ครั้งที่แล้วได้พูดถึงการสอนผู้ป่วยประเมินความปวดไปแล้ว คราวนี้มาดูว่า การบันทึกความปวดเป็น R2R ได้อย่างไร
ที่ผ่านมา ระดับความปวดของผู้ป่วย จะถูกบันทึกใน Nurse note และแยกเก็บนอกแฟ้มประวัติผู้ป่วย ทำให้ผลการบันทึกไม่ได้รับการสื่อสารไปยังทีมงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เหมือนสัญญาณชีพอื่นๆ เช่น ความดัน ชีพจร อัตราการหายใจ และอุณหภูมิกาย ที่บันทึกในฟอร์มปรอท
ครั้งแรกได้ลองบันทึกความปวดในฟอร์มปรอทในช่องอุณหภูมิที่สูงๆ (ที่ไม่เคยได้ใช้งานเลย) แต่ก็ไม่สะดวกเพราะช่องเล็กมาก ผมและทีมงานจึงได้ ออกแบบฟอร์มปรอทใหม่ (โดยทันตแพทย์กฤชตินันท์) ให้มีช่องบันทึกความปวดได้สะดวกขึ้น โดยที่พื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ยังเท่าเดิม
งานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในศรีนครินทร์เวชสารปี 2005;20(2) แต่อัตราการบันทึกยังไม่สูงมาก ต่อมาคุณภาณี (หอผู้ป่วยออร์โธฯ) และทีมงานได้ปรับปรุงระบบการบันทึกในงานประจำให้ดีขึ้น (เรียกว่า pain เป็น สัญญาณชีพที่ห้า: pain is the 5th vital sign) ซึ่งสามารถบันทึกความปวดหลังผ่าตัดได้มากกว่า 98% ของผู้ป่วย ผลงานของคุณภาณี ได้ตีพิมพ์ในศรีนครินทร์เวชสารปี 2006;21(3)
ปัจจุบัน ฟอร์มปรอทอันใหม่นี้ได้รับอนุญาตจากทางโรงพยาบาลให้ใช้ทั้งโรงพยาบาล (แทนอันเดิม) แล้ว
ทั้งหมดนี้ผมได้เขียนสรุปเพื่อรอตีพิมพ์ในศรีนครินทร์เวชสารในปีหน้า
จะเห็นว่า R2R ช่วยพัฒนางานประจำให้ดีขึ้นและสามารถเป็นงานวิจัยได้เป็นกำลังใจให้กับคณะแพทย์ที่ทุ่มเทกับการพัฒนาเพื่อผู้ป่วยค่ะ
เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะช่วยให้มีบันทึกเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
ขอบคุณครับ
อรุณสวัสดิ์คะ...อ.หมอสมบูรณ์...
ขอบคุณมากนะคะสำหรับบันทึกนี้ ... มีประโยชน์มากคะสำหรับผู้ปฏิบัติ...และเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดียิ่ง...คะ
ขอบคุณคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
ผมค้นพบว่ามีหลายท่านใน GotoKnow ที่เข้า net ตอนเช้า อาจเป็นเพราะว่าเร็วกว่าตอนกลางวัน หรือเพราะว่าตื่นเช้าก็ไม่ทราบ แต่ก็ขอขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม และจะยินดีมากเลยถ้าจะช่วยเพิ่มบันทึกในเรื่องเล่า(เบาๆ) จากผู้ป่วยให้ด้วยครับ
เรียน คุณ เอกชัย
your blog looks interesting krab.
Take good care your health krab Ajarn.
Nice to visiting your blog at the first time....
Greeting from Perth krab.
คุณ neeanes ครับ
Ajarn Supalak ครับ
ขออนุญาติครับ เรียน อ.หมอสมบูรณ์ กรุณาเช็คเมลที่ผมได้ส่งไปเมื่อวานนี้ ขอโทษด้วยครับที่โพสต์ผิดที่เพราะมีความจำเป็นครับ