ขอยกประสบการณ์ของตัวเองมาเรียนรู้นะคะ
เย็นวันหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณครูสอนดนตรีไทยได้ให้ของขวัญปีใหม่ลูกสาวมา เป็นพระสำหรับห้อยคอ ซึ่งลูกสาวชื่นชมกับของขวัญชิ้นนี้มาก เพราะรักและเคารพคุณครูท่านนี้มาก
ลูกก็พร่ำพูดแต่ว่า” แม่ ครูปุ๊ให้เหนือมา เหนือจะเอาไว้ไหนดีแม่ “ แม่เอาไปเลี่ยมทองให้หน่อยนะ “
ฝ่ายแม่ก็รีบจะทำกับข้าว ก็บอกลูกว่า” ได้ เดี๋ยวเอาไปทำให้” ลูกก็ส่งถุงพระให้
ลูก “ แม่เก็บดีๆนะแม่ “ .........
“แม่ อย่าทำหายนะแม่” .........
“ เดี๋ยวเหนือเก็บให้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่ทำหาย”
ฝ่ายแม่เริ่มรำคาญ ก็เลยพูดเสียงดัง “ไม่ต้อง แม่เคยทำหายเหรอ”
ลูกเสียงดังตอบ มีน้ำตามาด้วย” ทำไมแม่ต้องพูดเสียงดัง ด้วย เหนือทำอะไรผิดเหรอ”
แม่ รู้อยู่แหละว่าตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี แต่ก็ไม่อยากยอมลูก “ ก็หนูมาบอกแม่ว่า อย่าทำหาย แม่เคยทำหายเหรอ”
ลูก “แม่ก็พูดกับเหนือดี ดีก็ได้นี่” ลูกร้องไห้ดังขึ้น
แม่” ไม่ต้องพูดแล้ว ตกลงจะให้ไปเลี่ยมทองมั๊ย”
“ ถ้าหวงนัก ก็เอาไปเก็บเองเลย” พูดพรางหยิบพระส่งให้ลูก
ลูกรับพระไปแล้วเข้าห้องปิดประตู ร้องให้ ฝ่ายแม่ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ก็เลยหยุดคิด แล้วก็สอนลูกอยู่หน้าห้อง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“แม่รู้ว่าลูกรักของชิ้นนี้ เพราะครูปุ๊ให้ แม่เองก็กังวลเรื่องทำกับข้าวและก็เหนื่อยกับงาน พอแม่ได้ยินลูกกำชับแม่ ไม่ให้ทำหายแม่ก็เลยพูดเสียงดัง”
ลูกโต้ตอบกลับมา “แม่พูดไม่ดี”
แม่” แม่รู้นะว่าลูก ต้องการให้แม่ขอโทษหนูใช่มั๊ย”
ลูกเปิดประตูออกมา กอดแม่ แล้วพูดว่า” แม่ เอาพระไปเลี่ยมทองให้เหนือหน่อยนะ “ พูดด้วยน้ำตา
แม่”จ้า ... ยิ้มซิ ได้พระมาทั้งที เดี๋ยวพระเสียใจแย่ ทำให้เราทะเลาะกัน”
แค่เรื่องเอาพระไปเลี่ยมทอง ถ้าเราสื่อสารกันไม่ดี ก็เป็นเรื่องได้ ฮือ..ฮือ.
เด็กๆส่วนใหญ่จะรักและทะนุถนอมสิ่งของที่ได้รับมอบจากคนที้เขารัก และ/หรือให้ความสำคัญครับ
แต่อย่างไรก็ตามความเข้าใจกันก็มีความสำคัญครับสู้ๆครับ รักของแม่ลูกสำคัญเสมอครับ
ขอบคุณกำลังใจจากคุณลายฟ้าค่ะ
ขอบคุณ คุณเพชรน้ำหนึ่งค่ะ ภาพเด็กๆดูตั้งใจนั่งสมาธิดีนะคะ
โอ๋เอ๋ๆๆๆน้องเหนือ
เข้าใจความรู้สึกของแม่บ๊วยน้า
เยี่ยมเลยค่ะ....แล้วจะนำไปใช้กับลูกบ้างนะคะ