พุทธานุภาพหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์ วัดคุ้งตะเภา ตอนที่ ๑


จากเหตุระเบิดกลางกรุงภายในร้านรับซื้อของเก่าในซอยลาดปลาเค้า ๗๒ นั้น ทุกฝ่ายรู้กันแล้วว่า เกิดจากระเบิดเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เครื่องบินสัมพันธมิตรนำมาทิ้งเพื่อทำลายสถานที่ทางยุทธศาสตร์ของทหารญี่ปุ่นในดินแดนไทย แค่ระเบิดเพียงลูกเดียว ก็ทำความเสียหายได้มากมาย จากเหตุดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง ๗ ราย บาดเจ็บ ๑๙ ราย บ้านเรือนเสียหายกว่า ๑๐๐ หลังคาเรือน

ใครจะรู้บ้างว่าในสมัยสงครามโลก แค่ในประเทศไทยประเทศเดียวได้ถูกระเบิดจากสัมพันธมิตรนับไม่ถ้วน มีผู้เสียชีวิตนับร้อยนับพันราย นี่เป็นตัวอย่างความโหดร้ายของสงคราม ความทารุณของสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ ที่พร้อมนำมาซึ่งความตายแก่ทุกคนได้เสมอ ถ้าขาดไร้ซึ่งคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ เป็นสัญญาณเตือนแห่งความตาย ให้ทุกฝ่ายหันมามองว่าความตายคือสัจธรรมที่แท้จริงต่างหาก ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองหรืออำนาจวาสนาเลย...

วันนี้จะไม่ได้จะมาเล่าเรื่องประวัติสงครามโลกครั้งที่ ๒ ให้ฟังหรอกนะครับ แต่จะมาย้อนเล่าเรื่องบางเรื่องให้ฟังกันเล่น ๆ เพราะว่าระเบิดสงครามโลกมันมีส่วนเกี่ยวกับวัดคุ้งตะเภาอยู่บ้าง (ไม่ใช่ระเบิดเคยมาลงกลางวัดคุ้งตะเภานะครับ 555+)

พอ ๆ เข้าเรื่องครับ

---"พุทธานุภาพหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์ กับระเบิดสงครามโลก"---

DSCF0528.jpg (384×512)

ย้อนไปเมื่อเช้ามืดของวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ณ เมืองกัลกัตตา บริติชราช (ปัจจุบันคือประเทศอินเดีย) เหล่าทหารของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ได้บรรจุระเบิดนับร้อยลูกเข้าใต้ท้องเครื่องบิน B-29 หลายสิบลำ น้ำมันถูกเติมจนเต็ม เตรียมพร้อมสำหรับระยะทางไปกลับนับพันกิโลเมตร ข้ามมหาสมุทรอินเดียอันเวิ้งว้าง เพื่อปฏิบัติการลับ "ทำลายกรุงเทพให้เป็นจุณ"

ทันทีที่เครื่องบิน B-29 หลายสิบลำขึ้นบินจากสนามบินกัลกัตต้า เมืองหลวงแห่งบริติชราช ด้วยจิตใจอันฮึกเหิมในเช้าวันนั้น...

ณ กรุงเทพมหานคร เช้าวันนี้เป็นวันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันที่อุบาสกอุบาสิกา ชายหนุ่มหญิงสาว ต่างแต่งตัวงดงาม ไปทำบุญที่วัด ไหว้พระขอพรในวันมหาสงกรานต์ เสียงเพลงรำวงสงกรานต์จากลำโพงบนเสาไฟฟ้า ดังขับกล่อมมาแต่ไกล สลับกับคำปราศรัยของท่านผู้นำและภาษาญี่ปุ่น ท้วงทำนองของคำว่า "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" ยังคงดังแว่วในโสตประสาตของคนกรุงในวันนี้ นายทหารและชาวญี่ปุ่น มาร่วมประกอบพิธีสักการะศาลบรรพชนญี่ปุ่น ณ วัดราชบุรณะ พระสงฆ์ไทยและพระมหายาน ทำพิธีร่วมกัน แม้ท่ามกลางสงคราม คุณธรรมยังคงเป็นหลักสำคัญที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้.. ทว่า สิ่งเหล่านี้ จะพินาศลงในอีกไม่นาน

phoca_thumb_l_006.jpg (640×480)

Wat_Ratchaburana_before_destroied_in_World_War_II.jpg (1204×444)

ภาพวัดราชบุรณราชวรวิหารในปี พ.ศ. 2475 (ปล่องโรงไฟฟ้าเลียบอยู่ด้านหลังวัด) ก่อนถูกทำลายหมดทั้งวัดจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในปี พ.ศ. 2488 ในภาพจะสังเกตเห็นพระระเบียงคตรอบพระอุโบสถวัดราชบุรณะ สถานที่ ๆ เคยเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนีและพระพุทธรูปโบราณ

 

เวลา ๑๓.๐๐ น. หลังจากเสียงหวูดสัญญาณเตือนภัยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดดังขึ้นทั่วพระนคร ความสุขในวันสงกรานต์จบสิ้นลง ไม่มีใครรู้ว่าความตายจะมาเยือนผู้ใด ณ ที่แห่งใด เวลานี้ ทุกชีวิตต่างมุ่งหน้าอพยพหลบลงหลุมหลบภัย ยกเว้นทหารต่อสู้อากาศยานที่ยังคงยืนหยัดอย่างไร้ความหวังอยู่เบื้องบน แต่หลุมหลบภัยไม่เพียงพอสำหรับคนจำนวนมากในเวลานี้

ณ เวลาวิกฤตนั้น พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาบางส่วนจึงได้แต่อาศัยพระพุทธบารมีเป็นที่พึ่ง ประตูอุโบสถวัดราชบุรณะได้ถูกเปิดออก พระวิหารคดที่เรียงราย กลายเป็นที่หลบภัยของผู้คนไปเสียแล้ว ด้วยความหวังว่าวัดคงไม่โดนทำลาย เพราะเป็นพุทธมณฑลศักดิ์สิทธิ์อันประเสริฐ

อนิจจา! หรือพวกเขาลืมไปเสียแล้วว่า เพียงแค่กระเบื้องมุงหลังคาวัดเท่านั้นหรือ ที่จะกันภัยจากระเบิดของสัมพันธมิตรอันทรงพลานุภาพได้...!!!

phoca_thumb_l_005.jpg (640×480)

เวลา ๑๓.๑๕ น. ทุกคนอยู่ในที่ตั้ง หลายคนสวดมนต์ หลับตาทำใจพร้อมรับความตายที่มาเยือน เสียงปืนต่อสู้อากาศยานดังเป็นระยะ ๆ แต่ว่าเครื่องบิน B-29 อยู่สูงเกิน เกินกว่าอานุภาพปืนจะไปถึง ปืนต่อสู้อากาศยานไร้ความหมายไปเสียแล้ว

เมื่อเครื่องบินมรณะนับสิบลำได้มาถึงเป้าหมาย ระเบิดค่อย ๆ ถูกบรรจงหย่อนลง นับร้อย ๆ ลูก เพื่อมุ่งหวังปูพรมทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญ คือสะพานพุทธฯ และโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในพระนคร...

ที่มีชื่อว่า "โรงไฟฟ้าวัดราชบุรณะ"!!!

