หลังจากมื้อเที่ยงแบบจานด่วน คณะของพวกเรามุ่งหน้าสู่.....
"สังขละบุรี " ตามเส้นทางที่ครั้งหนึ่งขึ้นชื่อว่า ทุรกันดารเป็นที่ยิ่ง แต่
ปัจจุบัน เป็นถนนราดยางค่อนข้างดี มีบางช่วงเท่านั้นที่ยังทำการซ่อม
อยู่...แต่ที่ยังคงสภาพอยู่ก็คือ .... ความคดโค้ง...ที่มีเกือบตลอด
เส้นทาง
และบางช่วง ก็เจอกับ..เปลวไฟ และ ควันไฟ ที่กำลังลุกไหม้ใบไม้แห้ง
ทั้งสองข้างทาง และดูเหมือนไม่มีใครสนใจที่จะดับไฟ...แต่ต้นลม...
คุณมะเดื่อหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดเส้นทาง พอผ่านเขื่อนเขาแหลมก็ยก
กล้องกดชัตเตอร์เท่าที่พอจะทันกับความเร็วของรถ .... เห็นวิว
ทิวทัศน์สดชื่น สวยงาม สบายตา แต่ไม่มีเวลาจะจอดรถไปชื่นชม จึง
ได้มาแบบหมิ่น ๆ เหม่ ๆ แบบนี้ละ
จนมาถึงบริเวณจุดกำเนิดแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน
ซองกาเรีย รันตี และบีคลี่....ภาพที่เห็นสบายตา แต่...ร้อนสุด ๆ !
เห็นสะพานมอญที่ขาดยังซ่อมไม่เสร็จ อยากข้ามไปชุมชนมอญ ...แต่
เกร๊งเกรงใจไอร้อนที่ร้อนเหลือ ร้อนกว่าเมืองสามอ่าวของคุณมะเดื่อ
หลายเท่า...จึงยอมแพ้ (ทั้ง ๆ ที่อยากไปเยือนจริง ๆ )
พวกเราจึงเดินถ่ายถาพกันตามความพอใจ ส่วนยายธีที่รักเก็บเป็นภาพ
เคลื่อนไหว (วิดีโอ)ซะมากกว่า หันมาถามพวกเราว่า " กินไอติมแก้
ร้อนกันไหม...? " ทุกคนรีบเข้าไปล้อมตู้ไอติม พนักงานสาวรีบเปิดตู้
แล้วก็บอกว่า " ไม่มีโคนนะคะ...?".... " อ้าว...! " ไม่มีโคนให้ใส่
ไอติมจึงไม่มีใครสนใจ...ยายธีคนน่ารักยิ้ม แล้วบอกเบา ๆ ว่า " แหม..
เขาอุตส่าห์เปิดตู้..." ยายธีจ๋า...ไม่รู้เหรอ...พวกเราชอบโคนกรอบๆ
อ่ะนะ...อิ อิ
ส่วนท่าน ผอ.คนเก่ง กับ คุณผักหวานป่า สมัครใจที่จะยืนเป็น
" นายแบบกิตติมศักดิ์ " ให้กับคุณมะเดื่อได้ถ่ายภาพเป็นที่..ระทึก..!!
บ่ายสองเศษ ๆ ความร้อนก็ดูเหมือนไม่ลดน้อยถอยลงไปตามเวลาเลย
พวกเราออกจากบริเวณสะพานมอญ แต่...ท่าน ผอ.คนเก่งบอกว่า "
รถคุณผักหวานป่าเจอตะปูตัวเขื่อง " พวกเราจึงร้อนใจ แต่ล้อข้างนั้น
ยังไม่แบน คุณผักหวานป่าจึงขับไปเรื่อย ๆ เพื่อหาร้านปะยาง พอเจอ
ก็เตรียมให้ช่างมาสำรวจตรวจสอบดูร่องรอย ปรากฏว่า...ล้อเหนียว...
ตะปูแทงไม่ถึงยางใน...!! เนื่องจาก...ตะปูมันมีแค่ครึ่งตัว
เท่านั้น..โล่งไป...!!
