ทายซิ...ฉันคือใคร ?
ก่อนเรียนจบช่วงชั้นที่ ๑ คุณครูมีเป้าหมายในใจว่า นักเรียนทุกคนจะรู้จักและเข้าใจตนเองเป็นอย่างอย่างดี พร้อมที่จะมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างจริงจังและมีทิศทาง ดังนั้น การเรียนรู้ตนเองจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่หน่วยวิชาภูมิปัญญาภาษาไทยจะต้องนำพานักเรียนไปให้ถึง
คุณครูตั๊ก – รัตดารา มกรมณี คุณครูหน่วยวิชาภูมิปัญญาภาษาไทย จัดกระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนชั้น ๓ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชื่อเสียงเรียงนามของตนเองติดต่อกันเป็นปีที่ ๓ แล้ว ความคิดนี้ได้มาจากการปรึกษาหารือกับคุณครูใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้นักเรียนรู้จักตนเอง ครูใหม่จึงได้แนะนำให้นำเรื่องที่มาและความหมายของชื่อ มาจัดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนเรื่องใกล้ตัวนักเรียน ที่จะนำพาไปสู่ความเข้าใจตนเองได้ง่ายดายที่สุด
กิจกรรมนี้เริ่มต้นจากการสืบค้นที่มา และความหมายของชื่อตนเอง ทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง ไปจนถึงนามสกุล โดยการสอบถามจากคุณพ่อคุณแม่ และญาติผู้ใหญ่ ว่าชื่อ และนามสกุลของเขาได้มาจากไหน มีที่มาจากไหน มีความหมายเช่นไร เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นในตนเอง จากนั้นจึงจะเป็นการตั้งปณิธานในการที่จะพัฒนาตนให้เหมาะสมตามชื่อ และนามสกุลที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ โดยอิงการศึกษาตัวอย่างจากจากเรื่องราวในทศชาติชาดกที่พระพุทธเจ้าทรงมุ่งมั่นบำเพ็ญบารมีที่พระองค์ได้ทรงตั้งความปรารถนาไว้ในแต่ละชาติ
เมื่อสืบค้นข้อมูลมาได้แล้ว นักเรียนจะต้องนำมาเขียนให้เป็นเรียงความด้วยถ้อยคำที่สละสลวย และมีการนำคำซ้อนมาใช้ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การนำความเดิมไปเขียนให้เป็นกลอนสี่ที่มีการใช้คำซ้อนและคำคล้องจอง
ในการเขียนเรียงความของนักเรียนชั้น ๓ ช่วงที่ยากที่สุดคือช่วงของการเขียนคำนำ และยิ่งมีเงื่อนไขให้ใช้ถ้อยคำที่สละสลวยด้วยการนำคำซ้อนมาใช้ในการเขียนร้อยแก้วด้วยแล้ว ความยากก็ยิ่งทวีมากขึ้นไป แต่หากครูสร้างฉันทะให้นักเรียนสนุกและมีความสุขที่จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการเขียนได้แล้ว กติกาการเล่นกับคำก็คือเงื่อนไขในการเล่นชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อท้าทายความสามารถของผ้เรียน และเพื่อให้ผู้เรียนได้มีช่องทางในการพัฒนาศักยภาพที่สะสมอยู่ให้หลั่งไหลออกมาเป็นสมรรถนะด้วยการฝึกฝนจนคล่องแคล่ว
เมื่อขึ้นต้นด้วยการเล่นกับคำทั้งในแง่ของเสียงและความหมายแล้ว ความสนุกจากการได้เรียนรู้ก็จะตามมาได้ในที่สุด และเมื่อครูตั้งหลักได้ดังนี้การคิดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป...
ในการเรียนรู้เรื่องคำซ้อน แรกที่สุดครูจะให้นักเรียนคิดคำซ้อนที่บ่งบอกความเป็นเรา จะกี่คำก็ได้ แล้วนำมาให้เพื่อนทาย ถ้าเพื่อนทายถูกถือว่าประสบความสำเร็จในการเลือกสรรคำที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเขาได้ชัดเจน
ตอนทำกิจกรรมนี้นักเรียนตื่นเต้นมาก ไปนั่งหลบมุมคิดคำเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ เห็น แต่ปรากฏปรากฏว่าเพื่อนๆ สามารถทายได้ถูกหมด
โจทย์ต่อไปที่ครูมอบหมายคือ การนำคำซ้อนมาเขียนบรรยายตัวตนเป็นร้อยแก้ว จากนั้นให้ลองทายใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ผลปรากฏว่านักเรียนแต่คนเลือกคำมาแสดงตัวตนได้ชัดเจนสุดๆ ไม่พลาดสักคน
ขั้นต่อไปให้นักเรียนไปเชิญครูประจำชั้นมาฟัง ถ้าครูประจำชั้นทายถูกแสดงว่าเขียนได้ชัดเจน แต่ถ้าทายไม่ถูก ต้องไปเขียนงานมาใหม่
งานนี้ทุกคนตั้งใจเขียนโดยไม่มีอาการอิดออด เมื่อเขียนเสร็จก็ถึงเวลาให้คุณครูประจำชั้นทาย ก่อนที่จะมาลองทาย คุณครูประจำชั้นก็กังวลว่าจะทายถูกไหม ถ้าหากตอบผิดนักเรียนจะเสียใจ แต่ครูตั๊กได้เห็นตัวงานแล้วจึงบอกกับครูประจำชั้นไปว่าไม่ต้องกังวล เพราะทุกคนเขียนได้ชัดเจนมาก ในที่สุดคุณครูก็ทายได้ถูกต้องหมดทุกคน นักเรียนดีใจที่พวกทำงานกันได้ดีสรุปว่าคาบเรียนนี้ได้คำนำของเรียงความของแต่ละคนมาเรียบร้อย
ความท้าทายยังไม่จบลงเพียงเท่านี้... เมื่อมีการประชุมกับคุณครูช่วงชั้นที่ ๒ เรื่องการส่งต่อนักเรียน คณะทำงานเสนอให้มีการจับพี่รหัส เพื่อให้พี่ๆ ช่วงชั้นที่ ๒ ได้ทำหน้าที่ดูแลน้องๆ ...แต่จะทำอย่างไรให้สนุก?
ในวงคณะทำงานมีการพูดถึงการเขียนคำแนะนำตัวเอง โอ้ !!! คราวที่แล้วเขียนให้ครูประจำชั้นทาย คราวนี้ต้องเขียนให้พี่ชั้น ๔ ที่ไม่รู้จักเรา เราไม่รู้จักพี่ทาย นับเป็นเรื่องท้าทายยกกำลังสอง
ตอนแรกนักเรียนค่อนข้างกังวลว่าถ้าไม่มีคนทายถูกเลยตัวเองจะไม่มีพี่รหัส เมื่อมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันก็สรุปร่วมกันได้ในที่สุดว่าการเขียนคำแนะนำตัวเองนี้จะต้องเขียนเฉพาะรูปร่าง อย่าเขียนนิสัยหรือฉายา เพราะพี่เขาไม่รู้ คำถามต่อมาคือ แล้วถ้ารูปร่างหน้าตา ทรงผม ของเรามีความคล้ายกันล่ะ พี่เขาจะรู้ได้อย่างไร ก็มีคนเสนอว่าให้เขียนคำใบ้ชื่อด้วย และเขียนว่าเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายด้วย จะได้ตัดตัวเลือกให้น้อยลง
เฉลย : จินนี่
เฉลย : คีม
เฉลย : กิ๊ฟท์
เฉลย : ของขวัญ
เฉลย : จอมทัพ
สิ่งที่ครูได้เห็นคือความพยายาม ความต่อสู้ ฝ่าฟันที่จะใช้ภาษาในการนำเสนอตัวเองให้พี่ๆ ได้รับรู้ เมื่อทำเสร็จถึงขั้นตอนส่งมอบสลากให้พี่ๆ จับ ...งานนี้ทั้งครูชั้น ๓ ครูชั้น ๔ และนักเรียน เองก็เฝ้ารอลุ้นว่าพี่ชั้น ๔ จะอ่านแล้วตามหาน้องได้หรือไม่ซึ่งเริ่มมีการหาตัวและเริ่มดูแลน้องๆ โดยที่ไม่รู้ว่าถูกตัวกันแล้วหรือยัง แล้วในวันเฉลยเราจะมาลุ้นกันอีกทีว่าที่ทายกันถูกเป็นเพราะน้องเขียนเก่งหรือพี่เดาเก่ง
เฉลย : เต็ม
เฉลย : พุด
เฉลย : กินเจ
สิ่งที่ครูตั๊กได้เรียนรู้จากการทำงานครั้งนี้ คือ ถ้าครูรู้จักลักษณะนิสัยและตัวตนของนักเรียนมากเพียงพอ ครูจะสามารถจัดสรรงานให้มีความท้าทายให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน และเมื่อผู้เรียนมีความสนุกก็จะเกิดความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันอุปสรรค การทำให้ผู้เรียนสนุกที่จะเขียนและสนุกกับการใช้ภาษาด้วยการปลูกฝังความสนุกที่จะเล่นกับภาษา ครูจะสามารถพัฒนาศักยภาพในการใช้ภาษาของนักเรียนได้อย่างไม่ยากเย็น แล้วเหล่านักเขียนตัวน้อยๆ ก็จะค่อยๆ คลี่บานออกมาได้อย่างงดงาม
ครูตั๊ก - รัตดารา มกรมณี บันทึก
เฉลย : เซ็น
เฉลย : แพร
เฉลย : โจซีฟิน ญาณิกา แอนเดอร์สัน
จากผู้เรียบเรียง
บันทึกของครูตั๊กเรื่องนี้ เล่าถึงกระบวนการสร้างแรงบันดาลใจ และการสร้างให้ผู้เรียนมีฉันทะในการเขียนอ่านที่สามารถนำผู้เรียนให้รู้จักตัวเอง ด้วยโจทย์การเรียนรู้ที่ช่วยทำให้ผู้เรียนได้สร้างสรรค์งานเขียนจากมุมที่คำนึงถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งการคำนึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านนี้ ส่งผลให้ทุกคนต้องทบทวน ไตร่ตรอง ประณีตกับงานที่อยู่ในมือมากขึ้น คุณภาพของชิ้นงานและการเรียนรู้จึงพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มีความเห็น