ปีงบประมาณ 2557 นี้ ดิฉันปฏิบัติงานที่หน่วยรักษาด้วยไฟฟ้า (Electro convulsive Therapy: ECT) ผู้อาวุโสบางท่านเรียกดิฉันแบบสัพยอกว่า 'คนเติมไฟ' หากใครเข้าใกล้ก็จะรู้สึก 'มีไฟ' ขึ้นมาทันที!
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สะเทือนใจ แต่เป็นเรื่องน่าชื่นชม จะเล่าให้ฟังนะคะ เพื่อเปิดโลกในอีกมุมมองหนึ่งให้คนทั่วไปได้สัมผัส เช้าวันหนึ่งก่อนปฏิบัติงาน เราก็ Pre-conference เพื่อวางแผนการบำบัดตามปกติ แต่เช้านี้ดิฉันนำประชุมด้วยความตื่นเต้น เพราะ
"วันนี้มีผู้ป่วยหญิง 2 ราย เป็นพี่น้องกัน มาบำบัดที่หน่วย ECT ด้วยกันทั้งคู่"
เนื่องจากบุคคลในครอบครัวเดียวกัน มักมีอิทธิพลต่อกันเสมอ หากมีญาติพี่น้องมารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน เราจึงมักจะแยกให้อยู่คนละหอผู้ป่วย เพื่อบำบัดได้โดยอิสระ ไม่ต้องจัดโปรแกรมและแปลความหมายให้ซับซ้อนโดยไม่จำเป็น กรณีของพี่น้องคู่นี้มารับการรักษาพร้อมกันนั้นยังไม่ใช่เรื่องแปลก หากไม่มาบำบัดที่หน่วย ECT พื้นที่ที่ผู้ป่วยจิตเวชทุกคนรู้สึกหวาดกลัว เพราะยึดติดอย่างผิดๆ กับคำว่า "ช๊อตไฟฟ้า" คือ มัดผู้ป่วยไว้กับเก้าอี้ไฟฟ้า นำอุปกรณ์สวมศีรษะ ปล่อยกระแสไฟฟ้า แล้วก็ชักกระตุก เหมือนในภาพยนตร์..น่ากลัวจริงๆ
หลังจากรายงานข้อมูลเบื้องต้น ที่ประชุมก็คาดการณ์ไปต่างๆ นานาว่าทั้งคู่จะมีปฏิกิริยาต่อกันอย่างไร ต่างภาวนาอย่าให้ทั้งคู่รู้สึกหวาดกลัวการรักษามากนัก เนื่องจากเดิมที่น้องสาวมารักษาอยู่ก่อนก็กลัวมาก กว่าจะช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความกลัวลงได้ก็ใช้เวลานานนับสัปดาห์ ครั้งนี้หากพี่สาวรู้สึกกลัวก็อาจกระตุ้นให้น้องสาวกลัวขึ้นมาได้อีก โดยสรุป ทีมงานวางแผนว่าจะรักษาน้องสาวให้เสร็จก่อน แล้วจึงรับตัวพี่สาวมารักษา.. การปฏิบัติก็เป็นไปตามนั้น
หลังจากบำบัดผู้ป่วยทุกคนเสร็จ ดิฉันแง้มประตูห้องพักฟื้นเข้าไปถามหัวหน้าว่า "เป็นยังไงบ้างพี่" หัวหน้ายิ้มแย้มหน้าบาน ตอบเสียงใสด้วยความยินดีว่า "ดีมากเลย เธอน่ารักทั้งคู่"
แล้วขยายความว่า "คนน้องรู้แล้วตั้งแต่ก่อนเข้าห้องบำบัดว่าพี่สาวจะมาบำบัดด้วย ไม่มีปัญหาอะไร" "เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากพักฟื้น รู้ตัวดีแล้วก็ลืมๆ ไป"
พี่สาวล่ะ "พี่สาว พอรู้ตัวก็ถามหาน้องสาว" "บอกว่าน้องสาวบำบัดแล้ว สบายดี อีกสักครู่จะให้พบกัน" นศ.พยาบาลนำน้ำสมุนไพรมาให้พี่สาวดื่มเพื่อให้สดชื่น พี่สาวปฏิเสธไม่ดื่มน้ำสมุนไพร "ขอบคุณค่ะ หนูไม่กินหรอก เอาไปให้ ... (น้องสาว) ดื่มได้ไหม" "บอกเธอว่าน้องสาวบำบัดก่อน ฟื้นดีแล้ว และดื่มน้ำสมุนไพรนี้แล้วด้วย พี่สาวจึงยอมดื่ม" และเมื่อได้พบกัน ทั้งคู่ต่างก็ดีใจสวมกอดกัน พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มจนต้องหันหน้าหนี
หากครอบครัวใดมีผู้ป่วยมากกว่า 1 คน จะมีปัญหาซับซ้อนมากขึ้น รักษาหายแล้วก็อยู่บ้านได้ไม่นาน จะผลัดกันมานอนโรงพยาบาล แต่ด้วยความรักความห่วงใยของพี่สาวที่มีต่อน้องสาว ทีมงานรู้สึกชื่นชมยินดีและคาดการณ์ว่า ด้วยพลังแห่งสายใยรัก ความผูกพันธ์ของ 'ครอบครัว' เมื่อเธอได้กลับบ้าน สองพี่น้องคู่นี้จะดูแลกันและกัน และเธอจะอยู่บ้านได้นาน.. เราเชื่อเช่นนั้นค่ะ
เห็นด้วยและยินดีที่เปิดโอกาสให้เกิดสายใยรักขณะทำการบำบัดฟื้นฟู ขอบคุณมากครับผม