แอบมองวิธีคิดของสหายแดงในบางแง่มุม


1.) ในขณะที่ชาวนาคนปลูกข้าวทั่วประเทศกำลังจะตายจากนโยบายจำนำข้าวที่ถังแตกของรัฐบาลเพื่อไทย ข้าวกองล้นโกดังมาเป็นปีๆ ระบายไม่ค่อยออกราคาสู้เขาไม่ได้ ยิ่งขายยิ่งขาดทุน เก็บไว้ก็เสื่อมสภาพลงทุกวัน เงินจมไปหลายแสนล้านกับกองข้าวเท่าภูเขาจนหมดเงิน สุดท้ายมีคนประเมินที่ราคาข้าวปัจจุบันแล้วว่ารัฐจะขาดทุนปีละอย่างน้อยสองแสนล้านเห็นๆ แถมเจ็บใจเงินที่ต้องขาดทุนนี่ดันตกถึงมือคนปลูกข้าวเพียงครึ่งเดียว

สิ่งที่น่าสนใจคือคนมากมายที่เลือกรัฐบาลนี้มา กลับมีน้อยคนออกมาตำหนิตักเตือนในความผิดพลาดที่ต้องสูญเสียเงินภาษีชาวบ้านไปกับสายลมถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณขาดทุน หรือเท่ากับ 5% ของงบประมาณรัฐบาลในแต่ละปี แทนที่จะช่วยคนปลูกข้าวได้ถึงสี่ปีตามทฤษฎีเจ๊งปีละแสนล้านยกระดับชาวนาของปราชญ์ล้านนาศาสดาแห่ง สปป. มีน้อยคนที่ออกมาส่งเสียงคัดค้านดังๆ ให้ยุติโครงการนี้ก่อนที่จะเจ๊งกันทั้งระบบ หรือแม้แต่เรียกหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลในฐานะหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงที่ใช้ไปอย่างเท่าเทียม รวมถึงท่านปราชญ์เองด้วยที่เพียงออกมากระซิบอย่างแผ่วเบายอมรับในความผิดพลาดของโครงการนี้ ว่าไปก็เป็นตัวรัฐบาลเองที่สุดแล้วจำเป็นต้องออกมายอมรับว่าโครงการนี้เดินมาถึงทางตัน

สิ่งที่น่าสนใจถัดไปคือชาวนาคนปลูกข้าวที่ออกมาประท้วงปิดถนนกันทั่วประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ค้างจ่ายมาแล้วหลายเดือนจำนวนมากก็เลือกเพื่อไทยมานั่นเอง กลับเห็นน้อยคนที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลออกมาช่วยคนปลูกข้าวเรียกร้องเงินจากรัฐบาลของเขา แต่เห็นมากคนที่โยนความผิดนี้ไปที่ฝ่ายตรงข้ามว่าดันออกมาประท้วงยึดกระทรวงการคลังจนจ่ายเงินไม่ได้ ประท้วงจนรัฐบาลต้องยุบสภาทำงานต่อไม่ได้ โทษ กกต.ว่าดึงเรื่องไม่อนุมัติให้รัฐบาลกู้เงินไปจ่ายชาวนา โทษไปจนถึงธนาคารรวมหัวกันไม่ปล่อยเงินกู้ นี่คงเป็นมาตรฐานความรับผิดชอบในหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงแบบหนึ่ง 

2.) หลายคนมากที่เลือกเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลพอมาเจอ พรบ.นิรโทษเหมาเข่งก็รับไม่ได้ออกมาคัดค้าน ทั้งด้วยเหตุผลเรื่องความไม่จริงใจของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนคนเล็กๆ ที่ดึงเรื่องเล่นเกมส์จับตัวประกันเพื่อนิรโทษให้กับเจ้าของพรรคและยังนิรโทษให้กับผู้ที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอีกด้วย จึงถือว่าเพื่อไทยทรยศต่อศรัทธาถึงกับลงโทษจะไม่เลือกกลับมาในการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า และทั้งด้วยเหตุผลเรื่องการเรียกแขกจากฝั่งตรงข้ามเมื่อการนิรโทษทำแบบเหมาเข่งทะลุสุดซอย

สิ่งที่น่าสนใจคือในหลายคนที่ถึงจะทักท้วงด่าทอจนถึงกับขัดแย้งกับอีกมากมายหลายคนที่เอออวยหรือกลับมากลับไปกับพรรคจนเลือกที่จะเดินจากมา ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสลับขั้วมาอยู่ฝั่งตรงข้ามและคงไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความตั้งใจดั้งเดิม ในหลายคนแม้แตกหักในตอนแรกแต่เมื่อเกิดการประท้วงจนผู้เข้าร่วมชุมนุมขยายวงจนสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ภาคประชาชน ก็ลืมเรื่องบาดหมางลืมหลักการที่เคยต่อสู้เคยวิพากษ์กลับไปอิงฐานมวลชนและพรรคตามเดิม บางคนถึงกับสบถว่าถ้าไม่เลือกเพื่อไทยจะให้เลือก ปชป.หรือยังงัย นี่ก็คงเป็นมาตรฐานความรับผิดชอบในหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงอีกแบบหนึ่ง

3.) สุดท้ายในหลายๆ คนที่เอ่ยถึงก็ยังพัวพันกับสิ่งเดิมๆ พวกเดิมๆ โดยไม่สนใจในความถูกผิด หรือหลักการที่เคยต่อสู้มา ยังงัยต้องเลือกพรรคพวกกูไว้ก่อนเพื่อไม่ให้พรรคพวกมึงชนะเท่านั้น ไม่ว่าพรรคพวกจะออกนโยบายผิดพลาดแบบไหน หรือให้ใครมาเป็นตัวแทนมาเป็นผู้นำอย่างไรก็ได้ คงเป็นหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงแบบรวมตะกร้าเหมาเข่งรอให้ใครก็ได้มายกขึ้นท้ายรถ ขับวิ่งออกไปตามเส้นทางแห่งประชาธิปไตยที่ต้องปกป้องสุดชีวิต...กระมัง 

จันทบุรี 25 มกราคม พ.ศ. 2557

หมายเลขบันทึก: 561228เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2014 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2014 15:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท