณ์ภายนอก

    -38% มาจากน้ำเสียง

    -7% มาจากคำพูด

    1.ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่

    -สูทหากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมบน หาก 3 เม็ดติดกระดุมเม็ดบนหรือกลาง เวลานั่งปลดกระดุมหมด

    -เสื้อเชิ้ต ควรใส่ให้เสื้อพอดีตัว ไม่ยับง่าย

    -เนคไทควรเลือกลายคลาสสิค ความยาวถึงหัวเข็มขัด ความใหญ่ของเนคไท ดูตามหน้า

    -กางเกงทรงสแลค ขากางเกงใช้สอย ความยาวพอดี เข็มขัด ดำ น้ำตาล

    -รองเท้า หากอ้วน เตี้ย ควรใส่รองเท้าหัวยาวรองเท้า ถุงเท้า สีเดียวกับกางเกง

    -ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

    -สีสัน: ผิวสองสี ไม่ควรใส่สีคล้ำๆ ผิวขาว: ใส่สีอะไรก็ได้ คนอ้วน ไม่ควรใส่สีเหลือง

    -เส้นสาย: การเลือกเสื้อที่มีลายเส้นสาย สามารถอำพรางหุ่นได้

    2.เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์ ให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

    3.การเลือกทรงผมกับบุคลิกคนทำงานรุ่นใหม่ ให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

    4.มาดและท่วงท่าอิริยาบถของคนทันสมัย

    -อารมณ์ดี: มีรอยยิ้มเสมอ

    -การพูดจา: ไม่ควรพูดจาคำหยาบ

    -การนั่งบนเก้าอี้: มือเอาขวาจับพนัก เอาน่องสัมผัสเก้าอี้ แล้วนั่งแค่ครึ่งเดียว ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง

    -การยืน: ผู้ชายยืนส้นไม่ติดกัน มือทิ้งปล่อยข้างลำตัว สบายๆ

    -การเดิน: อย่าเดินลากเท้า ควรให้ส้นลงก่อน

    -การไหว้: เอามือไหว้ที่กลางอก มือติดกัน ศอกไม่กางออก

    -การนั่งบนรถแทกซี่ ผู้ชายควรเข้าไปนั่งก่อนผู้หญิง

    -การนั่งบนรถเก๋งข้างหลัง คนที่มีตำแหน่งใหญ่สุดนั่งซ้าย รองลงมาขวาสุด และตำแหน่งน้อยสุดนั่งกลาง เลขานั่งข้างหน้า

    5.มารยาททางธุรกิจ

    -บัตรเชิญ: สิ่งที่สำคัญคือต้องสะกดชื่อคนให้ถูก

    -ควรมีซองใส่นามบัตร การแลกนามบัตร ต้องหันให้อ่าน

    -การให้เกียรติใคร เรียกชื่อคนนั้นก่อน

    -การรดน้ำสังข์: ต้องรดเจ้าสาวก่อน เพื่อให้เกียรติผู้หญิง

    -การนำทางผู้ใหญ่: มือเปิดทาง คือมือขวา เดินนำผู้ใหญ่ระยะห่าง 1 ช่วงแขน

    -การขึ้นบันได: ผู้หญิง หรือ ผู้อาวุโสขึ้นก่อน

    -การเชคแฮนด์: คนที่เป็นคนยื่นมือก่อน ต้องเป็นคนปล่อยมือก่อน

    -กรณีประชุม ก่อนประชุม ต้องเชคแฮนด์แนะนำตัวทั้งโต๊ะ เพื่อทำความรู้จัก ห้ามมาสายการนั่งตามลำดับความเหมาะสม

    -ควรทำตามหลัก 5 ข้อ ให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ระเบียบร้อย มีอัธยาศัยไมตรี

    6.มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่าง ๆ

    -อย่าพูดขณะทานข้าว

    -ไม่การนั่งมีการแจกนามบัตรบนโต๊ะอาหาร

    -นั่งตามชื่อที่ตั้งโต๊ะไว้

    -การเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้อง เช่นแก้ว หยิบช้อนช้อน ส้อม มีด ที่อยู่ด้านนอกก่อน



    30 เมษายน 57

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ กิฟฟารีน

    บริษัทกิฟฟารีน บริษัทที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ด้านเครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ โดยใช้การตลาดแบบขายตรง จากการได้เข้าดูงานและรับฟังข้อมูลจากผู้บริหารพบว่า บริษัทให้ความสำคัญ ในเรื่อง คุณภาพของผลิตภัณฑ์ มีการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบ ระหว่างการผลิต และ ก่อนส่งมอบลูกค้า รวมถึง ใช้คุณธรรมในการบริหารงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบริษัทฯ ที่มีธรรมมาภิบาล ตามแนวทางแบบ White Ocean

    ธุรกิจนี้เกิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภค บริโภคกว่า 2,000 รายการ ที่มีคุณภาพได้รับการรับรองตามหลักวิชาการ ด้วยความยึดมั่นจริงใจ ตอบสนองความพึงพอใจ และ รับผิดชอบต่อผู้บริโภค รวมถึงการตลาดเครือข่าย (Network Marketing)ที่มีวิสัยทัศน์มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน ทำให้มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการตอบแทนกลับคืนสู่สังคม และ การใช้ ทรัพยากร อย่างคุ้มค่าจิตสำนึกรู้บุญคุณของชาติในฐานะหนึ่งในพลเมืองทางธุรกิจที่ดี

    ……………………………………………….

    นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย และ แนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา โดย อ.กิตติ ชยางคกุล

    ทางกลุ่มได้นำเสนอรายละเอียดในการวิเราะห์ งานวิจัยในหัวข้อหัว “ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการ รฟ.กระบี่” ช่วงที่ผ่านมา โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ของ กฟผ ถูกมวลชนทั้งในและนอกพื้นที่รวมตัวกันต่อต้านคัดค้าน จนเป็นเหตุให้โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ในพื้นที่ภาคใต้ต้องชะลอโครงการออกไป กระบี่มีพื้นที่ๆมีศักยภาพเหมาะสมและมีความพร้อม แต่ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปและปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ เป็นผลให้ ชุมชนเกิดความไม่เชื่อมั่น และเกรงจะได้รับผลกระทบต่อวิถีความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต การท่องเที่ยว การประมง และสิ่งแวดล้อม

    กฟผ.จำเป็นต้องทบทวนยุทธศาสตร์การสร้างการยอมรับโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยการบูรณาการให้เป็นเอกภาพ และขับเคลื่อนไปทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานของการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน พร้อมทั้งปรับกระบวนทัศน์การมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ เสริมด้วยการสานสัมพันธ์และดำเนิน CSR เพื่อความเชื่อมั่น

    ซึ่ง อ.กิตติ ได้ให้เความเห็นว่าในแนวทางแก้ปัญหาที่นำเสนอไว้จะมียุทธศาสตร์ อย่างไรบ้าง และให้เลือกมา 1 ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อมาจัดทำรายละเอียดวิธีปฎิบัติ เพื่อนำเสนอ

    ..........................................................................

    เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กลุ่ม 3

    การบ้าน “Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต”

    จากการได้อ่านบทความนี้ ทำให้เราเข้าได้ชัดเจนเลยว่า ประเทศชาติหรือองค์กรใดๆ(รวมถึงกฟผ.) จะเจริญก้าวหน้า หรือ ถดถอย บทบาทของผู้นำมีความสำคัญอย่างยิ่ง และ คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้นำ นอกเหนือจากต้องมีภาวะผู้นำแล้ว คือ คุณสมบัติ ด้านการเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติและองค์กร มาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นคุณสมบัติหลักที่ผู้นำจำเป็นต้องมี หากแต่ความรู้ด้านเทคนิค หรือ ความรู้ด้านการบริหารจัดการอื่นๆ อยู่ในวิสัยที่สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก หรือ สามารถเรียกใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดำเนินการแทนได้ เพียงแต่ปัญหาสำคัญ ที่คนดีๆเหล่านั้นมักไม่มีโอกาสได้มาเป็นผู้นำ ก็คือ

    • ทำอย่างไรที่จะทำให้ คนดีๆ เสนอตัวออกมาเป็นผู้นำ ออกมาทำประโยชน์สังคม เนื่องจากคนดีๆ ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากมาเล่นการเมือง
    • ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนได้เข้าใจ มีความรู้และมีจิตสำนึกที่จะสนับสนุนคนดี มากกว่าการเลือกรับผลประโยชน์ หรือ ประชานิยม

    สุดท้ายก็คือการต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ และทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสร้างให้เกิดป็นวัฒนธรรมที่เห็นประโยชน์ของสังคมประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ยกย่องสนับสนุนคนดี ป้องกันและปฏิเสธคนชั่ว

    ………………………………………………..

    การบ้านสุชิน สายะสนธิ

    อ่านและสรุปบทความของ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

    เรื่อง : มารู้จัก Joko Widodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    อาจารย์ได้ไปที่อินโดนีเซีย ได้ติดตามประวัติของตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปในเดือนกรกฎาคม 2557 ชื่อ Joko Widodo ชื่อเล่นว่า Jokowi อายุ 52 ปี

    เขาเรียนคณะวนศาสตร์ ทางด้านวิศวะที่ Gadjah Mada University ในยอร์กยาการ์ตา ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออก

    เขาเริ่มเล่นการเมืองท้องถิ่น เป็นนายกเทศมนตรีเมือง Solo เป็นเมืองเล็กในหมู่เกาะชวา เขาเป็นคน

    • -ติดดิน
    • -เป็นกันเองกับประชาชน
    • -คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา
    • -มีผลงานเป็นประจักษ์

    ได้เติบโตเป็นผู้ว่านครจาการ์ตาปี 2012 และได้รับคัดเลือกเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในนามพรรค Indonesian Democratic Party – Struggle

    จุดเด่นของเขา

    การทำเพื่อประชาชน ห้ามญาติพี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นในช่วงที่เป็นผู้ว่านครจาการ์ตา มีนโยบายเพื่อผลประโยชน์ตกกับประชาชน เช่น นโยบายขยายรถไฟฟ้าจาการ์ตาสำเร็จ มีบริการการแพทย์เสรี

    สรุป

    อาจารย์คาดหวังให้เมืองไทยหลังการปฏิรูปการเมือง มีผู้นำทางการเมืองมาปกครองเป็นคนดี ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ประเทศเหมือนคุณ Jokowi

    นายบัญชา เพชรแก้วกุล

    29 เมษายน 2557 8.30-12.00 น.

     

    Panel Discussion หัวข้อ “ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับ การบริหารวิกฤติและความเสี่ยง”

    โดย อดีตผู้ว่าการ คุณไกรสีห์ กรรณสูต / อดีตผู้ว่าการ คุณสมบัติ ศานติจารี / ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

     

    อดีตผู้ว่าการ คุณสมบัติ ศานติจารี : ให้ข้อคิดการบริหารความเสี่ยง หน่วยงานระดับฝ่ายจะต้องดูแลให้ดี จัดทำแผน และทำการสื่อสารให้หน่วยงานระดับกอง แผนก รับทราบ และทำความเข้าใจในการปฏิบัติ ของารวิเคราะห์ผลกระทบในภาวะวิกฤต / การใช้แนวทางของนัการตลาดเข้าช่วยในการการจัดทำแผนต่างๆ เชิงรุก ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว การแก้ไข ฟื้นฟูจะต้องดำเนินการโดยเร็ว และทำการสื่อสารภาวะวิกฤต / จัดทำการตลาดเพื่อสังคม / การซักซ้อมแผนภาวะวิกฤตเป็นประจำทุกปี สม่ำเสมอ/ สื่อสารผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทราบ / บริหารความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

    เมื่อเกิดเหตุวิกฤต ผู้แทนขององค์กรในการให้ข่าว จะต้องสื่อสารความจริงให้สังคมรับรู้ ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น ห้ามให้ความเห็นที่คาดเดา ห้ามเลือกปฏิบัติกับสื่อ ตอบทุกสื่อ

    เมื่อปี 2553 พม่าหยุดจ่าย Gas มีการปล่อยน้ำที่เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นเหตุให้มีน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร์ ริมน้ำ ทำให้เกิดการร้องเรียน สาเหตุ ขาดการสื่อสารในวงกว้างก่อนดำเนินการ

    ภาวะวิกฤต ของ กฟผ. : นโยบายการเมือง การให้ กฟผ. สร้างโรงไฟฟ้ายากๆ ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ / นโยบายการตึงค่า Ft. / EHIA / NGO / การสื่อสารที่กับการเมือง

     

    อดีตผู้ว่าการ คุณไกรสีห์ กรรณสูต : ให้ข้อคิด วิกฤต กับ  ความเสี่ยง

    วิกฤต : เหตุการณ์ใหญ่ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย /  ความเสี่ยง : สิ่งที่ก่อให้เกิดวิกฤต

    เมื่อมีการประเมินความเสี่ยง จะสามารถป้องกันการเกิดวิกฤตได้ หรือเมื่อเกิดวิกฤต ก็สามารถตอบโต้ให้เหตุการณ์ไม่ลุกลาม จึงต้องมีการจดทำแผนบริหารความเสี่ยง

              ประสบการณ์วิกฤต : การแปรรูป กฟผ. : การจัดการวิกฤต จัตั้งคณะทำงานประสานงานการบริหาร กับ สร.กฟผ. และจัดตั้งคณะทำงานให้ข้อเท็จจริง และสื่อสารองค์กร (Fact Base) / ผวก. ต้องเป็น ผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง / ทำใบปลิวสื่อสารกับผู้ปฏิบัติงาน / จัดตั้ง War Room / จ้างบริษัท ที่ปรึกษาในการแก้ไขวิกฤต / หาสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤต

    ความเสียงของ กฟผ. ที่นำไปสู่ภาวะวิกฤต : ภัยคุกคามภาคใต้ / การเติบโตของเศรษฐกิจ / ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ในการสร้างโรงไฟฟ้า / นโยบาย โครงสร้าง ค่าไฟฟ้า / ด้านบุคคล ระยะห่างระหว่างคนรุ่นเก่า กับ รุ่นใหม่ / การเตรียม Successor

     

     

    29 เมษายน 2557 13.30-16.00 น.

    หัวข้อ “การแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่” โดย อ. ณภัสวรรรณ จิลลานนท์

    ด้านการแต่งกาย มารยาททางสังคม ท่วงท่าอิริยาบถ การไหว้ มารยาทบนโต๊ะอาหาร งานเลี้ยง การเขียนชื่อ หนังสือเชิญ

    First Impression : ความประทับใจแรกพบ ต้องเตรียมตัวให้เหมาะสมกับเหตุการณ์

    Image : ภาพลักษณ์ภายนอก เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ที่แสดงถึงรสนิยมที่ดี / 55% ภาพที่เห็น / 38% น้ำเสียง / 7% คำพูด

    การแต่งตัว : มาด อารมณ์ดีพูดจาดี รู้จักกาลเทศะ

    อิทธิพลต่อบุคลิกภาพ  : สีสัน เส้นสาย สัดส่วน

    การอวยพรปีใหม่ผู้ใหญ่ : ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองท่าน

     

    30 เมษายน 2557 8.30-14.00 น.

    การดูงานบริษัท Giffarine ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร โดย คุณจักรพงษ์ ไพบูลย์ คุณใจทิพย์ ไพบูลย์

     

    โรงงานที่นวนครเป็นโรงงานที่ผลิต ผลิตภัณฑ์เกี่ยวอาหารเสริม , Cosmetic , Skin Case และของใช้ประจำวันในบ้าน ซึ่งโรงงานได้มาตรฐานสากล GMP, ISO9000/2000 ,  HACCP นอกจากนี้ได้มีการจัดตั้ง LAB ชื่อ Sky LAB ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC17025

    ช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ : ธุรกิจขายตรง กับสมาชิก ซึ่งปัจุบันมีสมาชิก 6-7 ล้านราย

    ด้านต่างประเทศ ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้ Brand “Patrina” ใน 33 ประเทศทั่วโลก

    ด้วยมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการ รับรองที่ถูกต้องตาม หลักวิชาการ ด้วยปณิธาน “ยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคในระยะยาว”

    การดูแลพนักงาน : เป็นคนดี ให้เกียรติ ดูแลแบบพี่น้อง

    - See more at: http://www.giffarine.co.th/th/about1.php#sthash.2seLVH1e.dpuf

     

    30 เมษายน 2557 14.30-16.30 น.

    การติดตามโครงการศึกษาวิจัยของแต่ละกลุ่มงาน โดย อ.กิตติ ชยางคกุล

     

    การนำงานโครงการวิจัยฯ ที่แต่ละกลุ่มเสนอ มาอธิบาย และ Comment โดย อ.กิตติฯ

    การบ้านพิเศษ 9

    สรุปบทความ มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดเนียคนใหม่ ”

    Jokowi เป็นผู้นำรุ่นใหม่ของอินโดนีเซีย เป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่มีคุณธรรม ต้องการรับใช้ประเทศและตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เป็นผู้นำที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีธุรกิจใหญ่โต และที่สำคัญเป็นนักการเมืองเพื่อประชาชน ไม่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง คุณสมบัติที่สำคัญ ได้แก่

    ติดดิน เป็นกันเองกับประชาชน คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา และ มีผลงานป็นที่ประจักษ์ เขาเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นโดยได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆในหมู่เกาะชวา และมีชื่อเสียงขจรไกล จึงได้รับเลือกเป็นผู้ว่านคร Jakata และปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย

    สำหรับการเมืองไทย ภายหลังการปฏิรูปการเมืองควรคัดเลือกและสนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่ที่เป็นคนดี ปราศจากธุรกิจการเมืองและมองผลประโยชน์ของประเทศอย่างคุณ Jokowi มาบริหารประเทศ

    นายชาคริต ภูษิตาภรณ์

    29 เมษายน 57

    ประเด็นการเรียนรู้ : ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง


    อดีตผู้ว่าการฯ สมบัติ ศานติวารี
    จากประสบการณ์การบริหารวิกฤติและความเสี่ยง ให้เน้นสื่อสาร ผู้นำ กฟผ. สำคัญ ต้องดูแลบริหารความเสี่ยง ต้องมีแผนและ การมีการสื่อสารให้ทราบทั่วถึง ต้องให้การตลาดช่วยมอง เพราะมีมุ่งมองที่ดีอ้างอิงกับลูกค้า ต้องมีการวางแผนให้ดี เพื่อเน้นการป้องกัน แต่ถ้าเกิดแล้วก็ต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร็วและ มีแผนขั้นการฟื้นฟูที่ดี

    การสื่อสารที่ดีมีความสำคัญเป็นหัวใจในภาวะที่มีปัญหาเกิดวิกฤติ ช่วยบรรเทาได้ ถ้าม็การสื่อสารประชาสัมพันธ์ ดีๆ เมื่อเกิดปัญหาต้องเร่งสื่อให้สังคมรู้โดยเร็วว่าจะแก้ยังไงไม่ควร ลำเอียง ให้ข้อมูลที่เป็นความเป็นจริง ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ไม่ปฎิเสธความรับผิดชอบ ไม่ควรปฏิเสธสื่อ ยิ่งเงียบ เหมือนยอมรับ ควรสื่อสารให้เป็นวงกว้าง เเจ้งผู้บริหารรู้ทันท็ เพื่อกำจัด ความเสียหาย การเตรียมตัว. เมื่อมีแผน ควรมีการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ ถ่ายทอดให้ ผู้ปฎิบัติงานรับทราบโดยทั่วถึง สื่อสาร แนวทางการแก้ไข การฟื้นฟู สื่อสารในแนวเพื่อสังคม

    ตัวอย่างปัญหาการสื่อสารเชิงนโยบายที่ถูกถาม

    นโยบายการรับงานบุคคลภายนอก เช่นงานวิศวกรรม งาน 0&M การควบคุมงานให้กับบริษัทเอกชน ที่ทำโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะ IPP ที่แชร์สัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าไปจาก Egat น่าจะไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการซ้ำเติม วิกฤตการรักษาสัดส่วน เนื่องจากเราต้องเสียคนเก่ง ไปช่วยงานเอกชน ทำให้โรงไฟฟ้าเอกชนมีประสิทธิภาพดี ขณะที Egat เดินโรงไฟฟ้าได้น้อยลง เมื่อทำเสร็จก็ยังโดนซื้อตัวไปดูแลโรงไฟฟ้าต่ออีก ทำให้ EGAT ขาดคนเก่งมาทำ Core Business การดำเนินงานขาดประสิทธิผล ทั้งยุทธศาสตร์ นี้น่าจะปรับเปลี่ยนโดย ยกเลิกหรือลดการรับงานบุคคลภายนอกลง

    ประเด็นนี้ อดีตผู้ว่าการฯ สมบัติ ศานติวารี เห็นด้วยว่าเป็นปัญหาจึงแนะว่าควรเน้นการรับงานต่างประเทศที่จะช่วยให้ องค์การมีคนเก่งที่ได้ความรู้และมีประสบการณ์มากขึ้น


    อดีตผู้ว่าการฯ ไกรสีห์ กรรณสูต

    ได้แชร์ประสบการณ์จากความเลี่ยงและวิกฤติใน ปี 2547 จากการที่รัฐบาลมี นโยบายให้ กฟผ. แปรรูป ซึ่งน่าจะเกิดจากจุดพลิกการประท้วงแปรรูป โดยกลุ่ม คอกไม้ชาว ที่ตอนแรกประเมินความเสี่ยงไม่ดี นอกจากนี้ คนต่างจังหวัด สหภาพของ กฟผ. เปลี่ยนใจเข้าร่วมประท้วงทั้ง กฟผ. ทำให้ผู้ว่าและ.board ต้องลาออก

    การดำเนินการในช่วงดังกล่าว ได้ควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้ขยายใหญ่ โดยตั้งคณะกรรมการประสานความเข้าใจองค์กร โดยมีผู้บริหารและสหภาพ คณะทำงาน หาข้อมูล ข้อเท็จจริง หาประเด็นของการประท้วง เช่นการขายสมบัติชาติ หลักการของคณะทำงานคือให้ได้ข้อมูลเพื่อการสื่อสาร กับพนักงาน ทั้งนี้ผู้นำองค์กร ควรพูดเอง. คณะ เน้นการให้ข้อมูล ไปประชาสัมพันธ์ สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ตลอดเวลา

    ได้วางกลยุทธ์ สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร สื่อสารข้อมูลแบบตรงไปตรงมา สร้างแนวร่วม ให้ทุกคนต้องเข้ามาช่วยกันคิดหาทางออก .เสนอให้ทุกฝ่ายยอมรับ โดยมีการออกแบบสอบถามให้เลือกทิศทางขององค์กร

    ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนดี มีผู้รับผิดชอบทีดี เช่นการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ กฟผ. ควรลงพื้นที่เข้าไปทำความเข้าใจกับชุมชนก่อนที่ NGOs จะทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบ แล้วเกิดการต่อต้าน


    ประเด็นการเรียนรู้ : บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในด้านต่างๆให้มีบุคลิกที่เหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารในอนาคต

    First Impression สำคัญเป็นสิ่งที่ถูกจดจำภาพลักษณ์เมื่อแรกที่ได้เห็นมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งแก้ยาก จึงต้องสนใจระวังเมื่อต้องมีนัดกับคนสำคัญ

    คนเรา 55% ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก และ 38% มาจากเสียง และอีก 7% มาจากคำพูด

    ต้องดูแลตัวเองทั้งด้านการ แต่งตัว /มาด /การพูดจาดี/ กาลเทศะ/ อารมณ์ดี

    เริ่มจากทรางผมและการดูแลได้เรียนรู้ว่าการยัอมผมให้เริ่มที่โคน แล้วหวีไปที่ปลาย อย่าใช้สีดำย้อมผม ไม่ควรสระหลัง ก่อนนอน เพราะความชื้น ทิาให้เกิด เชื้อรา ผมร่วง กางเกงควรตัดขาให้พอดี สูงจากปลายรองเท้าประมาณ 1 นิ้วควรใส่แบบไม่มีจีบ

    ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ

    [ ] ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารยฺคใหม่

    [ ] เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์

    [ ] การเลือกทรงผมกับบูดลึกคนทำงานใหม่

    [ ] มาดและท่วงท่าอิริยาบถของคนทันสมัย

    [ ] มารยาททางธุรกิจ

    [ ] มารยาทในการรับประทานอาหาร


    30 เมษายน 57

    ประเด็นการเรียนรู้ :
    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

    ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี


    [ ] ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทว่า เป็นธุรกิจขายตรง ซึ่งธุรกิจขายตรง ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนประมาณ 900 บริษัท ยอดขายรวมกันประมาณ 7 หมื่นล้านบาท มีคนทำงานอยู่ในธุรกิจนี้ประมาณ 15 ล้านคน อนาคตจะมียอดขายถึงแสนล้านบาท ชื่อบริษัทกิฟฟารีน ตั้งมาจากชื่อลูก 2 คน กิ๊ฟ ฟ้า ตั้งปี. 2529 มีพระสุพรรณกัลยา เป็นนแรงบรรดาใจ ตั้งบริษัทโดยเริ่มจากเงินเก็บ ไม่ได้กู้เงิน เป็นธุรกิจขายตรง ทีฝ่าวิกฤตค่าเงินมาได้ พนักงาน อายุ เฉลี่ย 30 ปี

    [ ] เป็นธุรกิจ เริ่มจากแนวคิดว่า เริ่มจากระบบดี มีผู้ร่วมงานที่ดี แบบ สหกรณ์ Network Marketing มีการซื้อ ถูกใจซื่อซ้ำ มีสมาชิกประมาณ 6 ล้านรหัส ส่วนใหญ่เป็นผู้โภค อาจไม่ได้ขายต่อ แต่ได้ปันผลจากการใช้สินค้า โดยสมาชิกได้ ค่า Com แบ่งปันผล ตามยอดซื้อ เป็นทีมก็ได้

    [ ] ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ มีแผนจะขยายธุรกิจรอบๆประเทศไทย เนื่องจาก เป็นสินค้าสุขภาพ ต้องดูแลใกล้ชิด

    [ ] เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่อยอดจากงานวิจัยของต่างประเทศ โดยเน้น Supplier ที่มีระบบเหมือนกัน ผสมสูตรตามพี่กำหนด คุยกับ Marketing ส่ง วิเคราะห์ท็ Central Lab โดยมีเภสัชกรประมาณ. 30 คน รับงานวิเคราะห์สิ่งงแวดล้อม น้ำเลียด้วย

    [ ] ตัวอย่างเผลิตภัณฑ์ เช่น ครื่องสำอาง ผลิตยาจากสมุนไพร ทีมงานแพทย์ dsm nutritional product ISO 9001:2000

    [ ] ทีมงานเน้น ต้องรู้ โลกทัศน์ ดูเทรนต่างประเทศ

    [ ] มี Central Lab มีการทดสอบ ทางเคมี ฟิสิnส์ ชีววิทยา ต้องควบคุม อุณหภูมิ ความชื้น ได้ ISO/IEC 17025:2005 เครื่อง สำอาง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ สมุนไพร งานสิ่งแวดล้อม เช่นน้ำเสีย PH Bacteria กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สอบเทียบพนักงาน การชั่งการทดลอง

    [ ] บริษัทฯเป็นตัวอย่างที่ดีมากเรื่องความไม่ประมาท และมีแผนการจัดการและบริหารความเสี่ยงจากน้ำท่วม โดยยอมลงทุนร่วม 30 ล้าน ทำกำแพง สูง 3 เมตร ทำโครงสร้างสูง มีการเตรียมท่าเรือ เรือขนของ มีการทบทวนแผน มีกรติดตั้งระบบปั๊มน้ำ แผนการถอดประตู เคยเสียหาย 101 ล้าน ประกัน claimได้ 100 ล้าน เตรียมระบบไฟฟ้าโดยตกลงกับ การไฟฟ้ามาตรวจสอบ ให้มีไฟใช้ช่วงน้ำท่วม

    สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือการบริหาร แบบมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม สร้างสิ่งดีสู่สังคม เน้นคนดี แบบการกุศล ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของ ไม่เน้นคนเก่ง เราดูแลตักเตือนให้ทำงานแบบสบายใจ ดูแลเหมือนญาติมิตร เช่นมีให้กู้แบบไม่เสียดอกเบี้ย เป็นบริษัทตัวอย่างในแบบ white Ocean โรงงานแห่งความสุข ซึ่งน่าประทับใจมากในเรื่องสถานที่ๆดูแลดีมาก สะอาดเรียบร้อย น่าทำงานมากๆ โดยเฉพาะประทับใจผู้บริหารที่มีนโยบายดูแลเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของพนักงานเหมือนคนในครอบครัวเลยทีเดียว รวมทั้งได้ดูแล ตอนรับให้ความรู้กับพวกเราอย่างดีมากที่สุดที่หนึ่งเท่าที่เคยไปดูงานมา จนอยากจะเป็นสมาชิกซื้อของโดยไม่ต้องเชิญชวนเลย


    กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อ
                         การพัฒนา 
    โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล


    เป็นการแนะนำปรับปรุงโครงร่างวิจัยที่ได้เสนออาจารย์ไว้

    หัวข้อวิจัย

    1.การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณี โครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

    2.ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.

    3.ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

    4.ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    5.ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

    6.ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

    7.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

    •ทางกลุ่ม 2 ได้นำเสนอข้อมูลเหตุผลต่างๆที่ได้ดำเนินการรวบรวมมา เกี่ยวกับ ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของกฟผ. โดยอ.กิตติ: มีประเด็นให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม

    •-สัดส่วนการผลิตที่เหมาะสมคือเท่าใด รู้ได้อย่างไร

    •-มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการกำหนดสัดส่วน

    •-ข้อเสนอแนะ คืออะไร

    •-กฟผ จะต้องทำอย่างไรต่อไป


    การบ้านพิเศษ 9

    หัวข้อ JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่: บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    ประเด็นการเรียนรู้ :

    มีบทความวิจารณ์เมืองไทยว่า เมืองไทยดีหมดยกเว้น “คนไทย” เพราะนิสัย รักสบาย เล่นพักล่นพวก วัตถุนิยม ชอบคนดีเงิน นับเป็นบทความที่ดูถูก และมีมุมมองในแง่ลบมากไปหน่อย อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้เห็นบุคคลตัวอย่างที่ทำเพื่อคนไทยอย่างท่านกำนันสุเทพ ที่ต่อสู้กับมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยที่ดี และจะไม่เล่นการเมืองอีก

    เช่นเดียวกับผู้นำรุ่นใหม่ของอินโดนีเซียชื่อ JokoWidodo ปัจจุบันอายุแค่ 52 ปี เรียนมาทางป่าไม้ และวิศวะ เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นเพราะตั้งใจรับใช้ประเทศตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆ ในหมู่เกาะชวา ชื่อว่าเมือง Solo JokoWidodo เป็นบุคคลธรรมดา ติดดิน กันเองกับประชาชน คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา เช่น การดำเนินนโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakarta สำเร็จ ให้ประชาชนชาวเมือง Jakarta มีบริการการแพทย์เสรี…เป็นต้น

    JokoWidodo นับเป็นตัวอย่างนักการเมืองเพื่อประชาชน เช่นการออกกฎเหล็กว่าห้ามญาติ พี่น้องของเขาทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริการเด็ดขาด ต่างจากการเมืองไทย ที่นำโดยทุนนิยมสามานย์ ใช้เงินและอำนาจเป็นหลัก เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน

    บทเรียนจากอินโด เหมือนบอกเราว่า นักการเมืองที่ดี ต้องเป็นคนดีตั้งใจทำเพื่อคนอื่นๆจริงๆ ไม่ถือตัว และมีความคิดในการที่จะสร้างและพัฒนาแต่สิ่งดีๆเพื่อสังคมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เหมือนสุภาษิตที่ว่า คนดีอยู่ที่ไหนใครๆก็รัก สำหรับผู้นำไทยต่อไป หลังการปฏิรูปการเมืองของไทยแล้ว หวังว่าเราจะได้ผู้นำทางการเมืองที่มาปกครองประเทศ เป็นคนดี ปราศจากธุรกิจการเมือง และมองผลประโยชน์ของประเทศแบบคุณ Jokowi นะครับพี่น้อง ชาว EADP 10


    นายชาคริต ภูษิตาภรณ์ - Group 2

    โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหงสา สปป.ลาว

    จิราพร ศิริคำ ฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า

    DOGFIGHT” 

    How Apple and Google Went to War and Started a Revolution

    โดย Fred Vogeistein


    กลุ่ม 2

    1.นายกีรติ ศรีวัฒนาเมฆินทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการ อค-นร. (วส.)

    2.น.ส.จิราพร ศิริคำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า-แหล่งผลิต (ช.อผฟ-ลผ.)

    3.นายชาคริต ภูษิตาภรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการ ช.อค-หส. (กฟ.)

    4.นายดำรงค์ ไสยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ (ช.อฟจ.)

    5.นายบัญชา เพชรแก้วกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาระบบส่ง (ช.อษส-ว.)

    6.นายสุทีป ธรรมรุจี ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน บริษัท ราชบุรี จำกัด


    วิเคราะห์เรื่องนวัตกรรม (Innovation)

    เป็นการวิเคราะห์จาการอ่านหนังสือ “Dogfight - How Apple and Google Went to War and Started a Revolution” โดย Fred Vogeistein 


    จะเห็นได้ว่า นวัตกรรม (Innovation) นั้น เกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ดังนี้

    -นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การจิตนาการ (Imagination)

    -นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การเกิดของอีกนวัตกรรมหนึ่ง (Other fields of Innovation)

    -นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การแข่งขันทางธุรกิจ (Business Competition)

    -นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก ความต้องการตอบสนองการใช้งานแก่ลูกค้า (Customer’s Needs Response)

    ซึ่งการเกิดนวัตกรรม (Innovation) นั้น มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กลุ่ม 2 มีความเห็นว่า นวัตกรรม (Innovation) นั้น ควรจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างประโยชน์ เช่น สร้างธุรกิจ มากกว่าที่จะนำเอานวัตกรรม (Innovation) มาเป็นธุรกิจด้วยตัวมันเอง

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเนื่องจาก มักจะมีเรื่องธุรกิจ มาเกี่ยวข้องกับ เรื่องนวัตกรรม จึงเกิดมีเรื่อง “ลิขสิทธิ์” มาเกี่ยวข้อง และก็เห็นด้วยกับแนวคิดของ Steve Jobs ที่ว่า “เราไม่ได้มีลิขสิทธ์ไว้สำหรับหาเงิน แต่มีไว้เพื่อปกป้องนวัตกรรมของเรา ที่เราสร้างขึ้น”

    แต่ถ้ามนุษย์ทุกคนมี คุณธรรม จริยธรรม รวมถึงมีจรรยาบรรณในการทำงาน หรือการดำเนินธุรกิจแล้ว โลกเราก็คงจะไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้


    1. นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การจิตนาการ (Imagination)

    ซึ่งอาจเป็นจินตนาการของผู้ประดิษฐ์ (Inventors) เอง หรืออาจจะเป็นจินตนาการของผู้อื่นแต่ผู้ประดิษฐ์ต้องการทำให้เป็นจริง ตัวอย่าง เช่น

    SteveJobs กล่าวว่า

    “I want to build a phone people could fall in love”

    “I want a device that I could use to read email while on the toilet”

    เมื่อครั้ง SteveJobs จิตนาการว่าจะสร้าง iPhone และ iPad เกือบทุกคนจะสบประมาทว่าเป็นไปไม่ได้ ยกสิ่งต่างๆ มาอ้างมากมาย แต่ SteveJobs ก็สามารถสร้าง iPhone และ iPad ออกมาได้ ในขั้นแรก ต่อมาเมื่อออกวางจำหน่าย ทุกคนก็สบประมาทอีกว่าขายไม่ได้แน่ ยกสิ่งต่างๆ มาอ้างมากมายเช่นเดิม แต่ทั้ง iPhone, iPad, ipod ขายรวมกันทั่วโลกเฉลี่ย 200 ล้านเครื่องต่อปี มากกว่ารถยนต์ทุกยี่ห้อที่ขายทั่วโลก เท่ากับทีวีทุกยี่ห้อที่ขายทั่วโลก

    iPhone และ iPad นับเป็นนวัตกรรมของโลกที่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์โลกโดยสิ้นเชิง ทั้งทางด้าน Communication, Information, News, Entertainment เป็นการเปลี่ยนวิถีการใช้โทรศัพท์ การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้อินเตอร์เนต การใช้อีเมล การอ่านข่าว การฟังข่าว การดูหนัง การฟังเพลง การบันทึกส่วนตัว

    Eric Schmidt ผู้บริหารระดับสูง (Executive) ของ Google กล่าวว่า

    “ในอนาคต ผู้ใช้โทรศัพท์แม้จะพูดคนละภาษากัน ก็จะเข้าใจกันได้ เพราะโทรศัพท์จะแปลภาษาได้เอง”

    Schmidt กล่าวว่า คนเขียน Software ให้ Android ใน Google ไม่พอ Larry Page กล่าวว่า Android ต้องเร็วกว่าและง่ายกว่า หน้าจอจะต้อง load ได้ภายใน 200 milliseconds และต้องใช้ง่ายขณะขับรถก็ใช้ได้ ส่วน Brin กล่าวว่า ต้องมี Power เพียงพอให้ผู้ใช้ได้ถึง หนึ่งหมื่นครั้ง (สิ่งเหล่านี้เป็น Imagination ของผู้บริหาร) การประชุมครั้งต่อๆมา ก็มีความกังวลในเรื่อง Keyboard ของ “Dream” ที่ใช้การดึงเข้าออกจากข้างๆ


    2. นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การเกิดของอีกนวัตกรรมหนึ่ง (Other fields of Innovation)

    หากนวัตกรรมหนึ่งไม่เกิด อีกนวัตกรรมหนึ่งก็ไม่เกิด Steve Jobs กล่าวว่า “ตอนนี้ความฝันที่เราจะทำ Pocket Computer เป็นจริงแล้ว เพราะนวัตกรรมด้าน Wireless Bandwidth Internet ก้าวหน้าไปมากพอแล้ว มีความแข็งแรง มั่นคงดีพอแล้ว”

    อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ หากไม่มีนวัตกรรมด้านแบตเตอรี่ ที่ทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น และมีขนาดเล็กลง ก็ไม่เกิดเกิดนวัตกรรม Smart Phone หรือ Tablet หรือนวัตกรรมอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กแต่ใช้งานได้นาน

    เป็นที่ทราบกันดีใน Silicon Valley ว่า Innovation หนึ่งเกิดได้จาก Innovation หนึ่ง (All innovation are built on the shoulders of others) เช่น

    -จะไม่มี Intel Microprocessor เลย หากไม่มี Transistor และ Integrated Circuit

    -หากไม่มี Microprocessor ก็ไม่มี Personal Computers (PC)

    -หากไม่มี PC ก็ไม่มี Microsoft, Apple, iPhone, Software Industries

    -หากไม่มี Software Industries ก็ไม่มี Netscape Web Browser


    3. นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก การแข่งขันทางธุรกิจ (Business Competition)

    Android Phones เกิดจากการที่ Google ต้องการจะแข่งกับ iPhone โดยมีปรัชญา และกลยุทธ์คือ ให้ Android Software เป็น Opened Source ผู้ผลิตโทรศัพท์ทุกค่ายสามารถนำไปใช้ได้ และสามารถ modify ได้ (Google สร้างเฉพาะSoftware Android ส่วน Hardware นั้นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์เป็นผู้สร้าง ซึ่งต่างจาก iPhone ซึ่ง Steve Jobs ค่าย Apple นั้น สร้าง iphone ทั้ง Software และ Hardware ด้วย Apple เอง)


    4. นวัตกรรม (Innovation) เกิดจาก ความต้องการตอบสนองการใช้งานแก่ลูกค้า (Customer’s Needs Response)

    SteveJobs สังเกตุว่า คนที่ซื้อ laptop ไปใช้ ใช้ไม่เต็ม Options ใช้เพียง Internet, email, Twitter, Facebook, music, movie, ไม่เคยใช้ในทาง Office Works เลย จึงมีความคิดที่จะสร้างอะไร เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง จึงเกิดเป็น iPad


    5. นวัตกรรม (Innovation) เปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ

    Media Convergent เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของ Smart Phones และ Tablet เป็นการประจวบกัน ประสานกันของเทคโนโลยีด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน ที่เห็นได้ขัดในปัจจุบันก็คือ ด้านทีวี สื่อสารมวลชน กับเทคโนโลยีด้าน Internet และ Smart Phone and Tablet เป็นต้น

    Online Publisherที่ชื่อว่า Atavist นับเป็นมิติใหม่ของวงการสื่อสารมวลชนเลยทีเดียว ทั้งรูปแบบของการสร้างงานของศิลปิน รูปแบบของการนำเสนอผลงาน และรูปแบบของการจำหน่ายผลงาน รวมทั้งผลตอบแทนและรายได้ ซึ่งแต่ก่อนสำนักพิมพ์แบเดิมๆ อาจจะจ่ายเป็นค่าเขียนหนังสือให้กับนักเขียนตามจำนวนหน้า หรืจำนวนคำที่เขียน แต่สำหรับ Online Publisher อาจจะตกลงกันตามจำนวนครั้งที่ดาวน์โหลดของลูกค้าหรือสมาชิก ซึ่งสร้างรายได้ได้มากกว่า และยาวนานกว่า ตราบใดที่มีคนดาวน์โหลดก็ได้เงิน นอกจากนี้ก็ยังสามารถได้รับรางวัลเหมือนงานเขียนแบบเดิมๆเ

    หุ้นส่วน (Partnership) และการก้าวข้าม (Stride) อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เช่น บริษัทด้าน High Technology เป็นหุ้นส่วนกับบริษัท Entertainment เช่น บริษัท New York และ บริษัท Hollywood เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผลิต Software เพื่อร่วมกันสร้าง Mobile apps บริษัท Hollywood ร่วมกับ Amazon และ YouTube

    Michael Yanover ซึ่งเป็น Head of Business Developer ของ Creative Artist Agency (CAA) เล่าว่า “ตอนนี้กำลังมีการเตรียมการสร้าง Content ซึ่งจะออกฉายทาง Internet เป็นตอนๆ เหมือน TV ซึ่งเกือบทุกอย่างอยู่บน Smart phone, Tablet ทุกสิ่งทุกอย่างมีความชัดเจน เมื่อ iPhone เกิดขึ้นบนโลกนี้ ต้องขอบคุณ Steve Jobs ที่เสมือนเป็นผู้เปิดโลกใหม่ให้เรา”

    Mobile Entertainment Apps ในปี 2011 Hollywood Agencies เช่น CAA, WME (William Morris Endeavor) เริ่มหันมาสร้าง สิ่งที่เรียกว่า Mobile Entertainment Apps ซึ่งจะก่อให้เกิดช่องทางในการ distribute งานได้มากขึ้น ทั้งศิลปิน Agencies และลูกค้า เรียกว่า เป็น Dynamic มากขึ้น เช่น Lady Gaga ไม่ออก Album เป็น CD แล้ว แต่ออกเป็น Digital Download จาก mobile apps แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ทำธุรกิจด้านบันเทิงก็ต้องการให้ผู้ทำธุรกิจด้าน Smart Phone และ Tablet ให้ความสำคัญต่อลิขสิทธ์ด้านบันเทิงด้วยเช่นกัน

    “Broadcast Television” “Cable TV” “Internet TV” เนื่องจากก้าวล้ำทางเทคโนโลยี คำว่า TV จึงมีการแตกแขนงไปอีก เช่น“Broadcast Television”“Cable TV” เดี๋ยวนี้เป็น“Internet TV” ที่สามารถดูบน Smart Phone และ Tablet ดูที่ใด เวลาใดก็ได้


    6. นวัตกรรม (Innovation) เป็นการทำสิ่งที่ยากให้ง่าย ทำสิ่งที่ไม่เคยเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้

    สร้างความสะดวกแก่ผู้ใช้ Steve Jobs ได้รับการกล่าวขานในเรื่องนี้มาก “Steve Jobs made innovation look easy.


