ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสกลับบ้านที่เชียงใหม่ไปหาครอบครัวและคุณยายที่น่ารักของฉันซึ่งตอนนี้ก็อายุได้ 89 ปีแล้วแต่ท่านยังแข็งแรง ท่านคือผู้หญิงที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่กับคุณยายเพราะคุณพ่อและคุณแม่ท่านต้องทำงานไม่ว่างสักเท่าไหร่ หลายครั้งที่ฉันก็ยังสงสัยว่า ยายทำไมเก่งจังนะ ถึงจะชรามากแล้ว แต่ท่านก็ยังแข็งแรง รับมือกับเด็กซนๆอย่างฉันได้ และ ช่วงหลังๆที่ฉันไม่ได้อยู่กับยายต้องมาเรียนที่มหาลัยซึ่งไกลมาก ยายก็เลยต้องอยู่คนเดียวที่บ้านช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่เสาร์อาทิตย์คุณน้าจะมาอยู่ด้วยเพราะวันธรรมดาติดงาน พ่อแม่ก็ไม่ค่อยว่างเหมือนเคย มักไปนอนอยู่สวนเป็นประจำ เพราะพ่อแม่ดิฉันเป็นชาวสวนค่ะ และนี่ก็ทำให้ดิฉันสงสัยว่าคุณยายท่านไม่เหงาหรอ จะทำให้คุณยายเครียด ซึมเศร้าไหมน้า...
ฉันจึงไปนังพูดคุยกับคุณยายให้ท่านเล่าเรื่องสมัยสาวๆให้ฟัง ท่านก็เล่าว่า
เมื่อก่อน ยายต้องเลี้ยงน้อง ดูแลบ้าน ช่วยที่บ้านทำงาน ซึ่งงานของที่บ้านก็คือการทำสวนปลูกผัก เช่น พริก ฝ้าย เก็บฝ้าย ปั่นฝ้าย ทอผ้าเอง ในส่วนของงานบ้าน เช่น ซักผ้า ต้องไปนั่งซักผ้าที่ริมคลอง เอาไม้ฟาด ใช้สบู่ถูแทนผงซักฟอก ทำกับข้าวด้วยการสุมไฟจากฟืนไม้ที่ไปหาจากในป่า ระหว่างนั้นก็รีดดอกฝ้ายเตรียมปั่นทอ น้ำที่ใช้ในบ้านก็ต้องไปตักจากในคลองมาใส่ตุ่ม หลังจากแต่งงาน ก็ต้องย้ายบ้าน ไปอยู่กับสามี เลี้ยงลูก กิจวัตรประจำวันตอนนั้นยังเหมือนเดิม และเริ่มเปลี่ยนเมื่อต้องย้ายบ้านหลังที่ 4 เนื่องจากเริ่มแก่ตัวลง มีลูกหลานดูแลมากขึ้น และสถานที่ไม่เอื้ออำนวย จากที่ต้องไปหาไม้หาฟืนเอง ก็ไม่ได้ทำ ไม่ได้ รีดฝ้ายหรือทอผ้า เนื่องจากไม่มีใครเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้ ไม่สามารถเตรียมเองได้ เลิกเลี้ยงสัตว์จากที่เคยเลี้ยงสัตว์เพื่ออุปโภคบริโภคหลากหลาย เช่น ไก่ หมู ปลา จากที่เคยไปทำสวนทำไร่ปลูกผัก ปัจจุบันทำได้เพียงแค่เก็บกวาดใบไม้ ดูแลต้นไม้รอบๆบ้าน ในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้ทำกับข้าวจากที่เคยไปหาปลาหาผักตามลำน้ำคลองปัจจุบันลูกหลานมีจัดเตรียมไว้ให้ จากที่เคยไปวัดทุกๆวันพระ ปัจจุบัน ไม่ได้ไปหรือนานๆที เนื่องจากนั่งพับเพียบไม่ได้ ได้แค่นั่งเก้าอี้ และเดินไปวัดลำบาก ปัจจุบันการทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างต้องนั่งบนเก้าอี้หรือยืนทำ มีการใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น เครื่องซักผ้า เก้าอี้นั่งปัสสาวะ เก้าอี้กระโถน ไม้ค้ำยัน
การเปลี่ยนแปลงของคุณยายสามารถนำมาวิเคราะห์ตามกรอบอ้างอิง Model of Human Occupation เนื่องจากในกรอบอ้างอิงนี้ได้กล่าวถึงการทำกิจกรรมของมนุษย์โดย มีปัจจัย ทั้งในตัวบุคคลและปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและการตัดสินใจในการทำกิจกรรม โดยสังเกตจากเรื่องเล่าของคุณยายพบว่า เพราะต้องย้ายบ้านและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ร่างกายที่ชราภาพลง ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลง สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำกิจกรรม และการเปลี่ยนแปลพฤตินิสัยที่ เช่น จากที่นั่งยองซักผ้าเปลี่ยนมายืนซัก ใช้เครื่องซักผ้า หรือบางครั้งนั่งเก้าอี้ซักโดยยกกะลังมังขึ้นวางโต๊ะแทน เนื่องจากปัจจัยทางด้านร่างกายส่งผลต่อพฤตินิสัยของมนุยษ์
จากนั้น ดิฉันได้นำความรู้ที่เรียนมา ลองประเมินความซึมเศร้าของคุณยายเพื่อตรวจดูสุขภาพจิตของท่านด้วยแบบวัดความซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย(Thai Geriatric Depression Scale : TGDS) คุณยายได้คะแนน 3 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีภาวะซึมเศร้า ทำให้ฉันคลายข้อสงสัยของตัวเองไปได้
ฉันจึงถือโอกาสถามยายไปว่ายายคิดยังไงกับชีวิตตอนนี้
ยายตอบว่า "ยายหน่ะ แก่แล้วทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ถึงจะอยากทำหลายอย่าง แต่ยายก็ต้องยอมรับว่าคนเราเกิดมามันก็ต้องมีแก่ มีเจ็บ มันเป็นธรรมชาติของคน เราก็แค่อยู่กับมันให้ได้ จะเศร้าไปทำไม ยายมีบ้าน ยายมีต้นไม้ ยายมีลูกมีหลานเยอะแยะ มาหาบ่อยๆ ก็มีแต่จะเป็นห่วงลูกๆหลานๆเท่านั้นแหละ อยู่ไกล.."
คุณยายของฉันน่ารัก ท่านยิ้มร่าเริงหัวเราะให้ฉันเสมอ ทุกครั้งที่เราเจอกัน ((:
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง:
ศิลปินใหญ่ ผู้อุทิศชีวิตทั้งกายและใจให้ดนตรีไทย