บ่ายสามกว่า ๆ พวกเราก็เดินทางมาถึงยัง " สุดแดนสยาม" ด่านเจดีย์
สามองค์
ด้านหลังป้ายแดง ๆ นั่นคือ " เมียนมาร์" แค่ก้าวเท้าข้่ามไปก็เป็นต่าง
ประเทศแล้วนะ ( ไม่เหมือนด่านสิงขร ที่หลังประตูบอกอาณาเขตไป
อีกสองกิโลเมตร จึงจะเข้าเขตเมียนมาร์ )
สองภาพบนนี้ เป็นรางรถไฟสั้น ๆ สมัยสงครามโลกทางฝั่งไทย
รางนี้...อยู่ฝั่งเมียนมาร์
เดินเก็บภาพ out door กันจะเหงื่อชุ่มแล้วจึงขยับเข้าไปในที่ร่ม เดินดู
ของที่ระลึกที่มีจำหน่ายคล้าย ๆ กันทุกสถานที่ท่องเที่ยวของ
เมืองกาญจน์น่ะแหละ...เพชรนิลจินดา...คุณมะเดื่อมาสนใจเจ้าหน้าดำ
ปากขาวที่วางเรียงกันบนโต๊ะนี่แหละ แม่ค้าบอกว่า เป็นลูกสะบ้า..!
แถมความรู้ว่า สะบ้า เป็นไม้เถา เดี๋ยวนี้หายาก ต้องคอยเก็บผลเอา
ตอนที่น้ำท่วม มันจะลอยมากับน้ำ ...โห..! มีที่มาที่น่าสนใจมากเลย
แต่...คุณมะเดื่อไม่ได้ช่วยซื้อเจ้าหน้าดำนี่หรอก ช่วยซื้อการ์ดภาพเจดีย์
สามองค์ ในอดีตที่ยังไม่ได้ฉาบปูนเป็นสีขาวแบบนี้ เป็นเพียงอิฐเก่า ๆ
ซึ่งดูแล้วน่าศรัทธามากกว่าฉาบปูนสีขาวเหมือนปัจจุบัน
ออกจากด่านเจดีย์สามองค์ประมาณ 4 โมงเย็น จุดนัดหมายของพวก
เราสำหรับอาหารเย็นคือ " ครัวครูไท " สวนอาหารของคนอาชีพเดียว
กับคุณมะเดื่อ เรามาถึงที่นัดหมายก็ใกล้ค่ำแล้ว ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มี
บรรยากาศร่มรื่น อยู่ริมลำธาร บรรยากาศดีมาก ท่าน ผอ.คนเก่งโทร.
มาสั่งอาหารไว้แล้ว ... แต่ไม่มี...แกงเลียงไข่มดแดง..(หน้านี้มดแดง
มันไม่ยอมไข่นี่นา ) แต่รายการอาหารที่ยกมาเรียงรายบนโต๊ะ ก็...
สุดยอด ของความอร่อยแล้ว.....! อิ่มหนำสำราญกันแล้วจึงเดินทาง
กลับกรีนเวิลด์ พักผ่อนสำหรับคืนนี้...เก็บแรงไว้ลุยสวนป่าของยายธี
ในวันต่อไป..!
หวัดดีท่าน ผอ.คนเก่ง หลวมตัวบอกที่อยู่โรงเีรียนไปซะแล้ว ... สงสัยอยู่ว่า...ถามทำไม ??
อด คำเดียวจบ
อะแฮ่ม ๆ ใครบ้างเอ่ย ผ่านมาแถวๆ นครปฐม ไม่ชวน... :)
ยังไม่ได้ส่งรูปให้เลยจ้ะ ดูในบันทึกไปก่อนละกัน
หวัดดีอาจารย์พีร์ ฝากเบอร์โทร.ไว้ให้คุณมะเดื่อด้วยสิจ๊ะ รอบหน้า คุณมะเดื่อจะขึ้นเหนืออีกจ้ะ จะโทร.ชวนแน่ ๆ
-สวัสดีครับ
-ตามมาเที่ยว..ชม..ชิม...
-บรรยากาศริมน้ำ..ชอบมาก ๆครับ..
หวัดดีจ้ะท่าน ดร.พจนา เป็นร้านอาหารที่มีธรรมชาติแท้ ๆ มาก ๆ จ้ะ สวยงาม ดีมาก ๆ ขอบคุณจ้ะ
หวัดดีคุณเพชร ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจจ้ะ
ถ้ามีสาวใต้อยู่ด้วยคน....คงจะมีความสุขไม่น้อยเลย 555
ภาพทุกภาพยอดเยี่ยมมากค่ะ
หวัดดีจ้ะคุณครูหยินคนเก่ง สักวันคงได้ไปลุยด้วยกันจ้ะ
ขอบคุณจ้าายายธีที่รัก สวยมาก ๆๆๆๆๆๆๆ