ทาษแท้


เขาคนนั้นมิใช่ “นายแท้” และเราก็มิใช่ “ทาษแท้” ซึ่งกันและกัน


คำถามที่เคยถามตัวเองหลาย ๆ ครั้งว่า “ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อใคร” เราเกิดมาเพื่อรับใช้ใคร


คำถามนี้หลาย ๆ คนทราบคำตอบเมื่อสำเร็จการศึกษา นั่นก็คือ เมื่อเริ่มต้นทำงาน  ได้รู้คำตอบว่า การเตรียมการมาตลอดในช่วงต้นของชีวิต ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถม มัธยม จนกระทั่งอุดมศึกษา จนถึงวันที่จบการศึกษา วันนั้นเราก็เริ่มเสนอตนเองเพื่อให้ใครสักคน หรือใครบางคนที่เราตั้งความหวังไว้ตั้งแต่สมัยเรียน “เลือก” เราเข้าไปทำงานเพื่อ “รับใช้เขา”


บางคนเสียใจที่เขาไม่เลือกเรา แต่บางคนดีใจ ที่เขาเลือกเรา มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และงานเลี้ยงฉลอง


ครั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่วิถีแห่งการทำงานหรือการรับใช้ใครสักคนหนึ่งที่เขาเลือกเรา


เราทำได้ทุก ๆ อย่างที่เขาต้องการ


เขาจะส่งเราขึ้นเหนือ ล่องใต้ เลี้ยวขวาไปอีสานหรือเบี่ยงซ้ายไปตะวันตก เราก็ต้องไป เพราะเขาเลือกเรามาเพื่อรับใช้เขา เราเต็มใจที่จะรับใช้และเป็นทาษเขา เพราะเขา “ให้เงินเรา”


ถ้าไม่ทำตามเขา เราก็ไม่ได้เงิน เราเรียนมาก็มาทำงานหาเงินไม่ใช่เหรอ


ถ้าเขาสั่งให้ไปแล้วไม่ไป ถ้าเขาสั่งให้ทำอะไรแล้วเราไม่ทำ จะเป็นอย่างไร ซึ่งบางครั้งการทำตามที่เขาต้องการอาจทำให้เราต้องเดินออกห่างจากครอบครัว โยกย้ายแหล่งที่พักหลับนอน ย้ายหนีจากลูกและครอบครัว เพื่อเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เราอยากไปจังหวัดนี้ เขาให้ไปจังหวัดโน้น “เราก็ต้องไป” ยิ่งอยู่ไปยิ่งห่างจากคนที่เรารักและรักเรา ยิ่งอยู่ไปยิ่งออกห่างจากใจที่เรารักและการรักใจเรา รักในอุดมการณ์ รักในความถูกต้อง ทำได้แค่เพียงเสียงบ่นเล็ก ๆ ลับหลัง ซึ่งมิกล้าทำเบื้องหน้าเขา เพราะเขาอาจจะไม่พอใจและไม่ให้เงินเรา ซึ่งเขาหรือใครคนนั้นที่เราเรียกว่า หัวหน้า นาย ผอ. หรือตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม เขาคนนั้นมิใช่ “นายแท้” และเราก็มิใช่ “ทาษแท้” ซึ่งกันและกัน

หลาย ๆ ชีวิตยอมที่จะทำสิ่งเหล่านี้จนกระทั่งถึงกำหนดเวลาที่เขาตั้งขึ้นมาว่าเป็นเวลาเกษียณอายุ อาจจะเป็น 55 ปี 60 ปี หรือบางคนอาจจะมากกว่านั้น


สำหรับวันนี้ผมขอเลิกสัญญาทาษเหล่านั้น ขอเกษียณตัวเองจากพันธนาการชีวิตจากใครที่หรือใคร ๆ ที่เคยรู้จัก เพิ่งรู้จัก หรืออาจจะรู้จักในอนาคต

ขอเลือกที่จะรับใช้จิตใจของตนเอง เป็นทาษชีวิต ทาษแผ่นดิน และเป็นทาษความรู้สึกของตนเอง โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด ขอกลับมาทำหน้าที่ทาษรับใช้บุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต ที่บางคนอาจจะรอโอกาสเมื่ออายุครบ 60 ปี แต่ขอผมใช้โอกาสนั้น ณ วันนี้ ขอกลับมาเป็น “ทาษแท้” ที่นี่ เวลานี้ (บ้าน)

ขอเป็นในวันที่มีโอกาสได้เป็น และขอทำในวันที่มีโอกาสได้ทำ


สิ่งเหล่านี้ ความคิดนี้ เกิดขึ้นได้เพราะ “การจัดการความรู้”


จัดการความรู้ของตนเอง โดยตนเอง และเพื่อตนเอง


ชีวิตที่เดินด้วย KM เราจะสามารถมองทุกสรรพสิ่งเป็นความรู้ มองเห็นสัจธรรมของทุกสรรพสิ่ง

 

ในชีวิตการทำงานใจเราบางครั้งก็ไม่สามารถเลือกเป็นทาษใครได้อย่างใจนึก


ในชีวิตจริง เราเรียกร้องและแสวงหาผู้หญิงสักคนที่จะเข้ามาเติมเต็มความรัก ให้ความรักและอยู่คู่เคียงกันตลอดไป ให้สัญญากับผู้หญิงคนนั้นที่เพิ่งรู้จักแต่กลับบอกว่าเราน่าจะเป็นคู่แท้กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน บอกว่า เราพร้อมจะเป็นทาษเขาคนนั้นไปตลอดชีวิต แต่กลับลืมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเรามากที่สุด หลาย ๆ ครั้งที่เราค้นหาผู้ชายสักคนที่จะมาปกป้องดูแลเรา จนลืมไปว่า มีผู้ชายคนหนึ่งที่ปกป้องเรามาตั้งแต่อยู่ในท้องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ร่วมปกป้องเราด้วยความรักจนทำให้เราได้ลืมตาดูโลก จนเรากลายเป็นเราในทุก ๆ วันนี้


ทาษแท้แห่งชีวิต ใช้คำนี้คงไม่ผิด เพราะถ้าเลือกได้ และที่จริง “ทุก ๆ คนเลือกได้” ว่าเราจะเป็นทาษและรับใช้ใคร ขอรับใช้ผู้หญิงและผู้ชายสองคนนี้ไปตลอดชีวิต

สุดท้ายของชีวิต บั้นปลายของชีวิต “เราเหลือใคร” สุดท้ายแล้วก็มีแต่ครอบครัวที่ไม่ว่าวันใดหรือวันไหนครอบครัวนั้นก็คือครอบครัว “ความจริงแท้ที่มีแต่ครอบครัว” ซึ่งอยู่กับเรามาตั้งแต่เริ่มเริ่มชีวิต ตลอดชีวิต และลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิต ทาษแท้ของชีวิตนั่นก็คือ.......................

ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ

27 ตุลาคม 2549

คำสำคัญ (Tags): #ทาษแท้#ชีวิต
หมายเลขบันทึก: 55896เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2006 02:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดียามเช้าค่ะคุณปภังกร

ขอบคุณค่ะ  แล้วรออ่านบันทึกที่ดีมากอีกนะคะ

  • ตัวเล็ก ๆ นั้น ใช่คุณปภังกรหรือเปล่า
  • หน้าตาน่าเอ็นดูค่ะ
  • รัก ของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บรรยายเท่าไหร่ก็ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ

           พ่อแม่ก็แก่เฒ่า                 จำจากเจ้าอยู่ไม่นาน
จะพบจะพ้องพาน                        เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
            ใจจริงไม่อยากจาก         เพียงยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน                          ย่อมร้าวรานสลายไป
            ขอเถิดถ้าสงสาร             อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย                             คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
            ไม่รักก็ไม่ว่า                    เพียงเมตตาช่วยอาหาร
ให้กินและให้นอน                       คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
            เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง       ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้                      ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
            เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่         แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
หวังเพียงจะได้ยล                       เติบโตจนสง่างาม
            ขอโทษถ้าทำผิด            ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ                          หวังติดตามช่วยอวยชัย
            ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง                มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป                         ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

                                             อ.สุนทรเกตุ ผู้แต่ง....

         จำเขามาฝากไว้ต่อยอดท้ายบันทึกนี้เพื่อแสดงเจตนาร่วมส่งเสริมความกตัญญูต่อบุพการี ผู้มีพระคุณและผู้เป็นที่รักอันแท้จริงของมนุษย์ทุกคน

         ขอบคุณสำหรับบันทึกจากหัวใจค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ปภังกร

  • อ่านแล้วนึกตัวเองนึกถึงงานที่ทำอยู่บางครั้งก็อึดอัดกับคำสั่งนายแหละครับ  เขาถูกเสมอ เราเสนอไปเหมือนกับเราคิดไร้สาระในความคิดเขาครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท