หลังจากที่กลับมาทำหน้าที่พ่อค้าเกือบๆ สองเดือน ผมก็เริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างในการซื้อของระหว่างเด็กวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ ก็คือ
ผู้ใหญ่นั้นจะใช้สินค้าและราคาเป็นตัวตั้ง คืออยากใช้อะไรก็ค้นหา หาซื้อ จากนั้นจึงเลือกและต่อรองราคาจนได้ราคาที่พึงพอใจมากที่สุด อาทิเช่น ต้องการซื้อโลชั่นทาผิวสักขวดนึง ก็จะหาคุณสมบัติและราคาที่เหมาะสมที่สุดจากนั้นจึงตัดสินใจและควักกระเป๋าจ่ายตังค์
ส่วนเด็กวัยรุ่นนั้นจะมีพฤติกรรมการซื้อโดยใช้ "เงินที่ได้มา" เป็นตัวตั้ง นั่นก็คือ ได้เงินมาเท่าไหร่จะต้องซื้อให้หมด ซึ่งคล้าย ๆ กับการใช้งบประมาณของระบบราชการในสมัยก่อน ก็คือ ตั้งงบไว้เท่านี้ สมมติว่า มีเงิน 10,000 บาท ต้องการซื้อกล้องหนึ่งตัว ก็จะเดินไปบอกที่ร้านว่า มีเงินหมื่นบาทจะซื้อกล้องตัวไหนดีที่สุด
ซึ่งแตกต่างจากระบบของเอกชนนั่นก็คือ จะซื้อกล้องสักตัวนึงตัวไหนดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด ใช้คุณสมบัติเป็นตัวตั้งแล้วค่อยคำนึงถึงเรื่องราคา
เช่นเดียวกับเด็กวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่รับเงินหรือขอเงินมาจากผู้ปกครอง รับเงินมา 100 บาท ก็จะหาสินค้าที่ใกล้เคียงหรือพอดีกับเงินหนึ่งร้อยบาทนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ที่จะใช้เงินให้หมด ซึ่งจะตรงข้ามกับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หารายได้หรือหาเงิน ที่จะพยายามซื้อสินค้าที่จะเหลือเงินให้มากที่สุดครับ
สิ่งนี้ก็เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคเล็ก ๆ ที่สังเกตซ้ำ ๆ จากการทำงานเป็นพนักงานขาย ณ ที่บ้านแห่งนี้ครับ
ไม่มีความเห็น