    7. นวัตกรรม (Innovation) จะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลก

    ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเฉพาะคนมีเงิน


    8. นวัตกรรม (Innovation) หนึ่งเป็นประโยชน์หลายด้าน

    iPad ยังเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ในหลาย disciplines มากมาย เช่น นักบินก็ใช้เป็น Navigation Charts, Runway Data และรายงานอากาศ นายแพทย์ใช้ช่วยในกิจกรรมทางการแพทย์ ตรวจวินิจฉัยโรค เก็บข้อมูล นอกจากนี้ยังใช้ในการศึกษา ใช้ในบริษัทเอกชน ราชการ เพราะสามารถประหยัดกระดาษ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม


    9. นวัตกรรม (Innovation) จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากนำไปต่อยอด

    ในอเมริกาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ประมาณปี 2008) คนอเมริกันจำเป็นต้องดูเคเบิ้ลทีวี แม้จะหงุดหงิดกับอัตราค่าบริการรายเดือนที่ตั้งหน้าจะแพงขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 100USD ต่อเดือน เพราะไม่มีทางเลือก ต่อมาเมื่อ Internet พัฒนาเป็น Wireless Broadband ที่มีความเร็วสูง ซึ่งใช้กับ Smart Phones และ Tablets ได้ดี จึงเกิดเป็น “Internet TV” ซึ่งดูได้ใน Smart Phones และ Tablets เช่น Netflix, YouTube, Apple’Tunes, Amazon, Roku เป็นต้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียง 50 USD เท่านั้น ทำให้เคเบิ้ลทีวีลดความสำคัญลงไปมากทีเดียว


    10. นวัตกรรม (Innovation) ควรจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างประโยชน์ เช่น สร้างธุรกิจ มากกว่าที่จะนำเอานวัตกรรม (Innovation) มาเป็นธุรกิจด้วยตัวมันเอง

    เช่น Android เป็น Opened Source ให้หลายบริษัทนำไปใช้ใน Smart Phones ส่วน Google เองนำไปใช้ทำธุรกิจในด้านโฆษณาของ Google Search ส่วนใหญ่ในอเมริกาเป็นเศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy) คือใช้ตัวนวัตกรรมเองมาเป็นธุรกิจ เช่น การใช้ลิขสิทธ์ในเชิงธุรกิจ บริษัทใหญ่ๆในอเมริกานั้น การมีนักกฏหมายเก่งๆ เพื่อปกป้องลิขสิทธ์ของตนเป็นเรื่องจำเป็นมาก SteveJobs เคยกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “เราไม่ได้มีมีลิขสิทธ์ไว้เพื่อหาเงิน เราไม่ได้มีมีลิขสิทธ์เอาไว้ขาย เรามีลิขสิทธ์ไว้เพื่อปกป้องนวัตกรรมของเรา” ปัญหาเรื่องลิขสิทธ์ในอเมริกา (ต่อไปก็จะเป็นปัญหาไปทั่วโลก) ก็คือ

    1. คดีมีมาก ศาลทำไม่ทัน

    2. นวัตกรรมก้าวหน้าไปเร็วมากศาลตามไม่ทัน ทำให้มีหลายคดีที่ศาลตัดสินไม่ตรงความเป็นจริง

    อาจารย์มหาวิทยาลัยบอสตัน คณะเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า “เรื่องลิขสิทธ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Magic Words, Game ของศาลกับคนร่างกฏหมาย”

    อาจารย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ด้านกฏหมายกล่าวว่า “ปัญหารื่องลิขสิทธ์ส่วนมากเป็นความผิดพลาดของสำนักงานด้านลิขสิทธ์เอง”


    11. นวัตกรรม กับ ลิขสิทธ์

    Steve Jobs เคยกล่าวว่า “เราไม่ได้มีลิขสิทธ์ไว้สำหรับหาเงิน แต่มีไว้เพื่อปกป้องนวัตกรรมของเรา ที่เราสร้างขึ้น เราต้องปกป้องลิขสิทธ์ของเราทุกอย่าง”

    ปัญหาเรื่องลิขสิทธ์ในปัจจุบันของอเมริกาคือ

    1. นวัตกรรมก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก ศาลตามไม่ทัน

    2. คดีเกี่ยวกับลิขสิทธ์มีมากเหลือเกิน แม้แต่ปุ่มที่ใช้ click ก็เป็นลิขสิทธ์ (แม้การประกาศชกมวยชิงแชมป์โลก ของ Michael Buffer ก็จดลิขสิทธ์ไว้แล้ว ห้ามพูดเลียนแบบ) จึงมีหลายคดีที่ศาลศาลตัดสินผิด

    หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า คนที่ได้ลิขสิทธ์กลับไม่ใช่ผู้สร้างนวัตกรรมเอง แต่กลับเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีเงิน กรณีตัวอย่างคือ กรณีของ จักร Singer ซึ่ง Isaac Singer ฟ้องร้องต่อศาล ในสมัยก่อนแต่ไหนแต่ไร จักรก็ใช้กันทั่วไม่เห็นมีการฟ้องร้องกันเลย แต่เมื่อมี Garment Industry จึงมีการฟ้องร้องกันขึ้น เพราะประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมหาศาล จึงมักกล่าวกันว่า “ลิขสิทธ์มีไว้ปกป้องธุรกิจมากกว่า”

    Jame Bessen ศาสตราจารย์แห่ง มหาวิทยาลัย Boston กล่าว่า “ ปัจจุบัน เราอยู่ในโลกของ “คำพูดที่สวยหรู Magic Words” “การเล่นเกม Game” และ “ศาล Court”

    Mark Lemley ศาสตราจารย์แห่ง มหาวิทยาลัย Stanford ด้านกฏหมาย ที่เกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว่า “ปัญหาด้านลิขสิทธ์นั้น ความผิดพลาดอยู่ที่ หน่วยงานด้านลิขสิทธ์ของรัฐเอง ซึ่งมองลิขสิทธ์ในอีกมุมหนึ่ง ตีความลิขสิทธ์มาจากจุดกำเนิด กล่าวคือ มองจาก “The problem solved” ส่วนประชาชนมองในอีกมุมหนึ่ง ประชาชนแบ่งประเภทของนวัตกรรมตาม “The solution they provide to a problem” หรือ คำตอบที่ให้แก่ปัญหา ไม่ใช่แบ่งที่ Code หรือ Process ที่มัน run แต่ควรต้องดูที่ว่า software นั้น ถูกใช้ไปทั้งหมดเพื่อสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือไม่

    Tim Cook CEO ของ Apple ต่อจาก Steve Jobs ได้กล่าวหลังจากชนะคดีในศาลว่า “มันไม่ใช่เป็นเรื่องของสิทธิหรือเงินทองอะไรทั้งสิ้น ความจริงมันเป็นเรื่องของ “คุณค่า (Value)” เราให้คุณค่าต่อนวัตกรรม เราสร้างนวัตกรรมมาเพื่อพลเมืองของโลก ไม่ใช่สร้างมาเพื่อให้ขโมยมาเอาไป หาเงินให้ตัวเอง บัดนี้ คุณค่าเป็นผู้ชนะแล้ว”


    12. นวัตกรรม (Innovation) กับ กฟผ.

    กลับมามองเรื่อง นวัตกรรม (Innovation) ที่ กฟผ. จะเห็นว่าเป็นหน่วยงานใหญ่ที่มี นวัตกรรม (Innovation) น้อย เนื่องจากเป็นการดำเนินธุรกิจผลิตและส่งไฟฟ้า ที่เป็นสินค้าจำเป็นตามโครงสร้างพื้นฐาน และทำตามเทคโนโลยีที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่ต้องแข่งขันมากในเชิงธุรกิจที่ Break Through ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าต้องการเพียงให้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลาเท่านั้น

    การมีนวัตกรรม (Innovation) นั้น จะต้องมีจินตนาการ (Imagine) และความรู้ (Knowledge) สำหรับ กฟผ. แล้ว มีความรู้เต็มเปี่ยม มากมาย แต่คน กฟผ. ขาด (ไม่มี) จินตนาการ ทำให้สร้างนวัตกรรมได้ยาก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่า คน กฟผ. ต้องอยู่ในกฏ ระเบียบ ของราชการ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานของพนักงาน กฟผ. ก็ควรจะต้องมีการพัฒนารูปแบบ เทคนิค อุปกรณ์ ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึน หรือแม้กระทั้งเปลี่ยนรูปแบบขั้นตอนไปเลย ซึ่งพนักงานควรต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำ เพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรม (Innovation) ที่ก้าวหน้าในการทำงานต่อๆ ไป และการที่จะทำให้เกิดนวัตกรรม (Innovation) ได้นั้น ผูบริหารและพนักงาน กฟผ. คงต้องมีการจินตนาการ (Imagination) และมีความกระตือรือร้นที่จะสนองความต้องการการใช้งานแก่ลูกค้า (Customer’s Needs Response)

    นอกจากนี้ ตลาดพลังงานในอนาคตอาจจะเปลี่ยนรูปแบบก็เป็นได้ เพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ (Business Competition) ผู้บริหารและพนักงาน กฟผ. ควรจะต้องมีจินตนาการ (Imagine) มองอนาคตให้ออก ให้ได้ เพื่อที่จะได้เตรียมการ และดำเนินกิจการให้ไปถึงจุดนั้น ก่อนคนอื่น

    ในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีโรงไฟฟ้า กฟผ. จะไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เองได้ ต้องใช้เทคโนโลยีของต่างประเทศ แต่ กฟผ. ก็ยังมีศักยภาพในการพัฒนา หรือมีนวัตกรรม (Innovation) ในหลายด้าน เช่น ด้านการเดินเครื่อโรงไฟฟ้า (Power Plant Operation) ด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้า ด้านการสร้างให้ชุมชนยอมรับโรงไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ผู้บริหารและพนักงาน กฟผ. จะต้องมีจินตนาการ (Imagine) มีความรู้ (Knowledge) และมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ให้ กฟผ. ได้

    ในการดำเนินธุรกิจโลกปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในการนำองค์กร กฟผ. ไปสู่เป้าหมายได้นั้น คือ การมีนวัตกรรม (Innovation) ซึ่งจะเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับ กฟผ. ในทุกๆด้าน

    ปัจจุบันผู้บริหาร กฟผ. ก็ได้มองเห็นความสำคัญของ นวัตกรรม (Innovation) พยายามให้มีการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในองค์การ ให้ฝ่ายบริหารงานวิจัยและพัฒนา (อจพ.) สนับสนัน ส่งเสริม การสร้างนวัตกรรม ในองค์กร ผ่านงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้ง การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมต่างๆทุกปี นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนัน ส่งเสริม การสร้างนวัตกรรม และงานวิจัยและพัฒนา ใน กฟผ. ให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม กฟผ. จะตั้งหน่วยงานที่มาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจริงจัง ดังนั้น กผฟ. จึงมีนโยบายให้ตั้งศูนย์วิจัยและนวัตกรรมขึ้น ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาแนวทางการจัดตั้งศูนย์วิจัยและนวัตกรรม ของ กฟผ. ดังกล่าว


    ***** กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 กลุ่ม 2 *****

    การเรียนรู้ในวันที่ 29 เมษายน 2557

    “ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง”

    วิกฤตและความเสี่ยงมักจะเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ต้องมีแผนการป้องกันไม่ให้เกิดขื้น มีการซักซ้อมแผน แต่หากเกิดขึ้นต้องเร่งค้นหา และวิเคราะห์สภาพของปัญหาที่แท้จริง มีการบริหารจัดการที่ถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว มีแผนรองรับ กำหนดขั้นตอนและผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนในแต่ละด้าน มีการสื่อสารให้ทุกระดับรับรู้ ใช้การสื่อสารทุกรูปแบบที่มี เพื่อให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา อย่างรวดเร็ว มีหลักสำคัญคือ ห้ามโทษผู้อื่น / อย่าให้ความเห็นแบบคาดเดา / ตอบคำถามสื่อมวลชนทุกสื่อแบบไม่ลำเอียง และหากเกิดการสูญเสียผู้นำห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ นำประสบการณ์จากอดีตมาวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้อย่างมีสติ และมีธรรมะในการเจรจากับปัญหาและแก้ไขให้กับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว และต้องมีแผนการตลาดเพื่อสังคม (CSR) ควบคู่ไปด้วย ต้องเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับนักการเมืองท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน สร้างความสัมพันธ์ที่ดี NGO ที่มักเข้าไปหาชุมชนและให้ข้อมูลทางลบ ได้เร็วกว่า กฟผ. รวมถึงต้อง Share ความเสี่ยงโดยการร่วมทุน เมื่อ กฟผ. ไปลงทุนในต่างประเทศ

    “บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่”

    นักบริหารต้องให้ความสำคัญ และเรียนรู้กับการดูแลตนเอง ให้มีบุคลิกภาพที่ดีอยู่เสมอ ต้องดูแลเรื่องสไตล์การแต่งกายและเครื่องใช้เสื้อผ้า หน้า ผม ท่วงท่าอริยบท (การนั่ง ยืน เดิน ไหว้) อารมณ์ที่ดี การพูดจาที่สุภาพ กาลเทศะ มารยาทในสังคม ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับบุคลิกของตนเอง เพราะจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ และความประทับใจที่ดีให้กับตนเองและองค์กร

    การเรียนรู้ในวันที่ 30 เมษายน 2557

    “ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้”

    ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    บริษัทกิฟฟารีนก่อตั้งมาประมาณ 18 ปี ด้วยความมุ่งมั่นของคณะแพทย์และเภสัชกร ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริมสุขภาพ เป็นต้น มีการบริหารองค์กรแบบธุรกิจขายตรงในแบบการตลาดเครือข่าย Multi Level Marketing (MLM) แบบสหกรณ์ (มาจากแนวคิดที่ว่าสินค้าทั่วไปต้องเสียค่าการตลาดในการวางขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ประมาณ 50-60% ดังนั้น กิฟฟารีนจึงคิดทำแบบสหกรณ์ แบ่งหัก 5% ให้สมาชิกตามเงินปันผลของยอดซื้อ โดยรวมแล้ว 40-50% จะคืนให้สมาชิก)

    โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม / มีมาตรฐานGMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค / มีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึงความถูกต้อง และแม่นยำ / มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ โรงงานผลิตเครื่องสำอาง / โรงงานผลิตอาหาร ตามมาตรฐานสากล เช่น ISO, GMP, HACCP, Halal และห้องปฏิบัติการกลาง เพื่อทำการวิจัย และตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหาร และยา ฯลฯ ที่ตรวจสอบทุกขั้นตอน เพื่อประกันคุณภาพ และความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

    ปรัชญาองค์กรที่ยึดมั่นในความดี และความถูกต้อง คนไม่เก่ง สามารถฝึกฝนได้ แต่ขอให้เป็นคนดี ให้การดูแลผู้ปฏิบัติงานทุกระดับเหมือนคนในครอบครัว ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม มีความสุข และผูกพันกับองค์กร ร่วมมือร่วมใจในการทำงาน เห็นได้จากเมื่อเกิดวิกฤตน้ำท่วมก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยดี มีการส่งเสริมการทำกิจกรรมคุณภาพ เช่น QCC, KAIZEN ทำให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพมีการเติบโตอย่างช้าๆ อย่างมั่นคงยั่งยืน แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจครอบครัวสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อาจเกิดปัญหาแนวการบริหารที่อาจเกิดการเปลี่ยแปลงในรุ่นต่อไปภายหน้าได้ เมื่อเทียบกับ กฟผ. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีอายุ 45 ปี หากผู้บริหาร กฟผ. สามารถนำพาให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความรู้สึกรักและผูกพันองค์กร ร่วมมือร่วมใจในการทำงาน เน้นหลักคุณธรรมและจริยธรรม ร่วมมือร่วมใจในการทำงาน ก็สามารถทำให้ กฟผ. ฟันผ่าอุปสรรคและวิกฤตที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน

    การบ้านพิเศษ บทความเรื่อง Well-paid young Seattle Techie prefers giving to riches

    จาก The Seattle Times, published March 12, 2014 by Jerry Large

    Jessan Hutchison-Quillian เป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีรายได้มากมายในแต่ละปี มีแนวคิด และการดำรงชีวิตแบบพอเพียง รู้จักแบ่งปัน มีคุณธรรม ใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น แบ่งปันรายได้ส่วนหนึ่งช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาคให้กับสังคมส่วนรวม และชวนผู้อื่นให้ร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส ลดผลกระทบความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น เขาคิดว่าทรัพย์สิน เงินทอง ความร่ำรวย หรือความสะดวกสบาย ไม่สามารถซื้อสุขภาพ และความปลอดภัยที่ดีได้ จึงควรเสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สร้างสังคมที่สามารถช่วยเราได้ในยามที่ลำบาก และเป็นสังคมที่มีความสุขและยั่งยืน สรุปได้ว่าหากเมื่อมีความพร้อม ควรแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคม แบบไม่หวังสิ่งตอบแทน และควรใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำรงตนภายใต้ความพอประมาณ มีความระมัดระวังและมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งตรงข้ามกับทุนนิยมสามานย์ ที่ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง เอารัดเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ในทุกรูปแบบมาเป็นของตนและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง หาช่องทางกอบโกย ทุจริต คอร์รัปชั่น ทำให้สังคมแตกแยก เล่นพรรคเล่นพวก ไร้ศีลธรรม เกิดผลกระทบต่อสังคมให้เกิดความอ่อนแอ ถดถอยไม่พัฒนา ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งของคนในสังคมดังตัวอย่างที่เกิดกับประเทศไทยในปัจจุบัน

    การบ้านพิเศษ สรุปบทความของ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์

    เรื่อง : มารู้จัก Joko Widodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่ : บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    การได้อ่านบทความเรื่องนี้ ที่เน้นย้ำความแตกต่างของนักการเมืองน้ำดีรุ่นใหม่ Joko Widodo ด้วยวัย 52 ปี มีบุคลิก ติดดิน / เป็นกันเองกับประชาชน / คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา / มีผลงานที่ประจักษ์ เขาได้ใช้ทักษะประสบการณ์ที่ได้เรียนจากคณะวนศาสตร์ ทางด้านวิศวะ และการเมืองท้องถิ่น จนได้เป็นผู้ว่านครจาการ์ตา และจะเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิปดีคนต่อไปของอินโดนีเซียในเดือน กรกฎาคม 2557 เขามีความเป็นนักการเมืองที่อุทิศตน มีความมุ่งมั่นพัฒนาบ้านเกิด มีคุณธรรมและจริยธรรม มองผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนมาก่อนตนเอง และพรรคพวก เห็นได้จากการห้ามญาติพี่น้อง หรือพวกพ้องทำธุรกิจกับรัฐบาลท้องถิ่นที่เขาบริการเด็ดขาด ทำให้เขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นของสังคม หากเขาสามารถฟันฝ่าจนได้เป็นประธานาธิปดีของอินโดนีเซีย และยังคงดำเนินนโยบายที่เขาได้ทำมาตั้งแต่ต้น เชื่อได้ว่าเขาจะต้องนำพาประเทศให้รุ่งเรืองและเป็นที่ยอมรับในสังคมอาเชี่ยนและสังคมโลกได้อย่างแน่นอน

    หันกลับมาดูการเมืองในประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ที่มีผู้นำที่เห็นประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกมากกว่าของประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยช่วงนี้เดินก้าวไปไม่ได้ มีแต่ความขัดแย้ง เนื่องจากมีผลประโยชน์เป็นตัวครอบงำ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเกิดรัฐประหารขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทุนนิยมสามานย์ที่ฝังรากลึกในสังคมไทยจะหมดไป หากแต่ข้าราชการ และประชาชนทุกคน

    ต้องกล้าที่จะยืนหยัดขึ้นสู้เพื่อประเทศไทย ไม่ใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์น้อยนิดที่เขาหยิบยื่นให้ และต้องมีผู้นำแบบ JoJo Widodo ที่เป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า ที่จะเสนอตัวเพื่อรับใช้ประชาชน และประเทศชาติ เพื่อปกป้องสมบัติของชาติ ไม่ให้ถูกโกงกิน อาสามารับใช้ประเทศไทยภายหลังการปฏิรูป

    การบ้าน กลุ่ม 4 

    Dogfight บทที่ 5 

    ขั้นตอนการหักหลัง

    สำหรับ Google ผลจากการประชุมร่วมกับ Jobs และ Fostall ช่างทรมานใจนักหนา ส่วน Schmidt กับ Brin และ Page ก็ยอมแพ้ศิโรราบไปอย่างสุดแสนจะหาคำมาอธิบายความเจ็บปวดได้ ไม่ใช่ที่ Jobs บอกให้เอา feature ไหนออกจากโทรศัพท์ G1 แต่เป็นตรงที่เขาบอกว่า ในบาง “กรณี” ให้เอาออก “แบบไหน” นานแล้วที่ android ให้ผู้ใช้สามารถสร้าง pattern บนแนวจุด 3x3 เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ โดยเชื่อมอย่างน้อยสามจุดด้วยกัน แต่ Jobs กลับยืนยันว่า ถ้าผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อจุดสามจุดแนวล่างเพื่อปลดล๊อคได้ ก็จะไปเหมือนกับคุณสมบัติปลดล๊อคของไอโฟนที่จดสิทธิบัตรไว้ “เพื่อให้ Apple สงบลงได้ เราเลยต้องเปลี่ยนจากสามจุดเป็นสี่จุดแทน” วิศวกรอาวุโสท่านหนึ่งกล่าวไว้

    “มันโคตรเจ็บปวด เหมือนกับเขาขโมยมันไปจากเรา” บ๊อบ ลี จาก Android กล่าวถึง Jobs และยังกล่าวต่อไปด้วยว่า

    Pinch to zoon (จริงๆ คือ ใช้นิ้วขยายเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้น และใช้นิ้วบีบเข้าเพื่อให้เล็กลง) ก็เป็นอีกเรื่องที่เห็นได้ชัดมาก Apple ไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำสักหน่อย ย้อยไปตอนเราทำและที่ Sun ทำกับมือถือในช่วงปี 90 และกับตัว Microsoft Surface ผมเคือง Apple มากที่เขามาเล่นเกมอย่างนี้ ผมเคยรัก Apple เคยพัฒนาโปรแกรมใช้บน Apple มาก็เยอะ เป็นคนทำให้คน Google สามารถพัฒนาซอฟท์แวร์ให้เครื่องของ Apple ได้ แมวผมชื่อ Wozniak ผมเข้าทำงานกับ Android เมื่อปี 2006 ซึ่งแทบทุกเรื่องเราเริ่มจากไม่มีอะไรเลย แล้วมันจะไปเหมือนไอโฟนได้ยังไง แต่ก็นะ ผมก็ว่ามันคงแค่เรื่องไล่ตามเทคโนโลยี แต่ทำไมไม่มีใครมีจอสัมผัสใหญ่ๆ ก่อนไอโฟนบางเลยล่ะ ก็เพราะมันแพงเกิน ดังนั้นมันไม่ใช่เพราะมันบังเอิญมากับไอโฟนแล้วคนมาบอกให้เราทำบ้างสักหน่อย ในวงการนี้ก็คิดเรื่องนี้กันมานานแล้ว มันแค่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องที่ทำได้แค่นั้นเอง

    ไม่มีใครที่ประชุมร่วมกับ Jobs จะพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งเข้าใจได้ง่ายว่าเพราะอะไร พวกนักลงทุนทั้งหลายต้องหน้าหนาเข้าไว้ แต่กับ Brin, Page และ Schmidt แล้ว ตอนที่เข้าทำงานกับ Google ในปี 2001 พวกเขาสร้างชื่อเสียงไว้มากเรื่องการทนทานเวลาโดนท้าทาย ซึ่งไม่ค่อยใช่ภาพลักษณ์แบบหนาเข้าไว้แน่นอน จากจุดที่พวกเขาด่ากลับพวกคนที่วิจารณ์เขา ที่ว่าการทำ search เป็นการทำธุรกิจแบบไร้ทิศทาง พวกเขาเลยถูกจัดเป็นพวกหัวโบราณ Schmidt เกือบจะไม่ได้สัมภาษณ์เป็น CEO ก็เพราะเรื่องนี้

    เมื่อตอนที่ Google ดึงดูดใจเหล่านักลงทุนทั้งหลาย Brin กับ Page ไม่เคยสนใจคนเหล่านี้เลย พวกนักลงทุนอยากให้ Google หา CEO มืออาชีพมาวางแผนหาเงินโดยเร็ว แต่ Brin กับ Page ปฏิเสธ จนนักลงทุนอย่าง Kleiner Perkins และ Sequoia Capital โกรธอย่างมากจนถึงขนาดจะฟ้องร้องผู้ก่อตั้งบริษัททั้งสองเลยทีเดียว

    ในปี 2011 จึงได้มีการจ้าง Schmidt เข้ามา เขาเคยเป็น CEO ของ Novell และเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Sun Microsystems เขากับ Brin และ Page เข้ามาจัดการเหล่าพวกขี้สงสัยกับคู่ต่อสู้ได้อย่างเด็ดขาดนับแต่นั้นเป็นต้นมา และจัดตั้งโมเดลของธุรกิจที่เรียกว่า search advertising ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าวงการสื่อและโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ต่อมาเมื่อความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อของ Google ที่ส่งผลให้เกิดข้อฟ้องร้องและข้อโจมตีต่างๆ นานา พวกเขาก็แทบจะไม่สั่นสะเทือนแต่อย่างใด ในปี 2004 ที่โดย Yahoo! ฟ้องร้องเรื่องการขโมย AdWords อันเป็นแนวคิดในการ search โฆษณาที่ทรงพลังของธุรกิจ Google ตลอดมา Google ก็แค่จ่าย Yahoo! ไปไม่กี่ร้อยล้านดอลลาร์จากส่วนต่างของ IPO ที่ได้ - ก็แค่ได้กว่าหลายร้อยพันล้าน!!! ยักษ์ใหญ่วงการสื่ออย่าง Viacomพยายามจะฟ้อง Google ในปี 2006 ด้วยข้อกล่าวหาว่า YouTube ไม่สามารถปกป้องเนื้อหาของ Viacom จากการขโมยได้ ทั้งสามคนก็บอกว่า Google ทำมาพอแล้วและจะไม่ทำมากไปกว่านี้ พวกเขาปฏิเสธการเจรจายอมความแล้วก็ไปชนะในชั้นศาล และเมื่อ Google เริ่มดึงวิศวกรเก่งๆ มากจากไมโครซอฟท์ Bill Gates และ Steve Ballmer ก็พยายามระงับการจ้างนั้นด้วยการฟ้องและการด่าทอออกสื่อ “ไอ้ค*ย Eric Schmidt แม่งเป็นไอ้หน้าตัวเมีย ผมจะเอาดินกลบหน้ามัน” เป็นคำกล่าวอันโด่งดังไปทั่วของ Ballmer ที่พูดกับเหล่าพนักงานในวันที่เขาประกาศลาออกจาก Google ทั้ง Ballmer และ Gates ทำให้ชาวโลกตัวสั่นงันงกกับผรุสวาจาเหล่านี้กว่ายี่สิบปี แต่ Brin, Page และ Schmidt นั่งหัวเราะชอบใจไม่ยี่หระ ซึ่งบทบาทของไมโครซอฟท์ในวงการก็ตกต่ำลงนับแต่นั้นเป็นต้นมา และเมื่อชาวโลกบอกว่าทั้งสามคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ ที่จะก้าวเข้าสู่วงการโทรศัพท์มือถือ แต่พวกเขาก็บอกว่า “คอยดูเราแล้วกัน”

    แต่เหล่าคนที่เคยทำงานกับสามกษัตริย์นี้บอกำว่าคำขู่ที่จะฟ้องร้องของ Steve Jobs นั้นต่างออกไปจากคนอื่น เพราะไม่ว่า Google จะรู้สึกว่าตัวเองถูกแค่ไหน แต่ทั้งสามคนนี้เชื่อว่าการฟ้องร้องของ Apple ในเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรนั้นจะต้องทำความยุ่งยากมโหฬารให้กับบริษัท Android ก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอน การปรากฎโฉมต่อชาวโลกภายใต้เมฆหมอกเรื่องกฎหมาย ยิ่งทำให้ความแตกต่างนี้ยากที่จะจัดการ ความสำเร็จของ Android ขึ้นอยู่กับบรรดาหุ้นส่วน แล้วจะมาหุ้นกับ Google ทำไมถ้ายังมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่?? ไม่มีสักคน

    และพวกเขาก็มานั่งคุยกันว่าการฟ้องร้องของ Apple จะสร้างปัญหาให้กับ Google ได้ไหม ย้อนไปในตอนนั้น Apple ยังเป็นเบี้ยล่างอยู่ ไม่ได้รวยและเด่นดังอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วน Google ก็ใหญ่คับฟ้าจนกลายเป็นเป้าหมายของการต่อต้านการผูกขาดธุรกิจ เหล่าเรกูเลเตอร์ คู่ต่อสู้ และคอลัมนิสต์ทั้งหลายคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นเหมือนกันไมโครซอฟท์ ที่ยิ่งผูกขาดในวงการ search advertising แล้วก็ถีบหัวส่งคู่ต่อสู้ไปทีละราย

    การเข้าซื้อ DoubleClick บริษัทโฆษณาออนไลน์ในปี 2007 เกือบไม่ผ่านการชุมนุมต่อต้านการผูกขาดในปี 2008 ทำให้ Google ควบคุมธุรกิจ search advertisingบนออนไลน์ทั้งหมด เรกูเลเตอร์ด้านการต่อต้านการผูกขาดถามไว้ว่า “ถ้าสามารถควบคุมบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในการโฆษณาบนออนไลน์ได้ ก็จะสามารถควบคุมการโฆษณาบนโลกออนไลน์ได้หรือเปล่า”

    Google ทะเลาะเบาะแว้งกับบรรดานักเขียนและสำนักพิมพ์เรื่องการทำหนังสือทั้งหลายให้เป็นดิจิตอล การทำให้สามารถค้นหาหนังสือทั้งหลายได้ก็ฟังดูดี แต่เกิดคำถามว่าGoogle จะไม่จ่ายรายได้จากค่าโฆษณาให้พวกนักเขียนและสำนักพิมพ์บ้างหรือ แน่นอน Google ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาแค่แสดงกรอบเล็กๆ ในหน้าค้นหา พวกเขาคิดว่าก็จะได้เงินจากการขายหนังสือได้มากขึ้นอยู่แล้ว

    และเมื่อ Google เสนอเป็นหุ้นส่วนกับ Yahoo! ในช่วงใบไม้ผลิของปี 2008 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในวงการธุรกิจและโฆษณา และเมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าถือครอง DoubleClick ได้ การเจรจากับ Yahoo! กลายเป็นเพียงเรื่องพื้นๆ ซึ่งไมโครซอฟท์วิ่งเต้นชักชวนให้บริษัทต่างๆ ต่อต้าน ทำให้อัยการของกระทรวงยุติธรรมเชื่อว่า Google ทำผิดกฎหมายต้านการผูกขาด โดยขู่ว่าจะลาก Google ขึ้นศาลถ้าไม่ยกเลิกการเจรจา

    ขณะเดียวกัน เกิดการที่หุ้นของ Google ราคาตก ต้องไล่คนออกจากงาน เพราะเป็นวิสาหกิจขนาดใหญ่มาก มีพนักงานถึง 20,000 คน ก็เลยเป็นคำถามว่า Google จะยังสุดยอดอยู่อย่างเช่นที่เคยเป็นมาได้หรือไม่ บริษัทใหญ่ๆ ที่ใส่ใจแต่เรื่องปกป้องธุรกิจของตน มักจะไปขวางการคิดอะไรใหม่ๆ เจ๋งๆ การฟ้องร้องของ Apple ที่กล่าวหาว่า Google ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขาไปนั้น ก็ไม่คุ้มที่ทาง Google จะเข้าไปเสี่ยง “Apple แสดงชัดว่าเขากังวลว่าเราจะไปละเมิด user interface เขา เราก็เห็นด้วย เพราะเราก็ไม่ได้อยากจะละเมิดสักหน่อย” เป็นคำพูดเดียวของ Schmidt ในเรื่องนี้

    บรรดาสหายของ Rubin บอกไว้ว่า การพบปะกับ Jobs เป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา เขาโมโหมากตอนที่ Jobs อธิบาย และแทบอยากจะลาออกจาก Google ในทันที เขาเข้าใจสิ่งที่นายๆ พูด แต่ Jobs มากล่าวร้ายเขาต่อหน้านายๆ แล้วพวกนายๆ ก็ไม่มีใครช่วยเขาสักคน สักพักหลังจากนั้น ก็มีคำเขียนไว้บนไวท์บอร์ดในห้องเขาว่า “สตีฟ จ๊อบสขโมยเงินค่าข้าวกลางวันฉันไป”

    การที่Jobs เรียกร้องให้ Google ถอนลักษณะหลักๆ บางตัวที่ออกจาก G1 ไม่เพียงแต่ทำให้พวก Android โมโห แต่ยังสร้างปัญหาใหญ่หลวง โดยในช่วงฤดูร้อนของปี 2008 การเปิดล่า G1 ล่าช้าไปสองเดือน แถมยังไม่ใกล้เคียงว่าจะพร้อมเมื่อไร พวกช่างต้องมานั่งเขียนซอฟท์แวร์ใหม่เพื่อเอาลักษณะอย่างที่ Jobs ว่าออกไป แนวคิดเรื่องนี้ง่ายดายแค่ใส่เข้ามาได้ก็เอาออกไปได้ แต่ในโลกความเป็นจริงก็เหมือนเขียนหนังสือสักเล่ม เราสามารถตัดบทนั้นบทนี้ออกไปได้ แต่งานยุ่งยากจุกจิกเบื้องหลังไม่มีใครเห็น

    ความพยายามในช่วงท้ายๆ ก็ไม่ได้ง่ายเลย เมื่อ Page และ Brin ที่โดยปกติช่วยเหลืออย่างดี เอาความต้องการส่วนตัวมาก้าวก่าย Page อยากให้มันทำงานได้เร็วกับจำนวน contact มหาศาลถึง 20,000 ชื่อ ทีม Android คิดว่ามันน่าจะเป็นผลร้ายต่อตัวอุปกรณ์มากกว่า พวกเขาแนะว่าน่าจะรอไปจนรุ่นสอง แต่ Page ไม่ฟัง ส่วน Brin ก็สั่งให้การค้นหาชื่อ contact ทำได้โดยการเอียงโทรศัพท์ (tilt) และให้ตัว accelerometer จัดการเองว่าจะเลื่อนหาชื่อได้เร็วแค่ไหนตามมุมที่เอียง Erick Tseng ผู้จัดการโครงการของ Android กล่าวว่า “เราใช้วิศวกรสร้างจนเสร็จ แล้วเราก็ไปบอก Sergey ว่ามันไม่ค่อยจะดีต่อ userเท่าไรเลย” และ Brin ก็เห็นด้วย

    “โดยส่วนตัวผมคิดว่าเราจะทำไม่ได้เสียอีก” Rubin บอกไว้กับ Steven Levy ในหนังสือเรื่อง In the Plex “สามเดือนก่อนปล่อย ไม่มีอะไรเวิร์คสักอย่าง เดี๋ยวแครชเดี๋ยวแครช แม้แต่เมล์ก็รับไม่ได้ ช้าโคตรๆ ยิ่งทำยิ่งไม่ stable”

  • • •
  • ส่วน Jobs ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าตัวสั่นขนาดไหนที่ผลจากการประชุมออกมาแบบนี้ หลังจากนั้นเขาก็เล่าเป็นฉากๆ ให้กับทีมผู้บริหารเรากับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน – ว่าสิ่งที่ถูกต้องและดีงามได้จัดการกับพวกขี้ฉ้อไปได้ ผู้บริหารท่านหนึ่งซึ่งอยู่ด้วยบอกว่า Jobs และ Forstall “สุขสมภิรมย์ใจอย่างมาก พวกเขาแบบ 'Rubin อย่างโมโห หน้าตาออกเลย เราได้สิ่งที่เราต้องการ พวก Google รับว่าเขาจะไม่ทำ (multitouch)'” Jobs นั้นเกลียด Rubin มาก ชอบบอกเพื่อนๆ ว่าเป็นไอ้ “หัวค*ยจอมหยิ่งตัวใหญ่”

    เรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้ Jobs โกรธน้อยลงเลยในเรื่องเหมือนถูกบังคับให้ต้องเดินตามหลัง Google เขารู้สึกว่า Brin และ Page ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเป็นเพื่อน กำลังหักหลังเขา และเขาคิดว่า Schmidt หนึ่งในบอร์ดของเขาเอง ก็แอบปิดเรื่องนี้ไว้ Jobs ได้สื่อสารไปยังทีมบริหารของเขาอย่างแข็งกร้าวว่า “คนพวกนี้ตอแหลสดๆ ผมจะไม่ยอมแล้ว อย่ามาบอกให้ทำตัวดีๆ อีกต่อไป ปัญญาอ่อน” แต่เขารู้สึกสบายใจขึ้นว่า – Google ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวอีกต่อไป

    Schmidt ที่โดยทางเทคนิคยังคงเป็นบอร์ดของ Apple แต่ทางปฏิบัติก็ไม่ได้เป็นอีกต่อไป เขาต้องออกไปจากห้องในช่วงที่บอร์ดกำลังถกกันเกี่ยวกับไอโฟนที่กลายเป็นหัวข้อพิจารณาของบอร์ดเพิ่มขึ้นทุกวัน และด้วยเหตุผลด้านกฎหมาย ข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์นี้ก็ลามไปถึง Google มากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Schmidt ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับทีม Android ที่ Google เขาบอกว่าเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบว่าเขาเป็นตัวทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปมาระหว่างสองบริษัท

    Jobs บอกกับเพื่อนๆ ว่าเขาพยายามที่จะเตะโด่ง Schmidt ออกจากบอร์ดให้สิ้นซาก แต่ก็เข้าใจดีกว่าน่าจะสร้างปัญหาให้มากกว่า เพราะสื่อจะสนใจแล้วพวกนักลงทุนก็จะสยองขวัญแทน เขารู้สึกว่า Google กับ Apple ไม่ใช่พันธมิตรกันอีกต่อไป แต่ก็รู้ดีว่าทั้งสองหน่วยงานยังต้องอาศัยพึ่งพากันและกันต่อไป Apple ยังต้องการ Google Search, Map และ YouTube ถ้าจะขายไอโฟน และตราบใดที่ยังยังไม่โทรศัพท์แอนดรอยด์ออกขาย ไอโฟนก็เป็นโทรศัพท์ชนิดเดียวที่สามารถใช้ซอฟท์แวร์ของ Google ได้เป็นอย่างดี

    ตลอดหลายเดือนถัดมา Google ก็ไม่ได้ทำอะไรกับความคิด Jobs ที่ว่า ไอโฟนกำลังจะครองอาณาจักรโทรศัพท์มือถือแบบเดียวกับที่ไอพอดเคยทำมาแล้วกับอาณาจักรเครื่องเล่นเพลง โทรศัพท์ G1 ของ T-Mobile ที่บอกว่า “powered by Google” เปิดตัวในเดือนกันยายน 2008 ถือเป็นความพยายามแรก แต่พอเอามาเทียบกับไอโฟน ก็เหมือนกับการเอารถเกียมาเทียบกับเบนซ์อย่างไรอย่างนั้น G1 ถึงจะมีจอระบบสัมผัส แต่ Google ดันเอาคุณสมบัติ multitouch ออกไป มันก็ไร้ประโยชน์ มีคีย์บอร์ดแบบสไลด์เข้าออก แต่ผู้ใช้ก็บอกว่ามันดูเขลอะๆ น้อยคนที่ยอมทิ้ง BlackBerry มาซื้อ G1 แถมยังตั้งค่าลำบากเว้นโดยเฉพาะถ้าคุณใช้ Microsoft Exchange email, contacts และ calendar ที่ทำงาน

    แต่ตัว Gmail ตัว browser ของแอนดรอยด์ และแอปแผนที่ก็ดูสวยงาม และที่ไม่เหมือนใครเลยแหมแต่ไอโฟนรุ่นล่าสุดก็คือ G1 นั้นสามารถ run แอปได้มากกว่าหนึ่งแอปในเวลาเดียวกัน ใช้ตัวหน้าจอ pull-down notification เป็นเจ้าแรก ที่ต่อมาไอโฟนก็เลียนแบบ และยังสามารถตั้งรูปแบบเป็นของตัวเองได้กว่าไอโฟน แต่...ไม่ทำงานกับไอจูน ซอฟท์แวร์ตัวสำคัญ เวลาจะซิงค์กับคอมพิวเตอร์ก็แสนยากเหมือนๆ กับไอโฟน ถ้าอยากจะโอนถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ลงบน G1 ก็ต้องซิงค์โทรศัพท์กับ Google's Cloud แล้วเอาคอมพิวเตอร์มาซิงค์กับ Cloud อีกที ปัจจุบันอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ย้อนไปในตอนนั้น ก่อนจะมี cloud กันทั่วไป ช่างเป็นเรื่องยุ่งยากแสนสาหัส

    ชาวกูเกิ้ลเองก็ถล่ม G1 ยิ่งกว่าผู้บริโภคเสียอีก ในปีนั้น Google ให้โทรศัพท์ G1 กับพนักงานแทนที่โบนัสช่วงคริสต์มาสตามปกติ ไม่มีใครชอบเลยสักคน พอถามกลับไปว่าโอไหม ก็จะได้คำตอบแบบ “เยี่ยมเลย เอาของผมไปไหมล่ะ??!!” หรือ “ลองไปนับดูดิว่ามีขายบนอีเบย์ไปแล้วกี่เครื่อง นั่นคือคำตอบ” พอในการประชุมประจำทุกวันศุกร์ของบริษัทครั้งถัดมา พนักงานก็ถามว่าไปเสียเวลากับแอนดรอยด์อยู่ทำไม พนักงานส่วนใหญ่ก็ใช้ไอโฟน และข้อเปรียบเทียบก็น่าขำสิ้นดี

    เทียบกับการเปิดตัวไอโฟน การเปิดตัว G1 จัดขึ้นที่สถานที่หนึ่งแถบ Queensboro Bridge ก็ดูต๋อกต๋อยมาก ไม่มีสาธิตแบบสดๆ มีแต่คลิปให้ดู เสียเวลาไปกับการสรรเสริญเยินยอตนเองของ Rubin และผู้บริหารจาก HTC และ T-Mobile สิ่งเดียวที่แสดงว่าโครงการนี้มีแบคจาก Google ก็คือตอนใกล้จบที่ Brin และ Page ออกมาพร้อมกันบนโรลเลอร์เบลด แต่ถึงการปรากฎตัวของเขาทั้งสองจะเลิศเพียงใด แต่คำตอบที่มีให้กับผู้ชมกลับตรงกันข้าม พอมีคนถามว่อะไรคือแอปเด่นสุดของ G1 Brin ตอบว่าเขาเขียนแอปนี้เองเลยโดยใช้ตัว accelerometer ของโทรศัพท์ ให้สามารถคำนวณโดยอัตโนมัติว่าโทรศัพท์ลอยอยู่กลางอากาศนานเท่าไรเวลาถูกโยนขึ้นไป แล้วเขาก็ลองโยนโทรศัพท์ตัว demo สร้างความสะพรึงกลัวให้กับบรรดาเพื่อนร่วมงานและร่วมลงทุนจนหน้าเหยเกไปตามกัน เพราะเขาแทบไม่มีโทรศัพท์ตัวอื่นอยู่เลย ถ้า Brin ทำร่วงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกันดี

    หากเปรียบเทียบเปิดตัว G1 กับไอโฟน คุณจะสงสัยว่า Brin Page และ Schmidt เคยเป็นมากกว่าผู้ร่วมธุรกิจกับ Jobs มาได้อย่างไร ภาพต่อชาวโลกมันคนละเรื่อง Apple มั่งคั่งเพราะความละเอียดลออและความมีวินัยของ Jobs เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด – การผสมผสานที่ดีที่สุดของ form และ function ในขณะที่ Google มั่งคั่งจากความปัญญาอ่อนและโกลาหลของ Brin และ Page ในฐานะนักธุรกิจ ทั้งสามคนล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิเสธสิ่งใดก็ตามที่มีกล่ินอายแบบเดิมๆ แล้วมาเดิมพันก้อนโตกับผู้คนแวดล้อมที่ต่างบอกว่าเขาทั้งสามคนผิดแน่ๆ แต่ความเหมือนกันมีแค่นี้เท่านั้น

