การเป็นฆราวาสชั้นเลิศ
1. แสวงหาโภคทรัพย์โดยธรรม โดยไม่เครียดครัด (เกินไปจนทรมานตน)
2. ทำตนให้เป็นสุขอิ่มหน่ำ
3. รู้จักแบ่งปันโภคทรัพย์บำเพ็ญบุญ
4. ไม่กำหนัด ไม่มัวเมา ไม่ลุ่มหลง มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก
ใครทำได้ชื่อว่าเป็นฆราวาสชั้นเลิศ หรือเป็นกามโภคี คือเป็นผู้บริโภคกามที่เป็นผู้เลิศ สามารถเอาตัวรอดจากสังสารวัฏได้ หรือเรียกว่าเนื้อที่นอนจมบ่วงแต่ไม่ติดบ่วง เพราะว่าอยู่ในลักษณะท่าทางพร้อมที่จะกระโดดออกจากบ่วง เสมือนว่าเราเสพรูป เสียง กลิ่น รส อยู่แต่เรารู้จักรสอร่อย รู้จักโทษ และรู้อุบายเครื่องไปพ้นออกจากสิ่งเหล่านั้น ผู้ใดรู้ก็เหมือนพร้อมที่จะออกจากบ่วง ก็คือรู้ธรรมะนั้นเอง ธรรมะเป็นเรื่องสอนสัตว์ให้ไม่ตาย
มรรควิธีที่สั้นๆง่ายๆ และได้ผลดีตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ
1. การละความเพลิน ในทุกอายตนะได้จะเป็นเหตุให้จิตหลุดพ้นจากอาสวะ ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้ง 5 เพราะความ
สิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ เพราะความสิ้นไปแ่ห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแ่ห่งนันทิ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิแล
ะราคะ กล่าวได้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี เอาไปใช้ในทุกอายตนะ อย่าเพลินกับการมอง การฟัง การสัมผัสทางกาย ทางใจคิดเหม่อลอยไปเรื่อย ไม่เพลินไปกับจิต ดึงจิตมาอยู่ ณ ปัจจุบันเรื่อยๆ ในที่สุดเราจะเห็นการเกิดและการดับ ประโยชน์การเห็นการเกิดการดับคือ ทำให้เราเข้าใจเรื่องอนัตตา เห็นว่าธรรมชาติทั้งหลายนี้ไม่ใช่ตัวตนจริง ร่างกายเราก็ไม่ใช่ของเราจิตเราก็ไม่ใช่ของเรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต จริงๆแล้วเราทุกคนมีสภาวะธรรมที่ไม่ตาย คือ มีวิมุต อยู่กับตัวอยู่แล้วแต่เรามีอวิชชาคือความหลงไปพอใจในขันธ์ทั้ง 5 รูปกาย สุข ทุกข์ ความคิดในอดีต ความปรุงแต่งในอนาคต วิญญาณความรู้แจ้ง 5 ธรรมชาตินี้เราเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเราของเรา เราจึงเกิดพอใจไม่พอใจไปกับธรรมชาิติทั้ง 5 เหล่านี้ซึ่งจริงๆสภาวะความไม่ตายมีอยู่ในทุกคนจึงต้องมาประพฤติปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจความหลงผิด เพื่อให้เข้าสู่สภาวะธรรมของตัวเองนั่นเองเราจะได้เข้าถึงความไม่ตาย เพราะร่างกายนี้ตายแน่นอน ก่อนตายเราควรจะรู้ถึงสัจธรรม เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่ได้เกิดมา พระพุทธเจ้าเปรียบว่าสัตว์ที่มาอีกครั้งมีโอกาสเท่ากับดินในเศษเล็บเมื่อเทียบกับมหาปฐพี เพราะฉะนั้นโอกาสที่ตายแล้วจะกลับมาเกิดนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จะไปภพอื่นเสียส่วนมาก หากเรามัวเพลิดเพลินเราจะไม่มีโอกาสกลับมาเป็นมนุษย์คุณธรรมที่จะเลี้ยงให้เราได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ได้และเป็นอริยะบุคคลไม่ตกต่ำไปสู่อบายมีอยู่ 2 คุณธรรมคือ
1. การมีศีล 5
2. มีโสตาปัตติยังคะ 4 มีความเลื่อมใสอย่างลงมั่นไม่หวั่นไหวใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมีศีลอันเป็นที่รักของ พระอริยะเจ้าคือศีลที่ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พล่อย ถ้ามีคุณธรรม 2 อันนี้ พระศาสดาให้พยากรณ์ตนและตนว่าเป็นพระ โสดาบันแล้ว ดูเพิ่มได้ในคู่มือโสดาบัน
2. การพิจารณาผัสสะ องค์ประกอบของผัสสะ ผัสสะทางตาก็รู้ว่าตาไม่เที่ยงลูกตาไม่เที่ยง วิญญาณทางตาไม่เที่ยง ผัสสะทางหูก็รู้ว่าหูไม่เที่ยง วิญญาณทางหูไม่เที่ยง พิจารณาความไม่เที่ยงอยู่อย่างนี้ในทุกอายตนะ นี่เป็นมรรคผลที่ง่ายในการเข้ามรรคผลนิพพาน
เป็นฆารวาสชั้นเลิศ
การเป็นฆราวาสชั้นเลิศ สรุปจากธรรมบรรยายโดยพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล