ธรรมชาติบำบัดแบบภารตะ

ธรรมชาติบำบัดแบบภารตะ
สุรชัย ซุน

            เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่งมิใช่หรือ  ถ้าหากวันใดที่ท่านเกิดล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา แล้วท่านสามารถเยียวยาตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งหมอ ไปโรงพยาบาล           

 ไม่ต้องถูกจับฉีดยา ให้น้ำเกลือ ลงมีดผ่าตัด  และกินยาเม็ดที่แสนผะอืดผะดม           

เป็นครั้งแรกในชีวิต  และเป็นการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ที่คนเล็กๆ  เช่น ข้าพเจ้า ผู้ไม่ชอบไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว ที่นั่นมีบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์เสมอ มันมีกลิ่นยาสารพัดชนิดลอยคละคลุ้งตลบอบอวลเสมอ  พยาบาลและหมอก็มีหน้าตาไม่ยิ้มแย้มเป็นมิตร แถมอารมณ์เสียใส่คนไข้เสียอีก           

ถ้ามีการเผยแพร่ความรู้ และตั้งศูนย์ธรรมชาติบำบัดไปทั้งประเทศแทนที่จะเป็น ๓๐ บาทรักษาทุกโรค มันจะวิเศษมหัศจรรย์เพียงไร ข้าพเจ้าคิด            วิธีการธรรมชาติบำบัดที่หมอเจค็อบ วาทักกันเชรีสอน มันแสนง่ายดาย ใครๆ ก็ทำได้ด้วยใจแน่วแน่

-          ถ้าคุณปวดหัว  คุณเพียงใช้น้ำก๊อกไหลรดศรีษะ ๑๐ นาที  อาการปวดหัวจะหายเป็นปลิดทิ้ง-          ถ้าคุณเป็นไข้ตัวร้อน  จงหยุดกิน นอนพักเฉยๆ ปล่อยให้ร่างกายทำการเผาพิษในตัวไปให้หมดเหมือนกับเวลาเราไม่ต้องการเศษขยะใบไม้แห้ง เราก็จะเผามันทิ้งเสีย

-          ถ้าคุณเป็นหวัด ให้อาบแดด เช้า-เย็น ปล่อยให้ร่างกายได้รับรังสีวิตามินดี  เผาผลาญความชื้นในตัว  ยืนหันหน้าให้แดดส่องฉายและยืนหันหลัง ก่อน ๙ โมงเช้า  และหลัง ๔ โมงเย็น วันละ ๑ ชั่วโมง และใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำอุ่นบีบมะนาว  เหยาะเกลือแต่น้อย  ยืนก้มตัวลง  เอียงใบหน้า  รินน้ำที่เตรียมไว้เข้าจมูกซ้ายออกจมูกขวา รินจมูกขวาออกจมูกซ้าย  หายใจทางปากตลอดอย่าหายใจทางจมูก  เพราะน้ำจะเข้าสู่โพรงสมอง  อุปกรณ์ล้างจมูกมีรูปร่างคล้ายป้านน้ำชาขนาดเล็กของชาวจีน พวยเล็กๆ นั้นจะพอดีต่อการรินน้ำเข้าจมูกพอดี  ทำเช่นนี้ทุกเช้า ภายใน ๓ วันจะได้ผลดีทันตาเห็น            

เจค็อบมีความเห็นว่า  ยาแพทย์แผนใหม่ทุกชนิดคือยาพิษ  ไม่ควรกินอีกต่อไป มันมีผลข้างเคียงอันตรายมาก เช่น หากเอายาแก้ปวดสารพัดโรค เช่น พาราเซตามอล  ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปถึง ๒๔ ชื่อ  เอามาบดคลุกกับข้าว วางไว้ในครัว ภายใน ๑-๓ วัน หนูจะตายทันที  ถ้าเราใช้ ๑๐–๑๕ กรัม จะทำให้เซลล์ตับตายภายใน ๒๔ ชั่วโมง  มันทำให้ไตหดตัวและตายภายใน ๔๘ ชั่วโมง           

ความจริงแล้วไม่มียาวิเศษใดสำหรับรักษาโรคใดๆ เลย ในทัศนะของหมอจาคอบ            แต่เราควบคุมการกินอาหาร และควบคุมเชื้อโรคได้           

 ในบรรดา ๓ สิ่งที่สำคัญต่อชีวิตมนุษย์คือ น้ำ อากาศ และอาหาร   อากาศคือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะถ้าเราปิดปาก และจมูก  เราจะตายทันทีภายในไม่กี่นาที  จึงเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นที่คนเราควรอาศัยอยู่ในหลักแหล่งที่มีอากาศบริสุทธิ์  หลีกหนีออกไปจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอากาศเป็นพิษ            คนเราไม่ควรดื่มน้ำต้มเพราะแบคทีเรียตาย  ศพของมันจะเข้าไปอยู่ในตัวเราถ้าดื่มน้ำต้ม  เราจึงควรดื่มน้ำฝน  น้ำในบ่อที่ใสสะอาด “แบคทีเรียเป็นเพื่อนของเราได้”  เราไม่จำเป็นต้องฆ่ามัน ในฐานะชาวพุทธ เราเห็นด้วย  แต่การต้องเลิกดื่มชาและกาแฟนั้นเป็นวิธีทรมานกิเลสอย่างหนึ่ง         

หากลองเอากาแฟหรือชาหยดใส่เสื้อผ้า  มันจะมีรอยด่างสกปรก  ถ้าเราดื่มทุกวันๆ ละหลายแก้ว ร่างกายย่อมแปดเปื้อนไปด้วย           

วิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ผู้คนมีพฤติกรรมการบริโภคสารพิษโดยขาดสติเน้นความอร่อยเป็นหลัก            หมอแนะให้เราเลิกกินอาหารขยะ  อาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง ทำให้สุก  เลิกกินน้ำตาลทรายขาว  ผงชูรส  อาหารเค็มจัด  หวานจัด  มันจัดประเภทของทอด  และของเหลือจากมื้อก่อน            เลิกกินเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล  กระทั่งนมและไข่ก็ไม่ส่งเสริมให้กิน  เนื้อสัตว์ใช้เวลาย่อยนาน ๑๒ ชั่วโมง และมีสารพิษตกค้างสะสมในร่างกายอันเป็นที่มาของโรคมะเร็ง            หมอแนะนำให้กินอาหารที่เป็นผักสด  ผลไม้  และน้ำผลไม้เป็นหลัก            สัตว์ใหญ่ที่มีพละกำลังแข็งแรงก็กินผัก ผลไม้ และใบไม้ เช่น ช้าง  ยีราฟ  ลิงซิมแปนซี  ฮิปโปโปเตมัส             เรากินพวกถั่วเขียว  ถั่วลิสง  เม็ดมะม่วงหิมพานต์เสริมโปรตีน  และน้ำเต้าหู้ ถั่วเหลืองพอประมาณ            ในหนึ่งสัปดาห์ควรอดอาหารหนึ่งวัน  ดื่มแต่น้ำเปล่าทั้งวัน  ดื่มเวลากระหาย  ไม่ดื่มมากเกินไปเพื่อไตจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป            สำหรับคนที่เคยกินเนื้อสัตว์มานาน  เวลาอดอาหารให้ทำการสวนทวารล้างพิษสะสมออกให้หมด            เหมือนเวลาเราทำความสะอาดบ้านในช่วงเทศกาล  เราจะใช้น้ำล้างขัดถูบ้านขนานใหญ่  การสวนทวารจึงเป็นการล้างพิษออกจากร่างกายขนานใหญ่เช่นกัน            การอดอาหารควรทำคู่ไปกับการภาวนา           

 ในทุกศาสนาจะส่งเสริมให้มีการถือศีลอด  ถือบวชเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้น            การไม่ติดในรสชาติของอาหาร  การกินดื่มแต่น้อย  การฝึกความอดทน ในภาวะหนึ่งพออดไปสักพัก เราจะสัมผัสถึง “ความว่าง”  และ “พลังภายใน” ที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารอย่างน่าพิศวง           

คนที่กินแต่ผัก ผลไม้ และน้ำผลไม้ จะมีกลิ่นตัวสะอาดผิดกับคนที่เสพยา  กินเนื้อสัตว์มากจะมีกลิ่นสกปรก           

คนที่ฝึกวิชากังฟูสมัยก่อน  ครูบาอาจารย์ก็จะสอนให้กินแต่ผัก และผลไม้  ไม่กินอาหารปรุงสุกที่ไร้วิตามิน  ไม่แตะเนื้อสัตว์  แต่กลับมีวิชากำลังภายในสูงสุดยอดสะท้านโลกันต์            “เหมือนมือของเราถ้าเอาไปต้มสุก มันก็ใช้การไม่ได้”  หมอบอก อาหารที่ปรุงสุก วิตามินถูกทำลายไปหมดแล้ว  แต่หมออนุโลมให้กินมื้อเที่ยงด้วยข้าวกล้อง  ผัดผักหรือผักสดกับน้ำแกงจืดได้           

หมอเจค็อบ อายุ ๔๒ ปี  น้ำหนัก ๔๒ กิโลกรัม  สูง ๑๖๗ เซนติเมตร  คล่องแคล่วหูตาไวปราดเปรียวผอมแห้งแรงมาก  แม้จะกินมื้อเช้า-เย็นแต่ผลไม้  มื้อเที่ยงกินข้าวกล้อง ผักและแกงจืดเป็นเวลา ๔ ปีแล้ว            เขาเป็นแบบอย่างอันทรงพลังทำงานช่วยคนจนให้พ้นทุกข์ จากโรคร้ายนานาเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว            

เขาสร้างศูนย์ธรรมชาติบำบัด “นวชีวัน” ๔ แห่ง ร้านอาหารมังสวิรัติ ๒ แห่งในเมืองโคชิน รัฐเคราล่า อินเดียใต้  และสำนักพิมพ์ ๑ แห่ง  เป็นแบบอย่างของการทำให้ดู  อยู่ให้เห็นอันมั่นคง  และมีอนามัยดีเพียบพูนด้วยสติ ในการเลือกกิน และดำรงชีพอย่างมีความสุข และร่าเริงเสมอไป