ในช่วงที่ผมมีอายุ 30-40 ปี ผมสนุกกับการทำงานหนัก นอนดึกทานดึกและดื่มเหล้าซึ่งทำให้ผมเป็นหวัดบ่อย ต่อมาพบว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมทำให้กระดูกกดทับเส้นประสาททั้งที่คอและที่เอวด้วย(เพราะทำอาชีพที่ต้องนั่งต่อเนื่องนานๆ) ซึ่งทำให้เกิดอาการไม่มีแรงแขนและปวดเกร็งที่เอวจนต้องใส่สเตย์เฝือกอ่อนช่วยประคองเอวเมื่อต้องนั่งรถนาน ต้องทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาคลายเส้นและคลายกล้ามเนื้อทุกๆวัน ทำกายภาพบำบัดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่อาการก็ดีขึ้นไม่มากนัก จึงได้ไปปรึกษาแพทย์ท่านอื่นเพิ่มอีก 3 ท่านซึ่งทุกท่านก็แนะให้ผ่าตัดเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความกลัวการผ่าตัดจึงเกิดแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายผมจึงเลือกการออกกำลังกายก่อนผ่าตัดซึ่งแพทย์ก็อนุญาตแต่ให้ว่ายน้ำได้เพียงอย่างเดียว(ซึ่งไม่ช่วยให้หาย) ในที่สุดผมได้ตัดสินใจหยุดทำงานและไปพัฒนาที่ดินของครอบครัวแถวบางแคโดยได้ทดลองเป็นเกษตรกรทำไร่นาสวนผสม หมักปุ๋ยชีวภาพ บำบัดน้ำเสีย รักษาสภาพแวดล้อม อนุรักษ์ดินและต้นไม้ ใช้ชีวิตแบบพอเพียงพร้อมๆไปกับเพื่อพัฒนาสุขภาพของตนเองด้วย ซึ่งต่อมาที่ดินแปลงนี้ก็ได้พัฒนามาเปิดเป็น กรีนไลฟ์ฟิตเนส ในปัจจุบัน
เมื่ออายุ 48 ปี อาการดีขึ้นมากด้วยเทคนิคการออกกำลังกายแบบฝึกยกน้ำหนัก(ซึ่งคุณหมอห้าม) ที่ค้นคว้าเองจากอินเตอร์เน็ตพร้อมๆไปกับการฝึกโยคะซึ่งช่วยคลายเส้นที่เกร็งเพราะถูกกดทับ และเมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและเส้นยืดหยุ่นขึ้น อาการกดทับเส้นประสาทก็หายได้เองโดยที่ไม่ต้องทานยาและใส่สเตย์เฝือกอ่อนอีกเลย (คล้ายกันกับประสบการณ์ของน.พ.อุดม เกียรติวิชญ์ แพทย์ชนบทโรงพยาบาลจอมทอง จ. เชียงใหม่ซึ่งก็หายจากโรคนี้เองได้เช่นกันด้วยการออกกำลังกาย) ต่อมาได้ลองแนะนำวิธีบริหารซึ่งทำเองแล้วได้ผลให้แก่ผู้อื่นซึ่งปวดหลังเหมือนกันจนกระทั่งหายทุเลาไปได้หลายคน ต่อมาเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้นพอสมควรแล้วก็ได้เริ่มเข้าร่วมงานวิ่งการกุศลต่างๆทั้งในระยะ 10 และ 21 กมและได้เข้าแข่งขันไตรกีฬาในระยะสปริ้นท์ แล้วแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายก็เปลี่ยนมาเป็นการเผยแพร่ความรู้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจึงได้ศึกษาต่ออย่างจริงจังจนจบหลักสูตรเทรนเนอร์ของสถาบัน ACE (สหรัฐอเมริกา)รวมทั้งจบหลักสูตรครูโยคะของสถาบันโยคะวิชาการในมูลนิธิหมอชาวบ้านอีกด้วย เพราะผมเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ควรมาทั้งจากประสบการณ์ตรงและจากการศึกษากับสถาบันที่เชื่อถือได้
พร้อมๆกันนี้ก็ได้มุ่งพัฒนาสุขภาพด้านในโดยไปปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องหลายแห่งเช่น ยุวพุทธฯ (ต่อมาได้อาสาเป็นครูพี่เลี้ยงให้แก่เด็กที่ไปปฏิบัติธรรมหลายปี) และที่อื่นๆจนได้มาพบแนวทางวิปัสสนาแบบเรียบง่ายของท่านอาจารย์โกเอ็นก้าซึ่งนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้
คำขวัญประจำใจในการออกกำลังกายคือ ดูแลตัวเองในวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อวันหน้าเราจะไม่ต้องเป็นภาระของคนที่เรารัก
แวะมาเรียนรู้และสร้างเสริมสุขภาพด้วยคนครับ ขอบคุณมากครับผม
ยินดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าบุคลากรผู้ที่อุทิศตนเองในการทำงานเพื่อส่วนรวมครับ
น่าทึ่งมากครับ ;)...
ขอบคุณประสบการณ์ที่มีค่าค่ะ โดยส่วนตัวชอบโยคะมากเพราะรู้สึกว่าไม่ต้องเร่งรีบ ฝึกสมาธิไปในตัวด้วยค่ะ
ชอบคำขวัญค่ะ
สาธุๆๆ
ได้ประโยชน์มากเลยครับ
จำได้ว่ามีน้องแตงไทย
เคยเขียนเรื่องนี้
น้องหายไปจากระบบแล้วครับ
ประสบการณ์ตรงเพื่อบอกต่อ ดีที่สุด ชื่นชมมากค่ะ
" ดูแลตัวเองในวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อวันหน้าเราจะไม่ต้องเป็นภาระของคนที่เรารัก "
ใช่ค่ะ อยากให้ทุกคนมีความคิดอย่างนี้มากๆ
ขอบคุณบันทึกสร้างแรงจูงใจนี้ นะครับ