ทันทีที่หมอกควันได้จางลง โรงไฟฟ้าวัดราชบุรณะ และวัดราชบุรณะที่อยู่ใกล้กัน พร้อมทั้งพระอุโบสถ และพระวิหารใหญ่ แห่งวัดราชบุรณราชวรวิหาร พระอารามหลวงแห่งพระนคร ได้พินาศย่อยยับหายสิ้นไปแล้วกับเสียงระเบิด เช่นเดียวกับหลายชีวิตที่ดับสูญไปพร้อมกัน

img21.jpg (367×226)

ทว่า พระวิหารคตด้านตะวันตก ใกล้กับประตูเข้า สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ "หลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์" ยังคงประดิษฐานตั้งตระหง่านอยู่ปกติตามเดิม พร้อมกับอีกหลายชีวิต ที่มาอาศัยพุทธบารมีเป็นที่พึ่ง ต่างได้ประจักษ์ในพลังพุทธานุภาพ

แม้แต่ พระอุโบสถอันศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่พ้นระเบิด แม้แต่ หลวงพ่อใหญ่พระประธาน ยังขาดแหว่ง จนเป็นที่อเนจอนาถใจแก่ผู้พบเห็น แต่พระวิหารคดหลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์กลับพ้นจากระเบิดได้อย่างน่าอัศจรรย์

เสียงเล่าลือดังขจรไปในกลุ่มผู้อยู่ในเหตุการณ์ เห็นว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่นใดไม่ได้ นอกจากพลานุภาพของพระพุทธรูปโบราณในพระวิหารคดนั่นเอง จากนั้นไม่นานนัก ดอกไม้ก็ได้ถูกนำมาวางลง ธูปเทียนก็ได้ถูกจุดขึ้นหน้าองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เสียงพร่ำบ่นภาวนาดังขึ้น พร้อมกับความหวังน้อยนิดในการมีชีวิตอยู่รอดในช่วงสงครามนรกบ้า ๆ นี่

ทว่าด้วยความเสียหายอย่างหนักของวัด ยากแก่การบูรณะให้มีสภาพดังเดิม ประกอบกันวัดอยู่ในพื้นที่ตั้งยุทธศาสตร์ ด้วยหลายเหตุผลทั้งแจ้งชัด (และไม่แจ้งชัด) คณะสังฆมนตรีและคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้มีมติให้ยุบเลิกวัดราชบุรณะเสีย เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๘

นี่จึงเป็นคล้ายใบสั่งย้ายองค์หลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์ ให้พ้นจากความศรัทธาของผู้คน ผู้หวังศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ ตัดสายแห่งความศรัทธาและความหวังให้ขาดสะบั้นลง

พระสุธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดในสมัยนั้น ได้ทราบข่าวการยุบวัดดังกล่าว จึงได้ติดต่อ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เพื่อขอรับพระพุทธรูปมาประดิษฐานที่อุตรดิตถ์ กระบวนการขนย้ายได้ถูกทำอย่างรีบเร่ง ท่ามกลางความเสียใจของผู้ศรัทธา เสมือนว่าได้สูญเสียญาติผู้ใหญ่ผู้เมตตาไปอย่างไม่มีวันกลับ ทว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ต่างคนต่างแยกย้าย ต่างคนต่างเอาชีวิตรอดท่ามกลางไฟสงคราม

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเล่าลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระพุทธบารมีในพระนครจึงได้จางคลายลง หลวงพ่อได้มาอยู่ในที่ ๆ แสนห่างไกล จากผู้ประจักษ์ในพุทธบารมี และในที่ ๆ ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งที่มาของ "หลวงพ่อสุโขสัมฤทธิ์"

เสมือนองค์หลวงพ่อได้มาพักจำศีลอยู่ในที่อันแสนห่างไกล จากนี้อีกกว่า ๖๐ ปี จะไม่มีใครรู้จักว่าท่านเป็นพระพุทธรูปโบราณสมัยเชียงแสน-สุโขทัย อายุ ๘๐๐ ปี อันทรงพลังพุทธานุภาพ...

ณ วัดคุ้งตะเภา ในกลางเดือนเมษายน ๒๕๕๐ เดือนที่แสงอาทิตย์ไม่เคยปราณีผู้ใด ท่ามกลางอากาศอันร้อนอบอ้าว ...

*อ่านต่อตอนหน้าครับ

 

layout197.jpg (374×512)

http://www.youtube.com/watch?v=FT7f0GXdBOU

หมายเลขบันทึก: 565494เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2014 13:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2014 13:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท