บทกวีเพื่อพัฒนาจิตใจ



รวบรวมวาทะ อ.ดังตฤณ : มองคนอื่น Vs มองตัวเอง

18 มิถุนายน 2012 เวลา 16:41 น.

• หลายคนไม่รู้จักตัวเองทั้งชีวิต

เพราะมัวอุทิศเวลา

ให้กับการทำความรู้จัก ข้อผิดพลาดของคนอื่น

• คนส่วนใหญ่เอาความดื้อรั้นของตัวเองเป็นความถูกต้อง

จึงไม่อาจเห็นว่าทั้งชีวิตทำผิดอะไรไปบ้าง

: ความเจ็บปวดที่สุดของการมีชีวิต

ไม่ใช่การถูกคนอื่นทำร้าย

แต่เป็นการไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไรไปบ้าง

กระทั่งต้องให้ผลออกมาทำร้ายตัวเองเสียก่อน

บางคนย้อนระลึกได้แล้วสำนึกถูก

แต่บางคนก็สำนึกไม่ได้ตลอดชีวิต

นั่นแหละเรื่องน่าเศร้าที่แท้จริงก่อนตายครับ

• ตอนคิดว่าใครดีไม่ดียังไง มีค่ากับใครไม่รู้

แต่ตอนคิดว่าเราดีหรือไม่ดีเพียงใด

จะมีค่ากับเส้นทางกรรมของเราขึ้นมาทันที

: สังคมมนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยการพูดคุยกัน

และกติกาอย่างหนึ่งที่ทำให้คุยกันได้เพลิดเพลิน

คือพูดกันเรื่องดีๆของเรา

หรือไม่ก็เรื่องเสียๆของคนอื่น

วิธีคิดของคนทั่วไป

จึงสร้างขึ้นมาในทิศทางมองออกนอกตัว

เห็นหรือฟังเรื่องเสียๆของใครจะจำไว้

เผื่อได้ใช้ เอาไว้ซุบซิบกัน

ส่วนเรื่องเสียๆ ของตัวเองจะทำเป็นลืม

และจะหน้าตึง ถ้าใครสะกิดเตือนขึ้นมา

เส้นทางกรรมของคนส่วนใหญ่

จึงโน้มเอียงไปทางวจีทุจริต

และหลีกเลี่ยงเส้นทาง

หรืออย่างดีก็อ้อมเส้นทางมโนสุจริต

แบบพุทธที่ท่านสอน

ให้หมั่นพิจารณาตนเอง ละโทษ เพิ่มคุณ เจริญสติจนกว่าใจจะบริสุทธิ์

สรุปคือเส้นทางของสังคมตามธรรมชาติ

คือแรงดึงดูดให้ติดอยู่กับทุกข์

ไม่ใช่แรงผลักดันให้ได้ไปเป็นสุขกัน

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ถ้ามองอะไรด้วยอคติ

คุณแทบไม่มีทางพูดถึงสิ่งนั้นด้วยเหตุผล

• ขยันมองด้านดีของคนอื่น

จะเห็นวิธีเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส

เอาแต่เพ่งโทษชาวบ้าน

จะติดนิสัยเปลี่ยนโอกาสให้เป็นวิกฤต

• เพิ่มค่าให้ตัวเองด้วยการลดค่าของคนอื่น

จะรู้สึกเองว่าเป็นการกระทำของคนไม่มีค่า

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ปัญหาทางการเห็นของคนส่วนใหญ่

ไม่ได้เกิดจากสายตา

แต่มาจากความคิด

• ข้อผิดพลาดใหญ่ๆในชีวิต

มักไหลมาจากการคิดว่า

ตัวเองคือความถูกต้อง

• หลายครั้งการตัดสินใคร

ไม่ได้มาจากความดีเลวของเขา

แต่เกิดจากความสมหวังหรือผิดหวังของเราเอง

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• คนเราไม่พอใจในตนเอง

แต่ไม่อยากเกรี้ยวกราดกับตนเอง..

จึงมักมองหาความน่าพอใจในคนอื่น

แล้วเกรี้ยวกราดเอากับความไม่ได้อย่างใจของคนอื่น...

• อาการชอบจ้องจับผิดคนอื่น

อาจเป็นหนึ่งในวิธีซ่อนความกลัวถูกจับได้ว่า

ตนมีความผิดอะไรบ้าง

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ถ้าเป็นแต่ด่าว่าคนอื่นผิดอย่างไร

แต่อธิบายดีๆไม่ได้ว่า

ที่ถูกต้องเป็นแบบไหน

ให้สันนิษฐานว่า

เพราะอยู่บนเส้นทางที่ผิด

ของคนพาลมาตลอด

• คุณไม่มีทางเห็นตัวเองจากมุมมองของคนอื่น

จนกว่าจะเจอใครสักคนที่คล้ายกัน

และทำให้คุณพอใจหรือไม่พอใจอย่างแรง

• ความผิดพลาดที่สมบูรณ์แบบ

คือการคิดหาแต่คนผิด

ไม่ช่วยกันคิดหาทางถูก

• ความยึดถือด้วยอารมณ์ร้ายๆ คือดื้อด้าน

ความยึดถือด้วยเหตุผลดีๆ คือเด็ดเดี่ยว

กรรมต่างกัน ผลต่างกัน

• คนเอาแต่ใจตัว

มักแก่เร็วและฉลาดช้า

กว่าจะพบว่าชีวิตมีไว้เปลี่ยนผิดเป็นถูก

ปรับมืดเป็นสว่าง

ก็เหลือเวลาแค่นิดเดียวแล้ว

• ไม่มีใครเข้าใจตัวเองดี

เท่าคนที่เห็นจิตของตนแปร

ไปตามเครื่องกระทบ

มืดและสว่างด้วยความคิดดีคิดร้าย

ไม่ได้มีจิตแบบใดแบบหนึ่งเป็นตนจริง

• ไม่มีสักกี่คนที่ชอบขู่ว่า "เธอรู้จักฉันน้อยไป"

แล้วจะรู้จักชะตากรรมตัวเองมากพอ

• เกือบร้อยทั้งร้อยที่ประกาศตัวว่า "เป็นคนชอบพูดตรงๆ"