    Brin และ Page เปิดตัวกับโรลเลอร์เบลดเพราะก่อนหน้าเขาออกงานกับผู้ว่าการนิวยอร์คที่ Grand Central Terminal เลยคิดว่าการมาด้วยโรลเลอร์เบลดจะสนุกและเร็ว ไม่สนใจว่ารถจะจอดคอยอยู่ หรือทีมงานจะวางแผนเลี่ยงจราจรไว้อย่างไร หรือจะทำให้งานเปิดตัว G1 ดูมอมๆ ซ่กๆ Brian O'Shaughnessy พีอาร์ของแอนดรอยด์ตอนนั้นบอกว่าเขาจำได้ว่าต้องพยายามสะกดอารมณ์ไว้อย่างที่สุดตอนสองคนนั่นเข้ามาถึงงาน งานเขาคือทำให้สื่อสนใจ G1 อย่างดีและมากที่สุด และเขาก็คิดไม่ออกว่าจะอธิบายนักธุรกิจพันล้านว่าอย่างไรตอนที่เห็นว่ากำลังเอาเงินมาเสี่ยงกับคนพวกนี้ “ตอนนั้นผมอยู่หลังเวที ผมบอกว่า 'หนุ่มๆ ไม่เอาโรลเลอร์เบลดวางไว้ก่อนหรือ ข้างนอกมีทั้ง CEO ของ HTC ผู้บริหารของ T-Mobile” พวกเขาตอบว่า “ไม่ไม่ไม่ อย่างนี้แหละดีแล้ว” แล้วก็ไถลออกไปหน้าเวที “คุณเคยนึกภาพ Jobs ทำแบบนี้ไหม”

  • • •
  • วิธีที่ Jobs ทำกับ Google น่าจะทำให้ทุกคนที่ Apple รู้สึกดีขึ้นเรื่องการปีนเกลียวระหว่างสองบริษัท แต่ที่จริงกลับตรงกันข้าม ผู้บริหารและวิศวกรหลายคนออกมาเตือน Jobs ถึงความมุ่งมั่นของ Google เรื่องแอนดรอยด์ แถมยังเชื่อว่า Jobs ประเมิน Google ต่ำไป ทำไมทีแรกคนเก่งๆ อย่าง Jobs ถึงตาถั่วมองไม่เห็น และทำไมต้องใช้เวลาถึงสิบแปดเดือน จนปี 2010 ถึงจะออกมาขยับตัวเรื่องนี้ บางคนเล่าให้ฟังว่า “ผมพยายามบอก 'สตีฟ เราต้องระวังคนพวกนี้ให้มากกว่านี้นะ เขาจ้างคนแบบบ้าระห่ำ แต่ผมก็รู้จักคนที่เขาจ้างทุกคน' แต่สตีฟก็แบบ 'เดี๋ยวผมดูเรื่องนี้อีกที (กับ Larry หรือ Sergey หรือ Eric) แล้วจะหาข้อสรุปให้' พอประชุมกันเสร็จก็ออกมาบอกว่าพวกนี้บอกไม่ต้องวิตกไป 'ไม่ร้ายแรงอะไร ก็น่าสนใจดี แต่ไปไม่ได้ไกลหรอก' พอปี 2008 ที่แอนดรอยด์ออกมา พวกเขาก็ยังบอกอย่างนี้ 'ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไร ไม่ค่อยดี ไม่รู้จะทำต่อหรือเปล่า' ส่วนผมก็แบบ'กูล่ะไม่อยากจะเชื่อ'”

    ที่พอจะจำได้ก็มีตอน 2007 ที่บอร์ดของ Apple ที่มี Schmidt ของ Google อยู่ด้วย พกไอโฟนเป็นเดือนก่อนวางขายจริง “คุณต้องรู้ว่าใช้่คนเยอะมากที่ Apple ทำไอโฟนขึ้นมา พวกเขาถามกันว่า 'เฮ้ย นีีมันเ-ี้ยไรเนี่ย เอาโทรศัพท์ไปให้คนที่อยู่ในบริษัทคู่แข่ง เขาก็เอาเครื่องเราไปแคะ แกะ แล้วก็ก๊อปสบายๆ'”

    บางคนที่ Apple เดาว่าที่ Jobs ตาบอดมองไม่เห็นเรื่องนี้ เพราะเขาคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของ Brin และ Page มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เรามักคิดว่าเรามองคนเก่ง คนอย่าง Jobs ก็คิดเช่นนั้น การหาคนเก่ง เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ เป็นส่วนสำคัญในการบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จ บางคนก็คิดว่าโรคมะเร็งทำให้เขาเป็นเช่นนั้น เพราะกลางปี 2008 Jobs ก็แสดงอาการไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนใหญ่นำ้เสียงอาจยังเข้มแข็ง แรงก็ยังดี แต่ก็ดูอ่อนโรยลงมาก ในหกเดือน น้ำหนักลงไปถึงกว่าห้าสิบปอนด์ และแสดงอาการเจ็บปวดให้เห็น “ผมเคยเห็นเขาตัวงอในที่ประชุม ไปแอบอยู่ตรงมุมห้อง นั่งเอาเข่าชิดอกอยู่อย่างนั้น ไม่อยากจะมองเลยจริงๆ” ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าว

    ไม่เคยมีใครถามว่าเขาป่วยหรือเปล่า แม้จะโจ่งแจ้งขนาดนั้น “เราไม่อยากจะรับมันเลย เราเลยไม่ไปประชุมเสียงั้น คุณไม่อยากทำแบบนี้กับใใคร หรือไม่อยากให้ใครทำแบบนี้กับคุณหรอก เขาก็บอกตลอดว่า 'อย่ากังวลๆ เดี๋ยวหมอก็จัดการได้' หรือ 'ผมสบายดี'” แต่ไม่มีใครรู้ในตอนนั้นเหมือนที่รู้ตอนนี้ว่า Jobs ไม่ใช่เพียงแค่ป่วย แต่เขากำลังป่วยระยะสุดท้าย มะเร็งตับอ่อนได้ลามไปยังตับซึ่งต้องมีการผ่าตัดเปล่ี่ยนอวัยวะ ซึ่งได้มาก็เกือบจะเสียชีวิตแล้วในตอนต้นปี 2009 ตามอัตชีวประวัติของ Jobs ที่ Walter Isaacson เขียนไว้ในปี 2011

    บางคนเห็นว่าความมั่นใจในตัวเองที่สูงเกินไปอาจเป็นสาเหตุ “มีข่าวลือตั้งมากมายเรื่องการทำ OS สำหรับโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ Apple ก็ไม่สนใจเลยเพราะคิดว่าของตัวเองดีและล้ำหน้ากว่าคนอื่นไปไกล แล้วถ้าจะมีคนทำเหมือนเครื่องโนเกียหรือคล้ายๆ กันก็คงไม่เป็นไร ไม่เคยมีใครคิดว่าจะมาเจอคู่ต่อสู้โดดถีบกัดได้ขนาดนี้”

    คนๆ นี้ในทีแรกก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ Jobs ป่วย แต่พอคิดไปมา เขาก็เห็นว่ามีส่วนอยู่เหมือนกัน

  • • •
  • ก็เหมือนเวลาคนหย่าร้างกัน ทั้งสองฝ่ายไม่เคยเห็นพ้องตรงกันว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร Apple ตัดสัมพันธ์กับ Google เมื่อตอนไหน ทำไมต้องมานั่งฟ้องแอนดรอยด์ไปทั่วโลก หรือ Jobs ถูกหักหลังจริงหรือเปล่าที่เขามาก๊อปงานไปอย่างที่ Apple ยังกล่าวโทษอยู่จนทุกวันนี้ หรือที่จริงต้องการแค่ปิดบังว่าการเจ็บป่วยของ Jobs หรือเรื่องส่วนตัวต่างๆ หรือความมั่นใจจนเกินไปทำให้พลาดไปเอง หรือ Google เองเข้าไปสู่วังวนนี้เพราะมันเป็นไปตามน้ำ หรือที่จริงก็วางแผนชั่วร้ายนี้ไว้อยู่แล้ว

    แต่ที่ชัดก็คือ หลังจาก Jobs บีบบังคับให้ Google ปฏิบัติตามในช่วงฤดูร้อนปี 2008 Google ก็หยุดสัมพันธภาพลงด้วยเช่นกัน หันมาเน้นเรื่องแข่งกับ Apple ล้วนๆ ตลอดช่วงฤดูหนาวปี 2008 และใบไม้ผลิ 2009 ที่ Jobs หยุดไปหกเดือนเพื่อเปลี่ยถ่ายตับ Google ที่นอกจากจะลงทุนอย่างหนักในการสร้างโทรศัพท์แอนดรอยด์ตัวที่สองที่ชื่อ Droid แล้ว ยังเริ่มตัวที่สามไปพร้อมกันเลย โดยวางแผนจะออกแบบ ทำตลาดและขายเองเลย ที่มากกว่านั้น Gundotra ยังจัดทีมซอฟท์แวร์ทำ App สำหรับไอโฟนที่ Google สามารถใช้เป็น Trojan Horse ได้

    Gundotra ที่เลิกรากับ Jobs ไปในช่วงต้น 2008 ก็มาเป็นพันธมิตรกับ Google เขาทำทั้งแอปพื้นฐานให้ใช้ Google บนไอโฟนอย่างง search, Map, YouTube และยังพัฒนา Google Voice ที่เป็นเหมือนกับ Skype ซึ่งทีแรกคน Google ไม่เห็นด้วย แต่ต่อมากลับทำให้ Google เป็นศูนย์กลางของโลก ทำให้ขายโฆษณาได้มากขึ้น เป็นแอปที่ทรงพลังมาก ใช้ได้ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมล์ในการติดต่อ Google จะให้หมายเลขโทรศัพท์มาหนึ่งเลขหมาย เพียงแค่ลิงก์เข้ากับหมายเลขโทรศัพท์ที่เรามี เวลาคนโทรเข้าเบอร์ Google Voice มันก็จะโอนไปยังโทรศัพท์ของเราอัตโนมัติ สามารถทำ conference call ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึงแม้สัญญาณเสียงจะไม่ค่อยชัดเจนนักก็ตาม Gundotra เชื่อว่า Google Voice จะเป็นแอปที่มีประโยชน์มากกับไอโฟนที่ยังไม่มีคุณสมบัตินี้ แถมยังไปเอาข้อมูลสำคัญอย่างการโทร contacts หรืออีเมล์ ออกมาจาก Apple มาไว้กับ Google ซึ่ง Wall Street ให้คำจำกัดความการกระทำนี้ว่าเป็น การแย่งเอาตัวประกันอยู่กับเราหรือ Hostile Takeover ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในแวดวง Silicon Valley แต่ถ้าเอาเรื่องวิศวกรรมทั้งหลายออก นี่คือสิ่งที่ Google กำลังทำ

    สิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ของ Gundotra พิเศษสุดคือการที่ไม่ทำให้ Google แพ้ ขณะนั้น App Store ของ Apple กำลังฮิตระเบิดระเบ้อ ให้กำไรเป็นพันล้าน แถมล็อคแพลตฟอร์มแบบเดียวกับที่ไมโครซอฟท์เคยทำเมื่อยุค 90 กับวินโดวส์ ยิ่งซื้อแอปก็ยิ่งต้องใช้ไอโฟนต่อไปเรื่อยๆ Gundotra รู้ดีว่าการทำแบบนี้ก็ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูงด้วยว่า แอปไหนจะให้ขึ้น Store แอปไหนไม่ให้ขึ้น เพลง หนัง อะไรจะให้ขึ้นไอจูน ถ้าเลือกไม่ดี ลูกค้าก็ไปเอาจากที่อื่นแทน แต่ App Store ก็เป็นจุดขายของจุดเดียวสำหรับการพัฒนาซอฟท์แวร์ที่ Apple สร้างขึ้นมา พวกนักพัฒนาก็อาจเสียงกับการโดน Apple ปฏิเสธไม่ให้เอาขึ้นขายใน Store แอปไหนถ้าชัดเจนว่าโป๊ การเมือง รุนแรงก็ถูกจัดการง่าย แต่บางแอปก็ออกแนวเทาๆ ยากจะชี้ชัด เคยมีแอปอ่านหนังสือคลาสสิคโดนปฏิเสธแค่เพราะมีเรื่อง Kama Sutra อยู่ในลิสต์ แอปล้อนักการเมืองก็โดนเช่นกัน ถ้า Apple ปฏิเสธ Google Voice ก็ชัดเจนที่คนกลัวกันเรื่อง Apple จะขยายอำนาจในธุรกิจโทรศัพท์

    ในโลกธุรกิจ ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่วางแผนไว้ตลอด งานของ Gundotra ก็ใกล้เคียงกับที่เขาคาดไว้ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2009 สองอาทิตย์ให้หลังจากการเปิดตัว Google Voice สำหรับโทรศัพท์มือถือทุกชนิดยกเว้นไอโฟน แต่สร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวโลกว่าจะมีแอปสำหรับไอโฟนออกมาแน่ๆ Google ก็ออกมาประกาศว่า Apple ปฏิเสธ Google Voice บน App Store และอีกไม่กี่วัดถัดมา Schmidt ก็ออกจากบอร์ดของ Apple ด้วยสาเหตุข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์

    สื่อส่วนใหญ่เล่นเรื่องการไม่มีเหตุผลไม่เป็นไปตามกฎหมายของ Apple ในการบริหารจัดการ App Store ขนาด Apple พยายามชี้ให้เห็นว่าเบื้องหลังการปฏิเสธนี้คือ AT&T ไม่ใช่ Apple แต่ยิ่งทำให้ FCC สงสัยว่า Apple กับ AT&T กำลังสมคบคิดทำอะไรบางอย่างอยู่

    อีกสองเดือนถัดมา FCC ก็ออกแถลงตาม พรบ. ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ภาพ Apple ดีขึ้นเลย ในหนังสือของ Google บอกไว้ว่า “ตัวแทนจาก Apple ได้แจ้งว่าปฏิเสธ Google Voice เพราะเชื่อว่าแอปนี้ได้ลอกคุณสมบัติโทรออกของไอโฟนไป และ Apple ก็ไม่ต้องการให้มีแอปใดมาทำงานตรงนี้แทนตัวโทรศัพท์เองได้” ส่วนหนังสือของ Apple ก็บอกว่า “ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ปรากฎอยู่ทั่วไป Apple มิได้ปฏิเสธ Google Voice และยังคงศึกษาอยู่ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตเพราะแอปนนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ที่ผู้ใช้จะได้จากการใช้ไอโฟน”

    ต่อมา Apple ก็ยอมให้ Google Voice และแอป voice อื่นๆ เข้ามาขายใน App Store แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคนสั่งไม่ให้เอาขึ้น App Store ก็คือ Jobs “จนถึงปี 2009 คนก็ออกมาโวยวายว่าเราเซ็นเซอร์นู่นนี่นั่น” ผู้บริหาร Apple คนหนึ่งกล่าว “แต่จะอนุมัติแอปอะไรบ้างมันเกี่ยวกับหน้าตาของ Apple ก็เลยไม่มีใครอยากยุ่ง ยกให้เป็นเรื่องของสตีฟแต่เพียงผู้เดียว”

  • • •
  • Google Voice เป็นอะไรที่คนสนใจกว่าขวบปี เป็นเรื่องที่ Apple และ Google ที่เคยจับมือกันปกป้องโลกจาก Microsoft หันมาห้ำหั่นกันเองรุนแรงเสียยิ่งกว่า แต่ Google Voice ก็ยังไมน่ากลัวตราบใดที่แอนดรอยด์ยังไม่สามารถทำให้ Apple ยำเกรงได้ ถ้า Google ยังไม่สามารถทำโทรศัพท์มือถือที่คนอยากได้ขึ้นมากได้ เพราะ G1 เป็นโทรศัพท์ที่ทำให้การผลิตรุ่นถัดๆ มายากลำบากขึ้นไปอีก

    แต่เหตุกลับตาลปัตร เมื่อบรรดาผู้ผลิตและค่ายมือถือต่างๆ หันมาช่วยให้การผลิตโทรศัพท์แอนดรอยด์ประสบความสำเร็จ การเกิดไอโฟนช่วยสร้างจุดเปลี่ยนแปลงให้กับผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ หันมาต่อสู้กับ Apple แม้แต่ Motorola หรือ Verizon ที่ไม่เคยสนใจแอนดรอยด์มาก่อนเลยก็ยังหันมาสนใจ

    ในสิงหาคม 2008 Sanjay Jha เข้ามาเป็น CEO ของ Motorola ซึ่งทำผิดมานับครั้งไม่ถ้วนทั้งก่อนและหลังมีไอโฟน ตัว Jha นั้นมีสายสัมพันธ์อันดีกับ Rubin ก้าวเขามาเปลี่ยนแปลงหน้ามือเป็นหลังมือให้กับ Motorola ด้วยการประกาศว่าระบบแอนดรอยด์เท่านั้นที่ Motorola จะใช้ คนตกงานเป็นพัน

    ขณะเดียวกันทาง Verizon ที่เดิมเคยชัดเจนว่าเกลียด Google มาก ก็เร่ิมรู้สึกตัวว่า จำเป็นต้องใช้ Google มากกว่าต้องเกลียด Google พวกนี้ใช้เงินไป 75 ล้านเหรียญกับ LG Voyager ในปี 2007 และอีก 75 ล้านเหรียญกับ BlackBerry Storm ในปี 2008 แต่ก็ล้มไม่เป็นท่าทั้งคู่ ช่วยปลายปี 2008 COO ของ Verizon John Stratton ก็วิตกว่า Apple กับ AT&T จะมาเอาลูกค้าของตนไป “เราต้องกลับมาให้ได้” Stratton กล่าว และตระหนักได้ว่า หากอยากชนะ Apple ต้องไม่ทำเอง

    เมื่อความต้องการมาตรงกัน แม้จะดูสิ้นหวังหน่อยๆ ทั้งสามบริษัทก็ได้แนวคิดใหม่ๆ จากบรรดาผู้บริหารและวิศวกรของตนในการหาหนทางตอบโต้กับ Apple สำหรับ Schmidt ที่เคยมองบริษัทให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ราวกับอสูรร้ายกลับชาติมาเกิด ก็มาจับจิตกับข้อเสนอของ Verizon ในเรื่องเครือข่ายให้บริการ ส่วน Stratton ก็ประทับใจเป็นการส่วนตัวกับทัศนคติของ Schmidt ที่ดูสมเหตุสมผล ส่วน Jha ก็กระสันอยากทำงานกับทั้งสองบริษัทนี้เป็นอย่างยิ่ง เพื่อจะรักษาสถานภาพของบริษัทตนไว้ให้ได้

    ซึ่งก็ไม่ใช่แต่วิศวกรของ Jha เท่านั้นที่เริ่มจะหันมาชอบแอนดรอยด์ วิศวกรของ Verizon ก็เริ่มด้วยเช่นกัน พวกเขาเริ่มเบื่อ OS ต่างๆ ในตลาด smart phone เบื่อแม้กระทั่งมาสร้างของตัวเอง ก็เลยสรุปลงที่แอนดรอยด์ว่าดีที่สุดในบรรดาที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ขนาดใหญ่อย่าง Verizon ประกาศออกมา โดยเฉพาะเป็นเจ้าที่เคยอยากจะควบคุมทุกอย่างที่อยู่ในโทรศัพท์ของตน ในปี 2005 Verizon เคยปฏิเสธ Jobs ในการร่วมมือเพื่อผลิตไอโฟน AT&T เป็นเพียงตัวเลือกที่สอง สิ่งที่วิศวกร Verizon ชอบแอนดรอยด์ก็เพราะเขาเห็นว่ามันได้รับการเขียนขึ้นมาเพื่ออนาคต ซอฟท์แวร์ของ smart phone แม้แต่ไอโฟน มักจะได้รับการออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับ PC แต่แอนดรอยด์เขียนขึ้นมาโดยมีแนวคิดตั้งแต่แรกเลยว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญในวันหนึ่งข้างหน้า เพราะคนจะใช้มือถือเป็นอุปกรณ์หลักในการเล่นเนตมากกว่า

    และ Rubin ก็ออกแบบอะไรที่เป็นลักษณะ carrier-friendly มากกว่า Apple จะคิดได้ ตลาดแอปทั้งของ Apple และแอนดรอยด์ ผู้ผลิตแอปจะได้สัดส่วนถึง 70% จากรายได้ในการขายแอปของตน แต่ Apple จะเอา 30% ที่เหลือทั้งหมด ในขณะที่ Rubin ให้จำนวนหนึ่งแก่ผู้ให้บริการเครือข่ายด้วย บางคนยังหาว่าเขาบ้าที่ทำอย่างนี้ แต่เขากลับเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าอยากจะให้ Droid สำเร็จ คำมั่นสัญญาของผู้ให้บริการเครือข่ายอาจแสดงข้อแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวได้อย่างชัดเจน และ Rubin ก็อยากให้สินน้ำใจเล็กน้อยนี้ทำให้พวกเครือข่ายสนับสนุน Droid อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าสำเร็จ ทั้งแอนดรอยด์และ Google จะได้กำไรจากหลายๆ ทางด้วยกัน ยิ่ง traffic ในการค้นหาสูงเท่าใด ก็จะส่งผลให้รายได้จากโฆษณาสูงเช่นกัน เพิ่มความซื่อสัตย์ต่อบริการของลูกค้า คุ้มค่าในตอนจบอย่างแท้จริง

    ศักยภาพของหุ้นส่วนทำ Droid ช่างหอมหวลน่าตื่นเต้นยิ่งนัก Rubin กล่าวว่างานผลิตมือถือจริงทำให้ความเครียดของการทำ G1 ดูจืดชืดไปในบัดดล ปลายปี 2008 Jha สัญญาว่าจะผลิตอุปกรณ์ที่เร็วกว่าชนิดไหนๆ จอระบบสัมผัสก็จะละเอียดกว่าของไอโฟน มีคีย์บอร์ดที่ดีกว่า บาง ทันสมัย ต่อกรกับไอโฟนได้ในเรื่องสุนทรีย แต่พอตัว prototype ออกมาในช่วงใบไม้ผลิ 2009 ไม่มีอะไรเหมือนที่ Jha บอกเลยสักนิด กลับดูน่าเกลียดมาก Rubin กับทีมเคยเชื่อมั่นใน Jha เสียจนไม่เคยตามดูอย่างใกล้ชิด พอถึงตอนนี้ความเชื่อใจกลับมาสร้างปัญหาใหญ่หลวง

    “หน้าตายังกะอาวุธสงคราม ดูคมๆ ดูเป็นเหลี่ยมๆ ซี่ๆ เต็มไปด้วยเส้นแข็งๆ อาจจะโดนบาดได้ถ้าเอามาโดนเนื้อเรา” ทอม มอส หัวหน้าทีมพัฒนาธุรกิจของ Rubin ว่าไว้ “เราเป็นห่วงมาก ถามกันเยอะอย่าง 'นี่เป็นอุปกรณ์ที่เราจะวางตลาดจริงหรือ คุยกับ Motorola ได้ไหม'” การจะยกเลิกโครงการยิ่งเป็นเรื่องใหญ่สาหัส ที่ไม่ได้เรื่องอีกอย่างก็คือคนจะฝังใจว่าแอนดรอยด์มันห่วงแตก เพราะตอน G1 ก็ทีหนึ่งแล้ว ผู้บริหารของ Verizon ก็จะกลายเป็นตัวตลกไป พวกเขาก็ดูแย่แล้วตอนปฏิเสธไอโฟนไป และข้อผิดพลาดนี้ก็เหมือนกับเป็นจุดจบของ Motorola บริษัทที่เป็นผู้คิดค้นโทรศัพท์มือถือ Rubin กล่าวว่า “ผมเอาหน้าที่การงานมาเป็นประกันเลยนะเนี่ย”

    ความมืดมนสิ้นหวังท้อแท้ยังคงปกคลุมตลอดฤดูร้อน จะต้องมีการส่งโทรศัพท์ไปยังร้านต่างๆ ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเป็นวันประหารชีวิตเกินกว่าที่จะอยากให้มันมาถึง วิศวกรของแอนดรอยด์ก็กลัวว่าจะขายโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ก็ต้องมานั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อพัฒนาซอฟท์แวร์ ส่วน Jha Rubin และ Stratton ก็คุยกันทุกว่าเพื่อหาทางออกให้รูปร่างหน้าตาของโทรศัพท์ โดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนประกอบอิเลกโทรนิก และโทรศัพท์นี้ก็ยังไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำ McCann เอเจนซี่โฆษณาของ Verizon ก็ส่งชื่อต่างๆ มาให้เลือก ซึ่งมีทั้งไดนาไมท์ ที่ไม่มีคนชอบสักคน จนถึงวันแรงงาน มือถือนี้ก็ยังคงใช้ code name เรียกอยู่ว่า Sholes ซึ่งเป็นนามสกุลของ Christopher Latham Sholes ผู้ผลิตพิมพ์ดีดออกสู่ท้องตลาดในปี 1874 Stratton ซึ่งกังวลมาก ก็เลยติดต่อเอเจนซี่เล็กๆ ชื่อ McGarryBowen ที่มีชื่อเสียงในการคิดอะไรนอกกรอบ “เราบอกเขาว่ามีเวลาแค่อาทิตย์เดียว” Joe Saracino ผู้บริหารของ Verizon ที่ดูแลการตลาดของมือถือตัวใหม่นี้เล่า “ไม่กี่วันถัดมา Gordon Bowen ก็กลับมาบอกว่า คุณคิดยังไงถ้าเราเสนอชื่อ Droid?”

    หากย้อนกลับไป สิ่งที่เอเจนซี่ทำก็เป็นเรื่องธรรมดาง่ายๆ เขาเปลี่ยนโทรศัพท์ที่หน้าตาน่ากลัวให้เป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่โดยใช้การตลาดว่าเป็นเครื่อง anti-iPhone เพราะไอโฟนเป็นโทรศัพท์ที่สวยงามดูมีค่ามีราคา เขาจึงวาง Droid ไว้ว่ามันหยาบๆ แต่พร้อมใช้งาน ตัวอิเลกโทรนิกส์และซอฟท์แวร์ของไอโฟนก็เข้าไม่ถึง เขาเลยทำการตลาดในเรื่อง hackability “ถ้ามันจะต้องมีมือถือในหนังเรื่อง Black Hawn Down ก็จะต้องหน้าตาแบบ Droid นี่แหละ” Bowen บอกพวกผู้บริหาร ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ช่วงต้นตุลาคม 2009 Verizon กับเอเจนซี่ใหม่ก็นำเสนอ Droid Campaign ให้กับกลุ่มพนักงานของแอนดรอยด์กว่าสองร้อยคน โฆษณาตัวนึงทำเป็นเครื่องบินรบ stealth กำลังทิ้งมือถือลงในไร่ ในป่า และข้างทาง อีกตัวหนึ่งก็โจมตีไอโฟนโดยเฉพาะว่าเป็น “นางงามดิจิตอลสวยไร้สมอง” ตัวที่สามบอกว่า Droid ทำอะไรได้บ้างที่ไอโฟนทำไม่ได้ เมื่อฉายหนังจบ ทั้งห้องกระหึ่มด้วยเสียบตบมือ ทีมแอนดรอยด์ที่เคยเสียศูนย์ไปพัก แต่ “พอเขาคิดว่าจะต้องสู้กับไอโฟนอย่างเต็มที่ พวกเขาก็ทำสงครามเลย ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ” Tom Moss ว่าไว้

    เมื่อปล่อย Droid ออกสู่ท้องตลาด ทันตามกำหนด ก็เพิ่มเป็นครั้งแรกที่มีสิ่งมาโจมตียอดขายไอโฟนในช่วงสามเดือนแรก ในเดือนมกราคม 2010 Google ก็ระดมยิง Apple อีกรอบด้วยโทรศัพท์ที่คิดค้นขึ้นเอง นั่นคือ Nexus One ซึ่งก็กลายเป็นความล้มเหลวไม่เป็นท่าของ Google ไป เพราะพยายามทำการตลาดเองขายเอง แทนที่จะผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย แต่ถึงกระนั้นในทางเทคนิคก็ถือเป็นชัยชนะ เพราะมีจอใหญ่กว่าไอโฟน มีไมโครโฟนที่ตัดเสียงรบกวนที่ผู้ใช้งานสามารถโทรคุยได้กลางถนนหนทางที่เสียงดัง มีชิบที่รองรับทุกความถี่ของทุกเครือข่าย ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถเปลี่ยนเครือข่ายได้ตามต้องการโดยไม่ต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ กล้องก็ดีกว่า แบตเตอรี่ทนกว่า ที่สำคัญที่สุดคือมีคุณสมบัติ multitouch ที่ Jobs เคยให้ Google เอาออกจาก G1 ประมาณสิบแปดเดือนก่อนหน้านั้น Motorola เองก็ปล่อย Droid โดยไม่มีคุณสมบัตินี้ แต่หลังจากออก Nexus One ประมาณหนึ่งสัปดาห์ Google ก็ออก software update ให้ Droid สามารถมี multitouch ได้เช่นกัน

  • • •
  • สำหรับ Jobs แล้ว ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย เขาเคยบอก Google แล้วว่าถ้ายังใส่ multitouch เขาจะฟ้อง แล้วเขาก็ทำจริงๆ เขาฟ้องร้องผู้ผลิต Nexus One นั่นคือ HTC หนึ่งเดือนให้หลังที่ศาลเมือง Delaware แล้วก็เริ่มโจมตีแอนดรอยด์และ Google เป็นระยะๆ หนึ่งเดือนหลังจาก Nexus One ออกสู่ท้องตลาด ไม่กี่วันหลัง Jobs เปิดตัว iPad แรก ในการประชุมพนักงานของ Apple เขาชำแหละ Google เสียไม่มีชิ้นดี “Apple ไม่เคยเข้าไปในธุรกิจการสืบค้นหา แล้วทำไม Google ต้องเข้ามาในธุรกิจโทรศัพท์ด้วย อยากจะฆ่าไอโฟนงั้นสิ ไม่มีทางหรอก เราไม่ยอม ทำมาเป็นร้องว่าอย่ามาชั่วช้าเป็นปีศาจงั้นหรือ ควายเอ๋ย!!!”

    ปลายเดือนตุลาคม Jobs อธิบายให้นักลงทุนฝังว่าแอนดรอยด์สู้ไอโฟนไม่ได้อย่างไรบ้าง เขาบอกว่าโทรศัพท์แอนดรอยด์นั้นใช้ยาก เพราะเครื่องแอนดรอยด์แต่ละรุ่นก็มีวิธีใช้งานต่างกัน ทำให้เขียนแอปให้ก็ยามตามไปด้วย ยิ่งแสดงว่าแอปของแอนดรอยด์นั้นไม่ค่อยดีหรือไม่เวิคเท่าไร ข้อที่เอามาเถียงว่าแอนดรอยด์ดีกว่าที่เป็นระบบเปิด ส่วนไอโฟนนั้นเป็นระบบปิดก็เป็นเพียง “หมอกควันที่ซ่อนเรื่องจริงไว้ในเรื่องที่ว่า: อะไรดีที่สุดสำหรับลูกค้า” เขายังบอกว่าท้องตลาดก็ยืนยันความจริงเรื่องนี้ “มันจะมั่วไปหมดทั้งผู้ใช้งานและนักพัฒนา”

    ข้อวิจารณ์อันรุนแรงซึ่งเขาว่าไว้หลังจากที่ Apple ฟ้อง HTC ได้รับการกล่าวซ้ำอีกเป็นร้อยๆ ครั้งดังปรากฎในหนังสืออัตชีวประวัติโดย Isaacson:

    เราฟ้องว่า “Google มึงแม่งมาเลียนแบบไอโฟน โจรกรรมครั้งใหญ่ กูจะไม่ยอมให้ผิดเป็นถูกไปได้จวบจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของกูเลย กูจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ของ Apple ทำสิ่งผิดให้เป็นถูกให้ได้ กูจะทำลายแอนดรอยด์ให้สิ้นซากเพราะแม่งเป็นของโจร กูจะทำเป็นสงครามนิวเคลียร์เลยทีเดียว พวกแม่งล่ะกลัวหัวหดเพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มๆ นอกจากเรื่อง Search แล้ว ของๆ Google จะแอนดรอยด์ จะ Google Docs แม่งห่วยแตก

    ในที่รโหฐาน Jobs จะดูมีชีวิตชีวาแบบนี้ แต่ถ้ากลางที่สาธารณะ เขาขึ้นชื่อมานานแล้วในเรื่องเก็บความรู้สึกเก่งในปี 2004 เขาบอก Apple จะไม่ผลิตโทรศัพท์เพียงแต่ตอนนี้ Apple กำลังทำเรื่องโทรศัพท์อยู่ ดังนั้นบางคนเลยสงสัยว่าที่ Jobs ออกมาประกาศจะจัดการกับแอนดรอยด์แท้ที่จริงก็มีเรื่องซ่อนเล่นแอบแฝงอยู่ แต่ระหว่างการประชุมผู้บริหารของ Apple เขาก็หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องแอนดรอยด์ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาซื้อ Quattro Wireless ในช่วงปลายปี 2009 เป็นราคา 275 เหรียญฯ Quattro เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องขาย สร้างสรรค์ และวางสื่อโฆษณาสำหรับ smart phone ตัว Google นั้นควบคุมโฆษณาออนไลน์ทั้งบนคอมพิวเตอร์ desktop ไปจนถึง laptop ดังนั้น Jobs ก็เลยไม่อยากให้ขยายมายัง smart phone ด้วย “ผมว่าเขารู้สึกว่าเนื้อหาพวกนั้น (เกมและแอปต่างๆ) จะมารองรับตัวสื่อโฆษณา แล้วพวกนักพัฒนาก็ต้องคิดเรื่องหาเงิน” Andy Miller แห่ง Quattro กล่าวไว้ “เขาว่าถ้า Apple ไม่ให้ตังค์ ค่าโฆษณาก็จะมาจาก Google และ AdWords เท่านั้น อย่างนั้นพวกนี้ก็จะไปพัฒนาให้แอนดรอยด์หมด เขาก็เลยทำตั้งแต่ก่อนจะไปเปลี่ยนตับว่าเขาต้องการอะไรเป็นอย่างไรกับ Scott (Forstall) แล้ว Scott ก็เลยมาคุยกับเรา”

    Miller บอกว่าเป็นประสบการณ์ล้ำเลิศในการได้ทำงานร่วมกับ Jobs แต่ก็ชัดเจนว่า Apple ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเป็นบริษัททำโฆษณาให้สำเร็จได้อย่างที่ Google ทำ iAd ทำรายได้ให้กับ Apple แค่ประมาณ 200 ล้านเหรียญฯ ต่อปี ค่อนข้างยากที่จะใส่เรื่อง Ad โฆษณาเข้าไปในแอปของ Apple แต่ Miller ก็จำได้แม่นว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตการทำงาน “ผมต้องรายงานตรงต่อสตีฟ และก็ต้องทำ presentation เสนอทุกๆ วันอังคาร ซึ่งเครียดมาก แต่เขาก็เจ็บหนักขึ้นทุกวันๆ เราเริ่มมีการไปประชุมที่บ้านเขา ไม่มีใครกล้าตัดสินใจแทน เพราะเขานี่แหละที่เข้าใจเรื่องโฆษณากว่าใครในบริษัท ผมว่าเขาเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ เขาก็พยายามมาทำงานบ้าง แต่บางทีเราก็ไม่อยากมองอ่ะ (เขาป่วยมาก) มันแย่ แต่เขาก็ยังเหลือเชื่อ คิดว่าน่าจะทำงานจนสองวันสุดท้ายก่อนตาย ที่แย่ที่สุดคือเขามักถูกทุกเรื่องนี่สิ”

  • • •
  • ที่น่าขันคือเรื่องการทะเลาะกันระหว่าง Apple/Google นั้น Apple ไม่ได้ฟ้อง Google ตรงๆ สักครั้ง เขามักจะฟ้องพวกผู้ผลิตมือถือแอนดรอยด์อย่างซัมซุง HTC และ Motorola มากกว่า ก็เลยเดากันว่าการฟ้องบริษัทผลิตโทรศัพท์น่าจะทำให้ศาลหรือลูกขุนเชื่อถือได้มากกว่า ถ้าทนายเอาโทรศัพท์มาวางเทียบกัน ซึ่ง Apple ก็เคยชนะซัมซุงมาแล้วในปี 2012 เพราะแท้ที่จริงมันยากที่จะฟ้องเรื่องการขโมยซอฟท์แวร์กัน โดยเฉพาะอย่างแอนดรอยด์ ที่ผู้ผลิตผู้ให้บริการเครือข่าย จะเอาไปดัดแปลงอย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องจ่าย Google แต่อย่างใด ทำให้เป็นการลบ Schmidt ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาออกไปจากสงครามนี้ ที่ทั้งที่จริงเป็นสงครามของเขาและของ Google ขนานแท้ และสงครามนี้ที่เป็นการต่อสู้ที่สกปรก ยาวนานข้ามรุ่นเลยทีเดียว แต่ถ้ามาฟัง Schmidt หรือผู้บริหารคนอื่นของ Google พูด ก็จะเหมือนกับว่า Google เป็นแค่เพียงผู้สังเกตการณ์รอบนอกเท่านั้น Schmidt นั้นเก่งเรื่องอยู่เหนือปัญหาอยู่แล้ว

    เรื่องความก้าวหน้าของแอนดรอยด์ เขาบอกกับผมตอนกลางปี 2011 ว่า “Larry กับ Sergey และผมรู้ดีถึงคุณค่าด้านกลยุทธ์ของแอนดรอย์ แต่ไม่เคยมีใครคิดว่ามันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ บางช่วงเวลาก็เหมาะเจาะที่คู่แข่งของคุณเกิดพลาดขึ้นมา คุณก็จะได้ของที่ดีออกมาถูกที่ถูกเวลา มันแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในบางช่วงขณะเท่านั้น นั่นคือเรื่องของแอนดรอยด์

    ในกลางปี 2012 ผมให้เขาอธิบายถึงว่ามันนานยังไงที่ Jobs ถึีงค่อยมาเห็น Google เป็นคู่แข่ง เขาบอกว่า “คิดไว้นะว่าแอนดรอยด์น่ะเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ ของ Google ในปี 2008 ผมกับ Jobs ก็เคยมาดูกันแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

    เขาไม่ตอบ บอกแค่ว่าไม่อยากจะพูดในเมื่ออีกข้างก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ในปี 2010 เขาบอกกับ Isaacson ไว้ว่า “สตีฟมีวิธีที่แน่ชัดว่าจะบริหาร Apple ยังไง ซึ่งก็ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วที่ Apple เป็นเลิศในการคิดค้นอะไรที่เป็นระบบปิด ไม่เคยอยากให้เข้าเข้ามายุ่งในระบบ ข้อดีของระบบนี้คือการได้ควบคุม แต่ Google เห็นว่าระบบเปิดเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะทำให้มีทางเลือกมากขึ้น คู่แข่งมากขึ้น และเป็นตัวเลือกหนึ่งของผู้บริโภค”

    ปลายปี 2012 Schmidt กล่าวไว้กับ Wall Street Journal ว่า “สัมพันธ์กับ Apple เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ไม่ดี เราอยากให้เขาใช้แผนที่เรา เขาก็เอา YouTube ออกจาก Home Screen ของไอโฟนและไอแพด ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าทำอย่างนั้นทำไม” แต่ไม่ว่าจะไม่ลงรอยกันสักแค่ไหน ข้อขัดแย้งของสองบริษัทก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่สื่อว่าไว้สักนิด “นักข่าวชอบเขียนเหมือนแบบวัยรุ่นตบตีกัน อย่างแกมีปืน ชั้นก็มีปืน ใครจะยิงใครก่อน แต่งานของผู้ใหญ่ที่บริหารบริษัทเนี่ย มันเหมือนปกครองประเทศเสียมากกว่า ขัดแย้งกันก็มาตกลงกันมากกว่าจะมาบอมบ์กัน”

    Schmidt นั้นเจนจัดในเรื่องทำนองนี้มากกว่าใคร ใครเคยทำงานกับเขาจะรู้ดีถึงความถึกเป็นนักสู้ไม่ถอย แต่ต่อหน้าสาธารณชนรูปลักษณ์ Schmidt จะเป็นทำนองนักสู้รุ่นใหม่ผู้ทะเยอทะยานแห่ง Silicon Valley เพราะเขาจะออกแนวศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ แต่งตัวโทนกากีใส่สูทผูกไท เพื่อให้นักข่าวรู้สึกสบายใจเวลาต้องทำงานร่วมกัน เป็นหนึ่งในนักบริหารที่ไม่เกรงที่จะต้องตอบคำถาม คำตอบก็จะประกอบไปด้วยข้อเท็จจริง ข้อมูลเชิงสถิติ ที่ไปที่มา มักรุ้ว่าจะว่าเรื่องอะไรและไม่เลี่ยงประเด็น ในขณะที่ CEO ส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะลงรายละเอียดกับนักข่าว และมักตอบไม่ตรงประเด็น ส่วน Schmidt มันจะใส่ข้อมูลอัดเข้าไปเต็มๆ กล้าที่ยกเรื่องจริงมาพูด แต่ต้องเป็นเรื่องจริงที่จะช่วยสนับสนุนเขา

    ลักษณะประจำตัวของ Schmidt ช่วยได้หลายทาง หลายคนไม่รู้ว่า Google ทำงานยังไงถึงได้เงินมากมาย อะไรที่ทำ อะไรที่ไม่ทำกับข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Internet และผู้ใช้งาน แต่ Schmidt ก็สามารถอธิบายได้อย่างละเอียดในการมอบหน้าที่ CEO ต่อให้กับ Page เขาเลยได้รับการเรียกว่าเป็น Explainer in Chief ของ Google ซึ่งช่วยขจัดปัญหาได้หลายประการ

    ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยเฉพาะกับไมโครซอฟท์ เป็นเวลาห้าปีที่ Schmidt ปฏิเสธโดยตลอดว่าไม่ได้แข่งขันกับวินโดวส์บน desktop computer ซึ่งไมโครซอฟท์เชื่อมาตลอด ช่วงปี 2005 Google กลับมามีอิทธิพลต่อผู้ใช้มากกว่าไมโครซอฟท์จริงๆ Schmidt ปฏิเสธว่า Google ไม่ได้สร้าง Microsoft Office เวอร์ชั่นออนไลน์ขึ้นมา และไมโครซอฟท์ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างไร แต่ถึงกระนั้นในปี 2010 ลูกค้ารายใหญ่อย่างเทศบาลเมืองนิวยอร์คก็หันมาใช้แอปของ Google เพื่อบีบให้ไมโครซอฟท์ลดราคา Office ลง และ Schmidt ก็ยังปฏิเสธด้วยว่าไม่ได้ผลิต browser มาแข่งกับไมโครซอฟท์หรือ Apple หรือคู่ค้าอย่าง Mozilla ที่ทำ FireFox ด้วย open-source แต่ปี 2008 Google ก็ปล่อยตัว Chrome ออกมา ซึ่ง Schmidt ก็กล่าวอย่างสมเหตุสมผลเป็นทำนองว่าบริษัทอย่าง Google ที่ต้องขึ้นอยู่กับ browser เพื่อที่จะมาใช้บริการของบริษัทได้ จึงไม่ควรยอมในเรื่อง browser ให้กับผู้ใด แต่มันคงจะดูเหลี่ยมจัดน้อยกว่านี้ถ้าเขาไม่ยืนกรานปฏิเสธมาเสียนาน

    Google เองก็เล่นเกมเดียวๆ กันนี้กับ Apple เรื่องของมือถือ บอกกับ Apple และ Jobs ว่าไม่มีอะไรน่าห่วงเรื่อง Android ไม่น่าเทียบกับไอโฟนได้ แต่แล้ววันหนึ่งกลับกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจเสียงอย่างนั้น เขายังปฏิเสธว่าทั้งตัวเขาเองหรือคนอื่นๆ ใน Google ไม่เคยมีใครทำอะไรไม่เหมาะสมในการทำงานกับ Apple ก็อาจจะจริง อย่างที่เขาว่าไว้ว่า การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เป็นเรื่องยุ่งยาก แรกๆ ก็ไม่ชัดว่าแอนดรอยด์จะประสบความสำเร็จ Google ต้องมี software สำหรับมือถือ และสัมพันธภาพระหว่าง Google กับ Apple ก็แปรเปลี่ยนไป แต่ก็เป็นเรื่องจริงในปี 2008 ที่ Schmidt กับผู้บริหารของ Google พูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรหากไอโฟนเข้าครอบครองตลาดมือถือเหมือนที่ไอพอดทำมาแล้ว Cedric Beust วิศวกรของแอนดรอยด์ว่าไว้ว่า “ถ้าไอโฟนครองตลาดจะทำให้ Google ต้องได้รับผลเสียหายทางการเงิน (ได้แก่บังคับให้ Google จ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้ internet เข้าไปใช้บริการ Google ผ่านไอโฟน) และของของ Apple ก็ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวที่ชาว Google อยากทำให้ บางคนมองว่า Apple แย่กว่า Microsoft เสียอีก ในเรื่องขจัดทุกอย่างที่ไม่ชอบออกจาก App Store เราเกือบเจอปัญหานั้น แต่ในที่สุดแอนดรอยด์ก็มาถูกเวลา ช่วยให้ Apple รู้จักมีเมตตรหรืออ่อนน้อมถ่อมตนลงบ้าง”

    ผู้บริหารอีกคนของ Google ก็มีกล่าวไว้ว่า Page นั้นแรงกว่า Schmidt ในการผลักดันให้แอนดรอยด์เป็นทางแก้ของ Google ในเรื่องแข่งขันกับไอโฟนในตอนต้นปี 2007 คนใกล้ชิดเขาบอกว่าไม่แปลกใจที่เป็นเช่นนี้ “Larry ไม่ค่อยน่ากลัวถ้าเป็นเรื่องเทคโนที่จะใช้” เขาอธิบายไว้ “เขาอยากผลิตงานที่มีคนใช้ และเข้าควบคุมชะตากรรมของบริษัทไว้ ดังนั้น (การเป็นเพียงผู้ให้บริการเทคโนโลยีกับไอโฟน) ก็เลือกไม่ได้ ผมแน่ใจว่าเป็นเพราะ Apple ขอมา” แน่นอนว่า Schmidt ไม่ได้เล่าให้ Jobs ว่า – Google นั้นกังวลใจเรื่อง Apple มากกว่าไมโครซอฟท์มาก แล้วก็จริงจังกับแอนดรอยด์มากกว่าที่ Jobs คิดไว้ ทุกครั้งที่ Schmidt พูดเรื่องข้อทะเลาะเบาะแว้งระหว่าง Google และ Apple ทำนองไม่เข้าใจว่ามันทุเรศทุรังไปได้อย่างไร ทาง Apple ก็จะรู้สึกเหมือนโดนสะกิดแผลทุกครั้งไป

    อัจฉรี เด่นสิริมงคล

    ประเด็นการเรียนรู้

    หัวข้อ JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่: บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต

    ลักษณะผู้นำ อินโดเนเซีย VS ไทย

    ลักษณะ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดเนเซีย นายกรัฐมนตรีไทย ระบอบทุนนิยมสามานต์ นายกรัฐมนตรีไทย ในอนาคต
    1. ติดดิน ไม่ต้องมีธุรกิจใหญ่โต                     /                 /
    2.เป็นกันเองกับประชาชน                    /                 /
    3.คิดและพัฒนาเมืองตลอดเวลา                    /                 /
    4.มีผลงานเป็นที่ประจักษ์                   /                /
    5. นักการเมืองเพื่อประชาชน                   /                /
    6. ธุรกิจในครอบครัว ผลประโยชน์ทับซ้อน                       /
    7. ใช้เงินและอำนาจเป็นหลัก                      /  
    8. ผลประโยชน์แบ่งพวกพ้อง                      /

    บทเรียน นายกรัฐมนตรีไทย ระบอบทุนนิยมสามานต์ จะไม่ยั่งยืน จะถูกปฏิรูป ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่สมดุล โดยมีผู้นำที่มีลักษณะแบบว่าที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนใหม่ ในอนาคต       

    อัจฉรี เด่นสิริมงคล

    ประเด็นการเรียนรู้

    29 เมษายน 2557 ช่วงเช้า

    Panel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำกฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    โดย คุณสมบัติ ศานติจารีและ คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

    คุณสมบัติ ศานติจารี

    ภาวะวิกฤติ เรามีแผนป้องกันไม่ให้เกิด เมื่อเกิดแล้ว ต้องแก้ให้เร็วต้องใช้เวลาฟื้นฟู โดยทำการตลาดเพื่อสังคม

    - การสื่อสารเป็นหัวใจของภาวะวิกฤติ ต้องรายงานให้สังคมรับรู้ฉับพลัน โดยสรุป และตรงไปตรงมา

    การสื่อสารที่ดี

    1.ห้ามโทษผู้อื่น

    2.อย่าให้ความเห็นที่เดา

    3.ตอบทุกสื่อ

    4.ห้ามลำเอียง

    - การไม่ตอบสื่อมวลชน เขาจะคิดว่าจริง ห้ามปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องกำหนดคนให้ข่าวไม่ให้สับสน

    - การทำการตลาดเพื่อสังคมสำคัญในยุคปัจจุบัน ต้องทำให้อิงกับสังคม

    - ทุกหน่วยงานมีแผนแก้ไข สถิติพบว่า บางคนไม่ได้ปฏิบัติตามแผน ควรมีการซักซ้อมแผนต้อง

    สม่ำเสมอ ต้องมีการถ่ายทอดความรู้ใหม่ให้เจ้าหน้าที่ การเรียนรู้จากวิกฤติเก่าๆจะทำให้รับมือวิกฤติ

    ใหม่ๆได้

    - นโยบายภาครัฐสำคัญสุด คาดเดานโยบายการเมืองลำบาก

    - สิ่งแวดล้อม NGOs ค่อนข้างเข้มแข็ง ควรสื่อสารกับเขา

    - ควรเน้นรับงานต่างประเทศดีกว่า เป็นการสั่งสมประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่

    - พวกประชาสังคม เราต้องมีความจริงใจกับเขา อย่าไปแบบฉาบฉวยทำให้ปัญหาหนักขึ้น

    คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    วางกลยุทธ์ในช่วงวิกฤตการแปรรูป กฟผ.เป็น บริษัทมหาชน คือ

    1.สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ยึดประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง สื่อสารตรงไปตรงมา

    2.สร้างแนวร่วม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้ามาช่วยกันหาทางออก กฟผ.จะเดินไปทิศทางใด พูดให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อองค์กร เช่น กฟผ.วางแผนสร้างโรงไฟฟ้า 4 โรงและระบบส่ง จะกู้เงินหรือใช้งบรัฐต้องผ่านรัฐบาล ถ้าประท้วงรัฐบาล เขาอาจจะดองเรา ไม่ให้งบ อาจจะให้เอกชนสร้างแทน รัฐบาลอาจสร้างหน่วยงานคล้ายกฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าแทน

    3.สื่อสารกับพนักงาน พูดให้คลายกังวล สร้างความมั่นใจว่ากฟผ.จะไม่มีการปลดพนักงาน สร้างงานให้มากขึ้น มีบริษัทในเครือหลายๆบริษัท กฟผ.อาจจะไปทำงานด้านเชื้อเพลิงและสื่อสาร เรามีสายส่งทั่วประเทศและบนสายส่งมีไฟเบอร์ออพติค สามารถตั้ง EGAT Telecom ได้

    4.ใช้ความเด็ดขาด ช่วงนั้นมีวันหยุดยาว มีการประชุมลับปิดประตูทุกด้าน มีหน่วยรื้อเต็นท์ทำงานเสร็จไม่เกินครึ่งชั่วโมง แล้วนำไปไว้ในสถานีตำรวจ

    5.การฟื้นฟูให้กฟผ.กลับมาสู่สภาพเดิม

    ในช่วง 3 ปีที่เป็นผู้ว่าการ ก็ทำงานตามวัตถุประสงค์ แต่ก็มาดูปัจจัยเสี่ยง

    1.ปัจจัยการเมือง ภาคใต้มีสถานการณ์ที่รุนแรง มีการก่อวินาศกรรม

    2.เศรษฐกิจ มีความผันผวน ถ้าดีเกินคาด ไฟฟ้าไม่พอ

    3.สังคม การสร้างโรงไฟฟ้ามีคนต่อต้านสูง

    4.นโยบายรัฐบาล ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าไฟหรือเอฟที จะทำให้รายได้กฟผ.มีปัญหา ถ้าเป็นประชานิยมให้คนใช้ไฟฟ้าราคาถูก กฟผ.ก็แย่

    5.อุปกรณ์เสื่อมโทรมเนื่องจากใช้งานมานาน ทำให้ไฟดับได้

    ในการจัดการความเสี่ยง ต้องมีแผนรองรับให้ดี ใครเป็นเจ้าภาพ เช่น การสร้างโรงไฟฟ้ามีผลต่อการเติบโตของกฟผ. แห่งใหม่ที่จะไปสร้างคือจะนะ เราต้องใช้น้ำทำระบบหล่อเย็น เขาทำประมงมาก ก่อนปล่อยน้ำ เราปรับอุณหภูมิไมให้ปลาตาย เขาบอกว่า เวลาเราดูดน้ำ เท่ากับดูดไข่ปลาไปด้วย เวลาเขาพูดเรื่องโรงไฟฟ้า เขากลัวทุกอย่าง

    ปัญหาคือเราเข้าไปชุมชนช้ากว่า NGOs ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อมูลทางลบก่อน

    กฟผ.ก็ไปจับเข่าคุยกับชาวบ้านคลายกังวล เราจะมีกองทุนประกันความเสียหาย ถ้าปลาของเขาตาย ก็ให้ค่าชดเชย เราต้องไปพบนักการเมืองท้องถิ่นก่อนและคนที่ชาวบ้านเคารพนับถือเช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ทำความเข้าใจว่าโรงฟ้าจะไม่ก่อมลภาวะให้ ถ้ามีความเสียหาย จะชดเชย จะมีกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าให้ ทำให้คนมีคุณภาพชีวิต รับคนท้องถิ่นเข้าทำงานบ้างในบางตำแหน่ง

    ในเรื่อง Share ความเสี่ยง กฟผ.ไปลงทุนต่างประเทศ เช่น ลาว เราร่วมลงทุนกับคนอื่น

    โรงไฟฟ้ามีโอกาสไฟไหม้ เรามีการทำประกันภัยไว้

    Learning Forum & Practice

    หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    29 เมษายน 2557 ช่วงบ่าย

    ­ ศิลปะการแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่

    ­ เทคนิคการดูแลใบหน้าและแต่งหน้าให้ดูดีมีสไตล์

    ­ การเลือกทรงผมกับบุคลิกคนทำงานรุ่นใหม่

    ­ มาดและท่วงท่าอิริยาบถของคนทันสมัย

    ­ มารยาททางธุรกิจ

    ­ มารยาทในการรับประทานอาหารแบบต่าง ๆ: มารยาทในการเข้างานเลี้ยง

    การเขียนบัตรเชิญ: สิ่งที่สำคัญคือต้องสะกดชื่อคนให้ถูก

    First Impression: คืออะไรความคิดเห็นของผู้อบรม คือ การแต่งกาย

    การแต่งตัว:

    กางเกง ควรตัดความยาวให้พอดี กางเกงไม่ควรมีจีบ

    มาด:

    ผู้ชาย: ดูดีเวลาใส่สูท หากมีกระดุม 2 เม็ด ติดกระดุมบน ปล่อยเม็ดล่าง หาก 3 เม็ดติดกระดุมเม็ดบนและเม็ดกลาง ปล่อยเม็ดล่าง

    ผู้หญิง: ใส่ส้นสูง และต้องรู้กาละเทศว่าจะใส่ตอนไหน

    อารมณ์ดี: มีรอยยิ้มให้กันเสมอ

    การพูดจา: ไม่ควรพูดจาด้วยคำหยาบ

    กาลเทศะ: ควรใส่เสื้อผ้า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ

    บุคลิกภาพ ควรทำความเข้าใจกับองค์ประกอบ ที่มีอิทธิพลต่อบุคลิก

    สีสัน: ผิวสองสี ไม่ควรใส่สีคล้ำๆสีกรมท่าสำดำปนเขียวขี้ม้าหม่นๆไม่ได้

    ผิวขาว: ใส่สีอะไรก็ได้ ชมพู โอรส

    สัดส่วน : คนอ้วน ไม่ควรใส่สีเหลือง

    เส้นสาย: การเลือกเสื้อที่มีลายเส้นสาย สามารถอำพรางหุ่นได้ กางเกงยีนส์ เป็นกางเกงที่ใส่ยาก เพราะมีเส้นนำสายตา ต้องเลือกให้เหมาะกับรูปร่างตัวเอง

    สีขาว ความสมบูรณ์

    สีเทา ความเป็นทางการ

    ม่วงแดง สีผู้สูงศักดิ์ โรแมนติก ศักดิสิทธิ์

    สไตล์การแต่งตัว

    กางเกงสแลคแบบเป็นทางการ: เป็นการเกงสอย ความยาวจะไม่ลอย จะพอดี

    ผู้หญิงที่ขาสั้น อย่าใส่กางเกง 5 ส่วน เพราะจะดูขายิ่งสั้น

    กางเกงมีจีบ จะดูพอง ทำให้ดูไม่สมส่วน

    รองเท้า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากดูอ้วน เตี้ย ควรใส่รองเท้าหัวยาว จะทำให้ดูเพรียวขึ้น

    เนคไท: ความยาว ควรยาวมาถึงหัวเข็มขัด ความใหญ่ของเนคไท ควรดูว่าเราเป็นคนหน้าใหญ่หรือไม่ ควรเลือกลายคลาสสิค

    ถุงเท้า ควรใส่สีเดียวกับกางเกง

    เสื้อเชิ้ต ควรใส่ให้เสื้อพอดีตัว เพื่อเสริมบุคลิกตัวเองให้ดูดี ผู้บริหาร ควรมีซองใส่นามบัตร

    คอปก เสื้อเชิ้ต ควรซื้อเสื้อที่ non wrinkle ไม่ใช่ซื้อผ้าฝ้าย

    รองเท้าทำงาน : ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ควรเลือกรองเท้าหน้ายาว

    ผู้หญิง: เวลาใส่ทำงานควรใส่รองเท้าที่มีสายรัดส้น หรือ รองเท้าคัชชู

    กระโปรง ควรใส่ทรงดินสอ จะดูเพรียว ไม่ควรใส่กระโปรงแหวก ไม่ควรใส่เสื้อกล้าม แล้วใส่สูททับ

    กระเป๋าถือผู้หญิง ไม่ควรใหญ่เกินไป ควรถือขนาดพอเหมาะ

    รองเท้าที่ควรใส่ไปทำงานของผู้หญิงคือ รองเท้าคัชชู เก็บนิ้วเท้า

    เครื่องประดับของผู้หญิง ควรเลือกชิ้นให้มีขนาดพอเหมาะ หากเสื้อผ้ามีลายเยอะอยู่แล้วก็ไม่ควรใส่เครื่องประดับมากมาย

    เข็มขัด: ควรเลือกเรียบๆ ดูดี

    นาฬิกา: ไม่ควรเลือกเป็นสายหนัง PVC เพราะไม่เหมาะกับเสื้อผ้า

    ท่วงท่า

    การนั่งบนเก้าอี้: ผู้หญิง ควรมือเอาขวาจับพนัก เอาน่องสัมผัสเก้าอี้ แล้วนั่งแค่ครึ่งเดียว

    ผู้หญิง ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะไม่สุภาพ

    การยืน: ผู้ชายยืนส้นไม่ติดกัน มือทิ้งปล่อยข้างลำตัว สบายๆ

    การเดิน: อย่าเดินลากเท้า ควรให้ส้นลงก่อน

    การไหว้: เอามือไหว้ที่กลางอก มือติดกัน ศอกไม่กางออก ไหว้ไม่ต้องถอนสายบัว เพราะการถอนสายบัวไม่ได้ถอนให้คนทั่วไป

    การเชคแฮนด์: คนที่เป็นคนยื่นมือก่อน ต้องเป็นคนปล่อยมือก่อน

    กรณีประชุมแบบนานาชาติ ก่อนประชุม ต้องเชคแฮนด์แนะนำตัวทั้งโต๊ะ เพื่อทำความรู้จักกัน

    ท่วงท่าอันตราย: หน้าท้องยื่น ไหล่ห่อ หลังงอ ก้นยื่นไปข้างหลัง ปลายเท้าชี้เข้า หรือชี้ออก

    การนั่งบนรถแทกซี่ :ผู้ชายควรเข้าไปนั่งก่อนผู้หญิง

    การนั่งบนรถเก๋งข้างหลัง คนที่มีตำแหน่งใหญ่สุดนั่งซ้าย รองลงมาขวาสุด และตำแหน่งน้อยสุดนั่งกลาง เลขานั่งข้างหน้า

    การแลกนามบัตร ต้องหันนามบัตรให้เขาอ่าน ต้องรับก่อนผู้อาวุโส แต่ถ้าอายุใกล้เคียงกันให้เร็วกว่าก็รับก่อน หากคนที่ 3 เข้ามา คนทีมาด้วยกัน ต้องแนะนำให้อีกคนหนึ่งรู้จัก หากอีกคนหนึ่งอาวุโสกว่า ให้แนะนำก่อน

    การให้เกียรติใคร เรียกชื่อคนนั้นก่อน

    การรดน้ำสังข์: ต้องรดเจ้าสาวก่อน เพื่อให้เกียรติผู้หญิง

    การนำทางผู้ใหญ่: มือเปิดทาง คือมือขวา เดินนำผู้ใหญ่ระยะห่าง 1 ช่วงแขน

    การขึ้นบันได: ผู้หญิง หรือ ผู้อาวุโสขึ้นก่อน เวลาลง เด็กหรือผู้หญิงลงก่อน

    มารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

    อย่าพูดขณะทานข้าว มีทิชชู่ติดตัวเสมอ การนั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีการแจกนามบัตร

    นั่งตามชื่อที่ตั้งโต๊ะไว้ ใบใหญ่ คือ แก้วน้ำดื่ม ไว้ใกล้ตัวเราที่สุด การกินซุปค่อยๆคน

    วิธีการจับแก้วไวน์ใช้ 3 นิ้ว การหยิบช้อน ส้อม มีด เอาจากที่อยู่ด้านนอกก่อน

    การศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และ

    พัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์

    แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

    วันที่ 30 เมษายน 2557 ช่วงเช้า

    - บริษัทกิฟฟารีนก่อตั้งเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมถึงปัจจุบัน 50,000 ล้านบาท ยอดขายปัจจุบันปีละ 5,000 ล้านบาทโรงงานกิฟฟารีนเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

    -มีมาตรฐาน GMP เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภคมีมาตรฐานเทคโนโลยี ที่แสดงถึง

    ความถูกต้อง และแม่นยำ

    -มีการวิจัย การผลิต การคัดเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือก Supplier สู่การ

    นำมาทดลอง ศึกษาและวิจัย และมีการตรวจสอบ

    -เมื่อเกิดภาวะวิกฤติ สมาชิกจะเริ่มขยันมากขึ้น ดังนั้นภาวะวิกฤติก็เป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจขายตรงเติบโตได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามพื้นฐานของบริษัทต้องสำคัญด้วย สินค้าที่ขาย เป็นสินค้าอุปโภค บริโภคและครัวเรือน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่ใช้สินค้าแล้วได้เงินปันผลกลับคืน ดังนั้นการตลาดยังอยู่ในประเทศ

    -สิ่งที่กิฟฟารีนให้ความสำคัญคือการควบคุมให้คุณภาพสินค้าให้ดี มีการปรับปรุงให้เหมาะกับผู้บริโภค มีการติดต่อสื่อสารสมาชิกโดยทาง Line และ Facebook ซึ่งต่างกับขายตรงอื่นๆ ที่เชียร์ให้ซื้อสินค้าอย่างเดียว แต่ที่นี้จะเป็นการตอบปัญหาและแนะนำ ซึ่งเป็นจรรยาบรรณที่ทำมาตลอด 18 ปี

    สอนสมาชิก สอนด้วยความดี เป็นบริษัทที่มีค่า สิ่งที่ให้คนอื่นไม่ใช่ความรวย แต่เป็นสัมมาอาชีวะ

    การดูแลพนักงานอย่างดี ดูแลแบบพี่น้อง พอองค์กรใหญ่ขึ้น ก็มีการแบ่งแผนก มีการส่งผ่านความรู้สึกแบบพี่น้อง ทุกแผนกเป็นหัวใจสำคัญต่อการทำงาน เน้นการสื่อสารภายในแผนก และสื่อสารภายนอกแผนก ไม่ประชุมเฉพาะหัวหน้าแต่ให้ลูกน้องมาประชุมด้วย จะได้รู้ว่าข้อมูลได้จากไหนมาบ้าง และจะได้รู้สึกถึงความมีส่วนร่วม และขั้นตอนความยากง่ายในการทำงาน

    การทำงานเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องมีการดูแลบุคลากร และการพัฒนาบุคลากรเป็นสำคัญ ชีวิตการทำงานไม่เหมือนในมหาวิทยาลัย เพราะต้องเจอปัญหา เจอคน เจอลูกน้องที่ต่ำกว่า เหมือนแบบฝึกหัดในชีวิตจริง แล้วส่งต่อการทำงานแบบรุ่นสู่รุ่น ต้องมองว่าเด็กต้องก้าวสู่ผู้ใหญ่ในอนาคต แต่ระบบอาจไม่เหมือนราชการตลอด แต่ใช้ทั้งราชการ คุณธรรม และความพร้อม

    เวลาโปรโมทเลื่อนขั้น จะถาม Manager ว่าพร้อมหรือไม่ที่จะต้องเจอปัญหา วิธีการบริหารจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นทั้งครอบครัว และบริหารแบบใหม่ไปด้วยกัน อาจเป็นการบริหารที่ไม่ดีที่สุด แต่เน้นให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักองค์กร มีความสุข มากกว่าให้ความสำคัญกับกำไร

    กิจกรรมกลุ่ม: นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้องานวิจัย

    และแนะนำแนวทางในการเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา

    โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล วันพุธที่ 30 เมษายน 2557 บ่าย

    จากครั้งที่แล้ว กำหนดหัวข้อ และกรอบการศึกษา และมอบหมายให้เก็บข้อมูล

    ในครั้งนี้ นำเสนอผลการศึกษา โดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่เก็บได้ เสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา นำข้อเสนอแนะที่ได้ไปสู่การพัฒนาองค์กรโดยการนำเสนอโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา EGAT

    หัวข้อวิจัย

    1.การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานการ กฟผ: ศึกษากรณี โครงการการเดินเครื่องและบำรุงรักษาใน สปป.ลาว

    2.ปัจจัยที่มีผลต่อสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.

    3.ยุทธศาสตร์สร้างการยอมรับต่อความสำเร็จในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่

    4.ทัศนคติของผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ต่อการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่

    5.ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือของชุมชนต่อการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.

    6.ปัญหาการสื่อสารภายในเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของ EGAT Group

    7.ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจในการได้รับค่าตอบแทนที่ดินของผู้ได้รับผลกระทบ

    -ให้แต่ละกลุ่มจัดทำ Power Point นำเสนอโครงการวิจัย (จำนวน 10-15 หน้า)

    กำหนดส่งวันที่ 18 พฤษภาคม 2557 ที่ email: [email protected]

    -ให้แต่ละกลุ่มเลือกข้อเสนอแนะที่สำคัญที่ได้จากการศึกษาของกลุ่มมาพัฒนาเป็นโครงการเชิงนวัตกรรมเพื่อพัฒนา กฟผ. จำนวน 1 โครงการ มีจัดทำเป็นข้อเสนอโครงการ ดังนี้

    (Power Point ไม่เกิน 10 หน้า)

    กำหนดส่งร่างข้อเสนอโครงการ วันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ที่ email: [email protected]

    การบ้าน Dogfight กลุ่ม 5

    บทที่ 6 ทุกที่มี Android

    ปี 2010 แอปเปิ้ลและ Google 9ต่อสู้กันในทุกสนาม ทั้งในศาล ตามสื่อต่างๆ และในตลาด การเข้ามาของ Android และได้รับความนิยมอย่างน่าแปลกใจ ทำให้ รูบิน, ชมิท และคนอื่น Google ไม่คิดที่จะปิดบังความยินดีของพวกเขาในเรื่องนี้

    ดูเหมือนว่าทุกโอกาสที่พวกเขามีในปี 2010 พวกเขาได้ใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Android ทั้งนี้เพื่อให้ระบบ Android เป็นที่นิยมและอธิบายว่าในอนาคตอุปกรณ์มือถือจะเปลี่ยนทั้งอนาคตของ Google และของโลก

    ในเดือนเมษายน 2010 ในการให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์สเขายังได้ทำนายว่า Android จะครองตลาดโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่ปีก่อนเขายังมีความกังวลว่า Google จะทิ้ง Android และอาจทำให้เขาและทีมงานต้องตกงาน แต่ในตอนนี้เขามีความมั่นใจถึงกับประกาศว่า "Android คือเกมของตัวเลข เมื่อเรามีผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายรายที่สร้างผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ ก็เหลือเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่ Android จะต้องตามให้ทันผู้ผลิตรายอื่น เช่น iPhone และ BlackBerry” ในปี 2010, เมื่อ Android เปิดตัวมีผู้ใช้งาน 7 ล้านราย ภายในสิ้นปียอดผู้ใช้ได้เติบโตเป็น 67 ล้านราย และเพิ่มขึ้น 300,000 รายทุกวัน Android เองอาจจะยังทำรายได้ไม่มากแต่มันก็กำลังทำรายได้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นมันได้เร่งสร้างรายได้และเพิ่มผลกำไรของ application หลายตัวให้แก่ Google เช่น app. ค้นหา และ YouTube และยังเพิ่มสมาชิกใหม่ให้แก่ Google พร้อมข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญที่ผู้สมัครต้องกรอกให้แก่ Google

    Google ยังคงทำรายได้หลักจาก app สืบค้นบนคอมพิวเตอร์ แต่ผู้บริหารระดับสูงต่างทราบดีว่า app สืบค้นบนคอมพิวเตอร์นี้จะไม่เป็นแหล่งรายได้หลักอีกต่อไป เพราะในไม่ช้าจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะลดน้อยลง แต่ผู้ใช้ app. ผ่านโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มมากขึ้น การเติบโตของ Google และผลกำไรจะแผงอยู่ในการใช้ app บนโทรศัพท์มือถือเหล่านี้ โฆษณาบนมือถือมีราคาขายต่ำกว่าโฆษณาบนคอมพิวเตอร์ แต่ศักยภาพของผู้ใช้งานโทรศัพท์นั่นเองที่จะสร้างรายได้ให้อย่างมหาศาล ยอดขายมือถือสูงกว่าคอมพิวเตอร์ 5 เท่าในทุกปี นั่นคือ 1.8 พันล้านเทียบกับ 400 ล้าน Google จึงเสี่ยงที่จะลงมาแข่งขันในตลาดนี้

    มันเป็นเหมือนกับที่เขาได้จินตนาการไว้เกือบทั้งหมด มีผู้ผลิตและผู้ให้บริการหลายรายที่ต้องการจะแข่งขันกับ iPhone และเขาก็ประสบผลสำเร็จในการโน้มน้าวว่า Android คือโอกาสที่จะทำให้สิ่งนี้ให้บรรลุผล ในปี 2010 เขาส่งทีมวิศวกรเข้าไปปรับปรุงและพัฒนา Android ถึงสามเรื่อง ในปลายปี 2010 Android ไม่เพียงแต่มีสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น Droid ออกมา แต่ยังได้ร่วมมือกับ HTC Evo 4G และ Samsung Galaxy S ด้วย ทำให้มีโทรศัพท์มือถือกว่า 200 แบบ ใน 50 ประเทศที่เลือกใช้ระบบ Android การสำรวจโพล์ในที่ประชุมสัมนาของ Fortune magazine เมื่อปี 2010 ที่ได้มีการตั้งคำถามว่าใครจะเป็นดาวเด่นในอีก 5 ปีข้างหน้า 57% ของผู้ถูกสำรวจตอบว่า Android และ 37% ตอบว่า iPhone

    ในต้นปี 2011 ชมิทได้กล่าวสุนทรพจน์ที่เยอรมันว่า “เขารู้สึกประหลาดใจว่าไม่เพียงโทรศัพท์มือถือที่ได้เปลี่ยนเทคโนโลยีไปอย่างมากเท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นสิ่งที่มีความก้าวล้ำที่สำคัญมากที่สุดในยุคนี้ด้วย เรามีผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ท่านพูดกับมันด้วยภาษาอังกฤษและมันก็สามารถสื่อไปยังคนที่ท่านต้องการติดต่อด้วยภาษาท้องถิ่นของเขาได้ มันเหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์จินตนาการถึงอนาคตอันใกล้ที่คนเราจะไม่ลืมอะไรเลย คอมพิวเตอร์ขนาดพกพาจะจดจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณว่า เคยไปที่ไหนมา เคยทำอะไรมา ถ่ายรูปกับใครมา ผมยังชอบที่หลงทางบ้าง ชอบที่จะประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แต่คุณจะไม่หลงทางอีกต่อไป คุณจะรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและคุณสามารถมีเพื่อนร่วมทางหากคุณอนุญาต เมื่อคุณท่องเที่ยวคุณจะไม่เปล่าเปลี่ยว จะมีใครบางคนพูดคุยกับคุณหรือส่งรูปให้ คุณจะไม่รู้สึกเบื่อ คุณจะไม่รู้สึกว่าไม่มีความคิดดีๆ เพราะข้อมูลทุกอย่างบนโลกอยู่แค่ปลายนิ้วของคุณ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สงวนไว้สำหรับชนชั้นนำอีกต่อไป ทุกคนบนโลกนี้สามรถเข้าถึงได้.”

    วงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นกังวลว่า Rubin มีแผนที่จะดำเนินการเช่นเดียวกับที่ Bill Gates ครอบงำผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ด้วยระบบปฏิบัติการ Windows ในทศวรรต 1990 แต่ Rubin ยืนยันว่าเขาไม่มีแผนเช่นนั้น ซึ่งมันก็ปรากฏว่าเขารักษาคำพูด เขายอมให้ผู้ให้บริการและผู้ผลิตสามารถเพิ่มโปรแกรมของเขาเหล่านั้นรวมทั้ง app โดยใช้ระบบ Android ได้ และยังให้ผู้ให้บริการ 30% จากรายได้ของ app store ต่างจาก Apple ที่หักส่วนนี้ไป

    สำหรับความใจแคบในธุรกิจมือถือ, ยุทธศาสตร์ของ Rubin คือนวัตกรรมใหม่อย่างแท้จริง มันคือการสร้างสรรการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการและผู้ผลิตให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อที่จะแย่งชิงการแข่งขันกับ iPhone พวกเขาต้องแข่งขันกันเองด้วย ในอดีตผู้ผลิตจะผลิตตามความต้องการของผู้ให้บริการมากกว่าความต้องการลูกค้า เพราะว่าใน USA พวกเขาจะผลิตตามเงินทุนสนับสนุนและการสนับสนุนการตลาดเพื่อที่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ แต่มันมีความชัดเจนว่าหากจะแข่งขันกับ iPhone พวกเขาต้องโยนทิ้งวิธีแบบเดิมๆ Verizon และ Motorola ได้บทเรียนไปแล้ว ความจำเป็นในปัจจุบันคือผลิตในแบบที่ลูกค้าต้องการ HTC ซื้อบริษัทออกแบบ One & Co. เพื่อออกแบบโทรศัพท์ที่น่าใช้ ซัมซุงใช้แนวทางการออกแบบที่คล้ายกับของแอปเปิ้ล ซึ่งมันก็เกิดเป็นคดีฟ้องร้องเรื่องของการละเมิดสิทธิบัตร

    Rubin กล่าวว่า ไม่มีพวกเราคนใดคนหนึ่งที่สามารถพิชิต Apple ได้ แต่ถ้าพวกเราร่วมมือกันเน้นในเรื่องที่แต่คนมีความถนัด พวกเราจะไม่เพียงแต่จะสามารถพิชิต Apple ได้เท่านั้น ยังจะทำให้พวกเราเข้มแข็งและสร้างผลกำไรได้อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

    ตลาดผลัดดันตามแนวทาง Rubin และแรงจูงใจต่างๆ ที่เขาวางไว้ก็ยังไม่ช่วยทำให้งานสมบรูณ์ได้ทุกเรื่อง แม้เขาจะมีความพยายามอย่างมากในการผลักดัน แต่ผู้ผลิตและผู้ให้บริการก็ยังมีความเชื่องช้าในการใช้ระบบ Android รุ่นใหม่ๆ โทรศัพท์เครื่องหนึ่งอาจลง Android รุ่นล่าสุด แต่เครื่องอื่นอาจจะลงรุ่นก่อนหน้านี้หรือเก่ากว่าอีก มันหมายความว่า app ต่างๆ บน app store อาจจะไม่สามารถทำงานบนโทรศัพท์ได้ทุกเครื่อง แต่ผู้ซื้อมีความคิดว่าเขาได้ซื้อโทรศัพท์พร้อม Android รุ่นล่าสุดและดีที่สุด ซึ่งมีเพียงไม่กี่รายพบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ

    เนื่องจากในปัจจุบันการตลาดได้กดดันเรื่องเหล่านี้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน Rubin ได้พบว่าในแต่ละปีมีโทรศัพท์อย่างน้อยหนึ่งรุ่นที่ผู้ให้บริการและผู้ผลิตไม่ยอมให้สามารถลง software หรือ app ได้ตามที่ผู้ซื้อต้องการทั้งหมด เช่น HTC Nexus Sumsung Nexus S ในปี 2010

    ที่สำคัญที่สุดคือ Android ดีพอสำหรับปี 2010 ที่ให้ข้อเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ Apple ได้ควบคุมตลาดระดับสูงอย่างสมบรูณ์มามากว่า 3 ปีแล้ว แต่ทำเพียงรุ่นเดียวพร้อมจำกัดความสามารถของเครื่องและความต้องการของลูกค้า ใน USA มีเพียง AT&T เป็นผู้ให้บริการ ปี 2010 มีโทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android ไม่กี่รายที่ไม่เพียงเตะตาน่าใช้เหมือน iPhone แต่ยังมีบางอย่างที่เหนือกว่าด้วย มันสามารถเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ ขยายหน่วยความจำ และสามารถใช้โปรแกรมได้หลากหลาย โทรศัพท์ Android จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่าและสามารถใช้หลายโปรแกรมพร้อมๆ กัน ในขณะที่ iPhone ทำไม่ได้

    ผู้พัฒนาโปรแกรมทุกคนสามารถวางโปรแกรมของเขาบน Android app store โดยไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งแตกต่างกับ App store ของ Apple โทรศัพท์ Android มีคุณสมบัติในการดูหนังฟังเพลงที่ดีกว่าเพราะโปรแกรม Adobe Flash ซึ่ง Apple ไม่ใช้เพราะเห็นว่าเป็นโปรแกรมที่ใช้เทคโนโลยี่ที่ไม่ดี แต่โปรแกรมนี้กลับเป็นโปรแกรมมาตรฐานสำหรับการดูหนังฟังเพลงบน Internet และใน USA โทรศัพท์ Android สามารถใช้งานได้ทั้งกับเครือข่าย T-mobile และ Verizon ที่มีความได้เปรียบหลายอย่าง เครือข่าย AT&T สำหรับ iPhone นั้นเป็นที่ทราบกันดีถึงปัญหากับความเร็วของ internet และมีปัญหาสายหลุดมาก

    Rubin ได้ทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ในทุกที่ที่เขาไป ในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่เขาเริ่มทำงานกับระบบ Android ทุกคนต่างต้องการจะฟังความคิดเห็นของเขา ในแต่ละวันเต็มไปด้วยคำร้องขอเพื่อการสัมภาษณ์ ถูกห้อมล้อมเพื่อสอบถามในที่ประชุม และเขาสามารถโทรหา CEO ของผู้ผลิตและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เกือบทุกราย

    เหมือนกับเทพีแห่งโชคอยู่ข้างเขาที่คู่แข่งของเขา (Apple และ AT&T) เหมือนว่าได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขา หลายสัปดาห์ก่อนที่ Job จะเปิดตัว iPhone 4, วิศวกรของ Apple ได้นำเครื่องต้นแบบออกไปทดสอบระบบและได้ลืมทิ้งเครื่องต้นแบบไว้ที่ Bar ของเมือง Redwood

    Gizmodo ได้เครื่องนี้ไปและได้ตีพิมพ์รูปภาพของเครื่องต้นแบบ ต่อมาเมื่อ iPhone รุ่นนี้ได้วางตลาดในเดือนมิถุนายน เหล่านักวิจารณ์ได้เขียนบทความว่าพบจุดบอดบริเวณเสาอากาศ มันทำให้ Job ต้องมีการประชุมกับสื่อด้าน damage-control เหนืออื่นใดทั้งหมดคือการขยายตัวของผู้บริโภคที่ไม่พอใจกับผู้ให้บริการเครือข่ายของ iPhone ในอเมริกา AT&T ไม่สามารถรับมือการใช้งานของ iPhone บนเครือข่ายได้และในปี 2010 ลูกค้าเริ่มโกรธและร้องเรียนเกี่ยวกับเครื่อง iPhone และกลายเป็นข่าวในระดับนานาชาติและถูกล้อเลียนในรายการตลก เรื่องนี้ทำให้ Rubin และเครือข่ายของเขาได้รับโอกาสอย่างไม่จำกัดที่จะได้เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง Apple และ Android ซึ่งเขาก็ได้ใช้โอกาสที่เปิดกว้างและได้เปรียบนี้อย่างเต็มที่

    ในปี 2010 นี้ผู้บริโภคหลายรายหันไปซื้อโทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการใช้เครือข่ายของ AT&T Job ได้เคยศึกษาและได้เคยเร่งรัดการขยายเครือข่ายของ AT&T ก่อนที่ iPhone จะวางตลาดในปี 2007 แต่เขาก็มีข้อจำกัดในเรื่องอำนาจต่อรองจนถึงปี 2011 เมื่อข้อตกลงเฉพาะกับ AT&T ได้หมดอายุลง และเครือข่าย Verizon ได้เข้ามาร่วมกับ iPhone

    เป็นเวลาหลายปีที่ Apple เป็นกังวลกับคู่แข่งที่มีศักยภาพ RIM, Nokia, Walmart, Amazon, Dell, Microsoft และผู้ให้บริการเครือข่าย จะทำลายการครองตลาดของ iPod แต่เหตุการณ์กลับตลาปัตรทุกรายล้มเหลวในการแข่งขันกับ iPod ในขณะเดียวกัน iPhone สร้างอำนาจให้ Apple iPod เคยได้ผูกมัดลูกค้าไว้โดยเพลงต่างๆ บน iTune ตอนนี้มีบางอย่างที่คล้ายกันได้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ใช้ iPhone ชอบความสัมพันธ์ที่มีกับ app store ก่อนหน้านี้ผู้ใช้หลายคนได้ใช้เงิน 50-100 USD ในการซื้อ app ซึ่งหมายความว่าเขาเหล่านี้ต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวอีกถ้าเขาต้องการ app ที่เหมือนเดิมแต่บนเครื่องที่ใช้ระบบ Android หรือระบบอื่น แต่ Rubin และ Android ได้เล่มเกมส์ที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าที่ Apple เคยพบมา สำหรับ Rubin ศูนย์กลางไม่ได้มีไว้สำหรับคอมพิวเตอร์ laptop หรือ desktop แต่ faceless machines นับล้านๆ ใช้งาน 24 ชม 7 วัน บนเครือข่ายของ Google ที่ปัจจุบันเรารู้จักกันในชื่อ “cloud”

    Android ตอนนี้ทำงานซิ้งค์กับเมลล์ ระบบติดต่อและระบบปฏิทินแบบไร้สายที่เก็บไว้ที่ Google, Microsoft หรือ Yahoo หรือที่บริษัท เพลงและภาพยนต์สามารถดาวน์โหลดจาก Amazon, Spotify และ Pandora เสนอให้บริการแบบสมาชิกด้วยราคาค่าบริการแบบรายเดือนที่ไม่แพง นักพัฒนาของ Android กำลังจัดการให้มี app ที่วางขายให้มีเหมือนกับที่วางขายบน Apple app store รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมที่ใช้งานได้ง่ายที่จะ uploaded สิ่งต่างๆ ไปไว้บน Google หรือที่ไหนก็ตาม

    Job ได้กล่าวไว้ว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรที่คล้ายกันระหว่างการแข่งขันกับ Android และการแข่งขันกับ Bill Gates แต่ทุกคนคิดว่ามันเหมือนกัน Android และ iPhone คือสงครามของ platform อันเป็นสงครมที่ผู้ชนะจะได้ครอบครองทั้งหมดหรือมากกว่า 75% ของส่วนแบ่งตลาดซึ่งทำให้ผู้พ่ายแพ้ยากที่จะอยู่ในธุรกิจนี้

    ในสงครามระหว่าง Apple และ Microsoft ซึ่ง Microsoft ชนะเพราะมีการจัดจำหน่ายที่แพร่หลายกว่า มี app ที่รองรับมากกว่าซึ่งเป็นสิ่งโดนใจของลูกค้า เมื่อลุกค้าใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งสำหรับ app ที่ใช้งานได้บน platform แบบหนึ่งมันก็เป็นการยากที่จะให้เปลี่ยนใจไปใช้ platform รูปแบบอื่น ในที่สุดทุกผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เริ่มด้วยระบบ Microsoft DOS จากนั้นเปลี่ยนมาใช้ระบบ Window

    เป็นการวางยุทธศาสตร์ที่แม่นยำของ Android ปี 2010 ฐานะของ Android ยังห่างจากความมั่นคง การจัดการของ app store ย่ำแย่และนักพัฒนาที่ร่วมในระบบยากที่จะทำเงิน Apple มีเวลาก่อน 3 ปี มียอดขาย iPhone กว่า 60 ล้านเครื่อง มี app กว่า 200,000 apps และสร้างรายได้ให้นักพัฒนากว่า 1,000 ล้าน USD แต่เนื่องจากผู้ผลิตทุกรายสามารถผลิตโทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android ได้ จึงทำให้เกิดฐานรองรับที่มีขนาดใหญ่จนเทียบเท่ากับ iPhone ในปลายปี 2010 และเป็นเวลาก่อนที่ Google จะแก้ไขปัญหากับ app store สำเร็จ

    ที่น่าเป็นห่วงคือ Rubin สามารถที่จะโน้มน้าวให้ผู้ใช้งาน iPhone เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android ผู้ใช้งานโทรศัพท์ทั่วโลกจำนวนมหาศาลที่ได้เปลี่ยนโทรศัพท์จากแบบ cell มาเป็นแบบ smartphone ซึ่ง Rubin ได้มุ่งเน้นในลูกค้ากลุ่มนี้ในการขยายฐานลูกค้า ไม่ได้เน้นกับผู้ใช้ iPhone มาก มันเหมือนว่า Job จะพ่ายในสงครามเพราะถูกแย่งลูกค้าเดิมและลูกค้าจากระบบ cell ที่หันไปใช้โทรศัพท์ระบบ Android มากกว่า

    มีหลายเหตุผลที่เชื่อว่าศึกระหว่าง Apple กับ Google ไม่เหมือนกับศึกระหว่าง Apple กับ Microsoft ในปัจจุบันนักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมสำหรับทั้งสอง platform ได้ดีกว่าเมื่อปี 1980 และค่าปรับเปลี่ยนระหว่าง platform ถูกมาก ในอดีตราคาค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 3,000 USD และค่าโปรแกรมมากกว่า 50 USD ในปัจจุบันราคาถูกลงกว่า 10 เท่า โทรศัพท์เครื่องใหม่พร้อมระบบให้บริการราคา 200 USD และค่า app ไม่เกิน 3 USD/app บ่อยครั้งที่ฟรี เช่นกันผู้ให้บริการเครือข่ายได้เสนอสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจผู้ใช้ในหลากหลายรูปแบบ

    Job ครอบงำธุรกิจ music-player ด้วย iPod มันเป็นเช่นกันที่ในปี 2004Google เริ่มท้าทาย Microsoft โดยการเข้าครอบงำเทคโนโลยี่ชั้นสูงและผลักดัน Yahoo เข้าวงการ Google ยังคงเป็นระบบสืบค้นที่คงประสิทธิภาพสูงและให้ข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน internet และโฆษณาที่ปรากฏพร้อมข้อมูลที่สืบค้นเป็นการโฆษณาที่ได้ผล ไม่มีรายละเอียดว่า Microsoft และ Yahoo แข่งขันด้านราคาสำหรับโฆษณาและปรับปรุงระบบสืบค้นอย่างไรบ้าง แต่ Google มักมีข้อเสนอที่ดีกว่า

    eBay ทำเช่นเดียวกันกับบริษัทประมูลทางออน์ไลน์เกือบ 24 ราย เช่น OnSale และ uBid โดยอนุญาตให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถติดต่อการขายกันได้โดยไม่ยุ่งยากมันได้สร้างชุมชน self-policing เป็นเชื้อเพลิงที่ช่วยเพิ่มผู้เข้าประมูล ผู้เข้าประมูลที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ราคาประมูลมีความสมเหตุสมผล ราคาที่สมเหตุสมผลก็จะดึงดูดผู้ประมูลรายใหม่เข้ามาใช้ eBay จำนวนผู้เข้าประมูลที่เข้ามาใช้งานมากขึ้นก็จะลดจำนวนผู้ใช้งานของคู่แข่งขัน

    สังคม Facebook คือตัวอย่างล่าสุดที่ทรงพลังของ platform เศรษฐกิจ มันให้เทคโนโลยี่ที่เหนือกว่าและคุณลักษณะที่ดีกว่าคู่แข่งแบบ MySpace คุณลักษณะที่ดีกว่าทำให้เกิดประโยชน์มากกว่า ช่วยการแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ใช้ได้มากกว่า ในที่สุดเราก็สนุกกับการใช้ Facebook เพราะทุกคนต่างใช้ Facebook กัน

    สงคราม Mobile platform ยังคงเดินหน้า ระบบของ Google และ Apple ต้องสามารถอยู่ร่วมกันในระยะยาวและสร้างผลกำไรก้อนใหญ่รวมทั้งสร้างนวัตกรรมใหม่แก่ทั้งสอง มันเหมือนสงครามที่เกิดเมื่อ 30 – 40 ปีก่อน ที่ต้องการจะผูกขาดระหว่าง cable guy กับ phone guy Apple, Google, Amazon และ Microsoft ต่างพยายามที่จะสร้างเกราะและควบคุมการเข้าสู่เครือข่าย มันเป็นเรื่องที่มีมูลค่าสูงและเป็นเรื่องที่ทั้ง Apple หรือ Google จะสามารถจ่ายในความผิดพลาดได้

      บทที่ 7

    คำตอบของ Jobs สำรับกลยุทธ์ที่จะใช้กับ Google’s android คือการออกผลิตภัณฑ์iPad โดยเชื่อว่า คนที่ใช้ Iphone อยู่ จะต้องการ iPad และผลิตภัณฑ์จาก Apple อื่นๆด้วยเนื่องจาก ใช้ Software และ เชื่อมต่อกันด้วย Online store เดียวกัน

    ในงานเปิดตัว Ipad เมื่อ 27 มกราคม 2010 จุดประสงค์ของ Ipad คือ Tablet ที่รวมข้อดีของ Laptop และ smartphone เข้าด้วยกัน เนื่องจาก Netbook ในท้องตลาดไม่ได้ดีไปกว่า Laptop แค่ถูกกว่าเท่านั้น หลายฝ่ายคิดว่า Tablet ที่ Apple เปิดตัวนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากในอดีตหลายบริษัทเคยพยายามทำ Tablet ในรูปแบบต่างๆ เช่น GRidPad , Newton, Palmpilot แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงเป็นการเสี่ยงอย่างมากสำหรับ Jobs ในการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างiPad สู่ตลาด อันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของ Tablet อย่างแท้จริง เพราะ iPad สามารถทำได้เกือบทุกอย่างที่ Laptop ทำได้ โดยมีน้ำหนักที่เบากว่า แบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า และสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และง่ายต่อการใช้งานเนื่องจากใช้ Software ที่คล้าย Iphone นอกจากนี้ยังสามารถต่อกับ Keyboard ไร้สายได้ หากไม่ใช้ Virtual Keyboard โดยแนวคิดการสร้างiPad ของ Jobs คือ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ซื้อ laptop สำหรับงานการทำงานเอกสารหรือ presentation อีกต่อไป แต่จะซื้อ laptop มาใช้สำหรับการใช้ Email,Twitter,Linkedin,Facebook หรือเล่น internet เท่านั้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้สามารถใช้งานได้บน Iphone แต่เนื่องจากขนาดหน้าจอที่เล็กเกินไป จึงเลือกใช้งานบน Laptop ที่ขนาดใหญ่แต่ก้ยังมีข้อจำกัดด้านแบตเตอรี่ จึงทำอุปกรณ์ที่สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้งาน โดยเป็นส่วนผสมของทั้งสองอย่างคือ iPad

    โดย Jobs ได้แสดงความสามารถของ iPad เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจถึงความสามารถของมัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีหลังจากงานเปิดตัว แต่หลังจากนั้นก็มีเสียงวิจารณ์ออกมาอย่างกว้างขวาง เช่น ไม่มีกล้อง ไม่สามารถทำ multitasking ได้ เป็นต้น ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า iPad คือ iPhone ที่ขนาดใหญ่ขึ้นและยังมีความคิดที่ว่า Tablet ไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด แม้แต่ Wyld ซึ่งเป็นวิศวกรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำ iPad ยังคิดว่า iPad คงไม่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อเขาได้ลองใช้ เขาจึงคิดว่า iPad ตอบโจทย์การใช้งานและให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการใช้ Laptop

    การพัฒนา iPad เริ่มตั้งแต่ปี 2002 โดยพัฒนาระบบ multitouch แทนที่จะใช้ Stylus ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วใน iPhone และมีการพัฒนา application สำหรับ iPad เพื่อที่ผู้ใช้สามารถแก้ไขเอกสารได้ และพัฒนา iBook สำหรับการอ่าน e-book โดยใช้ Itunes เป็นช่องทางในการขาย

    หลังจากการวางขาย iPad ในช่วงต้นเดือน เมษายน 2010 เป็นที่ชัดเจนว่าผลตอบรับที่ไม่ดีในตอนแรกนั้น ไม่เป็นจริง เนื่องจากiPad สามารถขายได้ถึง 450,000 เครื่องในสัปดาห์แรก และ 1 ล้านเครื่องภายใน 1 เดือน โดยในปี 2011 iPad ได้ขึ้นอันดับ 1 สินค้าอีเล็คทรอนิคที่ขายดีที่สุดแทนที่ เครื่องเล่น DVD 

    ณรงค์ศักดิ์ เขียวรำภา

    สรุปวันที่ 29 เม.ย. 2557

    ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ.กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

    การบริหารความเสี่ยง

    • ต้องมีแผนบริหารความเสี่ยง(แผนการแก้ไขภาวะวิกฤต)และถ้าเกิดต้องดำเนินการตามแผนให้เร็วที่สุดเพื่อจำกัดความเสี่ยง
    • พร้อมกำหนดความถี่ในการซักซ้อมและซักซ้อมอย่างสม่ำเสมอ
    • ผู้นำต้องเข้าใจและติดตามอย่างใกล้ชิด

    เมื่อเกิดเหตุการณ์หรือภาวะวิกฤตต้องแจ้งให้ผู้บริหารรู้ทันทีอย่ามองเป็นเรื่องเล็กน้อย การสื่อสารคือหัวใจของการแก้ไขเพื่อบรรเทาวิกฤตโดยมีข้อห้าม 4 ประการ

    • ห้ามกล่าวโทษหน่วยงานอื่น
    • อย่าคาดเดาถ้าไม่ทราบข้อเท็จจริง
    • ห้ามปฏิเสธสื่อมวลชนในเรื่องความรับผิดชอบ
    • อย่าลำเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

    กระบวนการ CSR คือการตลาดเพื่อสังคมเป็นเครื่องมือที่สามารถลดภาวะวิกฤตได้เป็นอย่างดี

    ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ภาวะวิกฤตสามารถเกิดขึ้นได้ใน กฟผ.ตลอดเวลาและในอนาคตจะมีเพิ่มมากขึ้นเช่น

    • เกิดจากการเมือง
    • เกิดจากนโยบายภาครัฐทำให้สร้างโรงไฟฟ้ายากขึ้น,มีการตรึงค่า Ft
    • เกิดจากการเงิน
    • เกิดจากกฎหมายสิ่งแวดล้อม

    ทั้งหมดดังกล่าวควรสื่อสารให้สังคมรับรู้ก่อนสถารการณ์ก็จะดีขึ้น

    การแก้ภาวะวิกฤต กฟผ.ในอดีตช่วงที่มีการประท้วงเรื่อง Privatization 

    สาเหตุของการประท้วง : เป็นการขายสมบัติของชาติ,ผู้ปฏิบัติงานไม่มีความมั่นคงในอาชีพ,นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์จากการแปรรูป,ศักดิ์ศรีของผู้ปฏิบัติงานน้อยลง

    • จัดตั้งคณะทำงานฝ่ายบริหารร่วมกับ สพร.และตั้งคณะทำงานหาข้อเท็จจริงเพื่อ
    •       1 หาสาเหตุการประท้วงและเตรียมข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์
    •       2 ผู้บริหารระดับสูงสุดรับงาน Public relations ในช่วงนั้นเองเพื่อสื่อสารออกภายนอก
    •       3 สื่อสารให้ผู้ปฏิบัติงานภายในให้เข้าใจอย่างใกล้ชิด  
    •       4 หาทางออกร่วมกันเพื่อเสนอรัฐมนตรี

    สรุปการเรียนรู้วันที่29 เมษายน 2557

    (ช่วงเช้า)

    ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง”

    โดย. อดีต ผวก.สมบัติศานติจารี

    อดีต ผวก.ไกรศรีห์กรรณสูต

    ผวก.สมบัติ : เน้นเรื่องการแก้ไขภาวะวิกฤต ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่จะถูกจับตามอง โดยเฉพาะสื่อ ดังนั้นจึงต้องมีแผนการป้องกัน และแผนการระงับความเสี่ยง

    การสื่อสาร เป็นหัวใจของการแก้ไขภาวะวิกฤต รวมทั้งผู้นำต้องติดตามใกล้ชิด

    -ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น / คนอื่น

    -อย่าให้ความเห็นที่คาดเดา

    -ห้ามปฏิเสธหากสื่อมวลชนถาม ให้ตอบความจริง

    -ห้ามลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติกับสื่อ

    -ต้องมีศิลปะ หากผิดให้ยอมรับว่าผิด

    ** การตลาดเพื่อสังคม ถ้าทำดีก็จะมีคนช่วยเยอะ

    วิกฤตการณ์ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เกิดแล้วเกิดอีก.

    การฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพื่อดึง Trust ความภาคภูมิใจกลับคืนมาต้องรีบกระทำอย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน

    ผวก.ไกรศรีห์ : ให้ความเห็นว่าวิกฤตการเมืองในขณะนี้ หากบริหารไม่ดีอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมา เช่น การเตรียมการแปรรูป กฟผ. และการนำ กฟผ. เข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุน เป็นต้น

    การบริหารวิกฤตให้กลับสู่ภาวะปกติ (โดยการนำตัวอย่างสมัยท่านดำรงตำแหน่ง ผวก.มาอธิบาย)

    เช่น การควบคุมไม่ให้สถานการณ์ลุกลามใหญ่โต การสร้างความเชื่อมั่น / การปิดฉากภาวะวิกฤต

    การมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจ ครม.จะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบงบประมาณขยายการลงทุน รวมทั้งปัจจัยภายใน / ภายนอก ก็มีผลกระทบต่อการบริหารงาน ดังนั้นการเตรียมการหรือเตรียมแผนรองรับความเสี่ยง รวมทั้งการ share ความเสี่ยง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ

    (ช่วงบ่าย)

    “การแต่งกายสไตล์นักบริหารยุคใหม่”

    โดย อ.ณภัสวรรณจิลลานนท์

    ความเชื่อมั่นของคนที่ได้รับการยอมรับมาจาก :

    บุคลิกภายนอก 55 %น้ำเสียง 38 %เนื้อหาที่พูด 7%

    ดังนั้น ศิลปะการแต่งกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม รวมทั้งกิริยาท่วงท่าและอริยาบท เช่น การไหว้ที่ถูกต้อง มารยาทในการรับประทานอาหาร เป็นต้น ซึ่งอาจารย์ให้ฝึกภาคปฏิบัติประกอบการบรรยายตลอดเวลา.

    สรุปการเรียนรู้วันที่ 30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงาน การบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้

    ณ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    โดย นพ.จักรพงษ์ และ พญ.ใจทิพย์

    Management System : การมองของผู้บริหาร และการมองลูกค้า

    บริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ระบบ GMP, ISO9001, HACCP และ ISO/IEC 17025(การวิเคราะห์สารสำคัญในสมุนไพร) เป็นต้น

    บริษัทฯ มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัด รวมถึงการส่งพนักงานไปต่างประเทศ เพื่อเยี่ยมชมตลาดต่างประเทศ เพื่อนำความรู้และโอกาสที่ได้เห็นกลับมาพัฒนาองค์กรต่อไป

    บริษัทฯ มีการต่อยอดผลิตภัณฑ์ จากผลงานวิจัยไม่ต้องเสียเวลาเริ่มต้นใหม่ อุปกรณ์เครื่องจักรมีการตรวจสอบและสอบเทียบตามกำหนดเวลา

    บริษัทฯ ให้โอกาสพนักงานในการร่วมคิด และตัดสินใจ รวมถึงการดูแลสวัสดิการของพนักงานเสมือนคนในครอบครัว เป็นการสร้างวัฒนธรรมและความผูกพันกับองค์กรได้ทางหนึ่ง และเน้นที่ความซื่อสัตย์ของพนักงานเป็นสำคัญ

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับลูกค้าโดยการผลิตสินค้าคุณภาพ ราคายุติธรรม ไม่เอาเปรียบลูกค้าและผู้ขายสินค้า รวมถึงการวางแผนการขยายตลาดต่างประเทศ โดยการสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์

    จากนั้น ได้เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทอย่างเปิดเผยและเป็นกันเอง

    การบ้านพิเศษ 5

    จัดทำโดย กลุ่ม 5

    1.นายประวิทย์ เลิศโกวิทย์

    2.นายประเสริฐ อินทับ

    3.นางพรสวัสดิ์ จันทิม

    4.นายพิสณห์ จันทร์ศรี

    5.นายมนัส แสงเดช

    6.นายยงยุทธ ศรีชัย

    อ่านหนังสือ Dog Fight: How APPLE and GOOGLE Went to WAR and Started a REVOLUTION By Fred Vogeistein

    1.วิเคราะห์เรื่องนวัตกรรมทั้งสองบริษัท

         ในโลกของธุรกิจที่ในตลาดมีคู่แข่งขันที่แข็งแรงอยู่มาก เช่น Apple Google Microsoft ฯลฯ สิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมายก็คือ การแข่งขันอย่างดุเดือดเข้มข้น มีการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรมที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการของลูกค้าไม่มีที่สิ้นสุดนอกจากเพื่อความอยู่รอดแล้ว ยังต้องการช่วงชิงความเป็นที่หนึ่งอีกด้วย

         จากหนังสือพบว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เริ่มจาก Mainframe ->PC ->Internet ->Tablet/Smart Phone ->Search Engine

         1)เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นได้เปลี่ยนโฉมและวิถีชีวิตของคนในสังคม ซึ่งเกิดจากฝีมือการบริหารและทีมงาน ในส่วนของ Apple ความสำเร็จที่โดดเด่นมาจากฝีมือการบริหารและการมีภาวะผู้นำทาง Jobs แต่เขาประมาทมองข้ามบางอย่างไปจึงพลาด ดังกรณีที่ผู้บริหารและวิศวกรหลายคนได้เคยออกมาเตือนเขาถึงความมุ่งมั่นของ Google เรื่อง Android แต่เขาไม่ให้ความใส่ใจ

         2)นวัตกรรมบางครั้งต้องรอเวลาที่เหมาะสม ดังกรณีที่ Rubin และทีมงานเป็นกลุ่มแรกที่ได้พัฒนา Smart Phone ที่ใช้ Android ซึ่งสามารถใช้ Internet ได้บนโทรศัพท์มือถือและดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้ได้เพียงแต่พวกเขามาเร็วเกินไปที่จะมีคนยอมรับในตอนนั้นในแง่เงินลงทุนและ Hardware รวมทั้งค่ายโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ความสามารถของ Android ไม่ได้ต่างจาก IOS ของ iPhone เลย     

         3)ในพรมแดนเดียวกัน นวัตกรรมอาจถูกสร้างขึ้นได้เหมือนกันจึงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดหากมีใครได้สิทธิ์ไปเพราะไปจดสิทธิบัตรก่อน เช่น คุณสมบัติปลดล๊อค การใช้นิ้วขยายเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้นและใช้นิ้วบีบเข้าเพื่อให้เล็กลงของ iPhone

         4)การดำเนินธุรกิจนอกจากความสามารถและความเก่งในการสร้างนวัตกรรมแล้ว ยังต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ควบคู่ไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะมีเรื่องขัดแย้ง กล่าวโทษ ต้องเผชิญกับการฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ และเรื่องการผูกขาด เช่น Yahoo ฟ้องร้อง Google เรื่องการขโมย Ad Words อันเป็นแนวคิดในการ Search โฆษณาที่ทรงพลังของธุรกิจ Google หรือ Jobs กล่าวหา Google ว่า Android ได้ลอกมาจาก Apple

         5)นวัตกรรมบางอย่างต้องพึ่งพานวัตกรรมของคนอื่น เช่น Apple ต้องการ Google Search, Map และ YouTube ถ้าจะขาย iPhone ตราบใดที่ยังไม่มีโทรศัพท์ Android ออกขาย iPhone ก็เป็นโทรศัพท์ชนิดเดียวที่สามารถใช้ Software ของ Google ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแม้ Google กับ Apple ไม่ใช่พันธมิตรกันอีกต่อไป แต่ทั้งสองบริษัทก็ยังต้องอาศัยพึ่งพากันและกันต่อไป

         6)การสร้างนวัตกรรมอาจเกิดจากการมีพันธมิตร ดังเช่น Gundotra มาเป็นพันธมิตรกับ Google เขาทำทั้งแอปพื้นฐานที่ใช้ Google บน iPhone อย่าง Search, Map, YouTube และพัฒนา Google Voice ที่เป็นเหมือนกับ Skype ซึ่งต่อมาทำให้ Google เป็นศูนย์กลางของโลก ทำให้ขายโฆษณาได้มากขึ้น เป็นแอปที่ทรงพลังมาก ใช้ได้ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมลล์ในการติดต่อ Google จะให้หมายเลขโทรศัพท์มาหนึ่งหมายเลข เพียงแค่ลิงค์เข้ากับหมายเลขโทรศัพท์ที่เรามี เวลาคนโทรเข้าเบอร์ Google Voice มันจะโอนไปยังโทรศัพท์ของเราอัตโนมัติฯ

         7)ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในโลกธุรกิจ Apple และ Google เคยจับมือกันปกป้องโลกจาก Microsoft แต่เมื่อมี Google Voice ทั้งสองบริษัทหันมาห้ำหั่นกันเองรุนแรงยิ่งกว่า และการเกิด iPhone ช่วยสร้างจุดเปลี่ยนแปลงให้กับผู้ผลิตรายอื่น ๆ หันมาต่อสู้กับ Apple ในขณะที่ Verizon เคยเกลียด Google มากแต่มีความจำเป็นต้องใช้ Google มากกว่าต้องเกลียด

         8)การไม่หยุดคิดค้นพัฒนาในที่สุดก็จะทำให้นวัตกรรมนั้นประสบผลสำเร็จ อย่างเช่น Android ในปี 2010 ทีมวิศวกรปรับปรุงและพัฒนา Android ถึงสามเรื่อง ทำให้ปลายปี 2010 ได้สิ่งใหม่ ๆ เช่น Droid และได้ความร่วมมือกับ HTC EVO 4G และ Samsung Galaxy S ทำให้มีโทรศัพท์มือถือกว่า 200 แบบ ใน 50 ประเทศที่เลือกใช้ระบบ Android

         9)ประโยชน์ของการต่อสู้แข่งขันกันของ Google และ Apple ทำให้เกิดนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตทำให้ชีวิตดีขึ้น ตัวอย่าง เช่น ชมิทได้กล่าวสุนทรพจน์ที่เยอรมันว่า “เขารู้สึกประหลาดใจว่า ไม่เพียงโทรศัพท์มือถือที่ได้เปลี่ยนเทคโนโลยีไปอย่างมากเท่านั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ก้าวล้ำสำคัญที่สุดในยุคนี้ด้วย ทำให้พูดกับมันด้วยภาษาอังกฤษและมันสื่อไปยังคนที่ท่านต้องการติดต่อด้วยภาษาท้องถิ่นของเขาได้ ท่านจะไม่หลงทางจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน และมีเพื่อนร่วมทางหากท่านอนุญาต เมื่อท่านท่องเที่ยวจะไม่เปล่าเปลี่ยวจะมีใครบางคนพูดคุยและส่งรูปให้จะมีความคิดดี ๆ เพราะข้อมูลทุกอย่างบนโลกอยู่แค่ปลายนิ้วท่าน ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้”

         10)ในอดีตผู้ผลิตจะผลิตตามความต้องการของผู้ให้บริการมากกว่าตามความต้องการของลูกค้า แต่เพื่อแข่งขันกับ iPhone ปัจจุบันเป็นการผลิตในแบบที่ลูกค้าต้องการ

         11)ใน USA ปี 2010 AT&T เป็นผู้ให้บริการมีโทรศัพท์ใช้ระบบ Android ที่เตะตาน่าใช้เหมือน iPhone และยังมีบางอย่างที่เหนือกว่า มันสามารถเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ ขยายหน่วยความจำและสามารถใช้โปรแกรมได้หลากหลาย โทรศัพท์ Android มีหน้าจอที่ใหญ่กว่า สามารถใช้หลายโปรแกรมพร้อม ๆ กัน ในขณะที่ iPhone ทำไม่ได้ ผู้พัฒนาโปรแกรมทุกคนสามารถวางโปรแกรมของเขาบน Android App Store โดยไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งแตกต่างกับ App Store ของ Apple โทรศัพท์ Android มีคุณสมบัติดูหนัง ฟังเพลงบน Internet ที่ดีกว่า เพราะโปรแกรม Adobe Flash ในขณะที่ iPhone มีปัญหาเรื่องความเร็วของ Internet และปัญหาสายหลุดมาก

         12)สงคราม Mobile platform ยังคงเดินหน้าระบบของ Google และ Apple ต้องสามารถอยู่ร่วมกันในระยะยาว และสร้างผลกำไรก้อนใหญ่ รวมทั้งสร้างนวัตกรรมใหม่แก่ทั้งสองบริษัท

         13)iPad เป็นนวัตกรรมของ Apple เป็น Tablet ที่รวมข้อดีของ Laptop และ Smart Phone เข้าด้วยกันโดย iPad สามารถทำได้เกือบทุกอย่างที่ Laptop ทำได้ โดยมีน้ำหนักที่เบากว่า แบตเตอร์รี่ที่ยาวนานกว่า สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้และง่ายต่อการใช้งาน เนื่องจากใช้ Software ที่คล้าย iPhone รวมทั้งต่อกับ Keyboard ไร้สายได้ โดยในปี 2011 iPad มียอดขายเป็นอับดับ 1 สินค้าอิเล็กทรอนิคที่ขายดีที่สุดแทนที่เครื่องเล่น DVD

         14)การต่อสู้กันทางด้านนวัตกรรมของ Google และ Apple เป็นการปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือ และมีผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่น้อย ได้แก่ ผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ มียอดขายโฆษณาและยอดขายลดลงในรอบ 20 ปี บริษัทผู้จัดจำหน่ายหนังสือต้องลดราคาหนังสือลงมากกว่าปกติ บริษัทภาพยนต์ได้รับความเสียหายจากธุรกิจ DVD หันไปฉายหนังบน Facebook และ Twitter แทน วงการโทรทัศน์ถูกแย่งลูกค้าโดย Netflix และ YouTube สำหรับผู้ที่ได้โอกาสทำรายได้คือผู้เล่นหน้าใหม่

         15)การแข่งขันกันของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ ทำให้ทั้งสองบริษัทแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Apple อาจจะไม่ผลิต App Store ออกมา ถ้า Google ไม่ได้เริ่มขึ้นมาก่อน โทรศัพท์ Android และ Software อาจจะยังคงรูปแบบโบราณ Google สร้าง Software ออกมามากมาย เช่น Google Now, Spotify, Google Plus ในขณะที่หลังจาก Jobs จากไปก็ไม่เห็นนวัตกรรมของ Apple ออกมา ซึ่งหวังว่าแม้ไม่มี Jobs แต่ทีมงานของ Apple จะสามารถสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีให้มีนวัตกรรมออกมาสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชาวโลกได้อีก อาจจะเป็นการพัฒนา App ต่าง ๆ ให้ล้ำสมัยและเป็นประโยชน์ได้อีกมากมายอย่างที่เคยทำและอาจเหนือกว่า Google ก็ได้ เราได้แต่เฝ้าคอยติดตามต่อไป

          อย่างไรก็ตามขอขอบคุณ Google และ Apple ที่ทำให้เกิดนวัตกรรมดี ๆ ขึ้นในโลกนี้ ทำให้มนุษยชาติมีชีวิตจริงได้เหมือนใน นวนิยายวิทยาศาสตร์ สร้างความสะดวก สบาย ความสุข รวมทั้งเกิดประโยชน์มากมาย จากสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากในอนาคตการแข่งขันมีการเปลี่ยนรูปแบบไปจากการเผชิญหน้าห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มาเป็นการเป็นพันธมิตรกัน รวมถึงทุกค่าย ก็อาจเกิดการเสริมสร้าง สอดประสานศักยภาพและสิ่งดี ๆ ของทุกค่าย ให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สะท้านโลกยิ่งกว่าเคยมีในอดีต ลดค่าใช้จ่ายและเวลา เปลี่ยนสังคมโลกธุรกิจให้มีบรรยากาศแห่งมิตรภาพ

    2.วิเคราะห์พลังงานในอนาคต ว่า กฟผ. จะเอาเทคโนโลยีมาผลิต และประหยัดพลังงานอย่างไร

         ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) 2010 (ปี 2553-2573) แสดงความต้องการพลังไฟฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆอีกหลายเท่าตัวจากปัจจุบัน อีกทั้งการเป็นประชาคมอาเซียน (AEC) ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการลงทุนให้แก่ประเทศในภูมิภาคนี้ ทำให้ กฟผ. มีผลกระทบโดยตรงในการผลิตและจัดหาพลังงานไฟฟ้ามาให้เพียงพอเหมาะสมกับความต้องการดังกล่าว เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางสังคม และเศรษฐกิจ

         ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติถึงร้อยละ 71 ดังนั้นเพื่อรักษาดุลยภาพของปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ PDP 2010 จึงได้กำหนดให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

         นอกจากนี้ กฟผ. ยังต้องสนองนโยบายของภาครัฐในการนำพลังงานหมุนเวียนมาผลิตไฟฟ้าตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก ในอนาคตสัดส่วนพลังงานไฟฟ้าแยกตามประเภทเชื้อเพลิงในแผน PDP 2010 เป็นร้อยละดังนี้

       แหล่งเชื้อเพลิง ปี 2553 ปี 2558 ปี 2564 ปี 2573

    1.พลังงานหมุนเวียน    1         6         6         6

    2.ก๊าซธรรมชาติ        71       62       49        39

    3.พลังน้ำ                   4         3         3         2

    4.รับซื้อไฟฟ้าต่างประเทศ 5      8       16       19

    5.ถ่านหิน                  10       12        13       21

    6.ลิกไนต์                    9         9         7         2

    7.พลังงานนิวเคลียร์       -          -          6       11

                                 100      100      100      100

         จากข้อมูลสัดส่วนพลังงานไฟฟ้า แยกตามประเภทและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงแต่ละประเภทข้างต้น พบว่าในอนาคต กฟผ. ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังงานทดแทน และลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลง ดังนั้นต้องสนับสนุนให้มีโครงการวิจัยและพัฒนาเป็นหลัก โดยให้ทุนแก่ทั้งหน่วยงานภายใน และภายนอกกฟผ. ได้แก่ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัด ทั้งนี้ปัจจุบันเริ่มมีแนวทางพัฒนาเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว ดังนี้

         1)โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ จะเลือกใช้ถ่านหินนำเข้าคุณภาพดีควบคู่กับเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ดีกว่าค่ามาตรฐานที่กฏหมายกำหนด ซึ่งโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดโรงแรกมีพื้นที่เป้าหมายอยู่ใน จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินราคาถูกกว่าการใช้ LNG มากกว่า 1 บาทต่อหน่วย โดยทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าปลอดภัย จะไม่เกิดปัญหามลภาวะเช่นอดีต อีกทั้งคุณภาพชีวิตของชุมชนจะดีขึ้น มีกองทุนดูแลประชาชนในพื้นที่รอบๆโรงไฟฟ้า

         2)โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ไม่ใช่ของใหม่ปัจจุบันมีในหลายประเทศทั่วโลก เพราะมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่ำและไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งใช้เป็นตัวแปรในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยต้องมีกลยุทธที่เฉียบคม ในการให้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารที่ครบถ้วนถูกต้อง เข้าใจง่าย อาจมีการพาผู้นำชุมชน NGO เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องไปดูงานต่างประเทศเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เห็นประโยชน์ และมั่นใจในความปลอดภัยในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย และไม่คัดค้านต่อต้าน สนับสนุนให้ กฟผ. ผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนี้ต้องศึกษาหาข้อมูลเทคโนโลยีที่สะอาด และปลอดภัยที่ต่างประเทศมีใช้ให้มั่นใจก่อนตัดสินใจนำมาใช้ในประเทศไทย เช่น รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนร่วมมือกับฝรั่งเศส ในการพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ชนิด Fast-breeder ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์รุ่นใหม่ที่สามารถลดกากกับมันตรังสีได้ ในปัจจุบันฝรั่งเศสอยู่ในระหว่างพัฒนาเตาปฏิกรณ์ Fast-breeder ต้นแบบ ASTRID ซึ่งคาดว่าสามารถเดินเครื่องได้ภายในปี 2025

         3) กฟผ. เดินหน้าพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ทั้งทดลองใช้ คิดค้น พัฒนาต่อไปให้มีประสิทธิภาพราคาถูกลงเรื่อย ๆ เช่น

              3.1) การทำวิจัยโครงการพัฒนากังหันลมชนิดแกนนอน สำหรับความเร็วลมต่ำในประเทศไทยและโครงการพัฒนาต้นแบบโรงไฟฟ้าแก๊สชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์

              3.2) จ้างติดตั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ออกแบบพัฒนาเทคโนโลยีให้ใช้เซลล์แสงอาทิตย์ 4 ชนิด มาติดตั้งใช้งาน

                   3.2.1) เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลัก ซิลิคอน (c-Si) ใช้การติดตั้งพร้อมระบบติดตามดวงอาทิตย์แบบถาวงน้ำหนัก (Solar Weight Tracking System) ที่ใช้น้ำเป็นตัวกลาง ซึ่งพัฒนาโดย กฟผ.

                   3.2.2) เซลล์แสงอาทิตย์ชนิด อะมอร์ฟัสซิลิคอน (a-Si) ใช้การติดตั้งแบบคงที่

                   3.2.3) เซลล์แสงอาทิตย์ชนิด ไมโครคริสตอลไลน์ เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดสารประกอบของ คอปเปอร์อินเดียมไดเซเลไนด์ ใช้การติดตั้งแบบคงที่โดย กฟผ.

         รณรงค์ให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกในคุณค่าของพลังงาน และร่วมมือกันใช้พลังงานอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพ เช่น โครงการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่าง LED (Light Emitting Diode) อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับบริษัททั้งในและต่างประเทศ จัดงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อให้มีการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุด และนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ LED จากผู้ประกอบการ

         ให้การสนับสนุนจัดการประกวดสิ่งประดิษฐ์จาก ผลิตภัณฑ์ LED สนับสนุนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ LED ขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าร่วมแสดงงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของตลาดผลิตภัณฑ์ LED ในประเทศไทยมากขึ้นและขยายไปสู่สากล

           การเตรียมการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านพลังงานในอนาคตของ กฟผ. ตามแผน PDP ดังกล่าวข้างต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว และจะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ต้องอาศัยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง สนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี คิดค้น เทคนิควิธีการ รูปแบบกระบวนการทำงานใหม่ ๆ ให้มีความมุ่งมั่น และร่วมมือกันทั้งองค์กร รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรก็จะสามารถทำให้เกิดนวัตกรรมทางด้านพลังงานขึ้นได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายให้ กฟผ.สามารถเติบโต และดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงตลอดไป

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    ประสบการณืของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

    เป็นการพูดคุยให้ทราบถึงสภาวะช่วงเวลาต่างๆของอดีต 2ผู้ว่าการฯ คือ ผู้ว่าไกรสีห์ กรรณสูต และผู้ว่าสมบัตร ศานติจารี ซึงเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะในยุคของผู้ว่าไกรสีห์ ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพนักงานต่อผูบริหารเป็นอย่างมาก ดังนันการเข้ามาเป็นผู้ว่าการในช่วงดังกลาวจะต้องมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ดปร่งใสในการทำงาน การสร้างความเชื่อมั่นต่อพนักงาน ทำให้เกิดความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อนำพาองค์กรต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบข้อสงสัยของประชาชนได้ชัดเจนตรงไปตรงมาส่วนในช่วงเวลาของผู้ว่าการสมบัติสภาวะการณืต่างๆค่อนข้างจะนิ่งแล้ว แต่ข้อคิดที่ทั้งสองท่านได้ให้ไว้สำหรับเผชิญสภาวะวิกฟตต่างๆคือ ความชัดเจนตรงไปตรงมา ความถูกต้องเป็นธรรม การมีเครือข่าย การช่วยเหลือกันในการทำงานทำให้องค์กรดียิ่งขึ้น

    บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    เป็นการแนะนำ ให้ผู้บริหารมองภาพของตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ การทำให้ตัวเองดูดีมีมาดไม่ว่าการทักทาย การแต่งตัว การเข้าสังคม การวางตัวบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มองดูเหมือนยากแต่ถ้าหากใส่ใจก็ไม่ยากเลย

    30 เมษายน 2557

    การศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีนฯ

    เป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนิการผลิต ผลิตภัณท์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ถือปรัชญาในการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาเนื่องจากผลิตภัณท์ของบริษัทจะสัผัสกับลูกค้าโดยตรง มีการดูแลพนักงานอย่างดี มีความเป็นพี่น้อง มีการขยายการผลิตไปยังต่างประเทศได้รับมุมมองต่างๆที่หลากหลายในการเข้ามาเยี่ยมชมดูงานที่นี่

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    ประสบการณืของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

    เป็นการพูดคุยให้ทราบถึงสภาวะช่วงเวลาต่างๆของอดีต 2ผู้ว่าการฯ คือ ผู้ว่าไกรสีห์ กรรณสูต และผู้ว่าสมบัตร ศานติจารี ซึงเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะในยุคของผู้ว่าไกรสีห์ ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพนักงานต่อผูบริหารเป็นอย่างมาก ดังนันการเข้ามาเป็นผู้ว่าการในช่วงดังกลาวจะต้องมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ดปร่งใสในการทำงาน การสร้างความเชื่อมั่นต่อพนักงาน ทำให้เกิดความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อนำพาองค์กรต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบข้อสงสัยของประชาชนได้ชัดเจนตรงไปตรงมาส่วนในช่วงเวลาของผู้ว่าการสมบัติสภาวะการณืต่างๆค่อนข้างจะนิ่งแล้ว แต่ข้อคิดที่ทั้งสองท่านได้ให้ไว้สำหรับเผชิญสภาวะวิกฟตต่างๆคือ ความชัดเจนตรงไปตรงมา ความถูกต้องเป็นธรรม การมีเครือข่าย การช่วยเหลือกันในการทำงานทำให้องค์กรดียิ่งขึ้น

    บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    เป็นการแนะนำ ให้ผู้บริหารมองภาพของตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ การทำให้ตัวเองดูดีมีมาดไม่ว่าการทักทาย การแต่งตัว การเข้าสังคม การวางตัวบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มองดูเหมือนยากแต่ถ้าหากใส่ใจก็ไม่ยากเลย

    30 เมษายน 2557

    การศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีนฯ

    เป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนิการผลิต ผลิตภัณท์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ถือปรัชญาในการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาเนื่องจากผลิตภัณท์ของบริษัทจะสัผัสกับลูกค้าโดยตรง มีการดูแลพนักงานอย่างดี มีความเป็นพี่น้อง มีการขยายการผลิตไปยังต่างประเทศได้รับมุมมองต่างๆที่หลากหลายในการเข้ามาเยี่ยมชมดูงานที่นี่

    นายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤตและความเสี่ยง

    -ได้เรียนรู้ประวัติและแนวคิดของผู้นำ กฟผ.ในอดีตว่ามีการแก้ไขและบริหารวิกฤตและความเสี่ยงได้อย่างไร 

    -ผู้นำต้องมีความพร้อมและความสามารถในการจัดการการ ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

    -ถ้าผู้นำ กฟผ. มีแผนในการแก้ไขภาวะวิกฤติขององค์กรอยู่แล้ว ต้องสื่อสารให้ระดับล่างได้ทราบด้วยทุกระดับชั้นและต้องมีการฝึกซ้อมแผนสม่ำเสมอ ผู้ปฏิบัติงานใหม่ต้องทราบและเข้าอบรมซักซ้อมแผนด้วย

    -

    -สิ่งสำคัญในการจัดการภาวะวิกฤติ

    1. การสื่อสาร ผู้นำ กฟผ. ต้องมีความสามารถที่จะสื่อสารได้ดีเพื่อที่จะแก้ไขวิกฤตและความเสี่ยงต่างๆได้
    2. มีการตลาดเพื่อสังคม (CSR) โดยสร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้านและองค์กรอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจ กฟผ
    3. เมื่อเกิดวิกฤต ต้องมอบหมายผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้และทักษะ ช่วยแก้ไขและจำกัดความเสียหายหรือความผิดพลาดให้น้อยที่สุด

    -สิ่งที่ห้ามในการสื่อสาร

    1. ห้ามกล่าวโทษองค์กรอื่น 
    2. ห้ามปฏิเสธคำถามสื่อ ต้องตอบทุกสื่อ
    3. ห้ามเลือกปฏิบัติกับสื่อ
    นายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    ภาคบ่าย บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    ผู้บริหารยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญการดูแลบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดีอยู่เสมอ ต้องดูแลเรื่องสไตล์การแต่งตัว เครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย อริยบท มีอารมณ์และสุขภาพจิตที่ดี พูดจาสุภาพ มีกาลเทศะ เพื่อให้เกิดความประทับใจต่อผู้พบเห็น ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อตนเองและองค์กรมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้บริหารยุคใหม่จึงไม่ควรปล่อยปะละเลยด้านนี้อย่างเด็ดขาด ตัวอย่างจากการไปฟังบรรยายมาอาทิเช่น

    -First Impression ต้องสร้างความประทับใจแรกพบ

    ภาพลักษณ์55% ดูจากเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ ภายนอกที่ตาเห็น

    น้ำเสียง38% ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล ฟังแล้วเสนาะหู

    คำพูด7% ใช้คำพูดสุภาพ ถูกกาละเทศะ

    -มารยาททางธุรกิจ

    บัตรเชิญ ต้องสะกดชื่อผู้รับให้ถูก

    การแลกนามบัตร ต้องหันด้านที่ผู้รับอ่านได้ ควรมีซองใส่นามบัตร

    การขึ้นบันได ผู้อาวุโสขึ้นก่อน

    การจับมือทักทาย คนที่เป็นคนยื่นมือก่อนต้องเป็นคนปล่อยมือก่อนกรณีประชุม ก่อนประชุม ต้องจับมือทักทายและแนะนำตัวทั้งโต๊ะเพื่อทำความรู้จัก ห้ามมาสายและนั่งตามลำดับที่จะไว้

    นายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์

    วันที่ 30 เมษายน 2557

    การศึกษาดูงาน บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลด์แคร์ จำกัด

    -ได้ทราบเกี่ยวกับประวัติตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง แนวคิดของผู้บริหารและการขยายแผนงานของบริษัทกิฟฟารีน

    -เป็นบริษัทที่มียอดขายหลายพันล้านบาทต่อปี เป็นหนึ่งในบริษัทขายตรง(MLM)ที่มียอดการขายสูงสุดในไทย

    -บริษัทกีฟฟารีนขยายตัวไปในตลาดต่างประเทศได้แก่ พม่า ลาว เวียตนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียแต่ไปไม่ถึงยุโรปเพราะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสินค้าขายตรง สำหรับสินค้าที่ส่งไปต่างประเทศ จะพัฒนาให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่

    -โรงงานของ บริษัท กิฟฟาริน ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ออกแบบด้วยระบบ GMP ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านคุณภาพ และการจัดการสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัยของอาหารในระดับสากล โรงงานประกอบด้วย

    1.โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ตามมาตรฐาน ISO 9001:2000 ควบคุมโดยคณะแพทย์ เภสัชกร มีการค้นคว้าวิจัยร่วมกับ บริษัท DSM (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล

    2.โรงงานผลิตอาหารและยา ใช้มาตรฐาน GMP,HACCP, HALAL

    3.ห้องปฏิบัติการกลาง (Central Lab) ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อตรวจสอบคุณภาพทางเคมี และทางจุลชีววิทยา รวมทั้งการวิเคราะห์คุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมและน้ำเสียในระดับสากล

    -ผลิตภัณฑ์ของบริษัท กิฟฟารีนที่ได้พบเห็นในตอนดูงานมีมากมาย เช่น อาหารเสริม อาหารเม็ด อาหารเพื่อสุขภาพ สบู่เหลว ยาสระผม แปรงสีฟัน เครื่องสำอาง

    -ดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัวเพื่อให้พนักงานมีความรู้สึกรักและผูกพันธ์ต่อองค์กร เช่น ยังคงจ่ายเงินเดือนพนักงานเมื่อครั้งเกิดวิกฤตน้ำท่วมกทม.เมื่อปลายปี54แม้จะไม่ได้ทำงานเพราะบริษัทเข้าใจถึงความยากลำบากของพนักงาน

    -บริษัทจะเน้นด้านคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์และถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พนักงานที่ไม่ซื่อสัตย์จะสร้างความเสียหายให้บริษัทมากกว่าพนักงานที่ไม่เก่ง

    การบ้านคุณวรพจน์

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    เป็นการพูดคุยให้ทราบถึงสภาวะช่วงเวลาต่างๆของอดีต 2ผู้ว่าการฯ คือ ผู้ว่าไกรสีห์ กรรณสูต และผู้ว่าสมบัตร ศานติจารี ซึงเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะในยุคของผู้ว่าไกรสีห์ ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพนักงานต่อผูบริหารเป็นอย่างมาก ดังนันการเข้ามาเป็นผู้ว่าการในช่วงดังกลาวจะต้องมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ดปร่งใสในการทำงาน การสร้างความเชื่อมั่นต่อพนักงาน ทำให้เกิดความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อนำพาองค์กรต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบข้อสงสัยของประชาชนได้ชัดเจนตรงไปตรงมา ส่วนในช่วงเวลาของผู้ว่าการสมบัติสภาวะการณืต่างๆค่อนข้างจะนิ่งแล้ว แต่ข้อคิดที่ทั้งสองท่านได้ให้ไว้สำหรับเผชิญสภาวะวิกฟตต่างๆคือ ความชัดเจนตรงไปตรงมา ความถูกต้องเป็นธรรม การมีเครือข่าย การช่วยเหลือกันในการทำงานทำให้องค์กรดียิ่งขึ้น

    บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    เป็นการแนะนำ ให้ผู้บริหารมองภาพของตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ การทำให้ตัวเองดูดีมีมาดไม่ว่าการทักทาย การแต่งตัว การเข้าสังคม การวางตัวบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก มองดูเหมือนยากแต่ถ้าหากใส่ใจก็ไม่ยากเลย

    30 เมษายน 2557

    การศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ บริษัท กิฟฟารีนฯ

    เป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนิการผลิต ผลิตภัณท์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ถือปรัชญาในการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาเนื่องจากผลิตภัณท์ของบริษัทจะสัผัสกับลูกค้าโดยตรง มีการดูแลพนักงานอย่างดี มีความเป็นพี่น้อง มีการขยายการผลิตไปยังต่างประเทศได้รับมุมมองต่างๆที่หลากหลายในการเข้ามาเยี่ยมชมดูงานที่นี่

    การบ้านคุณสมพลอยู่ในลิ้งค์ข้างล่างนี้

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/290/original_sompol102571.jpg?1402296048

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/291/original_sompol102572.jpg?1402296098

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/293/original_sompol112571NetworkingCapital.jpg?1402296146

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/295/original_sompol112572HRfornonHR.jpg?1402296241

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/296/original_sompol122571ArtandFeelingPresentation.jpg?1402296282

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/297/original_sompol122572SocialInnovation.jpg?1402296320

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/304/original_sompol13257.jpg?1402296613

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/298/original_sompol183571.jpg?1402296376

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/299/original_sompol183572%C2%87.jpg?1402296406

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/300/original_sompol193571.jpg?1402296443

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/301/original_sompol193572TQandSEPA.jpg?1402296475

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/303/original_sompol193573%C2%87.jpg?1402296577

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/305/original_sompol20357Whiteocean.jpg?1402296653

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/306/original_sompol213571.jpg?1402296685

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/307/original_sompol213572mindmap.jpg?1402296723

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/308/original_sompol294571.jpg?1402296761

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/309/original_sompol294572.jpg?1402296789

    http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/025/310/original_sompol30457.jpg?1402296824

    การบ้านพิเศษ 10

    อ่านหนังสือ Angela Merkel : A Chancellorship Forged in Crisis Hardcover by Alan Crawford and Tony Czuczka

    จัดทำโดยกลุ่ม 5

    1. นายประวิทย์ เลิศโกวิทย์

    2. นายประเสริฐ อินทับ

    3. นางพรสวัสดิ์ จันทิม

    4. นายพิสณห์ จันทร์ศรี

    5. นายมนัส แสงเดช

    6. นายยงยุทธ ศรีชัย

        การเป็นผู้นำหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลกเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องเป็นคนที่โดนเด่นและมีความสามารถจริง ๆ ซึ่งไม่อาจกำหนดรูปแบบหรือคุณลักษณะที่ตายตัวได้ ที่ผ่านมาผู้นำของโลกมีทั้งชายและหญิงมีบุคลิกภาพ ความสามารถ ลักษณะนิสัย ภูมิหลัง ฯลฯ ที่แตกต่างกันไป ในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงระดับโลกที่เป็นผู้หญิงมีหลายคน ได้แก่ มาร์กาเร็ต แทชเชอร์, ฮิลลารี คลินตัน, อองซาน ซูจี รวมทั้ง Angela Merkel ด้วย

       จากหนังสือ Angela Merkel เป็นนายกรัฐมนตรี หญิงคนแรกของเยอรมนี เป็นผู้นำคนแรกที่มาจากเยอรมนีตะวันออก และเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเป็นหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ด้วยบุคลิกภาพภายนอก ที่ดูเรียบง่าย ติดดิน พูดน้อย เยือกเย็น ไม่โอ้อวด สุภาพและตรงประเด็น เป็นนักฟังที่ดี เธอมาจากครอบครัวที่พ่อเป็นนักบวชศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์และแม่เป็นครู Merkel จบดอกเตอร์ด้านฟิสิกส์ที่เยอรมนีตะวันออก และย้ายมาอาศัยที่เยอรมนีตะวันตก หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย เริ่มเข้าสู่การเมืองในพรรค CDU จนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2000

       ผลงานที่ผ่านมา เคยต่อกรกับผู้นำโลกอย่างประธานาธิบดีบุช ปูติน และชาร์โกซี่ได้อย่างเสมอภาค สามารถโน้มน้าวให้กลุ่มประเทศ G8 เห็นพ้องต้องกันที่จะลดปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในระดับที่น่าพอใจ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาได้ โดยอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 3% ตัวเลขการส่งออกของเยอรมนีสูงที่สุดในโลก รวมทั้งตัวเลขคนว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี โดยมีเคล็ดลับความสำเร็จ คือ การไม่เร่งรีบหาข้อสรุป มองปัญหาอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะตรวจสอบว่ามันจะมีกับดักอยู่ที่ไหนบ้าง

       ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย วิกฤตินี้เริ่มที่กรีซแล้วลุกลามไปทั่วยุโรป ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยในกลุ่มประเทศ euro zone (กลุ่มประเทศยุโรป 17 ประเทศ ที่ตกลงใช้เงินสกุลยูโร) ดิ่งลึก และเงินยูโรกำลังจะล่มสลาย สหภาพยุโรป(European Union) เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังตกเข้าสู่วังวนแห่งการล่มสลายของธนาคาร การผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาล ความเสี่ยงที่กรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่ม euro zone ภาคการธนาคารสเปน เกิดปัญหาหนี้เสียขนาดหนัก และการไหลข้ามไปมาของเงินทุนภายในยุโรปล้วนเป็นตัวนำไปสู่ความแตกสลายของ euro zone ทั้งสิ้น ซึ่งผู้นำหลายประเทศทั่วโลกดูจะล้มเหลวจากการไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในประเทศยุโรปอื่น ๆ ที่ไม่ได้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเข้มงวด เหมือนกับเยอรมนีและยังบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ดีเท่าเยอรมนี

       หากปล่อยให้ euro zone และเงินยูโรล่มสลาย เยอรมนีก็มีผลกระทบอย่างหนักด้วยจากที่การธนาคารในเยอรมนีเองถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ สาเหตุสำคัญมาจาก ประเทศที่เป็นลูกหนี้ได้แก่ กรีซ ไอร์แลนด์ โปตุเกส อิตาลีและสเปน ถูกซ้ำเติมจากบรรดาประเทศเจ้าหนี้ในยุโรปเองรวมทั้งเยอรมนี ตลอดช่วงหลายปีที่เยอรมนีเน้นมาตรการประหยัด รัดเข็มขัดเกินไป แผนช่วยเหลือครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ไปไม่สุดสักแผนเดียว ดังนั้นการกำหนดแผนที่ชัดเจนสำหรับการรวมตัวกันทางการคลังและการธนาคารของยุโรปเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากต้องการรักษาเงินยูโรสกุลเดียวให้อยู่รอดต่อไป

       การเน้นมาตรการรัดเข็มขัดของ Merkel ประสบความสำเร็จจริง เห็นได้จากการหมดอำนาจของ Silvio Berlusconi ในอิตาลี และการที่ชาติยุโรปใต้ต่างพากันผ่านกฎหมาย ปฏิรูปเศรษฐกิจกันอย่างที่ไม่มีใครคิดฝันว่าจะเกิดขึ้นได้มาก่อน แต่ในทางตรงข้ามนโยบายนี้ก็มีผลให้เศรษฐกิจถดถอยจาการรัดเข็มขัดที่รัดตัวเกินไป ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายการเมืองเริ่มออกมาโวยวายถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรการดังกล่าวอย่างไม่รู้จริงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหมดความเชื่อมั่น

        เยอรมนีต้องเปลี่ยนจากนโยบายประหยัดไปเป็นกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ Merkel ต้องเดินหน้าสานต่อระบบเงินสกุลเดียวให้เสร็จสมบูรณ์ ด้วยการเดินหน้าร่วมกับการธนาคารของยุโรปให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งได้แก่ การมีระบบประกันเงินฝากระบบเดียวทั่วยุโรป มาตรฐานการตรวจสอบธนาคารและการมีมาตรการร่วมกันในการเพิ่มทุน หรือแก้ปัญหาธนาคารที่กำลังประสบปัญหา รวมถึงการออกตราสารหนี้ที่ยุโรปจะรับผิดชอบร่วมกัน (debt mutualisation) เพื่อเป็นการสร้างสินทรัพย์ที่ปลอดภัยร่วมกันของยุโรปและช่วยให้ประเทศยุโรปอื่น ๆ มีช่องให้หายใจ และค่อย ๆ ลดปัญหาวิกฤติหนี้ของตนเองลงได้

       Merkel ต้องมีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของเงินยูโรสกุลเดียวดังเช่นที่กล่าวมาแล้ว ก่อนที่วิกฤติของกรีซจะลุกลามไปมากกว่านี้ แผนต้องชัดเจนพอที่จะขจัดข้อสงสัยสร้างความมั่นใจว่าเยอรมนีมุ่งมั่นจะปกป้องเงินยูโรอย่างจริงจัง ลงมือทำทันที เพื่อรับประกันว่ายุโรปจะยังคงรวมตัวกันต่อไป แต่อาจจะเป็นรูปแบบของเยอรมนี อย่างไรก็ตาม Merkel ต้องเสี่ยงกับการเสียคะแนนนิยมในประเทศไป

       วิกฤติและปัญหาที่ Merkel เผชิญนั้นยิ่งใหญ่ และซับซ้อนมีความยากลำบากในการตัดสินใจทั้งสิ้น ทำให้เห็นถึงพลังมหาศาลที่ต้องทุ่มเทลงไปสำหรับ การแก้ปัญหา และภาวะความเป็นผู้นำหลาย ๆ ประการ ได้แก่ การมีวิสัยทัศน์ สุขุม เยือกเย็น รอบคอบ อดทน มุ่งมั่น มีวินัย กล้าตัดสินใจ รวมทั้งมีความสามารถในการเจรจาต่อรอง โน้มน้าวได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ทุกการตัดสินใจย่อมมีความเสี่ยง ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามคาดหมายเสมอไป ย่อมมีทั้งผลได้และผลเสีย ซึ่ง Merkel เป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นด้วยความสุขุมและเยือกเย็น และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

       ในการเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ ผู้บริหารกฟผ. แม้จะเป็นผู้บริหารระดับชาติ แต่ภารกิจหลักขององค์กรในการผลิต และจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ เพื่อให้เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับระดับสากล มีความสามารถในการแข่งขัน อยู่รอด และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ผู้บริหารจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และปัญหาที่ท้าทายในหลากหลายรูปแบบอย่างแน่นอน ดังนั้นการศึกษาเรื่องราวของ Angela Merkel ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติประเทศกรีซ การรักษาเงินสกุลยูโรให้คงอยู่ และวิกฤติต่าง ๆ จึงเป็นประโยชน์ช่วยเปิดโลกทัศน์ และเป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องภาวะผู้นำ และการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในวิกฤติต่าง ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตต่อไป

    การบ้านพิเศษ 10

    อ่านหนังสือ Angela Merkel : A Chancellorship Forged in Crisis Hardcover by Alan Crawford and Tony Czuczka

    จัดทำโดยกลุ่ม 5

    1. นายประวิทย์ เลิศโกวิทย์

    2. นายประเสริฐ อินทับ

    3. นางพรสวัสดิ์ จันทิม

    4. นายพิสณห์ จันทร์ศรี

    5. นายมนัส แสงเดช

    6. นายยงยุทธ ศรีชัย

    การเป็นผู้นำหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลกเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องเป็นคนที่โดนเด่นและมีความสามารถจริง ๆ ซึ่งไม่อาจกำหนดรูปแบบหรือคุณลักษณะที่ตายตัวได้ ที่ผ่านมาผู้นำของโลกมีทั้งชายและหญิงมีบุคลิกภาพ ความสามารถ ลักษณะนิสัย ภูมิหลัง ฯลฯ ที่แตกต่างกันไป ในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงระดับโลกที่เป็นผู้หญิงมีหลายคน ได้แก่ มาร์กาเร็ต แทชเชอร์, ฮิลลารี คลินตัน, อองซาน ซูจี รวมทั้ง Angela Merkel ด้วย

    จากหนังสือ Angela Merkel เป็นนายกรัฐมนตรี หญิงคนแรกของเยอรมนี เป็นผู้นำคนแรกที่มาจากเยอรมนีตะวันออก และเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเป็นหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ด้วยบุคลิกภาพภายนอก ที่ดูเรียบง่าย ติดดิน พูดน้อย เยือกเย็น ไม่โอ้อวด สุภาพและตรงประเด็น เป็นนักฟังที่ดี เธอมาจากครอบครัวที่พ่อเป็นนักบวชศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์และแม่เป็นครู Merkel จบดอกเตอร์ด้านฟิสิกส์ที่เยอรมนีตะวันออก และย้ายมาอาศัยที่เยอรมนีตะวันตก หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย เริ่มเข้าสู่การเมืองในพรรค CDU จนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2000

    ผลงานที่ผ่านมา เคยต่อกรกับผู้นำโลกอย่างประธานาธิบดีบุช ปูติน และชาร์โกซี่ได้อย่างเสมอภาค สามารถโน้มน้าวให้กลุ่มประเทศ G8 เห็นพ้องต้องกันที่จะลดปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในระดับที่น่าพอใจ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาได้ โดยอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 3% ตัวเลขการส่งออกของเยอรมนีสูงที่สุดในโลก รวมทั้งตัวเลขคนว่างงานต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี โดยมีเคล็ดลับความสำเร็จ คือ การไม่เร่งรีบหาข้อสรุป มองปัญหาอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะตรวจสอบว่ามันจะมีกับดักอยู่ที่ไหนบ้าง

    ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย วิกฤตินี้เริ่มที่กรีซแล้วลุกลามไปทั่วยุโรป ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยในกลุ่มประเทศ euro zone (กลุ่มประเทศยุโรป 17 ประเทศ ที่ตกลงใช้เงินสกุลยูโร) ดิ่งลึก และเงินยูโรกำลังจะล่มสลาย สหภาพยุโรป(European Union) เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังตกเข้าสู่วังวนแห่งการล่มสลายของธนาคาร การผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาล ความเสี่ยงที่กรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่ม euro zone ภาคการธนาคารสเปน เกิดปัญหาหนี้เสียขนาดหนัก และการไหลข้ามไปมาของเงินทุนภายในยุโรปล้วนเป็นตัวนำไปสู่ความแตกสลายของ euro zone ทั้งสิ้น ซึ่งผู้นำหลายประเทศทั่วโลกดูจะล้มเหลวจากการไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในประเทศยุโรปอื่น ๆ ที่ไม่ได้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเข้มงวด เหมือนกับเยอรมนีและยังบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ดีเท่าเยอรมนี

    หากปล่อยให้ euro zone และเงินยูโรล่มสลาย เยอรมนีก็มีผลกระทบอย่างหนักด้วยจากที่การธนาคารในเยอรมนีเองถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ สาเหตุสำคัญมาจาก ประเทศที่เป็นลูกหนี้ได้แก่ กรีซ ไอร์แลนด์ โปตุเกส อิตาลีและสเปน ถูกซ้ำเติมจากบรรดาประเทศเจ้าหนี้ในยุโรปเองรวมทั้งเยอรมนี ตลอดช่วงหลายปีที่เยอรมนีเน้นมาตรการประหยัด รัดเข็มขัดเกินไป แผนช่วยเหลือครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ไปไม่สุดสักแผนเดียว ดังนั้นการกำหนดแผนที่ชัดเจนสำหรับการรวมตัวกันทางการคลังและการธนาคารของยุโรปเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากต้องการรักษาเงินยูโรสกุลเดียวให้อยู่รอดต่อไป

    การเน้นมาตรการรัดเข็มขัดของ Merkel ประสบความสำเร็จจริง เห็นได้จากการหมดอำนาจของ Silvio Berlusconi ในอิตาลี และการที่ชาติยุโรปใต้ต่างพากันผ่านกฎหมาย ปฏิรูปเศรษฐกิจกันอย่างที่ไม่มีใครคิดฝันว่าจะเกิดขึ้นได้มาก่อน แต่ในทางตรงข้ามนโยบายนี้ก็มีผลให้เศรษฐกิจถดถอยจาการรัดเข็มขัดที่รัดตัวเกินไป ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายการเมืองเริ่มออกมาโวยวายถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรการดังกล่าวอย่างไม่รู้จริงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหมดความเชื่อมั่น

    เยอรมนีต้องเปลี่ยนจากนโยบายประหยัดไปเป็นกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ Merkel ต้องเดินหน้าสานต่อระบบเงินสกุลเดียวให้เสร็จสมบูรณ์ ด้วยการเดินหน้าร่วมกับการธนาคารของยุโรปให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งได้แก่ การมีระบบประกันเงินฝากระบบเดียวทั่วยุโรป มาตรฐานการตรวจสอบธนาคารและการมีมาตรการร่วมกันในการเพิ่มทุน หรือแก้ปัญหาธนาคารที่กำลังประสบปัญหา รวมถึงการออกตราสารหนี้ที่ยุโรปจะรับผิดชอบร่วมกัน (debt mutualisation) เพื่อเป็นการสร้างสินทรัพย์ที่ปลอดภัยร่วมกันของยุโรปและช่วยให้ประเทศยุโรปอื่น ๆ มีช่องให้หายใจ และค่อย ๆ ลดปัญหาวิกฤติหนี้ของตนเองลงได้

    Merkel ต้องมีแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของเงินยูโรสกุลเดียวดังเช่นที่กล่าวมาแล้ว ก่อนที่วิกฤติของกรีซจะลุกลามไปมากกว่านี้ แผนต้องชัดเจนพอที่จะขจัดข้อสงสัยสร้างความมั่นใจว่าเยอรมนีมุ่งมั่นจะปกป้องเงินยูโรอย่างจริงจัง ลงมือทำทันที เพื่อรับประกันว่ายุโรปจะยังคงรวมตัวกันต่อไป แต่อาจจะเป็นรูปแบบของเยอรมนี อย่างไรก็ตาม Merkel ต้องเสี่ยงกับการเสียคะแนนนิยมในประเทศไป

    วิกฤติและปัญหาที่ Merkel เผชิญนั้นยิ่งใหญ่ และซับซ้อนมีความยากลำบากในการตัดสินใจทั้งสิ้น ทำให้เห็นถึงพลังมหาศาลที่ต้องทุ่มเทลงไปสำหรับ การแก้ปัญหา และภาวะความเป็นผู้นำหลาย ๆ ประการ ได้แก่ การมีวิสัยทัศน์ สุขุม เยือกเย็น รอบคอบ อดทน มุ่งมั่น มีวินัย กล้าตัดสินใจ รวมทั้งมีความสามารถในการเจรจาต่อรอง โน้มน้าวได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ทุกการตัดสินใจย่อมมีความเสี่ยง ผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามคาดหมายเสมอไป ย่อมมีทั้งผลได้และผลเสีย ซึ่ง Merkel เป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นด้วยความสุขุมและเยือกเย็น และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

    ในการเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ ผู้บริหารกฟผ. แม้จะเป็นผู้บริหารระดับชาติ แต่ภารกิจหลักขององค์กรในการผลิต และจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ เพื่อให้เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับระดับสากล มีความสามารถในการแข่งขัน อยู่รอด และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ผู้บริหารจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และปัญหาที่ท้าทายในหลากหลายรูปแบบอย่างแน่นอน ดังนั้นการศึกษาเรื่องราวของ Angela Merkel ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติประเทศกรีซ การรักษาเงินสกุลยูโรให้คงอยู่ และวิกฤติต่าง ๆ จึงเป็นประโยชน์ช่วยเปิดโลกทัศน์ และเป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องภาวะผู้นำ และการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในวิกฤติต่าง ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตต่อไป

    ประสิทธิ์ เลาหวิรภาพ

    วันอังคารที่ 29 เมษษยน 2557 08:00 – 11:30

    ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    วิทยากร: คุณไกรสีห์ กรรณสูต

    คุณสมบัติ ศานติจารี

    วิกฤตินั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงต้องมีการวางแผนไว้รับมือกับวิกฤติต่างๆที่อาจเกิดขึ้นดังนี้

    • §ทำแผนป้องกัน ดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วมาแก้ไข
    • §รีบแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
    • §รีบฟื้นฟูภายหลังจากที่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
    • §ทำการประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับทราบควบคู่ไปด้วย จะเป็นภูมิคุ้มกันและจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติต่างๆได้

    การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของการแก้วิกฤติ

    • §ต้องแจ้งอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา
    • §ห้ามกล่าวโทษผู้อื่น
    • §อย่าคาดเดา เพราะจะทำให้ลดความน่าเชื่อถือ
    • §อย่าปฏิเสธการตอบคำถาม
    • §อย่าลำเอียงในการให้ข่าว

    วันอังคารที่ 29 เมษายน 255713:00 – 16:00

    บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    วิทยากร: อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    ความรู้ในการทำความเข้าใจเรื่องบุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ รวมถึงการแต่งกาย กริยาท่าทางต่างๆ ในการนั่งบนเก้าอี้ การเดิน การยืน การไหว้ และบุคลิภาพที่ไม่ดี และมารยาททางสังคม โดยมีหลักการ 5 อย่าง คือ การให้เกียรติ สะดวกสบาย ความปลอดภัย ความมีระเบียบเรียบร้อย และความมีอัธยาศัยไมตรี รายละเอียดวิธีการยื่นและรับนามบัตร การแนะนำตัวเองและบุคคลที่ไปด้วย การกล่าวทักทาย มารยาทบนโต๊ะอาหาร เช่น การนั่งบนโต๊ะอาหารจะไม่มีการแจกนามบัตร มารยาททางสังคมในงานต่างๆ

    วันพุธที่ 30 มีนาคม 2557 09:00 – 11:30

    ศึกษาดูงานด้านบริหารจัดการองค์กร และพัฒนาทุนมนุษย์และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ ณ กิฟฟารีน

    วิทยากร: -

    กิฟฟารียนมาจากชื่อของลูกเจ้าของกิจการคือน้องกิฟและน้องฟ้า ก่อสร้างโรงงานเมื่อปี 2539 บนเนื้อที่มากกว่า 20 ไร่ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคสินค้าเอง ใช้แล้วก็ได้เงินปันผลคืน ยอดขายทั้งหมดประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากเป็นธุรกิจขายตรงเลยไม่ได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ตรงกันข้ามกลับทำให้มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น โรงงานประกอบไปด้วย โรงงานเครื่องสำอางค์ โรงงานอาหารและยา และห้องทดลอง

    การบ้านกลุ่ม 7

    Dog fight

    เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้โดยการใช้หนึ่งหน้าจอในเวลาเดียวกัน

    เริ่มต้นจากการยกระดับวงการสื่อสารและเทคโนโลยีโดยไอโฟน ในขณะที่แอนดรอยด์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆและไอแพดที่ก้าวไปสู่การปฎิวัติวงการ มันไม่ใช่แค่ว่าเป็นการต่อสู้ของสองบริษัทที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลที่สุดในโลกเท่านั้น มันยังเป็นการปฎิวัติวงการโทรศัพท์มือถือที่มีมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญโดยประมาณ

    ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็มีไม่น้อย ผู้ผลิตหนังสือพิมพ์มียอดโฆษณาและยอดขายลดลงในรอบยี่สิบปีและนักข่าวของเขายังสูญเสียงานของตนไปเกือบครึ่ง บริษัทผู้จัดจำหน่ายหนังสือก็กังวลว่าเขาจะเจอปัญหาแบบเดียวกัน เว็บไซต์Amazonต้องลดราคาหนังสือลงมากกว่าปรกติ ผู้บริหารบริษัทภาพยนตร์ก็ต้องโซเซจากความเสียหายที่เกิดกับธุรกิจดีวีดีและหันไปสนใจการฉายหนังบนFacebookและTwitterแทน วงการโทรทัศน์ต้องกังวลว่าลูกค้าของตนจะถูกแย่งโดยNetflixและYoutubeซึ่งจะทำให้เรตติ้งรายการโทรทัศน์ของตนต่ำลง แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็สร้างโอกาสที่จะทำรายได้ให้กับผู้เล่นหน้าใหม่อยู่เหมือนกัน

    Micheal Yanoverหัวหน้าฝ่ายพัฒนาของ Creative Artists Agency (CAA) ได้เริ่มธุรกิจของเขาเมื่อบริษัท Micromedia ได้ขอให้เขามาช่วยพัฒนาเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์หลากหลายที่รวบรวม ภาพยนตร์ แอนิเมชั่น เพลง วิดีโอหรือแม้กระทั่งบัตรอวยพรไว้ด้วยกัน หนึ่งในสิ่งที่เขาได้ทำที่บริษัท Micromedia คือการทำให้โปรแกรมFlashเป็นที่นิยมในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในขณะนั้นโปรแกรมFlashถือว่าเป็นโปรแกรมสำคัญบนอินเตอร์เน็ต เขาพยายามทำให้มันติดไปในมือถือ ในเครื่องเล่นเกม ในเครื่องset-top box และในทุกๆที่ที่เป็นไปได้ ในประเทศตลาดเกิดใหม่พวกเขาเริ่มที่จะมองข้ามคอมพิวเตอร์ไปยังโทรศัพท์มือถือและมองข้ามการเชื่อมต่อด้วยสายไปเป็นแบบไร้สาย จึงสามารถบอกได้ว่าโทรศัพท์มือถือสามารถเป็นไปได้ทั้งการส่งสัญญาณและการรับสัญญาณด้วย YanoverทำงานกับCAAในปี2003 และพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มากล้นของโทรศัทพ์มือถือจนกระทั่งSteve Jobsได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอโฟนขึ้น

    หลังจากนั้นเหมือนกับว่าทั่วโลกได้เกิดผู้พัฒนาโปรแกรมและผู้มีความคิดสร้างสรรค์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เปรียบได้ดังกับโมเสสนำผู้คนออกจากทะเลทรายไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์และแน่นอนว่ามันทำให้บริษัทแอปเปิ้ลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แอปเปิ้ลได้ทุ่มเงินมหาศาลที่จะทำให้ itune เป็นแหล่งcontent ที่ดีที่สุดและสามารถเข้าถึงได้ในทุกๆที่ Apple TVที่มีAirplay สามารถถูกควบคุมได้ด้วยไอโฟนและไอแพด คุณสามารถดูหนังบนไอแพดและไอโฟนในขณะที่ล้างห้องครัวหรือถ้าคุณชื่นชอบการใช้สองหน้าจอ คุณสามารถย้ายหนังไปลงบนจอทีวีและใช้ไอแพดหรือไอโฟนเล่นFacebookหรือTwitterกับเพื่อนๆของคุณก็ได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวเร่งที่ทำให้วงการโทรศัพท์มือถือและแท็ปเล็ตเติบโตตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจำนวนผู้มีโทรทัศน์จะมีอยู่ประมาณสี่พันล้านคนทั่วโลก มากกว่าผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือและแท็ปเล็ตที่มีอยู่ประมาณสองพันล้านคนอยู่เท่าตัว แต่ด้วยอัตราการเติบโตของโทรศัพท์มือถือและแท็ปเล็ตที่มากขึ้นทุกปีจะทำให้สามารถแซงได้ภายใน 3-5 ปี

    ไม่มีผู้ใดจะตระหนักถึงการปฎิวัติของวงการโทรศัพท์มือถือนี้ไปมากกว่าวงการโทรทัศน์ ในช่วงห้าปีก่อนหน้านี้ผู้คนที่ยกเลิกการติดเคเบิ้ลทีวีจะถือว่าเป็นเรื่องแปลก ปัญหาของชาวอเมริกันก่อนจะมีเคเบิ้ลทีวีคือพวกเขารับสัญญาณช่องโทรทัศน์ได้ค่อนข้างน้อยและชาวอเมริกันบางคนอาศัยในพื้นที่ที่สัญญาณโทรทัศน์ไปไม่ถึง เคเบิ้ลทีวีจึงแก้ปัญหานี้โดยการส่งสัญญาณไปตามสายเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับชมช่องได้เพิ่มขึ้น,สัญญาณถูกรบกวนน้อยลงและมีรายการให้รับชมมากมายมหาศาล ผู้บริหารเคเบิ้ลทีวีเชื่อว่าลูกค้าจะยินยอมจ่ายเงินเพื่อคุณภาพที่มากขึ้น สิ่งที่บริษัทเคเบิ้ลทีวีคาดการณ์ไว้ได้กลายมาเป็นจริง บริษัทComcastได้กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ระดับโลก มีคอนเทนต์อย่างHBO,FOXและESPN ที่สร้างรายได้ให้นับพันล้านเหรียญต่อปีและยังมีการขยับขยายให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์และชุมสายโทรศัพท์ ทำให้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาธุรกิจเคเบิ้ลถือเป็นธุรกิจที่รุ่งโลดพอสมควร แต่ถึงกระนั้นวงการนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ บริษัทเคเบิ้ลได้สร้างความเชื่อให้กับลูกค้าว่าพวกเขาจะยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเพื่อเคเบิ้ลหรือจะเอาแบบฟรีแต่ไม่มีคุณภาพอย่างการรับสัญญาณจากอากาศ แต่ปัจจุบันมีทางเลือกที่มากขึ้นคือการรับชมผ่านอินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟน แทปเล็ต Apple TV หรือผ่านทางเครื่องเล่นเกมคอนโซล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกให้ความสนใจมากขึ้นทุกๆวัน วงการเคเบิ้ลเริ่มจะทบทวนถึงธุรกิจของตนเพราะการมาของ Netflix,Youtube,Amazon movies and musics,iTunes และ Facebook ทั้งยังความแตกต่างทางราคาที่ค่าบริการเคเบิ้ลทีวีอยู่ที่100เหรียญต่อเดือนสำหรับแพคเกจครอบครัว ในขณะที่ผู้ใช้Netflixมักจะไม่เสียค่าบริการหรือไม่เกิน10เหรียญต่อครั้ง ทำให้คนสมัยใหม่ที่ให้ความสนใจที่จะติดเคเบิ้ลทีวีจึงน้อยลงกว่าที่เคยเป็น เรียกได้ว่าธุรกิจเคเบิ้ลเริ่มที่จะหยุดเติบโตแล้วนั่นเอง

    กูเกิ้ลและแอปเปิ้ลอาจจะต้องต่อสู้กันอย่างหนักในช่วงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ในปี2011ไอแพดได้ครองตลอดแท็ปเล็ต ในปี2007กูเกิ้ลได้นำแอนดรอยด์ออกสู่ตลาดหรือตอนที่Jobsกล่าวหากูเกิ้ลว่าแอนดรอยด์ได้ลอกมาจากแอปเปิ้ล แต่ถึงแม้จะมีการแข่งขันอย่างรุนแรงตลอดห้าปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองบริษัทไขว้เขวแต่อย่างใด กลับทำให้ทั้งสองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แอปเปิ้ลอาจจะไม่ได้ผลิต App store ออกมาถ้าเกิดกูเกิ้ลไม่ได้เริ่มขึ้นมาก่อน โทรศัพท์แอนดรอยด์และซอฟแวร์อาจจะยังคงรูปแบบโบราณอยู่ถ้าเกิดไม่มีคู่แข่งอย่างแอปเปิ้ล แต่ในช่วงกลางปี2013เหมือนจะเป็นปีที่ดีของแอนดรอยด์เพราะสามารถครองตลาดสทาร์ทโฟนได้ถึง75%และครองตลาดแท็ปเล็ตได้50% ในปี2013หุ้นของแอปเปิ้ลได้ลดลงอย่างมากจากที่เคยขึ้นไปสูงถึง700เหรียญและบริษัทแอปเปิ้ลได้สูญเสียอันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกไป ในขณะที่หุ้นของกูเกิ้ลเรียกได้ว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยอยู่ในตลาดมา สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะรูปแบบของแอปเปิ้ลค่อนข้างจะคงเดิมและไม่ค่อยมีพัฒนาการตลอดช่วง3ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่นApple TV ทีJobsเคยบอกว่าจะทำออกมาก่อนที่เค้าจะจากไปนั้นก็ยังไม่เห็นในปัจจุบันอยู่ดี ในขณะที่กูเกิ้ลได้ปล่อยซอฟแวร์ออกมามากมาย เช่น Google Now,Spotify,Google Plus มันคงยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าแอปเปิ้ลจะกลับมามีสิ่งประดิษฐ์ที่ปฎิวัติวงการอีกทีเมื่อไหร่ หลายคนมักจะตั้งข้อสงสัยว่าแอปเปิ้ลจะสามารถทำได้รึเปล่าเมื่อไร้เงาของ Jobs สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างย่ำแย่เมื่อไร้ Jobsก็คือความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงกับบริษัทอื่น เช่นการที่แอปเปิ้ลยกเลิกแอพริเคชั่นแผนที่ที่ทำโดยกูเกิ้ลแล้วหันมาใช้ของแอปเปิ้ลเอง ซึ่งพบปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำทางที่ผิดพลาด การระบุสถานที่ผิดและการแสดงภาพที่ผิดเพี้ยน จนทำให้ผู้บริหารของแอปเปิ้ลต้องออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่หลายคนแปลกใจมากเพราะถ้า Jobs ยังอยู่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน กูเกิ้ลอาศัยความผิดพลาดนี้ของแอปเปิ้ลและออกแอพริเคชั่นแผนที่อันใหม่สามเดือนให้หลัง ซึ่งเป็นที่นิยมไปทั่วโลกมาก มีผู้ดาวโหลดไปเกินสิบล้านคนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง Tim Cook ซีอีโอของแอปเปิ้ลได้ออกมาบอกว่า บริษัทของเขายังพยายามที่จะหาไอเดียมาปฏิวัติวงการอยู่เสมอแต่หลายคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบผลงานที่ผ่านมากับซีอีโอของกูเกิ้ลอย่างLarry Page และแน่นอนกับผู้นำคนเดิมของแอปเปิ้ลอย่าง Steve Jobs แต่คงจะไม่ยุติธรรมนักที่จะนำเอาคนทั่วไปมาเทียบกับJobs อาจจะเป็นไปได้ว่าผลงานในช่วงสองปีที่ผ่านมาของTim Cookยังไม่ดีนักแต่หลายคนยังคาดหวังที่จะเห็นผลงานที่ดีของเค้าเสมอ ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกถามว่า “ทำไมคุณไม่ช่วยให้มุมมองต่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นหน่อยล่ะ”หลังจากที่ผู้คนได้เห็นว่าสิ่งที่กูเกิ้ลได้ทำนั้นเป็นรูปธรรมกว่า Tim Cookได้ตอบกลับว่า”พวกเราเชื่อในรูปแบบของการทำให้ผู้คนประหลาดใจ” ไม่แน่ว่าขณะที่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ แอปเปิ้ลอาจจะกำลังผลิตสินของที่ยอดเยี่ยมออกมาอยู่ก็เป็นได้

    นายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์

    วันที่ 11มิถุนายน 2557

    การศึกษาดูงาน บริษัท ไทยซัมมิท  จำกัด

    ได้รับฟังการบรรยายแนวทางการบริหารงานบริษัทฯ จากดร.ฉัตรแก้ว ผู้อำนวยการด้านการผลิตฯ  ทราบวิสัยทัศน์ ปรัชญาและค่านิยม

    ของบริษัทฯ ที่เป็นแนวทางการสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท อาทิเช่นสโลแกน Before we built parts,we built people. เป็นต้น

    การนำเทคโนโลยี่หุ่นยนต์ เข้าไปทดแทนแรงงานคน เพื่อเพิ่มคุณภาพ ความน่าเชื่อถือและเพิ่ม productivity

    ประสิทธิ์ เลาหวิรภาพ

    JOKO WIDODO

    ทั่วโลกรู้จักงานสงกรานต์ในประเทศไทยซึ่งเป็นตัวอย่างของทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เป็นประเพณีที่สะสมกันมาหลายร้อยปี จึงควรอนุรักษ์ประเพณีวันสงกรานต์ไว้และให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีและบรรพบุรุษ

    Joko Widodo เป็นผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีในอนาคตอันใกล้ เป็นคนติดดิน เป็นกันเองกับประชาชนไม่แสวงหาทรัพย์สินจากอำนาจที่ตนเองมี คิดและดำเนินการพัฒนาเมืองอยู่ตลอดเวลา มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนจากพรรคการเมืองให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย คิดและทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและห้ามมิให้พรรคพวกและเครือญาติของตนเองหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำงานให้กับประเทศ ดำเนินนโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakata ได้สำเร็จ และมีนโยบายให้บริการด้านการสาธารณสุขที่ดีแก่ชาวเมือง ปราศจากการมองหาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดี สามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้

    ประสิทธิ์ เลาหวิรภาพ

    JOKO WIDODO

    ทั่วโลกรู้จักงานสงกรานต์ในประเทศไทยซึ่งเป็นตัวอย่างของทุนทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เป็นประเพณีที่สะสมกันมาหลายร้อยปี จึงควรอนุรักษ์ประเพณีวันสงกรานต์ไว้และให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีและบรรพบุรุษ

    Joko Widodo เป็นผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีในอนาคตอันใกล้ เป็นคนติดดิน เป็นกันเองกับประชาชนไม่แสวงหาทรัพย์สินจากอำนาจที่ตนเองมี คิดและดำเนินการพัฒนาเมืองอยู่ตลอดเวลา มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนจากพรรคการเมืองให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย คิดและทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและห้ามมิให้พรรคพวกและเครือญาติของตนเองหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำงานให้กับประเทศ ดำเนินนโยบายขยายรถไฟฟ้าใต้ดินใน Jakata ได้สำเร็จ และมีนโยบายให้บริการด้านการสาธารณสุขที่ดีแก่ชาวเมือง ปราศจากการมองหาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดี สามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้

    ประสิทธิ์ เลาหวิรภาพ

    SEATTLETIME

    วัตถุนิยมไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืน ความสุขและความสำเร็จในชีวิตไม่ได้วัดจากเงินที่คุณหามาได้ แต่อยู่ที่ว่าได้อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นและสังคมอย่างไร ความสุขจากการให้ย่อมดีกว่าการรับเสมอ การเสียสละ อุทิศตนเองเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการปฏิบัติไปในวงกว้างควรปลูกฝังแนวความคิดเรื่องการเสียสละเพื่อผู้อื่นและทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยเฉพาะกับเยาวชนรุ่นใหม่สังคมที่มีความเสียสละย่อมดีกว่าสังคมที่แย่งชิงทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว

    การบ้านสุธารักษ์

    สรุปการเรียนช่วงที่ 3

    วันที่ 18 มีนาคม 2557

    การดูงานมูลนิธิชัยพัฒนา โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

    - ในปัจจุบัน ทรัพยากรธรรมชาติมีการใช้อย่างไม่รอบคอบและฟุ่มเฟือย ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลในระบบนิเวศน์ นอกจากนี้การบริโภคในสังคมยังเกินขีดความสามารถของทรัพยกรโลกที่รับได้

    - เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตสายกลางโดยมีหลักใหญ่ 3 ประการ คือ

    1. พอเพียง

    2. มีเหตุผล

    3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี

    การเสวนาในหัวข้อ “วัฒนธรรมการบริหารเปลี่ยนแปลง” โดย ศ.ดร.ธีระ หงศ์ลดารมภ์, ดร.ศิริลักษณ์ เมฆสังข์, อ.ประกาย ชลหาญ

    - บุคลากรจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้อยู่รอดในสังคมและธุรกิจได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ด้านโครงสร้าง กระบวนการ เทคโนโลยี ฯลฯ

    - สำหรับบุคคลิกของผู้นำต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น Adaptive Leader ต้องเป็นผู้นำที่สามารถปรับตัวโดยสร้างภาวะผู้นำให้กับตัวเอง

    - หลักการในการปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง

    1. Know me ทำความรู้จักกับผู้ร่วมงานอย่างถ่องแท้

    2. Focus me กระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดง

    3. Care about me ดูแลและให้การชื่นชมผู้ปฏิบัติงาน

    4. Inspire สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน

    วันที่ 19 มีนาคม 2557

    กรณีศึกษาบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) โดยอาจารย์สมยศ รุจิรวัฒน์

    - ในการก้าวสู่ธุรกิจพลังงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บ.บ้านปูฯ ใช้หลักการบริหารแบบ SD Framework โดยมีองค์ประกอบ 3 ด้านคือ

    1. License to operate ในด้านกฎหมาย สิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชนโดยรอบ ฯลฯ

    2. Localization ด้านธรรมาภิบาลขององค์กร เน้นที่การปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม

    3. Competitiveness ในด้านบุคลากรและเทคโนโลยี

    TQM / SEPA ความเป็นเลิศและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กฟผ. โดยคุณปิติ ศรีสุขสมบัติ, คุณโชติรส เสวกวัฒนา,

    อ.สัญญา เสรษฐพิทยากุล

    - ในการสร้างการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร จำเป็นต้องมีการวางเป้าหมายใน 3 ด้านคือ 1) HPO 2) CG และ 3) CSR โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

    - จำเป็นต้องมีการสร้างค่านิยมพนักงานให้เป็นคนเก่ง – คนดี โดยใช้หลัก ดังนี้

    1. S = Synergy

    2. P = Performance

    3. I = Innovation

    4. R = Responsibility for Social

    5. I = Integrity

    6. T = Trust & Respect

    วันที่ 20 มีนาคม 2557

    นวัตกรรมของ บริษัท ซีพีออยล์ จำกัด (มหาชน) โดย ดร.ศุภกิจ เศวตกิติธรรม

    - บริษัท ซีพีออยล์ เล็งเห็นว่าในการดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับนวัตกรรมขององค์กร เพราะถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร โดยบริษัท ซีพีออยล์ ได้มีการแผนการสร้างนวัตกรรมทั้งภายในองค์กร อีกทั้งยังจัดให้มีการประกวดนวัตกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs ให้มีช่องทางในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น

    White Ocean Strategy กับการสร้างศรัทธาของ กฟผ. โดยอาจารย์ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

    - ในการดำเนินธุรกิจที่ดี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรม พร้อมทั้งต้องรักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจ ระหว่าง คน กำไร และ Passion

    - แนวคิดในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    1. Red Ocean แนวคิดคือ 1) ลูกค้าเป็นใหญ่ 2) สร้างกำไรสูงสุด 3) ลดต้นทุน

    2. Blue Ocean แนวคิดคือ 1) High Risk High Return 2) Innovation 3) Technology is the King

    3. White Ocean แนวคิดคือ 1) สร้างสมดุลระหว่าง คุณค่า ต้นทุน และความสุข 2) การสร้างประโยชน์ให้สังคม 3) การบริหารองค์กรด้วยหลักเหตุผล จริยธรรม

    วันที่ 21 มีนาคม 2557

    เศรษฐกิจโลก ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กับผลกระทบต่อ กฟผ. โดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

    - เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงทางด้านความมั่นคงทางพลังงาน กฟผ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่รับผิดชอบการสร้างความมั่นคงทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าของไทย จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการแข่งขัน เพื่อเป็นศูนย์กลางโครงข่ายด้านพลังงานในอาเซียน โดยพลิกบทบาทในการเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนและหาลู่ทางในการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน

    Mind map สำหรับผู้บริหาร โดยอาจารย์ดำเกิง ไรวา

    - การคิดแบบ Mind map คือการคิดแบบจินตนาการ โดยมีการเชื่อมโยงกันในประเด็นต่างๆ โดยมีลักษณะ 2 แบบด้วยกันคือ 1) คิดแบบกว้าง เช่นคิดแบบตั้งคำถาม 2) คิดแบบลึก โดยคิดแบบเชื่อมโยงไปเรื่อยๆ หรือคิดลงไปในรายละเอียด

    - การสร้าง Connection ที่ดี

    1) อย่าทำในลักษณะโฆษณาตัวเอง หรือชื่นชมตัวเอง

    2) สร้าง Network โดยให้เป็นธรรมชาติที่สุด

    3) สร้างตัวตนของเราขึ้นมาเป็นการเฉพาะ มีจุดเด่นที่น่าจดจำ

    การบ้านสุธารักษ์

    สรุปการเรียนช่วงที่ 4

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    การเรียนหัวข้อ “ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารความเสี่ยง โดยอดีตผู้บริหาร กฟผ.

    - ผู้บริหารที่ดีจำเป็นต้องเข้าใจถึงการบริหารจัดการปัญหาที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้างแรงต่อองค์กร และจำเป็นต้องเตรียมการจัดการป้องกันมิให้ปัญหาเกิดขึ้น

    - ในกรณีที่เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น ผู้บริหีมีหน้าที่ในการเร่งวิเคราะห์ปัญหา ควบคู่ไปกับการจัดการแก้ไขอย่างแม่นยำ ถูกต้องและรวดเร็ว

    - หลักการที่ดีในการสื่อสาร ในการบริหารความเสี่ยงและแก้ไขปัญหา

    1) ห้ามกล่าวโทษคนอื่น

    2) ให้ความเห็นอย่างมีหลักการ

    3) ให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแก่ผู้นำที่เกี่ยวข้อง

    4) มีความรับผิดชอบ

    การเรียนหัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่ โดยอาจารย์ภัสวรรณ วิลลานนท์

    - ปัจจัยที่มีผลต่อบุคลิกภาพของบุคคล

    1) น้ำเสียง 38%

    2) คำพูด 7%

    3) รูปลักษณ์ภายนอก 55%

    - รูปลักษณ์ภายนอกประกอบด้วย การแต่งกาย ซึ่งจะแสดงถึงรสนิยมที่ดีในการแต่งกาย

    - สิ่งที่ต้องคำนึงในการรักษาบุคคลิกภาพ

    1) การแต่งกายที่ดี

    2) การบริหารอารมณ์ที่ดี

    3) กาลเทศะ

    4) การพูดจาและมารยาทในที่สาธารณะ

    วันที่ 30 เมษายน 2557

    การศึกษาดูงานบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ฯ จำกัด

    - บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ฯ เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านเวชสำอางค โดยบริษัทมีนโยบายเน้นหนักในด้านการทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและคุณธรรม ไม่ตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไรสูงสุด แต่เน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีให้แก่สังคมและผู้บริโภค

    - บริษัทฯ ยึดหลัก มุ่งมั่นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์แก่ผู้บริโภคเป็นสำคัญยึดมั่นความดี มีหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน รวมทั้งเน้นหนักไปในการวิจัยและพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มผู้บริโภค

    การบ้าน Dogfight กลุ่ม 3

    บทที่ 3

    ยี่สิบสี่ชั่วโมง สามวัน สามชั่วโมงก่อนถึงวันเปิดตัว

    วิศวกรบริษัทแอปเปิ้ลได้กังวลเกี่ยวกับความพยายามของแอนดรอยด์เป็นระยะเวลาเดือนกว่าๆ โดยรู้ถึงความอยากได้ไอโฟนของกูเกิ้ล แต่จ็อบส์เชื่อในความเป็นหุ้นส่วนกันของแอปเปิ้ลและไอโฟน และระหว่างชมิชด์และผู้ก่อตั้งกูเกิ้ล บรินและเพจ และมากไปกว่านั้น แอนดรอยด์ดูเหมือนจะชอบที่แอปเปิ้ลมีปัญหาเมื่อปี ค.ศ. 2007 ไอโฟนเดินหน้าเพื่อที่จะขายในระยะเวลาหกเดือน และแอปเปิ้ลต้องการใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อทำให้มันพร้อมเปิดตัวขาย

    การสาธิตของจ็อบส์นั้นแทบจะไม่มีตำหนิเลย ยังเป็นที่น่าจดจำอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วแอปเปิ้ลนั้นสร้างต้นแบบไอโฟนแบบเรียบง่าย ที่ทำให้คนนับล้านอยากซื้อกลับบ้าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เดือนมิถุนายนนั้น เมื่อผู้บริโภคมาต่อแถวเพื่อซื้อสินค้า พวกเขาก็คาดหวังในตัวสินค้านั้นจะทำงานอย่างไร้ที่ติได้เหมือนกับที่จ็อบส์ได้สาธิตให้ดูบนเวที เมื่อเดือนมกราคมตัวต้นแบบจำนวน 2-3 โหลได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญของแอปเปิ้ลที่โรงงานแห่งหนึ่งในโซนเอเชีย และถือมันกลับมาด้วยเพราะว่ามันไม่สามารถที่จะส่งแบบปกติได้ พวกเราจำเป็นที่จะหาทางผลิตไอโฟนในปริมาณมากๆ ให้ได้ บอเชอร์กล่าวว่า ใครๆ ก็สามารถสร้างสิ่งของจำนวน 100 ชิ้นได้ การที่จะสร้างของ 1 ล้านชิ้นเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป “คุณจะสร้างและทดสอบเสาอากาศอย่างไร ทุกๆ ชิ้นที่ออกมาจากกระบวนการผลิตล้วนแล้วต้องการการทำสอบ เพราะว่ามันมีความไม่แน่นอนในกระบวนการประกอบเสาอากาศอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวิทยุ” แอปเปิ้ลนั้นมักจะต้องการผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ แอปเปิ้ลจึงออกแบบและสร้างชุดทดสอบเองที่สำนักงานใหญ่ ถัดมาจึงได้เปิดตัวฟอกซ์คอน (พาร์ทเนอร์ผู้ผลิตของแอปเปิ้ล) และบอกว่าให้ทำซ้ำตัวต้นแบบนี้ 500 ครั้ง หรือเท่าไรก็ตามที่ทำให้สำเร็จ

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะกลั่นกรองและผลิตชิ้นส่วนที่ทำงานร่วมกันได้ ลูกเล่นหลักของไอโฟนนั้นอยู่ไกลจากคำว่าสมบูรณ์ หน่วยความจำและคีย์บอร์ดจำลองเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ทำงานขัดกัน ซีอีโอของไมโครซอฟ สตีฟ บาลเมอร์อยู่ระหว่างการยืนยันความผิดพลาดของไอโฟนเนื่องมาจากไม่มีคีย์บอร์ดทางกายภาพ ผู้เชี่ยวชาญฝั่งแอปเปิ้ลก็กังวลเรื่องนี้ด้วย พวกเขารู้สึกไม่สะดวกกับการใช้คีย์บอร์ดอีกด้วย “ทุกๆ คนล้วนกังวลเกี่ยวกับการสัมผัสบนอะไรซักอย่างซึ่งไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ แต่จ็อบส์ไม่ได้สะทกสะท้านไปกับเรื่องนี้ คำชี้แจงของเขาก็เป็นเหมือนกับที่เขาได้สาธิตให้ดูบนเวที “กดปุ่มเปิด ถัดมาคุณก็ได้คีย์บอร์ดถาวรมาซึ่งสามารถใช้ได้กับแอพพลิเคชั่นบางตัว แย่ที่สุดคือคุณจะเสียพื้นที่หน้าจอไปครึ่งหนึ่ง”

    แอปเปิ้ลจำเป็นที่จะต้องออกแบบหน้าจอไอโฟนใหม่อีกด้วย ขณะที่จ็อบส์ยืนยันว่าหน้าจอต้องทำด้วยกระจก ไม่ใช่พลาสติก และได้พบแหล่งวัสดุมาก่อนแล้ว มัลติทัชเซนเซอร์ถูกฝังลงในกระจกเพื่อที่จะให้มันทำงานได้แม่นยำ ไม่ใช่แค่ติดบนกระจก แต่กระบวนการฝังเซนเซอร์ลงบนกระจกนั้นต่างจากพลาสติกอย่างมาก เพราะว่ากระจกมีน้ำหนักมากกว่าพลาสติก ทีมวิศวกรของแอปเปิ้ลจึงต้องการตัวประสานที่แข็งแรงเพื่อที่จะยึดอุปกรณ์ได้ พวกเขาต้องจัดเรียงอุปกรณ์ใหม่เนื่องมาจากวัสดุที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงน้ำหนักของหน้าจอด้วย

    ในที่สุดแอปเปิ้ลได้คิดค้นระบบการทดสอบการโทรเพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากเครือข่าย AT&T โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตจะปล่อยให้ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ แต่แอปเปิ้ลต้องการใช้ข้อมูลของตัวเองในกรณีที่มีการตำหนิเกี่ยวกับคุณภาพของการโทรเกิดขึ้น ในขณะนี้แอปเปิ้ลมีกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบ และเราก็ได้เสริมในจุดที่ต้องการการทดสอบอีกด้วย

    ลูกค้าจำนวนไม่น้อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอร์เชอร์ด้วยไอโฟนเครื่องแรกมากเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าบอร์เชอร์ได้กล่าวไว้ในวีดีโอแนะนำตัวสินค้าแล้วว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นอุปกรณ์แบบนี้มาก่อน และแอปเปิ้ลต้องการทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกสับสนกับปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม โดยบอร์เชอร์ได้วางแผนที่จะทำเทปของจ็อบส์เป็นเวลา 30 นาที เพื่อแสดงการใช้งานไอโฟนให้ลูกค้าเห็น โดยในนาทีสุดท้ายจ็อบส์ได้ให้บอร์เชอร์ทำแทนตัวเองตอนนี้มอร์เชอร์มีเสื้อที่แสดงบนผนังของออฟฟิสบริษัท Opus Capital ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาได้ร่วมงานหลังจากออกจากแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ.2009

    บอร์เชอร์ได้มาร่วมงานกับแอปเปิ้ลหลังจากที่เคยร่วมงานกับไนกี้ 3 ปี และ โนเกีย 4ปี เขาได้ร่วมงานกับแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ. 2004 เพื่อช่วยด้านการตลาดของไอพอดในบริษัทรถยนต์เช่น BMW และพัฒนาอุปกรณ์เสริมร่วมกับบริษัทเช่น ไนกี้ เมื่อแอปเปิ้ลตัดสินใจที่จะเริ่มสร้างไอโฟนสิ้นปี ค.ศ. 2004 บอร์เชอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการของโปรเจคนี้คนแรก เขาเป็นที่รู้จักท่ามกลางผู้บริหารอาวุโสเพราะว่าเขาได้สัมภาษณ์สำหรับตำแหน่งระดับสูงของแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ. 2002 โดยจ็อบส์นั้นต้องการบุคลากรภายใน เขายังจำได้ว่าสตีฟได้ดูที่ประวัติของเขาแล้วถามว่า ทำไมคุณสมับติคุณช่างต่างจากที่เราต้องการสำหรับงานนี้ อย่างน้อยฉันก็ได้รับการปัดฝุ่นจากสตีฟ

    การปฏิเสธคราวนั้นเปลี่ยนเป็นการจุดประกายให้บอร์เชอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรในปีถัดไป ได้รับความไว้วางใจจากจ็อบส์ในปีถัดไป และมาทำงานในส่วนของไอโฟนโดยมีพื้นฐานของโนเกีย ในปี ค.ศ. 2004 เขาก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในทีมการตลาดของไอโฟน

    งานของบอร์เชอร์ได้ให้มุมมองเชิงลึกทุกด้านของโปรเจคไอโฟนแก่เขา แม้ว่าเขาอายุ 47 ปีก็ตาม งานนี้ก็สร้างความรับผิดชอบให้แก่เขามากกว่าที่ผ่านมาในชีวิต เขาเป็นกุญแจสำคัญของการนำเสนอไอโฟน อีกทั้งเขายังช่วยเขียนสไลด์ของจ็อบส์ด้วย และเขายังต้องประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอุปกรณ์เหล่านี้อีกด้วย ซึ่งงานแมคเวิลด์ 2007 จะทำให้เขาเหนื่อยกว่าที่เขาจะนึกได้เลยทีเดียว

    บอร์เชอร์เคยเป็นหนึ่งในผู้จัดการที่รับผิดชอบทุกๆ อย่างที่แอปเปิ้ลได้ทำในงานแมคเวิลด์ และเขาไม่ได้ใช้เวลายี่สิบกว่าชั่วโมงต่อวันไปกับการเดินเล่นไปห้างในช่วงเวลาวันหยุด เขาขับรถจากซานฟานซิสโกไปยังบ้านที่พลีเซนตันเป็นระยะทางสี่สิบไมล์ เขาได้พกไอโฟนตัวอย่างจำนวนสองโหลไปยังห้างสรรพสินค้า เขากังวลเกี่ยวกับอาชีพของเขาถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วไอโฟนหายไป หรือว่ารถของเขาตกคูระบาบยน้ำ หรือว่าไฟไหม้ ซึ่งมันจะทำให้ไม่มีไอโฟนสำหรับเปิดตัว ถัดมาเขาได้ขับรถลงไปชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้ามอสคอนและถือมันไปที่ห้องล็อคได้แบบพิเศษ ซึ่งมีทีมวิศวกรรอเพื่อที่จะแกะมันออกมาแล้วทำการทดสอบซ้ำจนกว่าจะถึงวันงาน

    บอร์เชอร์เป็นผู้โน้มน้าวให้เห็นว่าไอโฟนมีรูปร่างและหน้าตาเป็นอย่างไรในงานแมคเวิลด์ เขายังรับผิดชอบในส่วนการฝึกซ้อม ทำให้แน่ใจว่าคนและอุปกรณ์อยู่ในที่ๆต้องการ และเพื่อให้แน่ในว่ามีความปลอดภัยเพียงพอว่ารูปของไอโฟนจะไม่หลุดออกไป เขายุ่งมากจนเขาไม่มีโอกาสที่จะฟังคำปราศรัยสด ขณะที่จ็อบได้พูดนั้น บอร์เชอร์กำลังติดตั้งไอโฟนกับตู้โชว์ และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สาธิตได้มือไอโฟนตัวสาธิตแล้ว

    ช่วงเช้าหลังจากการกลับบ้านที่พลีเซนตัน เขารับรู้ได้ว่ามันเป็นเวลาหกวันที่ยาวนานได้ผ่านไป เขาได้ใช้ช่วงเวลากลางคืนก่อนวันอังคารที่โรงแรมซาน ฟรานซิสโก แต่เขาลืมเช็คเอาท์และยังลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องนั้นด้วย

    เพื่อที่จะสร้างไอโฟนนั้น จ็อบส์ได้แบ่งตัวเต็งจากผู้บริหารมาสองคน สก็อต ฟอร์สตอล และ โทนี่ ฟาเดล เพื่อให้เขาทั้งสองแข่งกันสร้างสินค้าที่เยี่ยมที่สุด ถัดมาอีกสองปี มันเป็นสงครามที่แย่มาก มีการกล่าวหาว่าร้ายกัน แทงข้างหลัง และมีปัญหากันระหว่างเพื่อนร่วมงาน มันทำให้คนหลายคนคิดว่าแอปเปิ้ลนั้นไม่ใช่บริษัทที่ตัวเองนั้นเลือกเข้ามาร่วมงานด้วย มันได้กลายมาเป็นเครื่องจักรที่ทำงานเพื่อกำไร ซึ่งคล้ายกับบริษัทไอบีเอ็ม มันไม่มีเรื่องดีๆ หลงเหลือในบริษัทนี้อีกแล้ว การร่อยหรอของแหล่งทรัพยากรของบริษัทใกล้ที่จะล่มจมทุกที เมื่อจ็อบส์ได้กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ. 1997 เข้าได้สร้างวัฒนธรรมที่เลวร้ายเอาไว้ แต่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ. 2007 ไม่มีแล้ว จากปี ค.ศ. 2002 ถึง 2007 ปริมาณพนักงานเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเป็นสองหมื่นคน ขณะที่บางคนเชื่อว่าความตึงเครียดระหว่างฟอร์สทอลทำให้ฟาเดลพร้อมที่จะลาออกสามปีให้หลัง แต่ฟาเดลยืนยันที่ปฏิเสธเรื่องนี้ เขาบอกว่าจ็อบส์พยายามให้เขาอยู่ที่นี่ ขณะที่ไอโฟนทำธุรกิจของแอปเปิ้ลสูงขึ้น อีกทั้งยังก้าวมาเป็นผู้มีชื่อเสียง ไอโฟนได้สร้างผลกำไรให้แก่แอปเปิ้ลมากกว่าทั้งบริษัทของไอบีเอ็มทำได้เสียอีก แอปเปิ้ลได้กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่าสุดในโลกเพราะงานที่พวกเขาทำ

    แต่ฟอร์สทอลก้าวร้าวกับการที่จะเอาชนะฟาเดล ซีโอโอ ทิมคุกได้ผลักฟอร์สทอลออกจากแอปเปิ้ลเมื่อปี ค.ศ. 2012 แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 2007 เขาทำเมือนกลับว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป และยังมีส่วนร่วมเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ของไอโฟนทั้งหมดอีกด้วย การจากไปครั้งใหญ่ของผู้ติดตามที่มากความสามารถ คนเหล่านั้นรอเพื่อที่จะเห็นฟอร์สทอลไร้จุดหมาย เหล่าแฟนได้ยอมรับว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาได้กลายมาเป็นเจ้านายที่เข้าใจยาก เป็นคนที่เอาหน้าสำหรับงานที่ดี แต่ตำหนิคนอื่นสำหรับงานที่ตนเองทำผิดพลาด เมื่อตอนที่จ็อบส์ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้บอกผู้ร่วมงานเขาว่าจ็อบส์ไม่ได้มีศีลธรรมอย่างที่เห็น เมื่อปี ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์บลูมเบิร์ก บิซซิเนสวีค ได้รายงานว่า หัวหน้าทีมออกแบบ โจนี่ อีฟ และ หัวหน้าทีมเทคโนโลยี บ็อบ แมนส์ฟีลด์ เป็นที่น่าสงสัยของฟอร์สทอล ซึ่งพวกเขาได้ปฏิเสธที่เจอกับเขาแม้ว่า ซีอีโอ ทิม คุกจะอยู่ที่นั่นก็ตาม

    มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจว่าจ็อบส์ได้เล่นเกมส์ให้ผู้บริหารสองคนต่อสู้กันเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนในแอปเปิ้ลมากมาย

    มันเป็นการล่มสลายที่สุดยอดมาก กล่าวโดยผู้บริหารคนหนึ่ง ผมคิดว่าสตีฟจะยิ่งใหญ่ในยุคสมัยโรมัน ที่ซึ่งคุณสามารถดูผู้คนถูกโยนสิงโตไปแล้วถูกกินได้ เขาทำอย่างนี้กับ ฟาเดลและฟอร์สทอล โทนี่เคยเป็นเด็กที่เก่งระยะนึง ถัดมาก็เป็นฟอร์สทอล และก็กลับมาเป็นโทนี่ กลับไปกลับมาคล้ายกับละครสัตว์ เราเคยเห็นการ์ตูน สายลับ สู้กับ สายลับ เรื่องมันก็คล้ายๆ กัน ผู้บริหารอีกท่านหนึ่งได้กล่าวเปรียบเทียบว่า ครั้งแรกที่ได้ดูหนังเรื่อง กลาดิเอเตอร์ เธอได้บอกกับสามีของเขาว่า คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้

    เมื่อมองย้อนกลับไป หลายคนในแอปเปิ้ลเชื่อว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม ความถนัดของฟาเดลคือด้านฮาร์ดแวร์ ส่วนความถนัดของฟอร์สทอลคือซอฟท์แวร์ ซึ่งทำให้ฟอร์สทอลมีความได้เปรียบเนื่องมาจากมีหลายคนเชื่อว่าจ็อบส์นั้นสนใจในด้านซอฟท์แวร์และการออกแบบผลิตภัณฑ์มากกว่า

    กริกนอนรู้ถึงความน่าขยะแขยงของการต่อสู้ระหว่างพวกเขาสองคน แม้ก่อนที่งานเปิดตัวไอโฟนจะเกิดขึ้นเขาก็รับรู้ถึงความตึงเครียดระหว่างผู้บริหารทั้งสองเหมือนกัน ในปี ค.ศ. 2004 ฟอร์สทอลพยายามที่จะไม่ให้กริกนอนได้รับงานจากแผนกของฟาเดล กริกนอนได้ทำงานกับฟอร์สทอลเป็นเวลาสามปีส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า แดชบอร์ด และ ไอแชท เขาคิดว่าพวกเขานั้นเป็นเพื่อนร่วมงานที่เหมาะสม สามารถไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุดได้ แต่เมื่อฟาเดลได้เสนอโอกาสในแอปเปิ้ลที่ดีกว่าให้ ฟอร์สทอลได้พยายามที่จะขัดขวางมัน เขาบอกกับกรินอนว่าเขาได้สนับสนุนการตัดสินใตที่จะย้าย หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปบอกจ็อบด้วยตัวเองเพื่อที่จะหยุดเรื่องนี้โดยไม่บอกกริกนอน และเขาก็ได้โน้มน้าวสตีฟเพียงพอที่จะขัดขวางการโอนย้ายไปทีมของฟาเดล

    การต่อสู้ครั้งนี้มันเหมือนกับสงครามศาสนา เมื่อการทำไอโฟนเริ่มต้นขึ้น ฟอร์สเทลได้สร้างองค์ประกอบที่ซับซ้อนขึ้นมาเพื่อทำโปรเจคนี้ มันคือความลับซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ง่ายภายในเวลาอันสั้น ฟอร์สทอลได้รวบรวมวิศวกรหัวกะทิจากทั่วบริษัท สร้างพื้นที่ปิดตายสำหรับการทำงาน

    โดยทางการแล้วไอโฟนจะถูกพาไปด้วยฟาเดล ซึ่งฟาเดลนั้นเป็นคนทำในส่วนขอไอพอดซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างไอโฟนโดยเริ่มต้นมาจากไอพอดแล้วปรับปรุงมันให้ดีขึ้น ฟอร์สทอลนั้นคิดแตกต่างและมีไอเดียที่เสี่ยงมาก นั้นคือการย่ออุปกรณ์ที่ทำงานบนแมคให้มาทำงานได้บนมือถือ ในขณะเดียวกันทีมของฟอร์สทอลก็ได้ทดลองรัน OSX บนมือถือไปด้วย

    จ็อบส์นั้นต้องการที่จะรัน OSX บนมือถือ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะทำได้ เมื่อทีมของฟอร์สทอลนั้นทำได้ พวกเขาจึงชนะในการควบคุมโปรเจคไอโฟน ไม่มีใครที่จะเก่งทั้งด้านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ เมื่อสก็อตได้คุยกับสตีฟว่า มีพวกทีมซอฟท์แวร์ห่วยๆอยู่กับทีมของโทนี่และเขาก็อยากได้ สตีฟจึงตอบว่า ได้แน่นอน พวกเขาก็เป็นซอฟท์แวร์เหมือนกับคุณ พวกเขาก็ต้องอยู่กับคุณสิ ในเวลาต่อมาเมื่อไอโฟนเริ่มขายช่วงกลางปี ค.ศ. 2007 ฟอร์สทอลได้ควบคุมวิศวกรซอฟท์แวร์มากมาย และเมื่อแอปเปิ้ลเปิดตัวไอพอดและไอพอดทัชในเดือนต่อมา เขาก็ได้ควบคุมมันอีกเช่นกัน

    ฟาเดลนั้นจากไปหา เนสท์ บริษัทซึ่งมีภาพลักษณ์ดี ทรงพลัง และง่ายต่อการใช้งานนั่นคือ เทอร์โมสตัท ไม่น่าแปลกใจที่มันมีการออกแบบและซอฟท์แวร์งอกง่อยมาจากผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล

    ฟาเดลนั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรค์ของจ็อบส์อย่างแท้จริง เมื่ออายุสามสิบสองเขาได้มาทำงานที่แอปเปิ้ลด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเหมาะสมกับงานนี้ สี่ปีถัดมาได้กลายมาเป็นผู้บริหารด้านไอพอด ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอำนาจในแอปเปิ้ลคนนึงเมื่อปี ค.ศ. 2006 ไอพอดมีสัดส่วนถึงสี่สิบเปอร์เซ็นของรายได้ทั้งหมดของแอปเปิ้ลจำนวน 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสัดส่วนทางการขายอยู่ที่มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็น แอปเปิ้ลได้จำหน่ายแมคเป็นจำนวนมากด้วยเหมือนกันแต่ยอดขายนั้นมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นของจำนวนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั้งหมด

    ฟาเดลนั้นเป็นที่ต้องการสำหรับแอปเปิ้ลในช่วง ค.ศ. 2011 เขานั้นทั้งหนุ่มและฉลาด แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของวิศวกรรมการตัดมุมชิ้นส่วนอุปกรณ์พกพาที่วัลเล่เป็นระยะเวลาสิบห้าปี เขามักจะพลั้งปากเมื่อเขาเผชิญกับงานหรือไอเดียที่ต่ำกว่ามาตรฐาน งานแรกของเขานั้นเริ่มที่ เจนเนอรัล เมจิก ซึ่งเป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากแอปเปิ้ลที่ต้องการจะเขียนโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์มือถือ ถัดมาฟาเดลค้นพบตัวเองเมื่อได้อยู่กับฟิลิปส์ ที่ซึ่งเขาได้กลายเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุด ถัดมาเขาได้ย้ายไปโมบาย คอมพิวติ้งกรุ๊ป ที่ซึ่งเขาได้พัฒนา PDAs พวกมันยังได้ทำให้เห็นถึงพลังของเพลงดิจิทอลบนอุปกรณ์พกพา

    ฟาเดลพร้อมที่จะเปิดบริษัทของตนเองเมื่อหัวหน้าทีมด้านฮาร์ดแวร์ของแอปเปิ้ลโทรมาและพยายามเสนองานให้เขา หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์เขาถูกจ้างในฐานะที่ปรึกษาเพื่อสร้างไอพอดรุ่นแรก

    กริกนอนและคนอื่นๆ ได้พูดว่าการเจริญเติบโตของฟาเดลนั้นทำให้ฟอร์สทอลนั้นอยู่ไม่สุข นับตั้งแต่ฟาเดลนั้นร่วมงานกับแอปเปิ้ล ผู้ใกล้ชิดของจ็อบส์ประกอบไปด้วยผู้คนที่เขาทำงานอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มต้น หรือในกรณีที่เขาเริ่มงานที่ เน็กสท์ (บริษัทคอมพิวเตอร์ที่เขาได้ตั้งขึ้นมาหลังจากถูกไล่ออกเมื่อ ค.ศ. 1985) ฟอร์สทอลได้ร่วมงานกับจ็อบส์มากกว่าผู้บริหารท่านอื่นๆอีกด้วย เขาได้เข้าบริษัทเน็กสท์หลังจากเขาจบการศึกษาจากสแตนฟอร์ดเมื่อปี ค.ศ. 1992 แต่เขาก็ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจ็อบส์เป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ฟาเดลนั้นทำได้ และฟาเดลผู้ซึ่งมีอายุเท่ากับฟอร์สทอลพัฒนาได้เร็วกว่าฟอร์สทอล ฟาเดลได้ก้าวไปอยู่ในส่วนของไอพอดที่ได้สร้างเม็ดเงินให้แก่แอปเปิ้ลถึงสี่สิบเปอร์เซ็นของรายได้ทั้งหมดส่วนฟอร์สทอลได้รับผิดชอบในส่วนของซอฟแวร์ที่จะทำงานบนแมค เช่น แอดเดรสบุค เมล ซาฟารี และ โฟโต้บูท

    หลังจากนั้นฟอร์สทอลและจ็อบส์ก็เข้ากันได้เพราะว่าเพื่อนร่วมงานเชื่อว่าเขาพัฒนาความสัมพันธ์จากการที่จ็อบมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจากโรคมะเร็งตับอ่อน และเขาก็เข้ามาช่วยรักษาเขา หลักจากนั้นกริกนอนบอกว่าฟอร์สทอลก็มีส่วนร่วมในการประชุมทีมงานอาวุโสของจ็อบส์ทุกวันจันทร์บ่อยขึ้น โดยทั่วไปแล้วฟอร์สทอลไม่ควรจะได้รู้เกี่ยวกับโปรเจคของไอโฟนนี้เพราะว่าเขานั้นยังอาวุโสไม่พอ แต่หลังจากที่เขาได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็พยายามที่จะเข้าไปมีส่วมร่วมกับมัน

    ฟอร์สทอลนั้นนุ่มนวล น่าดึงดูด และมีพรสวรรค์ของจ็อบส์นั่นคือการแสดงละคร ในชั้นมัธยมเขาก็ได้เข้าเรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นั่นแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายที่เขาต้องการ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฟอร์สทอลนั้นก็คล้ายกับสตีฟ เขาเป็นผู้จัดการไฟแรงที่ต้องการรายละเอียดที่ดีกว่ามาตรฐาน เขามีความสามารถของจ็อบส์สำหรับเข้าใจด้านเทคนิค ชุดอุปกรณ์ในแบบง่ายๆ อีกทั้งเขายังมีรสนิยมที่ขับรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ SL55 AMG สีเงิน ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่จ็อบส์ขับ รวมไปถึงการแต่งกายของเขาบนเวที รองเท้า ยีนส์ เสื้อกันหนาวก็ยังเหมือนจ็อบส์อีกด้วย

    เป็นเวลาสองปีสำหรับการต่อสู้ระหว่างฟอร์สทอลกับฟาเดล ทำให้มีเรื่องขัดแย้งเล็กๆน้อยๆที่ให้จ็อบส์มาไกล่เกลี่ยเสมอ นิทิน กานาตราเคยทำงานกับฟอร์สทอล ถูกเรียกตัวกลับมาเมื่อ ค.ศ. 2006 เมื่อจ็อบส์ต้องการใครซักคนเพื่อที่จะสร้าง บูท โหลดเดอร์ (boot loader) เพื่อรันไอโฟน มันดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย และมันก็ใช่ บูท โหลดเดอร์เป็นชิ้นส่วนของซอฟแวร์ตัวแรกที่รันบนคอมพิวเตอร์ มันบอกว่าตัวประมวลผลนั้นต้องหาจุดไหนเพื่อที่จะเริ่มการทำงานของดิสก์ “ทำไมสตีฟถึงต้องเข้ามาและตัดสินใจในเรื่องเล็กพวกนี้ สก็อตและโทนี่ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน”

    วิศวกรท่านอื่นได้บอกกับฟาเดลอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความไม่พอใจของการต่อสู้ครั้งนี้ สองปีที่ผ่านมาเขาได้ทำงานในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า คริสต์มาสและปีใหม่ มันเป็นช่วงเวลาที่บ้ามาก อีกทั้งยังต้องมาเจอกับเรื่องการเมืองนี้อีก

    กำหนดการณ์ที่ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้สำหรับการเปิดตัวไอโฟน ยังคงเป็นวันที่ 29 มิถุนายน เมื่อมันถูกขายในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน งานที่จะถูกกล่าวถึงโดยสื่อไปทั่วโลกราวกับว่าเอลวีส เพรสลี หรือ จอห์น เลนนอนได้ฟื้นมาจากความตายเลยทีเดียว กลุ่มนักข่าวได้ตั้งแคมป์นอกแอปเปิ้ลสโตร์เป็นพยานสำหรับความอยากได้สินค้าของเหล่าผู้ซื้อที่ต่อแถวรอนับชั่วโมง

    แอปเปิ้ลขายไอโฟนไป สองแสนเจ็ดหมื่น เครื่องภายในสองวันแรกที่เปิดขาย ในหกเดือนถัดมาแอปเปิ้ลได้ขายไป สามล้านสี่แสนเครื่อง ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมือถือไปตลอดกาล

    เมื่อมองย้อนกลับไปไอโฟนนั้นให้ความรู้สึกว่าเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำอันนึง พัฒนาการของไอโฟนในด้านการออกแบบและลูกเล่นนั้น มีบางสิ่งที่ผิดไป สำหรับรุ่นพื้นฐานขายที่ราคา สี่ร้อยเก้าสิบเก้า ดอลลาร์สหรัฐ มันแพงเกินไป จริงๆ แล้วมือถือรุ่นอื่นนั้นขายที่ราคาเกือบครึ่งนึงของไอโฟน ผู้บริโภคมีอิสระที่จะเปลี่ยนเครือข่ายหรือจะยกเลิกบริการเมื่อพวกเขาต้องการได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายเงินไปกับไอโฟน มือถือที่ถูกกว่ารุ่นอื่นบังคับให้ใช้บริการเครือข่ายนั้นสองปี แต่มันมีความความคุ้มค่าที่เงิน สองร้อยห้าสิบดอลลาร์หรือไม่?

    ไอโฟนนั้นทำงานบนเครือข่าย 2G ขณะที่มือถือระดับสูงทำงานบนเครือข่ายที่ใหม่และเร็วกว่าเครือข่าย 3G ไอโฟนนั้นใช้เวลาในการผลิตนานมากซึ่งในขณะที่ออกแบบนั้นเครื่อข่าย 3G ยังใช้งานไม่ได้ มือถือส่วนมากมี GPS มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้หรือเพิ่มความจุแต่ไอโฟนไม่มี ไอโฟนไม่สามารถเปิดวีดีโอที่ทำงานบนเทคโนโลยี Adobe Flash ซึ่งขณะนั้นวีดีโอทุกตัวบนยูทูบใช้งานอยู่

    ดูเหมือนว่าลูกเล่น เช่นคำสั่งการค้นหาสมุดโทรศัพท์ หรือคัดลอกแล้ววางตัวหนังสือ รวมไปถึงการอัดวีดีโอนั้นหายไปจากไอโฟนรุ่นแรก ปัญหาก็คือแอปเปิ้ลมีเวลาไม่พอที่จะใส่พวกมันเหล่านี้ลงไปให้หมด

    มันไม่มีแอพสโตร์หรือแผนที่จะเปิดตัวใดๆ ถัดมาแอปเปิ้ลได้เปิดตัวเมื่อ ค.ศ. 2008 เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ไอโฟนประสบความสำเร็จในการที่มันเป็นอุปกรณ์ของมัน มันสร้างเม็ดเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีสำหรับผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ และอื่นๆอีก 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อแอปเปิ้ล

    มันเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ทำให้บริษัทซิลิกอน วัลเล่ โด่งดัง แต่จ็อบส์และคนอื่นๆ สนใจที่จะทำให้ไอโฟนพร้อมขาย ไม่ได้ สนใจที่ศักยภาพของมือถือเป็นอันดับแรก บ็อบ บอร์เชอร์ได้ถามสตีฟว่าเขาคาดหวังว่าต้องการจะทำอะไรให้ให้สำเร็จบนไอโฟน เขาตอบว่าเขาต้องการสร้างมือถือที่คนใช้งานสามารถหลงรักมันได้ เพราะถ้าเราหลงรักมันแล้ว เราก็จะหาทางที่จะใช้งานมันได้

    จ็อบส์นั้นเข้าใจว่าผู้ใช้งานมองภาพไอโฟนว่าเป็นแมคอินทอชฉบับพกพา แต่เขาก็ยังไม่ชอบที่ผู้ใช้มองในมุมนี้ หลังจากที่มีการเปิดตัวไอโฟน เหล่านักพัฒนาซอฟท์แวร์ร้องขอการอนุญาตเพื่อทำโปรแกรมสำหรับไอโฟน แต่จ็อบส์ได้ปฏิเสธไป

    แต่ว่าไอโฟนนั้นมีลูกเล่นที่เจ๋งจนทำให้ผู้ใช้งานมองข้ามจุดบกพร่องไปได้ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ไอนโฟนที่มีหน้าจอสัมผัสแบบใหม่ หรือรันด้วยซอฟแวร์ที่ดีที่สุด หรือมีอินเตอร์เน็ทเบราเซอร์ที่จะไม่ค้างบ่อยๆ หรือเป็นเครื่องเล่นเพลง วีดีโอ หรือหนัง มันทำได้ทั้งหมดที่กล่าวมาได้และทำมันได้ดีด้วย

    สโตร์ของสตีฟ จ็อบส์อยู่ชานเมืองพาโล อัลโตที่หัวมุมของมหาวิทยาลัยอเวนิวและถนนคิปลิง ซึ่งเป็นระยะทางหนึ่งไมล์ครึ่งจากบ้านของเขา เขามักจะปรากฏตัวโดยไม่แจ้งให้ทราบให้เห็นที่นั่นเสมอถ้าเขาอยู่ในเมืองนั้น ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล สตีฟ วอซเนียก และพนักงานแอปเปิ้ลรุ่นแรก บิล แอทคินสัน และ แอนดี้ เฮิร์ทสเฟลอยู่อย่างนิ่งๆ ดูเหมือนว่าจ็อบส์นั้นมีแรงกระตุ้นจากภายในเพื่อขับเคลื่อนด้วยตัวเอง

    หกเดือนก่อนหน้านั้นทุกๆอย่างล้วนเป็นความผิดของโทนี่ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหาหรือชิพที่ผลิตช้าหรือมีปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของโทนี่ สก็อตไม่ได้ทำอะไรผิด แต่วันนั้นที่มีการรีวิวสินค้าออกมา อีเมลของไอโฟนไม่ได้มีไว้เพื่อคนใช้งาน แต่ทุกๆคนชอบรูปลักษณ์ของไอโฟน ดังนั้นสก็อตจึงถูกมองข้ามไป และโทนี่จึงกลับมาเป็นลูกรักอีกครั้ง มันช่างน่าตลกมากเพราะว่าสตีฟหันหลังให้กับฟอร์สทอลและโทนี่ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้ขำขัน แต่หน้าของสก็อตนั้นน่าประหลาดมาก มันคล้ายกับว่าพ่อของเขาได้บอกกับเขาว่าไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ...

    การบ้าน Dogfight กลุ่ม 3

    บทที่ 4

    ฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน

    มองกลับไปที่กูเกิ้ล ทีมแอนดรอยด์เริ่มกังวลเกี่ยวกับคำสัญญาว่าโปรเจคนี้จะไม่มีคนรู้เรื่อง รูบินได้รับอนุญาตให้จ้างวิศวกรเพิ่มอีก 1 โหลเมื่อปีค.ศ. 2007 ขณะการบรรยายกับชมิดท์ บริน และเพจ พวกเขาเอนเอียงไปที่รูบินเพื่อที่จะไม่ให้แอนดรอยด์ลุกขึ้นยืนและก้าวหน้าเร็วพอ พวกเขาเสนอแนวคิดในการเดินหน้าที่บ้าคลั่งและไม่ยอมให้สิ่งที่พวกเขาเห็นแล้วไม่พอใจ ชมิดท์ได้กล่าวว่าเรามีบุคคลากรในการเขียนซอฟท์แวร์ของแอนดรอยด์ไม่เพียงพอและจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในทันที อีกทั้งยังได้รับการตักเตือนจากเพจว่าแอนดรอยด์จำเป็นต้องทำงานเร็วกว่าและใช้งานง่ายกว่านี้ และจากบรินซึ่งกังวลเกี่ยวกับซอท์แวร์ที่น่าจะมีระบบการจัดการที่ดีกว่านี้

    เพจได้ระบุอีกว่าทุกหน้าจอจำเป็นต้องโหลดภายในเวลาสองร้อยมิลลิวินาที และต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ซึ่งใครก็ตามสามารถหาเส้นทางด้วยมือเดียวขณะขับรถได้ ในการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ชมิดท์ไม่พอใจกับการทำงานหรือดีไซน์ของแป้นพิมพ์แบบเลื่อนออกที่จะใช้กับดรีมโฟน

    แต่ในขณะเดียวกันกูเกิ้ลได้ตีตัวออกห่างจากแอปเปิ้ลและไอโฟนโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า รูบินและทีมแอนดรอยด์อาจจะรู้สึกอยากแข่งขันกับจ็อบส์และแอปเปิ้ลจากเหตุการณ์ที่ไอโฟนเปิดตัวคราวก่อน แต่การปกครองแบบสามคนของกูเกิ้ลนั้นไม่ได้รู้สึกแบบนั้นทั้งหมด ภายหลังจากไอโฟนเปิดตัวเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน บรินและเพจมักเห็นพ้องกันเสมอ และในการประชุมแอนดรอยด์พวกเขามักจะเปรียบเทียบฟีทเจอร์ของแอนดรอยด์กับไอโฟนเสมอ ดีซาลโวจำได้ว่าหนึ่งในนั้นมักจะถามว่าทำไมเราต้องทำโปรเจคนี้ด้วย เรามีมือถือ มีบริการของกูเกิ้ล ใช้งานจีเมล ปฏิทินได้ ทำไมเราต้องทำอุปกรณ์แอนดรอยด์ด้วย มันทำให้ฉันรู้สึกโมโห

    บรินและเพจไม่ชอบที่จะสนทนาเรื่องที่นอกเหนือจากความเห็นของพวกเขา แต่ชมิดท์มักจะทำในทางตรงกันข้าม กูเกิ้ลนั้นต้องการที่จะให้กูเกิ้ลเสิร์ชแอพพลิเคชั่นอยู่บนมือถือ มันได้ถูกทดลองและล้มเหลวมาเป็นปี

    ในปีค.ศ. 2007 กูเกิ้ลและแอปเปิ้ลดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกันแล้ว กูเกิ้ลนั้นหารายได้จากการโฆษณา แอปเปิ้ลได้มาจากการขายอุปกรณ์ มันน่าแปลกใจสำหรับเราที่เมื่อก่อนมันเหมือนม้าสองตัวกำลังแข่งกันระหว่างแอปเปิ้ลกับกูเกิ้ล ชมิดจ์กล่าวว่า เน็ตเวิร์คแพลตฟอร์มเหล่านี้ มันเป็นแบบดั้งเดิมซึ่งถูกกำจัดได้โดยบริษัทที่เด่นกว่า แต่มันไม่น่าสงสัยที่ใครจะเป็นผู้ชนะ ซิมเบียนยังคงแข็งแกร่ง (โนเกีย) มือถือวินโดวส์มีแรงฉุดอยู่ และแบล็คเบอรี่ก็แข็งแกร่งอีกเช่นกัน ซึ่งเกือบทุกบริษัทก็ใช้มัน

    ขณะที่บริน เพจ และชมิดจ์กำลังผลักดันทีมแอนดรอยด์อย่างหนัก อีกทั้งยังเกี่ยวกับทีมกูเกิ้ลไอโฟน พวกเขายังได้จ้าง วิค กันโดตร้า ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้จักดีอยู่แล้วจากไมโครซอฟท์ เขาอายุ 37 ปี โดยใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตกับการทำงานไปกับบิล เกท และสตีฟ บาลเมอร์และกลายมาเป็นตัวเชื่อมระหว่างบริษัทกับนักพัฒนาซอฟท์แวร์ภายนอกซึ่งเป็นจำนวนประมาณหนึ่งหมื่นกว่าคนทั่วโลก กันโดตร้าเป็นที่รู้จักในเรื่องความมีไหวพริบทางด้านงานเทคนิค การบรรยายงานที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับสตีฟ จ็อบส์ และมีความเต็มใจที่จะเสี่ยงและชอบโต้แย้ง การเจริญเติบโตและการปกครองที่น่าทึ่งของไมโครซอฟท์ในช่วงปีค.ศ. 1990 เป็นแค่ส่วนเล็กน้อยของผลลัพธ์จากการไม่เหน็ดเหนื่อยในการเผยแพร่ของเขา เขาชักชวนโปรแกรมเมอร์ทั้งหลายเพื่อมาเขียนซอฟท์แวร์สำหรับวินโดวส์ มันเป็นเรื่องยากที่กูเกิ้ลจะจ้างกันโดตร้าแม้ว่าไมโครซอฟท์บอกว่ามีสัญญาห้ามแข่งขันสำหรับเขาหนึ่งปี มันเป็นก้าวที่สำคัญ แต่กูเกิ้ลก็จ้างเขาในที่สุด โดยให้เขาไม่ต้องทำงานโดยจ่ายเงินให้เขาเป็นระยะเวลา 1 ปี

    กันโดตร้าเริ่มทำงานโดยถามคำถามเกี่ยวกับธุรกิจที่ทำ ผลกำไร เขาได้ถามว่าเมื่อไหร่ที่จะมีผู้สนับสนุนแผนธุรกิจ กูเกิ้ลนั้นภูมิใจกับตัวเองสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่นิยมก่อนที่สร้างผลกำไร

    แต่กันโดตร้าเจริญเติบโตและเร่งให้กูเกิ้ลประสบความสำเร็จซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำ เขาได้ไปงานสัมมนาและพูดเกี่ยวกับการที่เขาพกพาและใช้งานมือถือมากกว่าโหลนึง ทำไมกูเกิ้ลจะต้องอยู่บนทุกแพลตฟอร์ม และอย่างไร การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นจะเกิดขึ้นกับมือถือเช่นเดียวกัน ความแตกต่างในครั้งนี้คือ กูเกิ้ลและแอปเปิ้ลได้มาถูกทางแล้ว แต่ไมโครซอฟท์นั้นมาผิดทางของการวิวัฒนาการ เขาได้คิดเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้าของวงการมือถือ เมื่อลูกสาวของเขาแนะนำเขาในการหาคำตอบจากมือถือแทนที่จะตอบว่าไม่รู้ เขาจึงมาร่วมงานกับกูเกิ้ลเพราะว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวไมโครซอฟท์ให้ฟังความคิดเห็นเขาได้

    สิ่งที่ทำทำให้กันโดตร้าผลักดันสิ่งที่แตกต่างที่กูเกิ้ลนั้นมาจากเขารับรู้อย่างรวดเร็วว่าอนาคตของกูเกิ้ลในส่วนของมือถือนั้นขึ้นอยู่กับไอโฟนเป็นส่วนมาก เขาคาดว่าจะหาวิธีที่จะทำให้แอพพลิเคชั่นของกูเกิ้ลสามาถใช้กับมือถือได้ทุกรุ่น แต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นการเสียเวลา ไอโฟนนั้นเป็นการปฏิวัติของวงการมือถือซึ่งทำให้มันกลายมาเป็นแนวหน้า นอกจากแซงหน้าผู้ผลิตมือถืออย่างโนเกียและริม (ผู้ผลิตแบล็คเบอรี่) มันยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงไมโครซอฟท์อีกด้วย

    สำหรับกันโดตร้านั้น สิ่งที่ทำให้ไอโฟนปฏิวัติวงการมือถือนั้นมีนับไม่ถ้วน มันสวยงาม แอปเปิ้ลยังทำงานโดยปราศจากการแทรกแซงจากผู้ให้บริการเครือข่าย มันยังเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นของกูเกิ้ลได้เทียบเท่ากับการเปิดบนคอมพิมเตอร์ และยังมีอินเตอร์เน็ตเบราส์เซอร์ที่แสดงการโฆษณาของกูเกิ้ลได้ปกติ นี่มันเป็นข้อดีที่จะช่วยให้แอพพลิเคชั่นของกูเกิ้ลและเสิร์ชแอดส์แพร่หลาย กันโดตร้าได้ทำนายไว้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อไมโครซอฟท์อย่างมาก ไมโครซอฟท์นั้นมีผู้ใช้งานวินโดวส์และคอมพิวเตอร์อย่างผูกขาด แต่ด้านมือถือนั้นมีส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย แม้ว่าชมิดท์กลัวเกียวกับก้าวย่างของไมโครซอฟท์ในส่วนของมือถือ แต่กันโดตร้านั้นเชื่อว่าไอโฟนนั้นได้นำหน้าไปแล้ว ส่วนไมโครซอฟท์นั้นย่ำอยู่กับที่ เขาคิดว่าการเปิดตัวราคาของไอโฟนเป็นการลองเชิง หากผู้ใช้ต่อต้านก็จะลดราคามาภายหลัง

    เรื่องราวทั้งหมดนี้ดูเหมือนแปลกประหลาด ผู้คนคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้ามาก สมาร์ทโฟนนั้นมีสัดส่วนน้อยมากในวงการมือถือ (2 เปอร์เซ็นต์) หากคนอินเดียหรือคนจีนสามารถที่จะสามารถถซื้อไอโฟนเจ็ดร้อยดอลล่าร์ได้ นั่นแปลว่ามันเป็นเรื่องที่บ้ามาก เขากำลังท้าทายเกี่ยวกับความเชื่อดั้งเดิมของกูเกิ้ล นั่นคือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจแบบสุภาพกับทุกคน ความสำเร็จของกูเกิ้ลบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับการค้นหาที่สามารถทำงานบนแพลตฟอร์มและอินเตอร์เน็ตเบราส์เซอร์ได้ทุกชนิด เขาได้ทำให้ภาพรวมดูผ่อนคลายลงด้วยการบอกว่าเขากำลังปิดโครงการพัฒนาทั้งหมดยกเว้นสมาร์ทโฟน 5 ตัว มันเป็นการตัดสินใจที่มีคนขัดแย้ง ทีมวิศวกรยุโรปโกรธมากเกี่ยวกับการที่เราไม่ได้รองรับมือถือโนเกียหลากหลายรุ่น เป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากว่าสมาร์ทโฟนนั้นจะกลายมาเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะไอโฟน คนในทีมของเขาบางคนลาออก มันเป็นช่วงเวลาที่แย่มากขณะที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์ได้กล่าวว่าไอโฟนนั้นจะล้มเหลว และทุกคนก็เชื่อตามคำกล่าวอ้างนั้น

    ทีมแอนดรอยด์ได้ประสบปัญหากับการปรากฏตัวของกันโดตร้า ลูกทีมของเขาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจคไว้อย่างดี ตอนนี้การผลักดันของกันโดตร้าในหัวข้อของมือถือหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับการที่ไอโฟนนั้นพร้อมที่จะขาย หากให้เลือกระหว่างแอพพลิเคชั่นของกันโดตร้ากับแอนดรอยด์ในปีค.ศ.2007 ดูเหมือนว่าชมิดท์ บรินและเพจจะเลือกไอโฟน แอนดรอยด์นั้นห่างไกลเป็นปีหากจะมองว่าเป็นสินค้า เมื่อแอนดรอยด์ได้เริ่มที่จะทอดสอบกับมือถือและเริ่มคุยกับที-โมบายเกี่ยวกับเม็ดเงินที่จะใช้ไปกับการโฆษณา นั่นเป็นจุดเริ่มที่มันกำลังขยายตัวใหญ่ขึ้นตามลำดับ

    ถัดจากนั้นแอนดรอยด์ก็ได้รับความสนใจแต่ก็ปิดเงียบต่อไป ความลับนี้ไม่ได้เป็นความคิดของแอนดี้ รูบิน เขาไม่ต้องการให้ใครก็ตามรู้เกี่ยวกับโปรเจคนี้ เขาควบคุมไปซะทุกอย่างและเขายังเชื่อว่าทางเดียวที่โปรเจคนี้จะสำเร็จได้โดยการรันอย่างเงียบที่สุดภายในกูเกิ้ล กูเกิ้ลมีอายุเพียง 9 ปี แต่สำหรับรูบินบริษัทที่ช้าและเหมือนราชการเกินไป อีธาน เบียร์ดบอกว่าเขาจำได้ว่าส่วนงานที่ไม่ใช่แอนดรอยด์ใช้เวลาในการเจรจากับโมโตโรล่า 9-12 เดือน ดังนั้นแอนดี้พยายามที่จะไม่ให้แอนดรอยด์เป็นเหมือนตัวอย่างข้างต้น พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับคนอื่นๆ ชมิดท์ บรินและเพจได้ให้รูบินสร้างคาเฟ่ในสำนักงานใหญ่แอนดรอยด์ในพื้นที่ของกูเกิ้ล

    ความคิดในการแบ่งแผนกภายในกูเกิ้ล ทำให้กูเกิ้ลนั้นต่างจากบริษัทอื่นๆ ซึ่งหลีกเลี่ยงกำแพงกั้น ชมิดท์ บรินและเพจได้ตั้งระบบกระตุ้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน วิศวกรทุกคนสามารถหารู้ได้ว่าวิศวกรคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่ แม้กระทั่งดูซอฟท์แวร์โค้ดด้วยเพียงปลายนิ้ว ก่อนหน้าที่กูเกิ้ลจะเปิดเผยต่อสาธารณะ และปฏิบัติตามกฏของ SEC พวกเขาได้เปิดเผยตัวเลขผลกำไรและรายได้ในที่ประชุมต่อหน้าพนักงานนับพันคน

    รูบินเคารพแนวทางที่เฉพาะของกูเกิ้ลนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าหากบริษัทคู่แข่งทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เขาอาจจะถูกกำจัดบนตลาดการค้าได้ มีคนจำนวนมากบ่นว่าเราไม่ใช่คนของกูเกิ้ลเพราะว่าเราไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล เราจำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องพวกนี้หากพวกเขาอยากจะดูซอร์สโค้ด มันจึงทำให้สถาการณ์ตึงเครียดตามมา

    รูบินไม่เพียงแต่ทำให้แน่ใจว่าแอนดรอยด์จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว เขายังรู้ว่าการผลิตซอฟท์แวร์สำหรับสมาร์ทโฟนนั้นต่างจากเว็บสิ้นเชิง ในโลกซอฟท์แวร์ของกูเกิ้ลนั้นสินค้าทุกตัวเป็นของฟรีและยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวใดที่เสร็จสมบูรณ์ หากเปรียบเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงปรัชญาอย่างนึง กูเกิ้ลปล่อยผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ให้ผู้ใช้งานใช้แล้วส่งข้อบกพร่องกลับมา เพื่อที่จะทำการแก้ไขส่วนที่บกพร่องใน 20 เปอร์เซ็นที่เหลือ เพราะว่าซอฟท์แวร์นั้นฟรี และอีกทั้งยังอยู่บนเว็บไซต์ ทำให้สามารถตอบกลับได้ทันที

    รูบินรู้ว่าอุตสาหกรรมมือถือมองว่ากูเกิ้ลได้เข้าใกล้เส้นตายอย่างหวาดกลัว เมื่อคุณกำลังจะสร้างและขายของที่จับต้องได้อย่างเช่นมือถือ สินค้าที่ซึ่งผลิตไม่ทันกำหนดในช่วงช็อปปิ้งนั้นทำให้มันเลวร้ายมากโดยสูญเงินเป็นจำนวนมากไปกับการโฆษณาและค่าพัฒนา เขายังจำได้อีกว่าแอนดี้พูดว่าเราจำเป็นที่จะต้องทำให้เสร็จทันกำหนด ส่วนกลุ่มวิศวกรตอบว่าเราไม่สามารถทำให้ทันกำหนดได้ แอนดี้จึงบอกไปว่าถ้าคุณทำไม่ได้ ผมจะไล่คุณออกและหาทีมใหม่ที่สามารถทำได้แทน

    ที่กูเกิ้ลนั้นเป็นเรื่องเด่นมากที่ทำให้ทีมแอนดรอยด์รู้สึกว่าพวกเขาเป็นนักปฏิวัติ หลังจากที่หายตกใจจากการเปิดตัวของไอโฟนแล้วทีมแอนดรอยด์ได้เห็นสิ่งที่ไอโฟนทำไม่ได้ พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นจะต้องเหนือกว่าในทุกด้าน และเขาไม่ต้องการให้กูเกิ้ลถอดออกไป เขาคิดว่าแอนดรอยด์กำลังจะกลายมาเป็นเหมือนวินโดวส์เพราะว่ามันจะถูกเผยแพร่ไปสู่มือถือหลากหลายหรือประมาณ 98 เปอร์เซ็นของมือถือทั้งหมด และไอโฟนก็จะมีส่วนแบ่งเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นเท่านั้น

    รูบินปลุกใจทีมของเขาทุกครั้งที่มีโอกาสด้วยการตอบแทนบางอย่างให้ เขามักจะซื้ออุปกรณ์รุ่นล่าสุด เช่น กล้อง เครื่องเสียง เกมส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อที่จะตามทันคู่แข่งในเทคโนโลยี แต่เขาก็ไม่ได้เก็บไว้นาน เมื่อเขาได้ใช้จนพอใจแล้วเขาก็มอบให้ลูกน้องของเขาตามลำดับที่มาก่อนมาหลัง หนึ่งปีให้หลังจากที่กูเกิ้ลได้ปล่อย ”ดรีม” รูบินได้กระตุ้นทีมกูเกิ้ลโดยการเพิ่มโบนัสให้แก่ทีมของเขาโดยใช้เงินของตัวเอง

    อีกมุมนึงที่การแยกตัวออกมานี้ไม่ได้ทำให้แอนดรอยด์เป็นที่รักของกูเกิ้ลเท่าไรนัก ขณะที่ทีมแอนดรอยด์รู้สึกว่าพวกเขาน่าจะทำอะไรด้วยตนเองได้ แต่เขาก็ทำไม่ได้ เช่นการไปร่วมงานกับทีมกูเกิ้ลอีกฝั่งนึงของตึก

    นั่นไม่ใช่เพียงแค่การขาดไปของการให้และการรับระหว่างแอนดรอยด์และทีมของกูเกิ้ลที่เหลือซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่เย็นชา ความพยายามของรูบินทั้งหมดในการควบคุมข้อมูลไม่ดีเท่าไรนัก ยิ่งเวลาผ่านไปดูเหมือนว่าจะมีข่าวลือว่ากูเกิ้ลกำลังสร้างมือถือ กูเกิ้ลนั้นเคยที่จะเก็บความลับของสินค้าเอาไว้ได้เพราะพวกเขาทำมันในบริษัทตัวเองแทบทั้งหมด ขณะที่กูเกิ้ลนั้นเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัทอื่นๆมากกว่าพนักงานของตัวเอง นั่นก็เป็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้ข้อมูลรั่ว ในการสร้างแอนดรอยด์ รูบินจำเป็นที่จะทำงานกับบุคคลภายนอก กูเกิ้ลไม่เห็นโค้ด แต่ว่าผู้ร่วมงานของแอนดรอยด์ได้เห็นมัน และบางส่วนได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผย

    ชมิดท์ บริน และเพจพยายามที่จะจัดการให้แอนดรอยด์นั้นเข้ากันได้กับกูเกิ้ลในส่วนที่เหลือ ซึ่งบางครั้งการกระทำยางอย่างก็ทำให้มันยิ่งห่างไปจากเดิม เซดริก หนึ่งในวิศวกรของแอนดรอยด์บอกว่าในช่วงซัมเมอร์ได้เจอคำถามจากพนักงานและมีการตอบที่ไม่ตรงประเด็นเกิดขึ้น พวกเขาจึงไม่ไปร่วมประชุมประจำวันศุกร์อีกต่อไป มันเป็นเรื่องที่ลำบากมากที่ต้องฟังคำถามพวกนี้แล้วไม่สามารถตอบได้ ส่วนที่ยากที่สุดนั้นคือการซ่อนต้นแบบมือถือ มันเกิดขึ้นหลายครั้งทีเดียว เขาตอบว่ามันเป็นต้นแบบของแบล็คเบอรี่ หรือเป็นของโนเกีย หรือ อะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่สนใจมัน

    สำหรับสื่อนั้นมือถือของกูเกิ้ลนั้นเป็นที่น่าสนใจมาก ซึ่งมันทำให้เรื่องนี้มันลงตัวมาก กูเกิ้ลพยายามที่จะซื้อธุรกิจโทรคมนาคมตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เขาได้ซื้อสายส่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานมาและวางแผนที่จะเป็นผู้ให้บริการเอง ทีมกูเกิ้ลทั้งหมดทุ่มเทไปกับเทคโนโลยีไร้สาย กูเกิ้ลไปเผยแพร่สู่สาธารณะเรื่องที่มีความต้องการที่จะให้แอพพลิเคชั่นของเขาทำงานบนมือถือ และทุกคนรู้ว่ารูบินกำลังทำอะไรให้กูเกิ้ลอยู่ หากเขาไม่ได้ทำมือถืออยู่เขาจะทำอะไร? กูเกิ้ลได้ร่วมมือกับแอปเปิ้ลเพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับไอโฟน อีกทั้งชมิดท์ยังเป็นบอร์ดของแอปเปิ้ล จ็อบส์จะต้องโกรธแน่ๆ หากเขารู้ว่ากูเกิ้ลกำลังสร้างมือถือมาแข่งกับไอโฟน

    โลกกำลังรอบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และกูเกิ้ลเร่งอย่างหนัก มีการสัมนา จัดการบรรยายกับนักพัฒนาซอฟท์แวร์ และให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ลงเนื้อหาของรูบินและทีมของเขา ภายใต้ภาพหัวข่าวว่า ไอ โรบอท ชายผู้อยู่เบื้องหลังมือถือกูเกิ้ล

    มันเป็นเรื่องน่าแปลก ถ้าบริษัทที่น่าสนใจที่สุดของโลกนี้ถูกครอบครองโดยรัฐบาล ชมิดท์และรูบินบอกว่าซอฟท์แวร์ซึ่งถูกผลิตมาจากความพยายามควรจะฟรี ผู้ผลิตมือถือ แคเรียร์ โปรแกรมเมอร์ สามารถที่จะปรับแต่งตามใจชอบได้ พวกเขาแค่หวัง แต่ไม่ได้เรียกร้องมันซึ่งผู้ผลิตและเครือข่ายสามารถจัดหาแพลตฟอร์มสำหรับกูเกิ้ลซึ่งนั่นก็เป็นซอฟท์แวร์ของตนเองซึ่งสามารถที่จะพัฒนาไปอีกได้ ท้ายที่สุดพวกเขาได้กล่าวกับผลิตภัณฑ์ว่ามันชื่อ แอนดรอยด์ และผู้ผลิตมือถือ เอชทีซี ซึ่งจะเปิดตัวมือถือพร้อมซอฟท์แวร์ภายในปีนี้

    มันไม่ใช่ที่สิ่งดูโง่ การเปิดตัวของแอนดรอยด์และพันธมิตรด้านหูฟังที่ยังไม่สมบูรณ์นัก ผู้เล่นรายสำคัญของวงการมือถือนั้นไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับกูเกิ้ล (Apple, Nokia,RIM,Microsoft, Palm, และผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่อย่าง AT&T และ Verizon) บริษัทเหล่านี้ดูเหมือนว่าไม่อยากเข้าไปอยู่ตรงนั้น เพียงแค่ออกข่าวว่าจะให้การช่วยเหลือแค่นั้น ที่สำคัญผู้ที่เข้าร่วมกับกูเกิ้ลนั้นไม่ใช้เพราะกูเกิ้ลกำลังสร้างหรือพัฒนาสิ่งใหม่ๆ แต่เป็นเพราะกูเกิ้ลจ่ายเงินให้พวกเขามาเข้าร่วม กูเกิ้ลได้จ่ายเงินจำนวนหลายล้านให้แก่ HTC เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ OHA และเพื่อสร้างมือถือตัวแรก

    ถัดมา HTC ได้ร่วมงานกับไมโครซอฟท์อย่างลึกซึ่ง ได้ผลิตมือถือสำหรับรุ่นที่ทำงานด้วยระบบวินโดวส์ การที่ HTC ได้ไปร่วมมือกับไมโครซอฟท์นั้นทำให้กูเกิ้ลยุติความสัมพันธ์ เนื่องจากไมโครซอฟท์นั้นเป็นคู่แข่งของกูเกิ้ล การดำเนินการนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่พวกเขาเพียงต้องการให้เห็นว่ากูเกิ้ลต้องก้าวข้ามผ่านขวากหนามเพื่อที่จะให้แอนดรอยด์นั้นประสบความสำเร็จ

    กูเกิ้ลได้รับความสนใจมากขึ้นหลังจากที่ได้เปิดตัววีดีโอของผู้ร่วมก่อตั้งและไดเรกเตอร์ของทีมแอนดรอยด์หนึ่งอาทิตย์นั้นโดยเขาได้พูดถึงรูปร่างของมือถือตัวจริง รวมไปถึงลักษณะคล้ายกับไอโฟนด้วย อุปกรณ์นี้เป็นระบบทัชสกรีน การเชื่อมต่อแบบ 3G ระบบกราฟฟิคที่สามารถเล่นเกมส์อย่า Quake ได้ กูเกิ้ลแมพ ทำงานได้เสมือนเปิดอยู่บนคอมพิวเตอร์เลย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไอโฟนรุ่นแรกไม่มี

    สิ่งที่น่าแปลกที่สุดเกี่ยวกับการเปิดตัว OHA คือเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังเบื่อ มันเป็นเพียงแค่ยกระดับความตึงเครียดระหว่างกูเกิ้ลและแอปเปิ้ลขึ้น กูเกิ้ลกำลังจะช่วยแอนดรอยด์หรือไอโฟน หรือทั้งสองอย่าง สิ่งหนึ่งที่รูบินพยายามให้แอนดรอยด์เป็นความลับนานเท่าที่จะนานได้ เพราะจะทำให้โปรเจคของเขาสำเร็จได้โดยที่กูเกิ้ลไม่ต้องตอบคำถามเหล่านั้น ในขณะที่แอนดรอยด์อยู่ในช่วงพัฒนา กันโดตร้าเจรจากับแอปเปิ้ล และดูเหมือนว่าเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นระหว่างสองบริษัทนี้

    ในช่วงแรก กูเกิ้ล โมบาย ซึ่งเป็นทีมที่ทำงานกับแอปเปิ้ลเรื่องไอโฟนเกลียดเรา พวกเขาคิดว่าเราทำให้พวกเขาเจ็บปวดอย่างหนัก เพราะเขาคิดว่าแอนดรอยด์ทำให้ความสัมพันธ์กับสตีฟ จ็อบส์จบลง

    แรงตึงเครียดระหว่างหน่วยงานในกูเกิ้ลนั้นแย่มากพอแล้ว บางครั้งรูบินหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าอย่างเต็มที่ เราคิดค้นสิ่งใหม่ๆอย่างบ้าคลั่งให้กับไอโฟนและแพลตฟอร์มอื่นๆ และยังจำได้ว่าเราไม่ได้ให้กูเกิ้ลแมพ และพยาการณ์อากาศกับแอปเปิ้ลซึ่งพวกเขาไม่มี แต่อีกคนบอกว่าหากเราควรจะหยุดให้สิ่งที่ดีที่สุดกับแอปเปิ้ล หากยังต้องการให้แอนดรอยด์ประสบความสำเร็จ

    แต่ความขัดแย้งภายในกูเกิ้ลนั้นแผ่ไปสู่ความขัดแย้งระหว่างแอปเปิ้ลกับกูเกิ้ลในเรื่อง OHA สตีฟรู้สึกถูกโจมตีจากแอนดรอยด์ และเขาก็โกรธมาก เขาทราบเกี่ยวกับแอนดรอยด์มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจังกับมันมาก หลังจากที่เขาได้เห็นต้นแบบมือถือในวีดีโอของกูเกิ้ล เขาก็ได้ระเบิดความโกรธแค้น ตอนนี้เขาคิดว่าหุ้นส่วนของเขากำลังสร้างมือถือมาแข่งกับไอโฟน

    จ็อบส์นั้นไม่อยากจะเชื่อว่าชมิดท์ เบรนแลเพจได้ทำสิ่งที่เลวร้าย ทั้งสามคนนี้ไปหาเพื่อทำให้มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แอนดรอยด์เป็นสิ่งที่พวกเขาพูดถึงตลอดมา มันเป็นระบบ open-source ที่ผู้ผลิตรายใดก็ใช้ได้ กูเกิ้ลไม่ได้สร้างมือถือมาแข่งกับไอโฟนแต่อย่างใด กูเกิ้ลเพียงแค่ต้องการมือถือมาทดสอบแอนดรอยด์บนนั้น เราไม่ได้มีเจตนาที่จะลอกเลียนอะไรก็ตามของไอโฟนที่จริงแล้วชมิดท์ได้ทำความเข้าใจกับจ็อบส์เรื่องลำดับความสำคัญของกูเกิ้ล ไอโฟนนั้นมาก่อน

    จ็อบส์พยายามหาเหตุผลมาเพื่อเชื่อการอธิบายของทีมกูเกิ้ล สองบริษัทนี้มีความสัมพันธ์กันจนเหมือนกับว่าจะเป็นบริษัทเดียวกัน กรรมการบริษัทก็ล้วนมาจากทีมให้คำปรึกษาจากอีกฝั่ง การที่จะสู้กับกูเกิ้ลนั้นจะทำให้ที่ปรึกษาทั้งหลายต้องเลือกฝั่งที่ยืน มันจะทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกได้ หรือาจทำให้ SEC มาสืบสวนกรรมการบริษัทได้ ซึ่งไม่มีใครต้องการผลแบบนี้โดยเฉพาะแอปเปิ้ล

    หลังจากที่จ็อบส์เสียชีวิตไปดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลต้องการกูเกิ้ลมากกว่าที่กูเกิ้ลต้องการแอปเปิ้ล แต่มันก็ไม่เป็นจริงซะทีเดียว ไอโฟนนั้นทำได้ดี ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนั้น แต่มันยังเร็วไปที่จะบอกว่าไอโฟนนั้นเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จ จ็อบส์ได้ลดราคาไอโฟนรุ่นต่ำสุดลงมา $100 เพื่อส่งเสริมการขาย ทำให้คนที่จงรักภักดีและกลุ่มคนที่ซื้อไปแล้วรู้สึกโกรธและถูกหลอกลวง เขายังเจรจากับ AT&T เพื่อให้ลดราคาสินค้าที่ $200 ลงมาเป็น $199 ในขณะที่กูเกิ้ลนั้นจ่ายเงินให้กับแอปเปิ้ลจำนวน 70 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ซอฟท์แวร์ของพวกเขาอยู่บนไอโฟน

    แม้ว่าเหตุผลหลักที่จ็อบต่อสู้กับกูเกิ้ลนั้นเป็นเหตุผลส่วนตัว อย่างไรก็ตามเขาก็คิดว่าบรินและเพจยังคงเป็นเพื่อนเขาอยู่ เขายังได้รับคำปรึกษาหนึ่งปีอีกด้วย พวกเขาสามคนยังเคยพบเจอว่าเดินด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นเมื่อปีค.ศ.2000 เมื่อกูเกิ้ลยังเริ่มต้นและผู้สนับสนุนทางการเงินกดดันให้เพจและบรินหาซีอีโอที่ดีมาให้ พวกเขาบอกว่ามีคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะพิจารณานั่นคือจ็อบส์ ทุกคนรู้ว่าจ็อบส์ไม่มีทางที่จะลาออกหลังจากเขาได้เข้าร่วมเมื่อไม่นานมานี้ และมันทำให้ผู้ร่วมลงทุนไม่พอใจ แต่มันก็เป็นการบอกกล่าวที่จริงใจจากเขาทั้งสอง พวกเขามองว่าจ็อบส์เป็นไอดอลของเขา เขาคิดว่าจ็อบส์เป็นผู้นำที่เขาอยากจะเป็น

    สองสามเดือนถัดมาปรากฏว่าจ็อบส์พบว่าความรู้สึกกับกูเกิ้ลนั้นน่าจะถูกต้อง ความสัมพันธ์กับกันโดรต้าดีขึ้น จนมีการพูดคุยกันทุกอาทิตย์ หลังจากจ็อบส์ได้จากไป กันโดรต้าก็ยังนึกถึงช่วงเวลานั้นอยู่

    “เช้าวันอาทิตย์ 6 มกราคม ค.ศ. 2008 โทรศัพท์ของฉันสั่น มือถือมันบอกว่าไม่ทราบว่าใครโทรมา ฉันจึงไม่รับสาย ถัดมาฉันเดินไปที่รถกับครอบครัว แล้วได้หยิบโทรศัพท์มาตรวจสอบข้อความที่ได้รับว่ามันส่งมาจากสตีฟ จ็อบส์

    “วิค โทรมาที่บ้านฉันได้ไหม? มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

    ก่อนที่จะเดินไปถึงรถ ฉันได้โทรหาสตีฟ และขอโทษที่ไม่ได้รับสายก่อนหน้านี้ มันเป็นเรื่องแปลกมากที่เขาได้โทรหาในวันอาทิตย์และไม่โทรเข้าเบอร์บ้าน หวังว่ามันจะมีอะไรพิเศษ

    วิค เรามีเรื่องด่วน และได้มอบหมายคนในทีมให้รับผิดชอบและไปช่วยคุณแล้ว และหวังว่าคุณจะทำการแก้ไขมันในวันพรุ่งนี้ ฉันเห็นโลโก้ของกูเกิ้ลบนไอโฟนและก็ไม่ได้ชอบมันนัก ตัวอักษร O ตัวที่สองสีเหลืองมันไม่ได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็น และฉันกำลังให้เกร็กแก้ไขให้พรุ่งนี้ คุณโอเคกับมันมั้ย?

    แน่นอนมันดีสำหรับฉัน ถัดมาอีกสักพักก็ได้รับอีเมลจากสตีฟโดยหัวข้อคือ รถพยาบาลของไอคอน อีเมลนี้ส่งตรงมาถึงฉันให้ระบุว่าให้ทำงานร่วมกับเกร็กในการแก้ไขไอคอน

    เมื่อฉันอายุ 11 ปี และหลงรักแอปเปิ้ลมาก สามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับสินค้าของแอปเปิ้ลได้มากมาย พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาเป็น 10 ปี แม้ว่าฉันทำงาน 15 ปี กับบิลเกทที่ไมโครซอฟท์ เขาก็ยังชื่นชมสตีฟและสิ่งที่แอปเปิ้ลผลิตขึ้นมา

    ท้ายที่สุดเมื่อนึกถึงความเป็นผู้นำ ความหลงใหลและการคำนึงถึงรายละเอียด และเมื่อนึกถึงการคุยทางโทรศัพท์กับจ็อบส์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ในเดือนมกราคม มันเป็นบทเรียนที่จะไม่มีวันลืม ซีอีโอควรจะคำนึงถึงรายละเอียด แม้ว่ามันจะเป็นแค่เฉดสีเหลืองของโลโก้กูเกิ้ล

    แต่เมื่อค.ศ.2008 เห็นได้ชัดว่าความอบอุ่นระหว่างสองบริษัทนี้กำลังจะหายไป มีสัญญาณปรากฏให้เห็นทุกที่ กูเกิ้ลพยายามที่จะเชิญให้วิศวกรของแอปเปิ้ลมาทำอินเตอร์เน็ตเบราส์เซอร์ และขอเจรจาใหม่ในเรื่องข้อตกลงกูเกิ้ลเสิร์ชและกูเกิ้ลแมพ กูเกิ้ลต้องการจ่ายเงินให้กับแอปเปิ้ลน้อยลง

    แอปเปิ้ลสงสัยเกียวกับข้อมูลทางแผนที่กูเกิ้ลที่ต้องการจากไอโฟน กูเกิ้ลรับข้อมูลเส้นรุ้งเส้นแวงจากผู้ใช้งานไอโฟนเพื่อต้องการนำไปคำนวณตำแหน่ง ใช้การต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายหรือไม่ เราคิดว่ากูเกิ้ลต้องการข้อมูลพวกนี้เพื่อหาว่าไอโฟนทำงานอย่างไร

    ความตึงเครียดได้ยกระดับขึ้นมาและระเบิดความสำเร็จของไอโฟน3G เมื่อปีค.ศ 2008 จ็อบส์เริ่มมองเห็นดรีมโฟนของกูเกิ้ลจะเป็นอย่างไร มันมีขื่อว่า T-Mobile G1 ผลิตโดย HTC ประกอบไปด้วยระบบมัลติทัชซึ่งจ็อบส์เชื่อว่ามันเป็นของแอปเปิ้ล และหากมันปรากฏบน G1 จริง เขาจะฟ้องกูเกิ้ล กูเกิ้ลตอบกลับว่าแม้ว่าจ็อบส์ทำมือถือที่สำเร็จด้วยระบบมัลติทัชได้ แต่เขาไม่ได้คิดค้นเทคโนโลยีทั้งหมดของไอโฟน

    ไม่มีใครในกูเกิ้ลกล่าวถึงการพูดคุยครั้งนี้ พวกเขาเชื่อว่าทุกๆการคิดค้นล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากคนอื่นจะไม่มีไมโครโปรเซสเซอร์ได้หากไม่มีทรานซิสเตอร์และวงจร หากขาดไมโครโปรเซสเซอร์ไปก็จะไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หากไม่มีคอมพิวเตอร์ก็จะไม่มีไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล หรืออุตสาหกรรมซอฟท์แวร์

    หลักฐานของกูเกิ้ลนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อจ็อบส์แม้แต่น้อย ผู้บริหารของกูเกิ้ลบอกว่า สตีฟมักจะให้ความเห็นว่าแอปเปิ้ลคิดค้นทุกๆสิ่ง แม้ว่าคุณจะนำสิ่งที่เขาไม่ได้คิดค้นขึ้นมาแสดงให้เขาเห็น เขาก็จะเชื่อว่ามันไม่จริง หากมองกลับไปที่ใครเคยใช้มัลติทัชมาก่อน หรือที่ๆเราเลื่อนหน้าจอขึ้นลงด้วยนิ้วมาก่อน หรือการขยายบางสิ่งด้วยนิ้วมือ มันไม่ได้ทำให้สตีฟไขว้เขวได้เลย

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    Panel Discussion หัวข้อ ประสบการณ์ของผู้นำ กฟผ. กับการบริหารวิกฤติและความเสี่ยง

    โดย คุณไกรสีห์ กรรณสูต อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

    คุณสมบัติ ศานติจารี อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

    ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

    วันที่ 29 เมษายน 2557

    Learning Forum & Practice หัวข้อ บุคลิกภาพของนักบริหารยุคใหม่

    โดย อาจารย์ณภัสวรรณ จิลลานนท์

    วันที่ 30 เมษายน 2557

    ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้

    ณ กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด

    ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

    โดย นายแพทย์จักรพงศ์ ไพบูลย์, แพทย์หญิงใจทิพย์ ไพบูลย์

    การบ้านพิเศษ : สรุปบทเรียนจากความจริงของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

    • มารู้จัก JokoWidodo หรือ Jokowi อนาคตประธานาธิบดีของอินโดนีเซียคนใหม่: บทเรียนต่อผู้นำไทยในอนาคต
    • อาจารย์ แนะนำให้รู้จักผู้นำรุ่นใหม่ของอินโดนีเซีย ที่จะเป็นตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เขาคือ Joko Widodo หรือ Jokowi เป็นผู้นำที่มีคุณลักษณะของผู้นำที่ดี หรือ ผู้นำแห่งทศวรรษใหม่
    • ประวัตินาย Jokowi ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี เป็นผู้ว่าการมหานคร Jakarta
      • เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์จาก Gadjah Mada University
      • อดีตเคยเป็นนักธุรกิจเซลล์แมนขายเฟอร์นิเจอร์
      • ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Surakarta หรือเมือง Solo ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาในปี 2548 เขาได้แสดงฝีมือด้วยทัศนคติ ‘can do’ ให้ประชาชนเห็นภายใต้การแสดงออกถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์ในช่วง 7 ปีที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี เมือง Solo ก้าวหน้าไปมาก เขาสร้างตลาดของเก่า ตลาดเครื่องไฟฟ้า สร้างทางเดินยาว 7 กิโลเมตร กว้าง 3 เมตรคู่กับถนนใหญ่ ปรับปรุงสวนสาธารณะขนาดใหญ่สองแห่ง เข้มงวดการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่รอบเมือง รีแบรนด์ Solo ให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเกาะ Java เพื่อการท่องเที่ยวภายใต้คำขวัญ “The Spirit of Java” สนับสนุนให้ Solo เป็นศูนย์กลางสัมมนาประชุมสำคัญระดับโลกหลายครั้ง สร้างโครงการประกันสุขภาพสำหรับชาว Solo ทุกคน สร้าง Solo Techno Park เพื่อสนับสนุนโครงการรถยนต์ของประเทศ พัฒนาการขนส่งสาธารณะ ฯลฯ
      • จากผลงานการนายกเทศมนตรีเมือง Surakarta หรือเมือง Solo ทำให้เขามีชื่อเสียงจนได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าการมหานคร Jakarta ในปี 2555 และเป็นที่นิยมมากเพราะสามารถตัดสินใจเด็ดขาดเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินและขนส่งสาธารณะที่คาราคาซังมานาน เพื่อแก้ไขการจราจรที่แทบเป็นอัมพาตในปัจจุบัน เขามีความเป็นผู้นำที่เข้าถึงคนธรรมดาในยุคการเมือง ‘inclusive’ ที่ประชาชนตื่นตัวในสิทธิของตนเอง สามารถสื่อสารให้คนเห็นว่าเขาจริงใจ ถึงลูกถึงคน และมือสะอาด เขาห้ามญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวกับการประมูลงานตั้งแต่สมัยเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Solo (ประเด็นนี้ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่เป็นธรรมกับญาติพี่น้องเขาในการทำธุรกิจ ทุกคนต้องมีความเท่าเทียม ดังนั้นการประมูลงานต้องมีกฏเกณฑ์ที่ดี เพื่อสร้างความโปร่งใสว่าไม่มีใครใช้เส้นสายในการดำเนินธุรกิจ)
      • Jokowi เป็นนักการเมืองที่ไปเยี่ยมสลัมแหล่งอาศัยของคนยากจนจำนวนมากใน Jakarta แต่งตัวธรรมดา พูดคุยกับชาวบ้านเรื่องราคาอาหาร น้ำท่วม การทำมาหากิน ซึ่งประชาชนก็ตอบรับเขาเป็นอย่างดีเพราะศรัทธาในความจริงใจ เขาอยู่ในพรรคของลูกสาวประธานาธิบดี Sukarno แต่ก็สามารถเปิดภาพลักษณ์ของ “คนใหม่” ได้ และมีพลังอิทธิพลส่วนตัวมากขึ้น สำหรับการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ในปีนี้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของการเมืองใหม่
    • การเมืองอินโดนีเซียมีปัญหาเหมือนประเทศไทย ปัญหาการเมืองทำให้ชาติยากจน พัฒนาไม่ทันใคร ตอนที่ซูฮาร์โตพ้นตำแหน่ง ผู้คนต่างโมทนาสาธุกันทั้งประเทศ ประเทศอินโดนีเซีย มีความเป็นประชาธิปไตยสูง การเลือกตั้งหลังจากซูฮาร์โตพ้นตำแหน่งแล้วเมื่อ พ.ศ. 2542 คนอินโดนีเซียให้ความสนใจไปโหวตมากถึงร้อยละ 93 แต่พอการเลือกตั้งครั้งต่อๆ มา คนก็ไปลงคะแนนเป็นสัดส่วนน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างการเลือกตั้งทั่วไปใน พ.ศ.2551 มีเพียงร้อยละ 70 และการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2557 ที่เพิ่งผ่านไปนี่ มีประชาชนคนอินโดนีเซียไปหย่อนบัตรเลือกตั้งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 63
    • เมื่อ 9 เมษายน 2557 อินโดนีเซียมีการเลือกตั้งสภาล่าง 560 คน และสภาสูง 132 คน พรรคที่จะมีเสียงข้างมากในสภาล่างจะต้องได้ ส.ส. 281 มีพรรคการเมือง 15 พรรค มีผู้สมัคร 6,600 คน อินโดนีเซียมี 34 จังหวัด กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญบังคับให้ทุกพรรคส่งผู้สมัครทุกระดับครบทั้ง 34 จังหวัด และแต่ละพรรคจะต้องมีผู้สมัครสตรีอย่างน้อยร้อยละ 30
    • อินโดนีเซียประกอบไปด้วยเกาะ 17,000 เกาะ มีคนอยู่ 13,000 เกาะ บางเกาะอยู่ในท้องทะเลแสนไกล คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ของอินโดนีเซียต้องเป็นยอดฝีมือ ที่จะต้องบริหารการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะอินโดนีเซียมีพื้นที่มากกว่าประเทศไทย 3.7 เท่า มีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งประมาณ 187 ล้านคน ต้องจัดคูหาเลือกตั้ง 550,000 แห่ง นอกจากจะมีการเลือกตั้งระดับชาติแล้ว ระดับจังหวัดหรือระดับท้องถิ่นก็มีการเลือกตั้งมากถึง 19,000 ตำแหน่ง มีผู้สมัครมากถึง 235,000 คน จากประชากรทั้งประเทศ 250 ล้านคน
    • บุคคลที่กำลังถูกจับตามองว่าจะเป็นตัวเต็งในการสมัครประธานาธิบดีคนต่อไป คือ นาย Jokowi จากพรรค Indonesian Democratic Party-Struggle หรือพรรคพีดีไอพี ที่นางเมกาวาตีเป็นหัวหน้าพรรค นายJokowi อายุยังน้อย เกิด พ.ศ.2504 เป็นผู้ว่ากรุงจาการ์ตา ที่มีพลเมือง 9,588,198 คน การชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงจาการ์ตาใน พ.ศ.2555 ของโจโกวี่ ทำให้เราพอมองออกว่า คนอินโดนีเซียได้เปลี่ยนความคิดจากเดิม ที่เลือกผู้สมัครที่มาจากมือกฎหมาย มีอายุมาก ดูขลังๆ กลับเปลี่ยนรสนิยมมาเลือกนักธุรกิจวัยกลางคน ใจซื่อ มือสะอาด และทำงานทันใจ
    • จึงเป็นที่คาดหวังว่าอินโดนีเซีย คงได้มีผู้นำที่ดีในเร็ววัน เป็นคนดี มีความกล้าหาญ มีคุณธรรม ไม่ทุจริต มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รักชาติบ้านเมือง เห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง
    • แต่คงไม่ง่ายนัก แม้เราต้องการคนแบบนั้นมาเป็นผู้นำก็จริงแต่คนเราใช่ว่าจะเก่งไปหมดทุกอย่าง การบริหารมหานคร Jakarta กับการบริหารอินโดนีเซียทั้งประเทศมันมีความแตกต่างและหลากหลายกันอย่างมากมาย แต่ละพื้นที่มีปัญหา และความต้องการไม่เหมือนกัน มันอาจจะใช้.”Jakata Model” ไม่ได้ทั้งหมด สำคัญอยู่ทีมงาน และความร่วมมือของชาวอินโดนีเซียที่จะช่วยกันผลักดันให้บ้านเมืองพัฒนาไปในรูปแบบไหน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนแค่ไหน ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน

    สวัสดีนี่คือ PATRICIA BERTHA LOAN COMPANY ใน บริษัท นี้เราให้ออกเงินกู้โอกาสชีวิตคุณต้องการเงินกู้เร่งด่วนเพื่อล้างหนี้ของคุณหรือคุณต้องการกู้เงินเพื่อปรับปรุงธุรกิจของคุณหรือไม่ คุณถูกปฏิเสธโดยธนาคารและหน่วยงานทางการเงินอื่น ๆ หรือไม่? คุณจำเป็นต้องมีสินเชื่อรวมหรือการจำนองหรือไม่วันนี้เรากำลังบอกว่าหยุดและค้นหาไม่ได้มากเท่าที่เราอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ทุกปัญหาทางการเงินของคุณเป็นเรื่องที่ผ่านมา เราให้ยืมเงินให้กับบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินที่มีเครดิตไม่ดีหรือต้องการเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการลงทุนในธุรกิจในอัตรา 2% เราต้องการใช้สื่อนี้เพื่อแจ้งข้อมูลทั้งหมดที่เราแสดง ความช่วยเหลือที่เชื่อถือได้และเป็นประโยชน์และยินดีที่จะเสนอเงินกู้แก่คุณ เราคือความซื่อสัตย์เรารักษาคำพูดและคำสัญญาไว้เสมอ ติดต่อเราวันนี้ทางอีเมล:[email protected] หรือทางเว็บไซต์:BORROWER’S DATAS1) ชื่อเต็ม: ………………………………………………2) ประเทศ: ………………………………………………… 3) ที่อยู่: ………………………………………………… 4) รัฐ: …………………………………………………… 5) เพศ: ……………………………………………………… 6) สถานภาพการสมรส: ……………………………………… 7) อาชีพ: …………………………………………… 8) หมายเลขโทรศัพท์: ………………………………………… 9) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งแทนสถานที่ทำงาน: …………………………………………… 10) รายได้รายเดือน: ……………………………………… 11) วงเงินกู้ที่ต้องการ: …………………………… 12) ระยะเวลาเงินกู้: ………………………………………… 13) วัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืม: …………………………………… 14) ศาสนา: ……………………………………………… 15) เคยสมัครก่อนหน้านี้หรือไม่ …………………………………………… 16) สกุลเงินที่ต้องการ: ……………………………………………ขอบคุณ

    คุณ Bertha

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท