มนุษย์ที่ข้ามชาติ:แรงงานข้ามชาติและคนต่างด้าวกับสิทธิในการรักษาพยาบาลในประเทศไทย
ปัจจุบันมีการจัดทำการจดทะเบียนตามกฎหมายของแรงงานเหล่าเป็นรายปี โดยแรงงานข้ามชาติได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ชั่วคราวในระหว่างการรอถูกส่งกลับประเทศ แต่ในทางปฏิบัตินั้น การอนุญาตชั่วคราวถูกขยายเวลามาตลอดทุกปี เนื่องจากภาวะการขาดแคลนแรงงานระดับล่างแรงงานกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย แบ่งได้ 4 กลุ่ม คือ[1]
กฎหมายสัญชาติของไทยให้ความหมาย “คนต่างด้าว” ว่าคือคนที่ไม่มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย หรือคนต่างชาติที่อยู่ประเทศไทยมานานแล้ว ได้แก่ ชนกลุ่มน้อย ชาวเขาคนไร้รัฐ คนไร้รากเหง้า และคนไร้สถานะทางทะเบียนซึ่งอาจเรียกรวมกันว่า “ผู้มีปัญหาสถานะบุคคล” ปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ[2]
(1) คนต่างด้าวที่ยังไม่มีสัญชาติไทยแต่อยู่อาศัยในประเทศไทยมานานและได้รับการสำรวจตามนโยบายของรัฐบาลแล้วประกอบด้วยกลุ่มชนกลุ่มน้อยตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ได้รับเลขประจำตัว 13 หลักขึ้นต้นด้วยเลข 6 และบุตรหลานของกลุ่มนี้ได้รับเลข 13 หลักขึ้นต้นด้วยเลข 7 ส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้เพิ่งได้รับหลักประกันสุขภาพตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ. 2553 ที่ประกาศนโยบายคืนสิทธิด้านการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ที่ยังมีปัญหาเรื่องสถานะกองทุนดังกล่าวนี้ไม่ครอบคลุมคนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติที่ไม่เข้าข่ายตามมติคณะรัฐมนตรี แม้จะถูกนับจดในทะเบียนบุคคลแล้วก็ตาม
(2) กลุ่มไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่ได้รับการสำรวจตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล พ.ศ. 2548 (เลขประจำ ตัว 13 หลักขึ้นต้นด้วยเลข 0) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย คือ (ก) กลุ่มที่ตกหล่น จากการสำรวจและจัดทำ ทะเบียนชนกลุ่มน้อยเดิม (ข) กลุ่มนักเรียนนักศึกษาต่างด้าวในสถานศึกษา (ค) กลุ่มคนไร้รากเหง้า และ (ง) กลุ่มผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ โดยมีเพียงกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในสถานศึกษา กลุ่มคนไร้รากเหง้า และกลุ่มผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศเท่านั้น ที่จะได้รับหลักประกันสุขภาพตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนส่วนเด็กในกลุ่มตกหล่นจากการสำรวจและจัดทำทะเบียนชนกลุ่มน้อยเดิม ยังไม่ได้รับหลักประกันสุขภาพใดๆ
(3) บุตรและผู้ติดตามอายุไม่เกิน 15 ปี ของแรงงานข้ามชาติที่จดทะเบียนหรือพิสูจน์สัญชาติแล้วเด็กๆ ลูกหลานแรงงานข้ามชาติที่ติดตามพ่อแม่มา หรือเกิดในประเทศไทย ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวตามพ่อแม่ของตน แต่ไม่มีหลักประกันสุขภาพยกเว้นเป็นผู้ติดตามที่ขึ้นทะเบียนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 26 เมษายน 2554 เท่านั้นที่มีมาตรการให้ซื้อประกันสุขภาพ
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ายังมีแรงงานข้ามชาติรวมถึงผู้มีปัญหาสถานะบุคคลยังไม่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐไทยในเรื่องระบบประกันสุขภาพ ซึ่งตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติรับรองให้บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาล มีสิทธิในการมีชีวิตอยู่ แต่ในทางปฏิบัติแล้วบุคคลกลุ่มนี้เข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ยาก กล่าวคือ เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่สามารถใช้สิทธิในการรับการรักษาพยาบาลจากภาครัฐได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรับรองหรือให้สิทธิ และถูกมองจากคนบางกลุ่มว่าเป็นการเพิ่มภาระให้แก่บุคลากรในทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาด้านการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรจะต้องคำนึงถึงสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกคน โดยคุ้มครองและรับรองหรือหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติและมีที่มีปัญหาสถานะบุคคลได้รับความคุ้มครองหรือรับรองสิทธิในการรักษาพยาบาลในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
อ้างอิงข้อมูล
[1] การจำแนกประเภทแรงงานข้ามชาติ จากพม่า กัมพูชา และลาว. เข้าถึงได้จาก: http://www2.ipsr.mahidol.ac.th/newsletter/index.ph... [ออนไลน์]. สืบค้นวันที่ 25 เมษายน 2557
[2] เข้าถึงได้จาก: www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/.../thai2... [ออนไลน์]. สืบค้นวันที่ 25 เมษายน 2557
[3] บอร์ดกำลังคนด้านสุขภาพวิตกแรงงานต่างด้าวพุ่ง แนะหาทางดึงบุคลากรเพื่อนบ้านเสริมทัพ. เข้าถึงได้จาก: http://www.nationalhealth.or.th/index.php?option=c... [ออนไลน์]. สืบค้นวันที่ 25 เมษายน 2557
แรงงานข้ามชาติกับระบบบริหารสุขภาพของประเทศไทย. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipost.net/x- cite/301213/84023 [ออนไลน์]. สืบค้นวันที่ 25 เมษายน 2557
ไม่มีความเห็น