จะตรงก็เฉพาะเรื่องเสียหายของคนอื่น

ถึงตาตัวเองยังอ้อมแอ้มอ้อมค้อมอยู่

• ข้อเสียของตนเอง

คือสิ่งที่ทุกคนมีสิทธิ์เห็นก่อนคนอื่น

แต่ทำใจยอมรับได้เป็นคนสุดท้าย

• เตือนตัวเองได้ยามหลงผิด

จะรู้สึกว่ามีความคิดเป็นเพื่อนแท้

ห้ามตัวเองได้ก่อนทำผิด

จะรู้สึกว่ามีความคิดเป็นนายใหญ่

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• คนดีตัดสินคุณจากผลงาน

คนพาลตัดสินคุณจากเสียงลือ

• อย่าโมโหคนอื่นที่นินทาคุณ

ถ้าไม่รู้สึกว่าคุณนินทาคนอื่นเป็นเรื่องน่าโมโห

• ไม่มีใครรอดพ้นจากเสียงนินทาอันน่าเจ็บใจ

และไม่มีใครไม่เคยทำเช่นนั้นกับคนอื่นมาก่อน

• อย่าด่าคนอื่นเต็มปากเต็มคำนัก

เผื่อๆไว้ถึงตาตัวเองบ้าง

แล้วอย่าชมคนอื่นแบบน้ำผึ้งผสมยาพิษ

จะได้ไม่มีใครคิดทำร้ายเรา

ผ่านคำชมในภายหลัง

• อย่าไปมองว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

ให้มองว่าเราติเพื่อก่อหรือด่าเอามัน

เพราะนั่นแหละคือกรรมของเรา ที่เราต้องรับผล

• เขาทำตัวอย่างไรถือเป็นเรื่องธรรมดาของเขา

แต่ที่เราทำให้เขาดีขึ้น

หรือเลวหนักกว่าเดิม

ถือเป็นกรรมที่ไม่ธรรมดาของเรา

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ถ้าอยากได้มิตร

ต้องคิดหาคําพูดกันมากหน่อย

แต่ถ้าอยากมีศัตรูก็ง่ายนิดเดียว

แค่พูดทุกคําที่คิดก็พอ

• การพูดถึงสิ่งที่รู้

เป็นศาสตร์ที่ต้องฝึกฝน

การไม่พูดทุกสิ่งที่รู้

เป็นศิลป์ที่ต้องฝึกตน

• ห้ามคำพูดของตัวเอง

ก่อนหลุดปากนั้นง่ายยิ่ง

แต่ถอนความเจ็บใจ

ของคนอื่นหลังฟังคำบาดหูของเรานั้นแสนยาก

• คิดดีก่อนจะเลือกคำพูดให้ดี

พูดดีแล้วทำตรงกับที่พูดเอาไว้

• ถ้าไม่เลือกคำพูดให้ดีหน่อย

พอเวลาผ่านไป

เขาจะจำได้แต่ว่าคุณด่าเขา

แต่จำไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง

• คนที่พูดได้อัปลักษณ์กว่าใบหน้า

นานไปจะทำให้คุณ

นึกถึงใบหน้าอัปลักษณ์กว่าตัวจริง

ส่วนคนที่พูดได้สง่างาม

นานไปจะทำให้คุณนึกถึงใบหน้าที่สง่างามเกินใค

• เถียงกันแล้วอีกฝ่ายจำนนด้วยความเจ็บใจ

แปลว่าคุณชนะครึ่งหนึ่ง

ถกกันแล้วอีกฝ่ายเต็มใจยอมรับอย่างมีความสุข

แปลว่าคุณชนะจริงเต็มๆ

• ถ้าไม่แตกคอกันในเรื่องดี

ก็จะไม่มีเรื่องร้ายใด

ทำให้แตกคอกันได้เลย

• ใจตรงกัน เริ่มคุยก็เหมือนเข้าใจหมด

ใจต่างกัน พูดหมดก็เหมือนยังไม่เริ่มคุย

• ถ้าไม่เคยพูดอะไร ให้คนที่คุณรักเสียใจ

แปลว่าคุณไม่เคยพูดกับเขา หรือเธอเลยสักวัน

แต่ถ้าพูดอะไร ให้คนที่คุณรักเสียใจได้ทุกวัน

แปลว่าคุณไม่เคยรับฟัง คำพูดของเขาหรือเธอเลยสักคำ

• บางครั้งพูดให้ดีที่สุด ก็ฉลาดสู้นิ่งเงียบไม่ได้

• บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ

อาจยากกว่า พูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก

โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้น

ดันไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง

• อย่าเกลียดใคร

เพราะคำอธิบายจากปากของเขา

จะเบากว่าคำด่าในหัวของเรา

• คนน่ารังเกียจอาจอยู่ข้างบ้าน

ในที่ทำงาน หรือแหล่งท่องเที่ยว

ถ้าคุณหาทางเป็นอิสระจากความเกลียดไม่ได้

โลกทั้งใบก็ไม่ต่างจากคุก

• คนเลวที่สุดในโลก

ไม่ใช่คนที่คุณพบว่าเขาทำเรื่องเลวกว่าใคร

แต่เป็นคนที่คุณพบว่าเขา

ทำให้ใจคุณมืดดำด้วยความเกลียดมากกว่าคนอื่น

• ความเกลียดเป็นทุกข์

ยิ่งเกลียดคนอื่นมากขึ้นเท่าไร

ใจคุณยิ่งเกลียดสภาพของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

• ที่สุดของการล้างแค้น

คือการรบกับความมืดในใจต่อ

ทั้งก่อนและหลังการแก้แค้น

สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจเรามากที่สุดคือความเกลียด

ความมืดดำ อันเกิดจากความเกลียด

จะทำให้คุณพร้อมสร้างศัตรูใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลา

ถ้าไม่ใช่คน ก็เป็นอารมณ์ร้ายของตัวเอง

อารมณ์ร้ายจะตามรบกวนคุณไม่ให้เป็นสุข

สู้ยาก ไล่ยาก

วิธีแก้แค้นที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่ทำให้ใครตาย

แต่เป็นการทำให้ความเกลียดจางหายไปจากใจเราเอง

• เป็นไปไม่ได้

ที่จะอภัยศัตรูขณะถือความเกลียดเป็นมิตร

แต่เป็นไปได้ที่จะอภัยมิตร

ขณะถือความเกลียดเป็นศัตรู

• ความเกลียด

เป็นเหมือนจุดด่างพร้อยในชีวิต

ลบไม่ได้

ก็คล้ายชีวิตสะอาดขึ้นไม่ได้

• อยู่ร่วมกัน...

ต้องสร้างความรู้สึก

อันเป็นบุญกุศล

ไปในทางเดียวกันให้ได้ก่อน

ไม่งั้นช่องว่างระหว่างคน

จะเป็นอุปสรรคให้เจรจาไม่รู้เรื่อง

• ในการอยู่ร่วมกันกับใครสักคน

ไม่ต้องทำดีก็อาจเผอิญได้อย่างใจคุณ

แต่คุณจำเป็นต้องมีดี

ถึงจะเห็นใจเขาได้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• อย่าคาดหวัง

จะให้ใครต่อใครเข้าใจคุณ

เพราะเกือบทุกคน

ก็กำลังสับสนอยู่กับการทำความเข้าใจตนเองเช่นกัน

• กว่าจะเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ

คุณจำเป็นต้องเข้าใจตัวเองให้ขาด

และเห็นใจคนอื่นมากๆได้เสียก่อน

และพอเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจนะครับ

กระแสความเข้าใจคนอื่น

จะเริ่มก่อตัวขึ้นในเราเอง

ตลอดจนดึงดูดเขา

มาสนใจเราด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นไปแทน

นี่คือธรรมชาติของจิต

ที่แผ่ออกไปด้วยกระแสเมตตาโดยแท้

• ถ้าเห็นใครชมชอบ

การร่วมด่าเรี่ยราดในโลกออนไลน์

ก็ทำนายได้ว่า

ในโลกความจริงเขาฟุ้งซ่านจัด

ติดใจเอาความผิดของคนอื่น

มาทำความเสื่อมให้ตัวเอง

และไม่เหลือเวลาพอจะทำอะไรให้ตัวเองดีขึ้น

• จับตามองคนอื่น

คุณอาจเห็นแต่สิ่งลวงตา

หันมาดูใจตัวเองเถอะจะมีแต่ของจริงให้คุณดู

• ศัตรูของคุณ

ไม่ใช่คนอื่นที่คิดร้ายกับคุณ

แต่เป็นความคิดร้ายของคุณ

ที่มีต่อคนอื่นต่างหาก

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• โลกไม่ตามใจเรา

แม้เราอยากเห็นแต่คนดี

ทว่าโลกมีแต่คนเลวให้ดู

เราก็ต้องดู

และรู้ว่าเราเป็นหนึ่งในนั้นไหม

• โลกไม่ตามใจเรา

แม้เราอยากพบแต่คนมีเหตุผล

ทว่าโลกมีแต่คนเอาใจตนเป็นใหญ่

เราก็ต้องทน

และไม่หลงเอาแต่ใจตนตามเขา

• โลกไม่ตามใจเรา

เราก็ไม่จำเป็นต้องตามใจโลก

ถ้าโลกร้ายเกินกว่าจะเอาตาม

ก็ต้องถามหาสิ่งที่ดีขึ้น

และถ้าอยากเห็นโลกดีขึ้น

ต้องไม่ใช่ด้วยการเฝ้าเรียกร้อง

แต่ต้องด้วยการลงมือทำเอง

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโลก

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• คนดีทำไมหายากนัก ?

เพราะคนส่วนใหญ่พยายามหา

แต่ไม่ได้พยายามเป็น

- ดังตฤณ -


....รักษากาฬ...
จะไว้ใจอย่างไรให้พิกล
ไว้ใจคนที่ไว้ใจไม่ได้
รักษาความเป็นกลางได้อย่างไร
ในเมื่อตัวอยู่ในฝ่ายขัดแย้ง

ตระบัดสัตย์บัดสีไม่มีสิ้น
ทั้งร่วมกินร่วมโกงกันโจ่งแจ้ง
จนร้าวฉานบ้านเมืองร้อนเรืองแรง
ยังตะแบงตะบันมารักษากาฬ...

อำนาจรัฐมัดมือราษฏร
เอาขุนฆ้อนขี้ข้ามาเป็นฐาน
เข้าผูกขาดรัฐสภาวิชามาร
อัธพาลหอนเห่าเจ้าประจำ

อหังกาฬบ้าอำนาจอุจาดสุด
จนสดุดอำนาจกระจาดคว่ำ
ยังจะใช้เลือกตั้งเป็นทางนำ
เป็นเครื่องชำระตัวที่ชั่วช้า

จงเลือกเอาจะลาออกหรือไล่ออก
อย่ากลับกลอกโยนกลองตีสองหน้า
อย่าเอาหน้าด้านดื้อยื้อเวลา
อย่าเอาหน้าด้านมารักษากาฬ.....

หนึ่ง.จะต้องปฏิรูประบบสภา
ขจัดพวกเห็ดราโหงห่าเหว
ขจัดพรรคปลักปลิงเหล่าลิงเลว
เลือกตั้งอุ้มติดเอวต้องออกไป....

สอง.จะต้องปฏิรูประบบสื่อ
พวกถูกเซ้งถูกซื้อดื้อตาใส
สื่อปิดหูปิดตาประชาไทย
สื่อมายาสาไถใส่ยาพิษ....

สาม.ระบบตาชั่งตั้งตาชน
ตั้งอยู่บนเปลือกกล้วยกระบวยบิด
ตั้งต้นน้ำกลางน้ำคำรณฤทธิ์
วิปริตวิกฤตยุติธรรมา...

สี่.สำคัญสมควรต้องทวนทบ
ปฏิรูประบบการศึกษา
ให้รัฐเรียนเขียนอ่านรัฐปัญญา
ไม่เป็นเต่าปูปลาบ้ากระดอง...

ห้า.จะต้องปฏิรูปประเทศไทย
ยกเครื่องใหม่ขับใหม่ใส่เกียรคล่อง
อย่าให้พวกเปรตปลิงลิงลำพอง
ได้อำนาจปกครองอีกต่อไป.....
....นวรัฐ พงษ์ไพบูลย์......
22 ธันวาคม 2556 18.40 น.
โสตถิทัศน์ฯ ถอดเทปเสียง

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
แต่งเมื่อ 22 ธันวาคม 2556

ยิ่งยืดเยื้อ ยิ่งย่อยยับ ยิ่งอัปลักษณ์
ยิ่งจัดหนัก ยิ่งล่มจม ยิ่งล้มเหลว
เพราะทุกสิ่ง ที่กระทำ คือความเลว
คือทางเดิน ลงเหว แห่งหายนะ

ลุยเลือด ลุยเพลิง เถลิงอำนาจ
ผูกขาด พาดพัน สันหลังหวะ
ฉ้อราษฎร์ บังหลวง เป็นวาระ
เอากักขละ ขึ้นวอ เป็นบริวาร

เอาหุ่นยนต์ ตุ๊กตา เป็นนายก
เอาคางคก กิ้งก่า หน้าดิบด้าน
สำแดงโหด โฉดช้า วิชามาร
อ้างหลักการ หลักกวน ล้วนหลักกู

กติกา กติโกง โล่งล่อนจ้อน
สีข้างร้อน ก็เพราะเอา สีข้างถู
ไม่เห็นหนวด เผด็จการ ที่ชันชู
กระจุกจู๋ อยู่ใต้ จมูกตน

ยิ่งยืดเยื้อ ยิ่งย่อยยับ ยิ่งอัปลักษณ์
ยิ่งประจักษ์ ยิ่งประจาน การปลิ้นปล้น
คนไทย ที่เป็นไท จักไม่ทน
ประชาชน จะชิงชัย ชิงไทยคืน!

......................
ยกพวกมากลากตั้งขึ้นบังอาจ
เป็นกังฉินกินชาติสุดบัดสี
เอาเลือกตั้งขึ้นตั้งเป็นตราตี
ให้ปู้ยี่ปู้ยำได้ตามใจ

ประโยชน์ชาติชั่วชาติเข้าฉ้อฉล
ยกเอาประโยชน์ตนขึ้นเป็นใหญ่
สร้างโครงกินโครงการบานตะไท
ใช้พวกมากลากไปไม่ฟังกัน

สารพัดสารพิษผิดกฎหมาย
เอาอำนาจเป็นนายขึ้นเหนือนั่น
ทำฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างขึ้นกลางวั
พอจับได้ไล่ทันตะบันตะแบง

กลับมาใช้วิชามารการเลือกตั้ง
จะกี่ครั้งก็ยังโกงกันโจ่งแจ้ง
อัฐยายซื้อขนมยายไม่เปลี่ยนแปลง
ใช้ให้ผีโม่แป้งไม่ต้องเปลือง

อำนาจซื้ออำนาจอุบาทว์ชั่ว
ยกคอกวัวเข้าสภาวางท่าเขื่อง
ถือเอาการเลือกตั้งขึ้นนั่งเมือ
มาเป็นเครื่องฟอกตัวชั่วระยำ

เป็นการเมืองน้ำเน่าเขาวงกต
นักกินเมืองกำหนดกันอิ่มหนำ
จงผองเราเหล่าประชาร่วมกล้านำ
ร่วมดาหน้าเข้ากระหน่ำร่วมคว่ำมัน...

...................................

"นิทานเรื่องแม่ปู นิทานเรื่องแม่ปูจำได้ใช่ไหมครับ

นิทานเรื่องแม่ปู สอนลูกปูให้เดินตรง
ชูก้ามดั่งนำธง แต่เดินคดทุกครั้งไป

จับปูใส่กระด้ง ก็ออกนอกกระด้งใส่...
ต่างปูก็ต่างไต่ ไปลงตมประสาปู

ข่ายอวนอันเขาขึง ก็คือข่ายแห่งตราชู ข่ายแห่งตราชู
มีตาไม่ตาดู มาติดอวนด้วยตนเอง

ติดอวนด้วยตนเองนะครับ

มีใครมามัดขา มีใครมามัดขา ก็ขาตัวแหละโตงเตง
ไต่อวนกันอลเวง ก็ติดอวนกันอลวน

ทำผิดว่าไม่ผิด ครั้นติดกับว่าติดกล
ทั้งด้านทั้งทานทน ไอ้พวกปูกระดองแดง

แม่ปูและลูกปู ทั้งเต่าปลาไม่แปลกแปลง
พวกเราต้องออกแรง โละปูเน่าเต่าพันปี !

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

๏ นี่เป็นการสู้กับอำนาจรัฐ

อำนาจซึ่งสารพัดมีพร้อมพรั่ง
ทั้งอาวุธกองทัพสรรพกำลัง
มีกระทั่งกฎหมายไว้ตีความ

๏ ทำไมต้องสู้กับอำนาจรัฐ
สารพัดที่คนตั้งคำถาม
คำตอบคือเพราะรัฐพึงประณาม
ไม่ทำตามกติกาที่ตั้งไว้
...
๏ หนึ่งใช้การเลือกตั้งมาบังหน้า
เพื่อเข้ามากุมอำนาจด้วยบาตรใหญ
ทำหน้าที่ตัวแทนทุกทีไป
จะแก้ไขฟอกผิด ให้พวกตัว

๏ สองอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน
วางแผนซ้อนซ่อนแผนอุบาทว์ชั่ว
ผลประโยชน์เบื้องหลังอย่างน่ากลัว
ยังพันพัวรุกฆาตอาจไพล่พลิก

๏ สามเป็นรัฐฆาตกรไม่ซ่อนเขี้ยว
แสยะเคี้ยวกระหยิ่มพลางหางกระดิ
ล้วนหน้าเนื้อใจเสือระเรื่อระริ
พร้อมจะจิกพร้อมจะจ้วงทุกช่วงตอ

๏ นี่เป็นการปฏิเสธอำนาจรัฐ
ต้องขัดขืนยืนหยัดไม่ย่อหย่อน
”รัฐหุ่นเชิดชายชาติฆาตกร”
ต้องถั่งโถมโรมรอนให้สุดแรง !.

..........................................
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
22 ธค 2556

........................................

..ที่เราออกมาชุมนุม นี้ เรียกว่า
.พฤติกรรมการเมือง.. ในหมวดของการชุมนุมประท้วง ....
มีกรอบมีขอบเขต มีรูปร่าง มีการปรับตัว มีวิวัฒนาการ....
พ่อครูสันติอโศกขอชื่นชม ทุกคนที่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า...
คุณสมบัติของสังคม กระแสสังคม พฤติกรรมของสังคมเราดีขึ้น เจริญขึ้น...
พฤติกรรมของแต่ละคนช่วยกันทำคนนึงวันนึง...
สลับเปลี่ยนกันไปตลอด 24 ชั่วโมง....
บางคนมาช่วงนั้นช่วงนี้ บางคนต้องกลับบ้าน...
ก็แบกเรื่อ...งนี้ไปทำการบ้านที่บ้านอีก ....
คิดว่าจะชุมนุมยังไงจะทำอะไรได้แค่ไหน ...
ขอขอบคุณทุกคนที่อดทนเสียสละ....
ตอนแรกๆอาจจะหนักจะฝืน ......
ตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสอะไร....
คนที่ทำจะเกิดภูมิปัญญา เห็นชัดเจนว่าเป็นประโยชน์ ....
มีนัยะสำคัญว่าน่าจะทำ เกิดความเฉลียวฉลาดของจิตวิญญาณ .....
ว่าทำถูก จะรู้สึกว่าทำง่ายขึ้น สบายขึ้น .....
นี่เรียกว่าเรามีพัฒนาการทางจิตวิญญาณ ......
การรู้ถูกผิดอย่างไรรู้เหตุทำให้เกิดปัญญาได้...
การมาอยู่ร่วมกัน โดยไม่ถือเนื้อถือตัว...
เราได้ลดอัตตาตัวเอง ได้อย่างแท้จริง....
การมาที่นี่มารวมกัน มาเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกัน....
สิ่งเหล่านี้จะรู้ได้ด้วยปฏิภาณปัญญา ไม่ยึดติดกับฐานะที่ตนมี.....
ช่วยเหลือกันไม่แบ่งฐานะ... การลดอัตตามันมีคุณค่า...ได้ทำจริง...
เป็นการลดกิเลส อัตตา มานะ ของเราในทุกระดับชนชั้น...จริงๆ..
วิบากกรรมที่ดีนี้ทำได้รับความชื่นชมว่าเป็นคนมีน้ำใจ.....
เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว......
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์

..................................................................................

* จงเป็นอำนาจตน
ประชาชนแหละต้นตอ
ใช่ไพร่คอยสอพลอ
เอาอำนาจไปบำบวง
* ประโยชน์ของประชา
ต้องเป็นใหญ่กว่าใดปวง...
ตื่น ตื่น...เถิดตื่นทวง
ประชาธิปไตยคืน.....


เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

....และแล้ว..ความเคลื่อนไหว..ก็ปรากฎ .....

เป็นความงด..ความงาม..ใช่ความชั่ว.....

อันอาจขุ่น..อาจข้น..หม่นมัว ....

แต่ก็เริ่ม..จะเป็นตัว..เป็นตน...

พอเสียงร่ำ..รัวกลอง..ประกาศกล้า.....

ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน....

พอปืนเปรี้ยง..แปลบไป..ในบัดดล ......

ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย....

....................................................

เพลง “เดิน เดิน เดิน” โดย ซูซู

(1) เดิน เดิน เดิน ถนนราชดำเนิน
เดิน เดิน เดิน ถนนประวัติศาสตร์...
ก้าวที่เดินคือก้าวสร้างชาติ
ขับทรราชทักษิณออกไป

(2) เดิน เดิน เดิน ถนนวีรชน
เดิน เดิน เดิน ถนนของคนกล้า
จิตวิญญาณเลือดเนื้อแลกมา
มวลประชาสร้างประชาธิปไตย

* กองทัพธรรมธงเหลืองนำหน้า
มีธรรมะสันติในใจตั้ง
เดินขบวนสำแดงกำลัง
ทุกก้าวย่างเดินทางนำไทย

เดิน เดิน เดิน ขับไล่โจนปล้นชาติ
ทรราชทักษิณคนหลอกลวง
ชูกำปั้นตะโกนก้องสนามหลวง
คนหลอกลวงทักษิณต้องออกไป

เดิน เดิน เดิน เปิดฟ้าประชาชน
เดินไปบนถนนควานลองไทย
ทรราชทักษิณต้องออกไป
ไม่ออกไปไม่เลิกเดินขบวน
ถ้าไม่ออกไปไม่เลิกเดินขบวน

Solo

ซ้ำ (1) (2)

** ปวงประชาต้องการประชาธิปไตย
ชนชาวไทยต้องการมีเสรี
งานการเมืองต้องการคนดีๆ
การเมืองมีอนาคตสดใส

เดิน เดิน เดิน ถนนราชดำเนิน
เดิน เดิน เดิน ถนนประวัติศาสตร์
ก้าวที่เดินคือก้าวสร้างชาติ
ขับทรราชทักษิณออกไป
ขับทรราชทักษิณออกไป

ไม่ออกไป จะไม่เลิกเดินขบวน
ไม่ออกไป จะไม่เลิกเดินขบวน...

............................................

การเลือกตั้งเปนแค่ หนึ่งในวิธีการคัดเลือก

ให้ได้คนเก่งและดี มาบริหารประเทศ

แต่ที่ผ่านมาสิบปี ผลลัพธ์มันไม่ได้คนดี

เพราะคนโกงไปสัญญากับชาวบ้านที่ไม่รุ้เท่าทัน

สัญญาว่าจะได้เงินถ้าเลือกเขา

คนโกงจึงได้เข้าไปเปนรัฐบาล

และอ้างการได้รับเลือกตั้งเข้ามาโดยถูกต้อง

เพื่อทำผิดฉ้อฉลบ่อยครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดแล้วว่า

รัฐบาลบริหารกิจการบ้านเมืองโดยขาดหลักนิติธรรม

ประชาชนทนเหนชาติล่มจมไม่ได้อีกต่อไป

ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นมาต่อต้านกลโกงการเลือกตั้ง

แสวงหาปฏิรุปหาวิธีการอื่นให้คนเก่งและดีขึ้นปกครองบ้านเมือง

แทนการเลือกตั้งตามมาตรา7

เพื่อใช้เปนแบบแผนของประเทศไทยต่อไป

ถ้าปฏิรูปได้วิธีการใหม่ที่ เวิร์ค สามารถสเตอร์ไล

สกรีน ให้ได้คนเก่งและดี เข้ามาทำหน้าที่ได้จริง

มาตรา7บอกให้ใช้ วิธีการแบบใหม่นี้

ปฏิบัติเป็นแบบแผนประเพณีใช้สืบต่อไปได้...

โสตถิทัศน์...ธค2556

............................

การนำประโยคๆเดียวที่ประกอบอยู่กับบริบทหนึ่งๆ

มาตีความหมายกับอีกบริบทหนึ่ง ทำให้ความหมายผิดเจตนา

ออกไป แตกแยกเป็นอีกความหมายออกไป

นั้นเป็นการบิดเบือน ผิดความหมายของประโยคเดิมๆ

ซึ่งผู้จิตใจแคบชอบทำไม่มองดูมิติต่างๆ และไม่ยอมรับความจริง

ว่ามันมีจริงๆ เหมือนจะเข้าใจ เหมือนหวังดีประสงค์ร้าย

ถ้าตั้งใจบิดเบือนคือการเล่นคำโกหกยุยง ถ้าไม่ตั้งใจแสดงว่ารู้มาโดยไม่แจ้ง

ไม่รู้อย่างถ่องแท้หรือปฏิเวธ จะทำสิ่งใดๆย่อมไม่มีผู้เคารพนับถือ

เพราะเจตนาไม่ดีและวิสัยทัศน์แคบตามลำดับ

.....................................................................................

หมายเลขบันทึก: 557106เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2013 02:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม 2015 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

....กาลามสูตรย้ำ ไป่.............หูเบา

อคติ โหด โฉด เขลา.............เลือกข้าง

ธรรมปฏิบัติขัดเกลา...............มีสติ

อภัย ยุติธรรมนำอ้าง..............อาจท้าโลกสวรรค์

อาจ ว. กล้า ในคำว่า อาจหาญ; สามารถ; เป็นคําช่วยกริยาบอกความคาดคะเน
หรือใช้แสดงว่าสิ่งหนึ่งใช้แทนอีกสิ่งหนึ่งได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท