'คิม ฟุค' สุภาพสตรีที่กล่าวคำว่า... "ให้อภัย" ได้ดังก้องไป...ในหัวใจคนทั้งโลก
คิม ฟุค คือ…เด็กหญิงชาวเวียดนามใต้คนนั้น ซึ่งช่างภาพอเมริกันได้ถ่ายไว้ ขณะที่เธอและเพื่อนบ้านกำลังแตกตื่นหนีภัยจากระเบิด ที่ถูกทิ้งจากเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ
เธอเกิดที่ Trang Bang ตะวันตกเฉียงเหนือกรุงไซ่ง่อนในเวียตนามใต้ เมื่อ พ.ศ.2506
เวลาบ่ายสองของวันที่ 8 มิถุนายน 2515 ระเบิดไฟนาปาล์ม 4 ลูก ถูกทิ้งลงที่บ้านเธอ !!
ขณะนั้น... คิม ฟุค เพิ่งมีอายุ 9 ขวบ ระเบิดเพลิงตกใส่เธอ เธอถอดเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกออกแต่ไฟยังคงไหม้บนตัวเธอ
ผู้คนช่วยราดน้ำบนตัวเธอที่กำลังลุกไหม้ เพื่อดับไฟที่อยู่บนตัวเธอ จนเธอหมดสติไป...
○○○○○○○○○
Huynh Cong (Nick) Ut ช่างภาพ ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล คอยให้กำลังใจ
แม้เธอจะรอดตาย แต่ไฟก็ได้เผาลวกผิวหนังของเธอถึง 65%
เธอต้องรักษาตัว ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผล อยู่ในโรงพยาบาลถึง 14 เดือน และผ่านการผ่าตัดถึง 17 ครั้ง กว่าจะหายเป็นปกติ
เธอยังโชคดี เมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
หมอศัลยกรรมพลาสติค Dr. Mark Gorney จาก San Francisco
อาสาสมัครประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมเด็ก Barksy ในกรุงไซ่ง่อนกล่าวว่า
'เธอไม่น่าจะอยู่รอดได้ ตอนแรกคางของเธอเชื่อมติดกับหน้าอก โดยเนื้อเยื่อจากแผลเป็นแขนซ้ายของเธอไหม้จนถึงกระดูก'
แต่ด้วยความรักของแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้างเตียง เธอค่อยๆฟื้นตัว และตัดสินใจว่าโตขึ้น...เธอจะเป็นหมอเหมือนผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ
หลังจากรักษาตัวอยู่ 2 ปี เธอจึงได้กลับบ้าน
○○○○○○○○○
ภาพของเธอ ที่ Nick Ut ถ่ายไว้ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกและได้รับรางวัล Pulitzer ในปี พ.ศ. 2516
ด้วยรางวัลดังกล่าวช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอและ Nick Ut
วันหนึ่ง...ในปี พ.ศ.2539 คิม ฟุค ก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
การได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่ายนัก
แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า...สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้ว เธอก็ได้เผยความในใจว่า...
มีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ
พูดมาถึงตรงนี้ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ เธอจึงเผยความในใจออกมาว่า
"ฉันอยากบอกเขาว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เราควรพยายามทำสิ่งดีๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพทั้งในปัจุบัน และอนาคต"
เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า
" ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ "
คิมเข้าไปโอบกอดเขา แล้วตอบว่า
" ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย "
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตาย
คิม ฟุค เล่าว่า... เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
แต่แล้วเธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หากได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง
" ฉันพบว่าการบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้สามารถฆ่าฉันได้ "
เธอพยายามสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ศัตรู และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ แล้วเธอก็พบว่า
" หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด "
○○○○○○○○○
● บทส่งท้าย
เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คน ให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้ แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราเองได้เสมอ
เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารักพูดจาอ่อนหวาน
แต่เราสามารถเลือกได้ว่า...จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
'คิม ฟุค' ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่า
" ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตฉันก็ดีขึ้น "
บทเรียนของ 'คิม ฟุค' คือ ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีต เพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้
บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือ การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการ 'ให้อภัย'...
แล้วพวกเราล่ะ....กลับมาฝึกจิตฝึกใจ เริ่ม 'ให้อภัย' กับสิ่งร้ายๆที่ผ่านมา กันดีไหม
นานเท่าไร...ที่หัวใจเราถูกจองจำ...ด้วยความโกรธ หรือ ความเศร้าหมอง
มาปลดปล่อยเครื่องร้อยรัดพันธนาการเหล่านี้...
ให้หัวใจเรากลับมา...มีชีวิตชีวา และงดงาม อย่างที่เคยเป็นกันเถิด : )
○○○○○○○○ — กับ Pannarat N. Muay, Kruyong Muangphon และ Gammy Rx
การให้อภัยเป็นการชําระจิตใจของเราเองให้สดใส ขอให้ทุกท่านมีความสุข
เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะใจเธอน่ากราบมาก สวยงามมาก ผมเคยเขียนเกี่ยวกับเธอมาก่อนจึงจำได้ดี และชอบคำพูดและหัวใจเธอที่ยอมให้อภัยทหารเหล่านั้น..ผิดกับใจผู้คนยุคนี้ หากเป็นเช่นนั้น พวกเขา(ยุคนี้) คงตามฆ่าล้างแ้คนไปแล้ว ขอคารวะหัวใจ "คิม ฟุค" จริงๆครับ