ก่อนที่จะมาทำงานทางด้านนี้ตัวดิฉันเองก็เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ชอบเรื่องอาหารเลย ดูมันยุ่งยากวุ่นวายสับสนมีอาหารหลายกลุ่ม แล้วแต่ละกลุ่มยังแตกแขนงอะไรเยอะแยะไปหมด มันช่างเป็นอะไรที่ดิฉันตั้งใจน้อยมากกะว่าจะพยายามเรียนรู้เป็นเรื่องสุดท้าย แต่พอต้องแนะนำเรื่องการคุมเบาหวานจึงรู้ว่าอาหารเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้เป็นเบาหวานมีส่วนร่วมมากสุดที่จะทำให้เกิดสัมฤทธิ์ผล ซึ่งเครื่องเจาะน้ำตาลเป็นแค่แสดงค่าน้ำตาลแต่ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับ BSโดยตรง
ผู้เป็นเบาหวานของเราที่มีความเชื่อว่าคุมเบาหวานด้วยยาก็เพียงพอแล้ว มักจะปฎิเสธที่จะรับคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารแม้ว่าแพทย์จะส่งปรึกษาก็ตาม จึงเป็นความจำเป็นที่บีบบังคับดิฉันในระยะแรกให้ต้องค่อย ๆ ศึกษาอาหารแต่ละชนิดและจดบันทึกย่อ ๆ ไว้ทบทวน เนื่องจากมันเรื่องที่เราสนใจน้อยก็จะไม่ค่อยจำเท่าที่ควร แล้วยังต้องสอบถามผู้รู้เพื่อให้เกิดความเข้าที่ถูกต้องและจะได้หาเทคนิคง่าย ๆ ถ่ายทอดให้ผู้เป็นเบาหวานนำไปปฏิบัติ
พบว่าผู้เป็นเบาหวาน ส่วนใหญ่อายุมากดื่มน้ำน้อยแต่บางคนบอกดื่มมากแต่ไม่สัมพันธ์กับการทานอาหาร ดิฉันจึงใช้กลยุทธเรื่องการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 4-5 แก้วโดยให้สัมพันธ์กับอาหารและอธิบายว่า เมื่อใดที่เราทานอาหารนั่นคือเรากำลังเพิ่มระดับ BS ให้สูงขึ้นแต่ถ้าเราดื่มน้ำหลังทานทุกครั้ง น้ำตาลในอาหารก็น่าจะถูกดูดซึมเข้าสู่เลือดแบบเจือจางลงตามปริมาณน้ำที่ได้รับ ดิฉันมักจะยกเรื่องของกล้วยเชื่อมว่าถ้าเราเชื่อมจนหวานเกินเราก็แก้ไขด้วยการเติมน้ำให้มีความหวานพอดีและที่สำคัญกล้วยก็จะไม่แข็งแต่จะนุ่มขึ้นทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานดีขึ้น นี่คือประโยชน์ของน้ำเปล่าที่พวกเรามักมองข้ามแต่กลับไปเน้นเรื่องตัวอาหารก่อนทำให้ผู้เป็นเบาหวานกลัว
เทคนิคนี้ดิฉันมักจะแนะนำในครั้งแรกของการให้ความรู้เรื่องอาหาร โดยบอกว่าให้ดื่ม 1 แก้วหลังอาหาร 3 มื้อและก่อนอาบน้ำเช้า-เย็น เราก็จะได้ดื่มน้ำแล้ว 5 แก้ว ส่วนที่เหลือก็ให้เก็บตกระหว่างทานจุบจิบ นัดFU คราวหน้าจึงค่อยเพิ่มเติมเรื่องอาหาร พวกเราลองนำไปใช้ได้ถ้าผู้ใดมีวิธีดีๆ แนะนำดิฉันด้วยนะคะ
ยุวดี มหาชัยราชัน
ขอบคุณคะอาจารย์ ดิฉันจะนำไปบอกคุณพ่อซึ่งเป็นเบาหวานเรื่องเทคนิคใช้น้ำมาลดการดูดซึมของน้ำตาลคะ
อาจารย์คะ ไม่ทราบว่าลูกแก้วมังกรช่วยลดความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานได้จริงหรือเปล่าคะ ?